Semua Bab โคตรคนยอดปรมาจารย์: Bab 1331 - Bab 1340

1356 Bab

บทที่ 1331

เย่ซิวเข้าใจดีว่าสิ่งที่เธอเตรียมมาทั้งหมดนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้เขาทนได้นานขึ้นอีกสักหน่อย แต่เขาเองก็มั่นใจในตัวเองไม่น้อยตามที่เฉินอิ๋งอิ๋งสั่งไว้ เย่ซิวนอนลงบนเตียงที่สร้างจากศิลาสุริยัน ทันใดนั้นก็มีพลังความร้อนไหลซึมเข้าสู่ร่างกายหากได้อยู่บนเตียงเช่นนี้นานพอ ก็จะเป็นผลดีต่อการเพิ่มพูนพลังของตนเองเช่นกันจากนั้นก็เห็นเฉินอิ๋งอิ๋งประสานมือร่ายอาคม และใช้วิชาสุดแกร่งที่เธอฝึกฝนมานานหลายปี หมอกสีชมพูจำนวนมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากรูขุมขนของเธอ ก่อนจะรวมตัวกลายเป็นอักขระโบราณจำนวนนับไม่ถ้วน ห่อหุ้มร่างของเธอเอาไว้แล้วก็…เพียงแค่เริ่มต้น เย่ซิวก็รู้สึกตกตะลึงไม่น้อยวิชาที่เฉินอิ๋งอิ๋งฝึกนั้นช่างทรงพลังเกินคาด ราวกับจะสูบพลังของเขาไปจนหมดสิ้นเพียงชั่วพริบตาเขาไม่อาจชะล่าใจแม้แต่น้อย จึงรีบเร่งหมุนเวียนวิชาโลกีย์หลอมเซียนขึ้นมาต้านทานทันที กลายเป็นแรงต่อต้านที่สมน้ำสมเนื้อกับอีกฝ่ายเฉินอิ๋งอิ๋งเองก็ตกใจไม่น้อย สีหน้าสงบนิ่งในตอนแรกหายวับไปในพริบตา “วิชาอะไรของนาย? ทำไมถึง…” เธอไม่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยวิชาที่เธอฝึกนั้นเป็นเคล็ดวิชาที่ได้มาจากถ้ำของยอดฝีมือคนหน
Baca selengkapnya

บทที่ 1332

เมื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สามสำเร็จ วิชาโลกีย์หลอมเซียนก็ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นสมดุลระหว่างเขากับเฉินอิ๋งอิ๋งก็พังทลายลงในพริบตา“อ๊า…”เธอร้องเสียงเล็ก ๆ ออกมาอย่างตกใจ รู้สึกได้ว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อีกแล้วความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจอย่างมิอาจควบคุมหรือว่าเย่ซิวกำลังใช้วิชาที่ทรงพลังยิ่งกว่าเธอ และจะดูดกลืนพลังบำเพ็ญที่เธอฝึกฝนมานานหลายปีไปทั้งหมด?!แต่ทิศทางของเหตุการณ์กลับไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคิดไว้เย่ซิวไม่ได้ดูดกลืนพลังบำเพ็ญหรือพลังชีวิตของเธอ แต่กลับก่อให้เกิดกระแสพลังหมุนเวียนที่แข็งแกร่งมหาศาลขึ้นกระแสพลังนี้โคจรผ่านร่างของทั้งสองคน และทุกครั้งที่โคจรผ่าน พลังของทั้งคู่ก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เฉินอิ๋งอิ๋งเบิกตากว้างด้วยความมึนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ไม่นาน เธอก็ไม่สามารถคิดเรื่องพวกนี้ได้อีกแล้วตอนนี้จิตใจเธอจดจ่ออยู่กับการซึมซับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างพุ่งพรวดของตนเองเธอไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเย่ซิวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่วิชาโลกีย์หลอมเซียนเข้าสู่ระดับใหม่ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพหรือระดับพลัง ก็ล้วนยกระดับขึ้นทั้งหมดพ
Baca selengkapnya

