พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี のすべてのチャプター: チャプター 1391 - チャプター 1400

1432 チャプター

บทที่ 1391

“นี่... จะต้องเป็นช่องสำหรับถ่ายเลือดเป็นแน่!” เจ้าหกเอ่ยเสียงขรึม”ทุกคนต่างรู้ความนัย รีบก้าวเข้าไปยกถังเลือดหมูที่เตรียมมา เทกรอกลงไปในรูนั้นทันทีของเหลวข้นคลั่กสีแดงคล้ำไหลทะลักลงสู่หลุมดำมืดไร้ก้นบึ้ง ส่งเสียงดังอึกอักทุ้มต่ำหนึ่งถัง สองถัง สามถัง สี่ถัง... เลือดหมูถูกเทลงไปอย่างต่อเนื่อง ทว่าเสาหินกลับนิ่งสนิทประดุจสัตว์ร้ายที่กำลังหลับใหล ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย!กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งไปทั่วบรรยากาศทวีความเข้มข้น จนชวนให้ผู้คนรู้สึกคลื่นเหียนอาเจียนหัวใจของทุกคนพลอยดิ่งวูบลงตามปริมาณเลือดที่พร่องจากถังไปทีละใบยามเห็นว่าเหลือเลือดเพียงถังสุดท้าย บรรยากาศพลันตึงเครียดกดดันถึงขีดสุด“ทำอย่างไรดี? เหลือเพียงถังเดียวแล้ว หรือข้าควรออกไปหามาเพิ่มตอนนี้เลย?” เจ้าเจ็ดเอ่ยถามขึ้นฉู่จืออี้ขมวดคิ้วมุ่น ส่ายหน้าพลางกล่าว “ไม่ทันการ กว่าเจ้าจะกลับมา เลือดข้างล่างคงแข็งตัวไปหมดแล้ว”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ต่างคนต่างขมวดคิ้วนิ่วหน้า ชั่วขณะนั้นไม่อาจคิดอ่านหาหนทางแก้ไขทว่ากลับได้ยินเสียงเจ้ารองกัดฟันกรอดเอ่ยขึ้นว่า: “เทลงไปอีก! หากยังมิได้ผล พวกเราก็จะกรีดข้อมือตนเอง เติมเลือดมนุษย์ผสม
続きを読む

บทที่ 1392

ความสิ้นหวังอันหนาวเหน็บประดุจสายน้ำที่เยือกเย็นที่สุดจากก้นบึ้งใต้พิภพ ถาโถมเข้าท่วมทับสรรพางค์กายของเฉียวเนี่ยนอย่างฉับพลัน แทรกซึมลึกไปถึงขั้วหัวใจเสาหินสลักลวดลายพิสดารเบื้องหน้า เคลื่อนตัวกลับสู่ตำแหน่งเดิมพร้อมเสียง “ครืน” อันหนักหน่วงราวกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายของผู้ใกล้ตาย มันปิดสนิทแนบเนียนไร้รอยต่อ บดขยี้ความหวังทั้งมวลจนแหลกสลายอย่างไร้ความปรานีในห้วงเวลานั้น สมองของเฉียวเนี่ยนกลับมีเพียงความคิดเดียวผุดขึ้นมา: เซียวเหิง จะทำอย่างไรดี?หากเสาหินไม่เปิดออก ขุมทรัพย์ก็ไม่อาจไข หากมิได้หญ้าผลึกหยกม่วงมา แล้วพิษในกายของเซียวเหิงเล่า จะถอนได้อย่างไร?สายตาของนางพลันเหลือบไปเห็นกระบี่ยาวที่ห้อยอยู่ข้างเอวของพี่ห้า ประกายโลหะอันเย็นเยียบนั้น บัดนี้ ในดวงตาที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงแห่งความบ้าคลั่งของนาง กลับกลายเป็น “หนทางรอด” เพียงหนึ่งเดียว"พละกำลังมหาศาลไม่รู้ว่าผุดมาจากที่ใด นางพุ่งตัวออกไปอย่างไม่คิดชีวิต!“เนี่ยนเนี่ยน! เจ้าจะทำอะไร?!” พี่ห้าร้องอุทานด้วยความตกใจ รีบขยับตัวจะเข้าขัดขวาง แต่นึกไม่ถึงว่าเฉียวเนี่ยนจะชักกระบี่ออกมาได้แล้ว ทั้งยังถอยร่นไปด้านหลังหลายก้าวนิ้
続きを読む

