Semua Bab ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง: Bab 1371 - Bab 1380

1460 Bab

บทที่ 1371

เย่เจิงรู้อยู่แล้ว ว่ากองพันพยัคฆ์ทมิฬของตนเองประจำการอยู่เมืองลั่วหม่า ก็เพื่อคอยคุ้มกันเส้นพรมแดนใต้ไว้ป้องกันเพื่อนบ้านเข้ามาโจมตี และคอยป้องกันความวิ่นวายในซื่อหนานด้วยเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก เขาเข้าใจเรื่องนี้ดีแต่จากคำพูดของใต้เท้าโหวหญิงตรงหน้าคนนี้ถ้านางเอาเมืองซื่อหนานมาได้ แล้วเขาไม่ได้รับคุณความดีใดๆ จากการช่วยเหลือล่ะก็ตอนนั้นทหารประจำการเมืองซื่อหนาน ก็จะต้องจัดสรรมาจากกองทัพสยบแดนใต้แน่นอนและตอนนั้นกองทหารประจำการเมืองซื่อหนาน ก็จะกลายเป็นเส้นแนวหน้าของพรมแดนใต้!เมืองลั่วหม่าเนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ที่ป้องกันง่ายยากจะโจมตี ดังนั้นจึงกลายเป็นเมืองหน้าด่านไปตราบใดที่เมืองซื่อหนานยังป้องกันเอาไว้ได้ ตำแหน่งของเมืองลั่วหม่าอันที่จริงก็จะไม่มีแรงกดดันมากนักว่ายังไงดีล่ะ...มันจะกลายเป็นอะไรที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเอาน่ะสิตรงหน้าของเจ้ามีทหารประจำการตรึงแนวหน้าไว้แล้ว แล้วเจ้าจะยังเรียกตัวเองว่าเมืองหน้าด่านได้อีกหรือ?"ใต้เท้า ท่าน...!" เย่เจิงไม่เข้าใจคำพูดนี้ของจั๋วซือหรานที่ไหน ว่ามีการคุกคาม หยอกล่ออยู่จั๋วซือหรานยิ้มๆ มองเขา เหมือนไม่กลัวว่าเขาจะรู้สึกว
Baca selengkapnya

บทที่ 1372

ชิ่งหมิงเดิมก็คิดจะยืมแรงนาง เพื่อลุกขึ้นยืนแต่หลังจากมือของเขาออกแรงกุมมือจั๋วซือหรานแล้ว ก็ไม่ได้ยืมแรงลุกขึ้น แต่ไม่ขยับเขยื้อนแค่จับมือนางไว้แบบนั้น การเคลื่อนไหวหยุดอยู่เท่านี้นางยืนอยู่ เขานั่งยอง ยื่นมือกุมมือนางไว้...ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในรูปร่างเด็กหนุ่มแบบก่อนหน้าแล้วแท้ๆ แต่ที่จั๋วซือหรานมองเขา...ก็ยังรู้สึกเหมือนว่าตนเองเห็นเด็กหนุ่มก่อนหน้าคนนั้นอยู่ท่าทางที่ทำอะไรไม่ค่อยถูกนั่น"เป็นอะไรไป?" จั๋วซือหรานถามชิ่งหมิงกดเสียงต่ำ เอ่ยขึ้นว่า "ข้าจะไปเมืองซื่อหนานกับเจ้า"จั๋วซือหรานหรือไม่พูดอะไร ยังคงก้มลงมองเขาชิ่งหมิงเอ่ยต่อว่า "ที่นั่นเป็นเมืองที่ชั่วร้าย ถึงแม้เจ้าจะแข็งแกร่งมาก เจ้าหุบเขากับใต้เท้าซือเจิ้งเองก็แข็งแกร่งมาก แต่ข้าก็ยังอยากไปกับพวกเจ้า"จั๋วซือหรานไม่พูดอะไร ยังคงมองเขา รอให้เขาพูดสิ่งที่อยากพูดออกมาให้หมด"ข้าไม่อยากเป็นคนที่ช่วยอะไรก้ไม่ได้" ชิ่งหมิงพูดคำนี้ออกมา น้ำเสียงกดลงต่ำมากฟังออกไม่ยาก ว่าอารมณ์เองก็ดิ่งเหมือนกันจั๋วซือหรานฟังออกถึงความดิ่งของเขา และฟังออกถึงความหมายของเขาเรื่องของเวินป๋อยวน ทรมานเขามาโดยตลอด ความรู้สึกโทษตัวเ
Baca selengkapnya