บทที่ 1333

เฉินอิ๋งอิ๋งเช็ดริมฝีปากเบา ๆ “ถือว่านี่คือคำขอบคุณของฉันก็แล้วกัน ถ้าไม่มีนาย พลังของฉันก็คงไม่มีทางเพิ่มขึ้นได้ขนาดนี้ในเวลาอันสั้นหรอก”ตอนนี้ต่อให้เธอจะกลับไปยังสำนักสหัสราคะโดยไม่ต้องพึ่งแม่ของตัวเอง ก็ยังสามารถเป็นผู้อาวุโสได้ด้วยตัวเองแถมยังไม่ใช่ผู้อาวุโสลำดับล่างอีกด้วยเย่ซิวเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าเฉินอิ๋งอิ๋งจะทำเรื่องแบบนั้นผ่านไปสักพัก เขาจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ ระหว่างเราก็ถือว่าเคลียร์กันแล้วใช่ไหม งั้นฉันไปได้หรือยัง”เฉินอิ๋งอิ๋งยกยิ้มมุมปาก “ขอโทษด้วยนะ นายยังไปไม่ได้ จากนี้ไปนายต้องอยู่ข้างกายฉันตลอดเวลาเพื่อช่วยฉันฝึกฝน”เย่ซิวขมวดคิ้ว “เธอนี่มันคนอกตัญญูชัด ๆ”“ไม่หรอก เมื่อกี้ฉันก็ตอบแทนนายไปแล้วไม่ใช่เหรอ”เย่ซิว “...”โถ่ นี่สินะ จุดที่รออยู่จริง ๆเย่ซิวถึงกับพูดไม่ออกเขาลูบตรงจุดที่เธอตบไปก่อนหน้านี้ จนถึงตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บอยู่เลยพลังของผู้หญิงคนนี้ยังเหนือกว่าเขาอยู่ขั้นหนึ่ง ในตอนนี้จะต่อต้านก็ทำไม่ได้แต่ถ้าเย่ซิวทะลวงเข้าสู่ระดับปฐมญาณได้เมื่อไหร่ เขาก็จะสามารถสลัดการควบคุมของเธอได้เช่นกันในเมื่อไม่สามารถต่อต้านได้ในระยะนี้ เย่ซิวก็เล
Baca selengkapnya

บทที่ 1334

เย่ซิวมองผู้หญิงที่ไม่เคยลงรอยกับเขาคนนี้ “ฉันบอกอาจารย์ของเธอไปแล้วนะ จากนี้ไปเธอมีหน้าที่คอยดูแลปรนนิบัติฉันโดยเฉพาะ”“เพ้อเจ้อ ท่านอาจารย์ไม่มีทางยอมในเรื่องแบบนี้แน่นอน” หลินปิงถึงกับสบถด้วยความโกรธ “หลีกไป ฉันจะไปหาท่านอาจารย์เอง”เย่ซิวหยิบตราที่เฉินอิ๋งอิ๋งให้เขาออกมา แล้วโบกให้เธอดูตรงหน้า “นี่เป็นของที่อาจารย์เธอให้ฉันมา เธอน่าจะรู้นะว่ามันหมายถึงอะไร”เมื่อเห็นตรา ร่างของหลินปิงถึงกับสั่นสะท้านจากนั้นก็ร้องกรี๊ดออกมาเสียงแหลม “ไม่มีทาง ไม่มีทางเด็ดขาด ท่านอาจารย์จะยกฉันให้คนเลวแบบนายได้ยังไง”เธอไม่อาจยอมรับความจริงได้เลย“ถอยไป ฉันจะไปถามท่านอาจารย์ให้รู้เรื่อง”อารมณ์ของหลินปิงปะทุขึ้นจนถึงขีดสุด แถมร่างกายยังแผ่จิตสังหารออกมาอย่างชัดเจนแต่ก่อนที่เธอจะได้ลงมือ เสียงของเฉินอิ๋งอิ๋งก็ดังขึ้นข้างหูของเธอ“เขาพูดถูกแล้ว จากนี้ไปเธอต้องคอยปรนนิบัติเขา”สีหน้าของหลินปิงซีดเผือดในทันที ดวงตาเริ่มเอ่อคลอด้วยน้ำตา “ท่านอาจารย์ ทำไมกัน? ทำไมกันล่ะคะ?! ฉันไม่ใช่ลูกศิษย์ที่อาจารย์รักที่สุดเหรอ ทำไมถึงผลักฉันลงไปในนรกแบบนี้”เรื่องนี้สร้างความกระทบกระเทือนให้กับเธออย่างรุ
Baca selengkapnya