บทที่ 1373

พอเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม จั๋วซือหรานก็พบว่า ไม่ใช่แค่คนน้อยเท่านั้น โรงเตี๊ยมนี้นอกจากพวกเขาแล้ว ไม่มีแขกคนอื่นอยู่เลยประหยัดเรื่องที่นางคิดจะเช่าเหมาไปเลยเหลียนเจินเดินเข้ามา บอกกับนางว่า "ข้าน้อยเดิมทียังคิดว่า นี่จัดการให้เพราะเห็นแก่หน้าของนายท่านหรือเปล่า"ถ้าหากแม่ทัพเย่เจิง จัดการให้พวกเขาแบบนี้เพราะเห็นแก่หน้านาง มันก็ดูสมเหตุสมผลดีจั๋วซือหรานโบกมือเอ่ยขึ้น "ไม่หรอก ข้าเพิ่งจะไปยั่วโมโหเขามา...เขาไม่ชกข้าก็ถือว่าข่มใจได้มากแล้ว แล้วนี่ยังจะมาจัดแจงที่พักให้ข้าอีก...จะเป็นไปได้ยังไง"เหลียนเจินพอได้ยินคำนี้ของนายท่าน มุมปากก็กระตุก เหมือนอยากจะยิ้มแต่เพราะนิสัยที่ค่อนข้างจริงจัง ดังนั้นจึงไม่ได้ยิ้มออกมา"เช่นนั้นก็คงเพราะคนน้อยจริงๆ" เหลียนเจินเอ่ยขึ้น"คนน้อยมากจริงๆ " ปันอวิ๋นเดินเข้ามาจากประตู "ข้าเพิ่งไปเดินวนข้างนอกมา คนไม่ถือว่าเยอะมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะเป็นคนพื้นที่ด้วย หรืออาจจะเป็นพวกครอบครัวของเหล่าทหารอะไรเทือกนั้น"จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็พยักหน้าว่าเข้าใจ "การโยกย้ายประชากรไม่เยอะ ดังนั้นโรงเตี๊ยมจึงเงียบเหงาสินะ""ก็ออกจะเงี
Baca selengkapnya

บทที่ 1374

จั๋วซือหรานหัวเราะเสียงทุ้มเสียงของชายหนุ่มยิ่งน่าดึงดูดขึ้นท่ามกลางความมืด มีอาการแหบพร่าเล็กน้อย "หัวเราะอะไร?""ไม่มีอะไร" จั๋วซือหรานลูบใบหน้าเขาเบาๆเฟิงเหยียนเหมือนจะรู้สึกได้ว่า บางทีนางคงกำลังหัวเราะเขา...ที่ใจร้อนเสียขนาดนี้เขาไม่ส่งเสียงไปพักหนึ่งจั๋วซือหรานก็มองเขาเอ่ยขึ้นว่า "รู้ไหม พ่อครัวของโรงเตี๊ยม ยังไปทำงานดูแลม้าด้วยนะ...""...นั่นก็ยังดีที่เจ้าพาพ่อครัวมาด้วย" เฟิงเหยียนโอบนางมานั่งลงที่เก้าอี้จากนั้นจึงถามขึ้นว่า "ก่อนหน้านี้ไปจวนแม่ทัพมา เป็นยังไงบ้าง?"จั๋วซือหรานคิดๆ "ก็พอไหวอยู่ แม่ทัพคนนี้กระดูกแข็งน่าดู"เฟิงเหยียนพอได้ยินคำนี้ หลังจากชะงักไปครู่หนึ่งก็พูดแค่ว่า "ถ้างั้นเขาก็ลำบากแล้วสิ""อื๋อ?" จั๋วซือหรานไม่เข้าใจคำนี้ หัวเราะขึ้นมา "ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ?"เฟิงเหยียนตอบ "พวกกระดูกแข็งที่ถูกเจ้าจัดการไปแล้วมีน้อยซะที่ไหนกัน"พวกกระดูกไม่แข็งนางยังไปท้าทายอยู่เลยด้วยซ้ำ"ใช่ซะที่ไหนกันเล่า..." จั๋วซือหรานพูดพลางใช้นิ้ววงๆ เบาๆ ที่หน้าอกเขา "ข้าก็แค่อยากบรรลุเป้าหมายของข้าอย่างเป็นเหตุเป็นผลเฉยๆ เอง"ความหมายของคำพูดง่ายมาก ถ้ามีคนที่ไม่ยอมให้
Baca selengkapnya

บทที่ 1375

ตอนนี้เอง จวงอี๋ไห่สามพ่อลูกก็เตรียมข้าวเย็นเสร็จแล้ว จัดวางไว้สองสามโต๊ะที่โถงใหญ่จั๋วซือหรานกับเฟิงเหยียน ปันอวิ๋น รวมถึงท่านแม่ จั๋วหวาย จวงชิ่งหมิง นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันได้ยินเสียงฝีเท้าม้าแว่วเข้ามาแต่ไกล"เหมือนว่าจะมาแล้ว" จั๋วซือหรานดื่มน้ำแกงลงไปคำหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบเฟิงเหยียนนึกขึ้นได้ถึงคำพูดที่นางพูดไว้ที่ห้องก่อนหน้านี้นางบอกว่ารอให้แม่ทัพเย่คิดจนเข้าใจ พวกเขาก็สามารถออกเดินทางได้แล้วเขาถามว่าแล้วเมื่อไรแม่ทัพเย่คนนั้นจะคิดจนเข้าใจ?นางบอกว่า...วันนี้ตอนนี้ เฟิงเหยียนก้ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าแว่วเข้ามาแต่ไกลแล้ว พอคิดถึงความเป็นไปได้นั้น ก็พูดไม่ออกขึ้นมาไปชั่วขณะไม่นานนัก เสียงฝีเท้าม้าก็หยุดลงที่ประตูโรงเตี๊ยมผ่านไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มร่างสูงใส่ในชุดเกราะอ่อนคนหนึ่ง ก็ค่อยๆ เดินเข้ามาพลังบนตัวปล่อยจิตสังหารที่เด็ดขาดและเฉียบคมออกมาสายตาเองก็คมกริบทำให้คนอดรู้สึกไม่ได้ว่า คนผู้นี้...จะต้องเคยฆ่าคนมาแล้วแน่นอนหลังจากเย่เจิงเดินเข้ามา สายตาก็กวาดไปรอบๆ จากนั้นก็เล็งไปยังจั๋วซือหรานที่นั่งอยู่ที่โต๊ะส่วนคนอื่น...อย่างเช่นโต๊ะของเหลียนเจิ
Baca selengkapnya

บทที่ 1376

"ไม่กินข้าวแค่มื้อเดียวก็หิวจนตายลายนะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น ยิ้มๆ มองเย่เจิงเอ่ยอีกว่า "ท่านแม่ทัพก็ดูลังเลเสียจริง ดังนั้น คำตอบของท่านแม่ทัพคือ?"เย่เจิงไม่ได้พูดอะไรออกมาทันที หลังจากสูดลมหายใจลึก ก็เอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "ข้าเห็นด้วยแล้ว ถ้าหากท่านจัดการเจ้าเมืองซื่อหนานได้จริง ข้าจะนำทหารออกไป"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็พยักหน้า "เช่นนั้นก็ดี รอฟังข่าวจากข้าแล้วกัน"เย่เจิงถามขึ้นคำหนึ่ง "ใต้เท้าจะออกเดินทางตอนไหน?"จั๋วซือหรานคิดๆ "ในเมื่อท่านแม่ทัพก็รับปากมาแล้ว คืนนี้จะออกเดินทางเลย""อะไรนะ!" เย่เจิงตาถลึงโต "คืนนี้หรือ? การเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ ใต้เท้าไม่ควรวางแผนเตรียมตัวเสียหน่อยหรือ?""ตามหลักการแล้วก็ควรจะเตรียมตัวเสียหน่อย แต่ข้ามีเหตุผลที่ต้องเร่งรีบ..." จั๋วซือหรานคิดในใจว่าถ้าไม่รีบไปล่ะก็ ถึงตอนนั้นเทพปีศาจจอมกระบี่อันดับหนึ่งแห่งใต้หล้ามาถึง ก็คงจะจัดการลำบากแล้วหลังอาหาร จั๋วซือหรานก็นำคำพูดนี้ไปบอกกับปันอวิ๋นเฟิงเหยียนและชิ่งหมิงเฟิงเหยียนฟังนางหมดชิ่งหมิงเองก็ไม่เคยจะออกความเห็นแต่ว่าปันอวิ๋นมีดวงตาที่มองออกทะลุปรุโปร่ง เขากระแอมหัวเราะขึ้นเบาๆ บอกว่า "น้อ
Baca selengkapnya