บทที่ 1335

เขาเห็นหลินปิงถือกับแกล้มอยู่ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งก็ถือขวดเหล้าหลายขวดด้านหลังของเธอมีหญิงงามหกคนยืนเรียงกัน แต่ละคนล้วนมีเสน่ห์ในแบบของตน ไม่ว่าจะเป็นแนวใสซื่อหรือเย้ายวนเย่ซิวเข้าใจทันทีว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่แต่เธอไม่มีทางทำสำเร็จหรอกขนาดเฉินอิ๋งอิ๋งยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย แล้วพวกเธอจะทำอะไรเขาได้?หลินปิงวางของไว้ตรงหน้าเย่ซิว จากนั้นพูดขึ้นว่า “พี่สาวหกคนนี้ได้ยินว่าคุณรอดกลับมาจากท่านอาจารย์ เลยเลื่อมใสคุณชายเย่ซิวมาก เลยอยากมาขอเรียนรู้สักหน่อย คุณชายเย่ซิวคงไม่หวั่นหรอกใช่ไหม”ผู้หญิงทั้งหกมีพลังในระดับถอดจิตแต่ละคนล้วนมีเสน่ห์ประจำตัวที่เย้ายวนโดยธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นคนไหน หากออกไปปรากฏตัวภายนอก ก็คงทำให้ผู้ชายมากมายคลั่งไคล้ได้สิ่งที่หลินปิงทำในครั้งนี้ เธอได้ขออนุญาตจากเฉินอิ๋งอิ๋งเรียบร้อยแล้วถึงได้กล้าพามาเย่ซิวมองเธอพลางยิ้ม “ฉันไม่หวั่นหรอก งั้นเธอก็มาร่วมด้วยสิ”หลินปิงถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที ในดวงตาฉายแววระแวดระวัง “ขอโทษด้วยค่ะ พวกคุณเล่นกันไปเลย ฉันมีธุระ ขอตัวก่อนค่ะ”พูดจบก็รีบหนีออกไปทันทียังไม่วายปิดประตูห้องให้ด้วยแต่เ
Baca selengkapnya

บทที่ 1336

ยังไม่ทันที่หลินปิงจะเข้าใจอะไร ในห้องก็พลันปรากฏแรงดึงดูดอันรุนแรง ดูดร่างของเธอเข้าไปทันทีปัง!ประตูปิดลงโดยอัตโนมัติไม่นาน เสียงของหลินปิงก็ดังออกมาจากในห้อง เป็นเสียงผสมระหว่างความโกรธกับการร้องขอความเมตตา ดังอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน…เย่ซิวจัดการผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้อย่างสาสม แล้วถึงได้ยอมปล่อยเธอไปหลินปิงหนีออกไปทันทีก่อนจะไป เธอหันกลับมามองเย่ซิวด้วยแววตาอาฆาตแค้นไม่รู้จบแต่เย่ซิวไม่ใส่ใจเลยสักนิดหากพลังไม่พอ ต่อให้จะอาฆาตมากกว่านี้เป็นร้อยเท่าพันเท่าแล้วจะทำอะไรได้?เย่ซิวนำภาพร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์ออกมา ก่อนจะลูบเบา ๆ บนผิวมัน จากนั้นก็ส่งพลังจิตเข้าสู่ภายในด้านในเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลกลางพื้นที่นั้นมีร่างหญิงสาวรูปร่างงดงามนั่งขัดสมาธิอยู่ ทั่วร่างของพวกเธอกำลังปล่อยไอสีดำออกมาเหล่าดวงวิญญาณของหญิงสาวหนึ่งร้อยคนต่างหันหน้าไปทางร่างของตน แล้วอ้าปากดูดกลืนไอสีดำเข้าสู่ร่าง ก่อนจะเริ่มกระบวนการกลั่นพลังกระบวนการนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้า“คารวะคุณชาย”“ทำไมคุณชายถึงมาที่นี่ได้ ที่นี่มีมลทินรุนแรงมาก เกรงว่าจะส่งผลไม่ดีต่อท่าน”เย่ซิวส่ายหน้า “ไม่ต้องห่
Baca selengkapnya

บทที่ 1337

ตูม!จู่ ๆ ด้านนอกสำนักศตะบุปผาก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาจากนั้น แสงทองเจิดจ้าก็สาดส่องปกคลุมทั่วทั้งสำนักศตะบุปผาต้นกำเนิดของแสงเหล่านั้นมาจากชายหนุ่มศีรษะโล้นสวมจีวรจำนวนหนึ่ง แต่ละคนยืนลอยตัวอยู่กลางอากาศ ประนมมือ พร้อมกับสวดมนต์เป็นภาษาสันสกฤตโบราณเสียงสวดเหล่านั้นแฝงไว้ด้วยพลังสั่นสะเทือนที่น่าสะพรึง เพียงพริบตาเดียว สำนักศตะบุปผาก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงเหล่าศิษย์หญิงส่งเสียงตะโกนพร้อมกับทะยานร่างขึ้นกลางอากาศ เมื่อเห็นกลุ่มคนตรงหน้า สีหน้าของพวกเธอพลันเปลี่ยนไปทันที“คนของสำนักวัชระ”“พวกแกคิดจะทำอะไร?!”……“อะมิตาพุธ”พระหนุ่มรูปงามผิวขาวสะอาดตาที่เป็นผู้นำกลุ่มเปล่งเสียงสวดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “พวกโยมฝึกวิชามาร ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เป็นที่รังเกียจของผู้เดินทางธรรม วันนี้พวกเรามาเพื่อปราบมารชำระมวลมนุษย์”“พูดได้น่าฟังดีนี่” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดูแคลน “พวกแกก็ใช่ว่าจะดีอะไร ออกตระเวนหลอกล่อให้คนเข้าไปเข้าร่วมกับพวกแก ยังจะมีหน้ามาด่าเราอีก”พระรูปนั้นสีหน้านิ่งสงบดุจบ่อน้ำลึก “พวกอาตมาเพียงแต่ชี้นำทางสว่างให้กับผู้มีปัญญาเท่านั้น
Baca selengkapnya

บทที่ 1338

แม้แต่พระหนุ่มผู้นำกลุ่ม ในดวงตาก็ยังแวบผ่านแววเคลิบเคลิ้มไปชั่วครู่หนึ่ง“นางปีศาจ กล้าดีอย่างไรถึงคิดล่อลวงอาตมา อยากตายนักใช่ไหม!”เขารู้สึกตัวในที่สุด ก่อนจะตวาดออกมาอย่างเกรี้ยวกราดดุจฟ้าคำรามเลือดสด ๆ ซึมออกจากมุมปากเล็กน้อย จากนั้นก็ลงมือด้วยความเดือดดาล“ฝ่ามือวัชระปราบมาร!”ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามพุ่งลงมาทางเฉินอิ๋งอิ๋งอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงพุทธมนต์ที่แว่วก้อง กลางฝ่ามือมีอักขระ 卍 หมุนวนไม่หยุด พุทธพลังกลิ้งไหลราวมหาสมุทรใบหน้าเย็นชาเฉินอิ๋งอิ๋งราวน้ำแข็ง ก่อนที่เธอจะเผยพลังระดับรวมกายาขั้นกลางออกมาทันที และพุ่งขึ้นไปปะทะโดยตรงเสียงระเบิดจากทั้งสองฝ่ายสะเทือนเลื่อนลั่นทั่วฟ้าหลินปิงตะโกนเสียงใส “พวกเราทุกคนลุยพร้อมกันกับฉันเลย ให้พวกพระหัวโล้นพวกนี้ได้เห็นถึงความเก่งกาจของพวกเรา!”ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือดในทันทีด้านล่าง เย่ซิวเดินออกจากห้องพอดี เขาไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้แน่นอนว่าเขาไม่มีทางช่วยสำนักศตะบุปผาแน่ เพียงแค่มองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความสนใจเท่านั้นเขายังไม่สามารถล่วงเกินทั้งสองฝ่ายได้สำนักวัชระ ก็เป็นสำนักระดั
Baca selengkapnya