บทที่ 1377

ปันอวิ๋นขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่พูดอะไรมากแต่ก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา อยากจะดูว่านางคิดจะทำอย่างไรดังนั้น ทั้งสี่คนจึงตรงไปทางประตูเมืองช่วงค่ำของเมืองซื่อหนานก็สามารถเข้าเมืองได้ เพียงแต่จะยิ่งเข้มงวดขึ้นมาที่ประตูมีทหารคุ้มกันอยู่ไม่น้อย ทั้งในทั้งนอก รวมกันกว่ายี่สิบคนนี่ยังไม่นับร่วมที่เดินลาดตระเวนอยู่ด้านใน เอาแค่ที่จุดประตูเมืองก็มีอยู่ไม่น้อยแล้วปันอวิ๋นเอียงตามองจั๋วซือหรานผาดหนึ่ง "พอไปถึง ให้บุกเขาไปหรือทำยังไง?"จั๋วซือหรานยิ้มๆ ตอบว่า "ก็ต้องเข้าไปอย่างสง่าผ่าเผยสิ""เจ้านี่ดูไม่รีบร้อนเลยนะ" ปันอวิ๋นเอียงตามองไปทางเฟิงเหยียนเฟิงเหยียนสังเกตเห็นสายตาเขา เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "ไม่มีอะไรต้องเร่งรีบนี่""เจ้ารุ้ไหมว่านางคิดจะทำอะไร" ปันอวิ๋นถามเขาพยักหน้า "พอจะเดาได้อยู่"ปันอวิ๋นจุ๊ปาก "ใจตรงกันเสียเหลือเกิน..."เฟิงเหยียนหัวเราะทุ้มต่ำ "นางยังจะมีวิธีอะไรได้อีก เข้าไปตรงๆ เลย เราตามไปก็พอแล้ว"พูดแบบนี้ ปันอวิ๋นเองก็ตระหนักได่ขึ้นมาตอนนี้เอง ประตูเมืองก็อยู่ตรงหน้าแล้วป้ายบนประตูเมือง มีคำว่าซื่อหนานตัวใหญ่อยู่สองตัว...กระทั่งยังใช้อักษรของแคว้นเหย
Baca selengkapnya

บทที่ 1378

เขาขมวดคิ้ว รู้สึกร้อนขึ้นมาอย่างประหลาดยิ่งไปกว่านั้นความร้อนนี้ ไม่ใช่ความร้อนจัด...เพราะที่นี่คือชายแดนพรมแดนใต้ เดิมทีสภาพอากาศก็ค่อนข้างร้อนอยู่แล้วแต่ก็ไม่ใช่ความรู้สึกแบบนี้ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนว่าในกระดูกมีความร้อนกำลังลามออกไปช้าๆ ทรมานมาก แต่กลับบอกไม่ถูกว่ามันมาจากตรงไหน...เพลิงตะวันหงส์แดงต่อให้เป็นแค่ประกายไฟเล็กๆ ก็ยังถือเป็นความทรมานแสนสาหัสของคนทั่วไปอยู่เขาต้องเจอดีแน่จั๋วซือหรานถามขึ้นอีกคำ "แล้วพวกเจ้าเข้าไปได้เพราะเป็นคนเลวด้วยรึ?""แน่นอน" ทหารคุ้มกันหลายคนดูท่าจะภาคภูมิใจขึ้นมาจั๋วซือหรานมุมปากยกขึ้นบางๆ พวกเขาเห็นแค่มุมปากน่ามองของนาง แต่ไม่เห็นความเย็นชาในดวงตานาง"ถ้างั้นพวกเจ้าทำเรื่องเลวๆ อะไรมาถึงเข้าเมืองซื่อหนานได้?"พวกเขาได้ยินมาว่าหญิงสาวคนนี้หน้าตางามระดับล่มเมือง กระทั่งเสียงก็ยังชวนหลงใหลในใจกระทั่งคิดว่าจะจัดการพวกผู้ชายที่มากับนาง น่าจะเป็งองครักษ์ของนางกระมัง? จัดการสังหารทิ้งเสียจากนั้นค่อยไปเสวยสุขกับหญิงสาวคนนี้ทหารคุ้มกันคนหนึ่งเอ่ยตอบ "ข้ารึ? ตอนนั้นข้าข่มเหงลูกสาวสามคนของบ้านหลังหนึ่ง ครอบครัวของนางเข้ามาขวาง ข้าก็เลยฆ่
Baca selengkapnya