บทที่ 1339

ขบวนม้ากลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางผ่านพื้นที่รกร้างว่างเปล่าไร้ผู้คนม้าเหล่านี้เป็นม้าวิญญาณที่มีสายเลือดมังกรวารีอยู่เล็กน้อย สามารถเดินทางได้พันลี้ต่อวันพวกมันแต่ละตัวลากจูงกรงนักโทษหนึ่งคันกรงนักโทษเหล่านั้นแบ่งเป็นสิบช่อง ในแต่ละช่องขังนักโทษไว้หนึ่งคนเย่ซิวก็นั่งอยู่ในนั้นด้วยตรงข้ามเขาคือเฉินอิ๋งอิ๋งหญิงสาวคนนี้ทั้งมือและเท้าล้วนถูกใส่โซ่ตรวน ทั่วร่างยังถูกแปะด้วยยันต์วัชระเจ็ดแปดแผ่นเพื่อผนึกพลังทั้งหมดของเธอเอาไว้เย่ซิวเองก็สภาพไม่ต่างกันนักความจริงแล้วเขายังมีวิธีแก้ผนึกในร่างของตัวเองได้เพียงแต่พระหนุ่มคนนั้นซึ่งดูภายนอกเหมือนอายุยังน้อย แต่ที่จริงอายุห้าถึงหกร้อยปีแล้ว มีพลังระดับรวมกายาขั้นสูงหากเขาแสดงพิรุธขึ้นมา เกรงว่าจะถูกลากไปผ่าร่างศึกษาแน่ ๆเย่ซิวมองเฉินอิ๋งอิ๋งที่มีสีหน้าหมองหม่น แล้วเอ่ยอย่างจนปัญญา “เธอไปทำอะไรให้คนเขาแค้นนักหนา? ถึงได้ยกพรรคยกพวกมาจัดการเธอขนาดนี้ แถมยังลากฉันซวยไปด้วยอีก”เฉินอิ๋งอิ๋งเหลือบตามามองเขาแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรจากแววตาของเธอ เย่ซิวจับได้ถึงความหงุดหงิดบางอย่างคาดว่าเธอเองก็คงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้เหมือน
Baca selengkapnya

บทที่ 1340

น่าแปลกใจไม่น้อยที่เฉินอิ๋งอิ๋งก็ขอหมั่นโถวเพิ่มอีกสองลูกเช่นกัน เธอใช้แม่น้ำที่ไหลผ่านมาล้างคราบฝุ่น แล้วค่อย ๆ กัดกินทีละคำเย่ซิวก็เคี้ยวหมั่นโถวแข็ง ๆ ไปพลาง สายตาก็เหลือบมองสำรวจทัศนียภาพรอบข้างไปด้วยเขาไม่เคยมาแถวนี้มาก่อน จึงไม่รู้เลยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนเมื่อกินเสร็จแล้ว กรงขังนักโทษก็ถูกคลุมด้วยผ้าดำอีกครั้ง แล้วขบวนก็ออกเดินทางต่อไปสุดท้ายพอถึงช่วงเย็น ขบวนก็เดินทางมาถึงวัดร้างทรุดโทรมแห่งหนึ่งทว่าทันทีที่ทุกคนเดินผ่านม่านพลังบาง ๆ เข้าไป ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแท่นวิหารทองเหลืองสว่างไสวเรียงรายอยู่ทั่วบริเวณ พระสงฆ์เดินผ่านไปมานับไม่ถ้วน เสียงระฆังวัดดังไม่ขาดสาย“คารวะท่านเจ้าอาวาส”พระสงฆ์จำนวนมากพากันค้อมกายทำความเคารพต่อหน้าพระหนุ่มรูปงามผู้นำขบวนเขานำตัวเย่ซิวและคนอื่น ๆ ไปคุมขังด้วยตนเองในมือข้างหนึ่งถือบาตรสีทอง ภายในเต็มไปด้วยของเหลวสีทองที่ไม่รู้ว่าคืออะไร อีกมือหนึ่งถือพู่กันเขาใช้ของเหลวสีทองเขียนอักขระลงบนประตูกรงแต่ละบานโดยเริ่มจากกรงนักโทษกรงแรก แสงสีทองแวบผ่าน กรงแต่ละห้องก็แข็งแรงแน่นหนายิ่งขึ้นเหนือกรงแต่ละบานยังมีรูปปั้นพระโพธิ
Baca selengkapnya
Sebelumnya
1
...
131132133134135136
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status