บทที่ 1379

แต่เสียงของเขายังไม่ทันตะโกนจนจบ ก็ชะงักลงกะทันหันในลำคอกลายเป็นเสียงแตกพร่า ดังกลุกกลัก...ราวกับมีของเหลวทะลักพล่านยิ่งไปกว่านั้นยังมีเสียงลมรั่วด้วยเหล่าสหายข้างๆ เขา ถลึงตาโตอ้าปากค้างมองดูทหารคุ้มกันที่เป็นหัวหน้าคนนี้...หรือก็คือคนที่ถูกเจ้าเมืองบอกว่าเขาเป็นคนที่จะทำการใหญ่ได้สำเร็จคนนั้นตอนนี้ คอของเขา...คอของเขา...ก็ราวกับเป็นถังน้ำรั่วที่มีน้ำซึมออกมาจากตัวถังอย่างไรอย่างนั้นคอของเขาตอนนี้เป็นเช่นนั้น มีเลือดซึมออกมาด้านนอกเพียงแต่ความแรงของการไหล มากกว่าความแรงของน้ำที่ซึมจากถังหลายเท่า!หลั่งทะลักออกมา!และเสียงกลุกกลักเหล่านั้น ก็เป็นเพราะเลือดทะลักออกจากลำคอ เสียงที่มาจากในคอรวมไปถึงเสียงลมรั่วที่มาจากรูตรงคอ!คนที่ยืนอยู่ใกล้เขา ก็ถูกเลือดสาดเข้าบนหัวกับใบหน้าในลมหายใจล้วนเป็นกลิ่นคาวเลือด ต่อให้พวกเขาจะเป็นพวกคนเลวที่เคยฆ่าคนเคยเห็นเลือดมาแล้วพอเจอกับสถานการณ์นี้ รวมถึงการที่คนของตนเองถูกฆ่า พลังคุกคามที่แผ่เข้ามาจึงไม่ธรรมดาถ้าบอกว่าอะไรสามารถทำให้คนหวาดกลัวได้ สิ่งที่ติดอันดับต้นๆ ไม่เพียงแต่เป็นเสียงกรีดร้องของสหายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการต
Baca selengkapnya

บทที่ 1380

จากนั้นก็บอกกับพวกเขาว่า "ถ้ายังไม่พอล่ะก็ ข้าจะลองคิดหาวิธีใหม่"คำพูดนี้นางพูดแบบปกติมาก แต่พวกเขาได้ฟังแล้วในใจก็ไม่สงบเอาเลย!!เพราะพวกเขารู้สึกว่า ตนเองเหมือนจะเดาคำพูดต่อไปของนางได้...ถ้าหากยังไม่พอ ก็จะเชือดคนในกลุ่มพวกเจ้าเพิ่มอีกสักสองสามคนแล้วกัน!พวกเขาไม่กล้าตอบ แต่ก็ไม่กล้าขวางนางแล้วจึงเห็นนางพลิกตัวขึ้นหลังม้าอีกครั้ง คีบท้องม้าเบาๆ เดินตรงไปทางประตูเมือง และคนที่พวกเขาคิดว่าเป็น 'องครักษ์ผู้ติดตาม' ทั้งสามคนก็ตามหลังนางเข้าไปยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาตอนนี้อันที่จริงก็ไม่เห็นสามคนนั้นเป็นองครักษ์ผู้ติดตามแล้วด้วยถึงยังไง ก็มีฝีมือมากขนาดนี้แล้ว ยังต้องมามีองครักษ์ผู้ติดตามอะไรอีก...บางทีสามคนนั้นอาจจะเป็นชายบำเรอของนางก็ได้? ผู้แข็งแกร่งแบบนี้ จะเลี้ยงผู้ชายไว้สักสามคน...ก็น่าจะพอเลี้ยงไหวกระมัง?จากนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงจั๋วซือหรานตอนที่ขี่ม้าแบบไม่เร่งไม่ร้อน ผ่านหน้าพวกเขาไปและพลาง...เอ่ยขึ้นอย่างหยามหมิ่นว่า "มีแต่พวกขยะ"กลุ่มทหารคุ้มกัน "..."พวกเขารู้สึกแปลกๆ เหมือนได้ยินความหมายที่ต่างออกไปจากในคำพูดนางบนความรู้สึก กระทั่งไม่ใช่พูดถึงพลังของพวกเขา
Baca selengkapnya
Sebelumnya
1
...
136137138139140
...
146
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status