บทที่ 1393

มิเช่นนั้น ข้อมือที่บาดเจ็บอยู่แล้วของนาง เกรงว่าคงถูกตัดเส้นเอ็นจนขาดสะบั้น กลายเป็นคนพิการไปแล้วเมื่อคิดได้ดังนั้น สีหน้าของเขาก็พลันเย็นชาลงเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ดูท่ากลไกของที่นี่จะเกี่ยวข้องกับแสงจันทร์จริง ๆ วันนี้คงจนปัญญาแล้ว มิสู้พวกเราออกไปก่อน แล้วค่อยกลับไปหารือกันใหม่ในภายหลังเถิด”มือของเฉียวเนี่ยนที่กดปิดปากแผลของเขาสั่นเทาหนักกว่าเดิม น้ำตาพรั่งพรูออกมาดั่งทำนบแตกเขาบาดเจ็บสาหัสเพียงนี้ โลหิตไหลรินมากถึงเพียงนั้น แต่กลับยังห่วงใยความรู้สึกของนาง พยายามเอ่ยปลอบประโลมจิตใจที่กำลังพังทลายของนาง…ความดีของเขาเปรียบเสมือนค้อนหนักอึ้ง ที่ทุบลงกลางดวงใจอันเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิดจนนางแทบจะขาดใจนางพยักหน้าแรงๆ ลำคอตีบตันจนไม่อาจเปล่งเสียงใด ๆ ออกมาได้ ทำได้เพียงใช้แรงทั้งหมดที่มีพยุงร่างที่โงนเงนของเขาเอาไว้ ราวกับว่าเขาคือเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงหนึ่งเดียวของนางในยามนี้ผู้คนทั้งหมดต่างพากันเดินตามออกมาเสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงดังก้องสะท้อนไปทั่วทางลับที่ลึกและเงียบสงัด ปะปนไปกับเสียงลมหายใจที่ข่มกลั้นและเสียงเสียดสีของอาภรณ์ทางลับทอดยาวและชวนให้อ
続きを読む

บทที่ 1394

ถึงกระนั้น นางก็รู้ดีว่าฉู่จืออี้มิได้มีภัยถึงแก่ชีวิตนางป้อนโอสถฮวนหยวนเพื่อรักษาลมหายใจให้เขา อีกทั้งยังป้อนโอสถบำรุงเลือดลมล้ำค่าอีกมากมาย พรุ่งนี้ตื่นมาเขาจะต้องกลับมาแข็งแรงดังเดิมอย่างแน่นอนทว่า... สิ่งเหล่านี้มิอาจช่วยแบ่งเบาความรู้สึกผิดและโทษตัวเองที่ถ่วงหนักอยู่ในใจนางได้เลยแม้แต่น้อย กลับยิ่งรัดรึงแน่นขึ้นราวกับเถาวัลย์พันเกี่ยวนางถึงขั้นรู้สึกว่า ท่ามกลางแสงสลัวในแดนต้องห้ามเมื่อครู่ ตนเองต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ ราวกับถูกภูตผีแห่งความสิ้นหวังเข้าสิงสู่!เสาหินต้นนั้นตกลงสู่ตำแหน่งเดิมและกลไกก็ปิดล็อกไปแล้วชัด ๆ ต่อให้นางยอมกรีดเลือดในกายจนหยดสุดท้าย แล้วจะไปทำให้มันขยับเขยื้อนขึ้นมาอีกได้อย่างไร?นาง... วู่วามเกินไปจริง ๆ!เพียงเพราะไม่ได้หญ้าผลึกหยกม่วงกลับมา เพียงเพราะความหวาดกลัวว่าเซียวเหิงจะต้องตายเพราะพิษกำเริบ... นางเกือบจะลงมือบั่นแขนของฉู่จืออี้ด้วยมือของตนเองเสียแล้ว! แขนของคนที่คอยเอาตัวเข้าบังนางไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า คนที่คอยปกป้องคุ้มครองนางให้ปลอดภัยผู้นั้น!เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ น้ำตาร้อนผ่าวก็เอ่อล้นขอบตาอย่างสุดกลั้น เฉียวเนี่ยนรีบยกแขนเสื้อขึ้นป
続きを読む

บทที่ 1395

แล้วตัวนางเล่า? นางได้ทำสิ่งใดเพื่อเขาบ้าง? ดูเหมือนว่า... จะไม่มีเลยแม้แต่น้อย…ในวันนี้ นางยังเป็นผู้ลงมือหันคมดาบเข้าใส่เขาด้วยมือของตนเอง... ความคิดนี้เปรียบดั่งอสรพิษร้ายที่คอยกัดกินขั้วหัวใจของนาง“วันพรุ่งนี้ยังมีธุระสำคัญต้องสะสางขอรับ” สุ้มเสียงของอิ๋งชีดังขึ้นอีกครั้ง ทุ้มต่ำและหนักแน่นมั่นคงเขาตระหนักว่าคำปลอบโยนเพียงวาจานั้นไร้ผล จึงเปลี่ยนวิธีการเกลี้ยกล่อม “ท่านเจ้าสำนักจำต้องถนอมวรกาย จึงจะมีเรี่ยวแรงรับมือกับสถานการณ์เบื้องหน้าได้ขอรับ”ถ้อยคำนี้เปรียบเสมือนกระแสไฟสายหนึ่งที่แล่นปราดเข้าทิ่มแทงเส้นประสาทอันด้านชา ซึ่งถูกปกคลุมด้วยความสิ้นหวังและความรู้สึกผิดของเฉียวเนี่ยน ปลุกให้นางตื่นรู้ขึ้นมาอีกครั้งจริงสิ! จริงสิ! หญ้าผลึกหยกม่วงยังมิได้มาครอบครอง! เซียวเหิงยังคงดิ้นรนอยู่บนเส้นด้ายระหว่างความเป็นและความตาย รอคอยให้นางไปช่วยชีวิต! ฉู่จืออี้ต้องจ่ายค่าตอบแทนอันแสนสาหัสเพื่อนางถึงเพียงนี้ แล้วนางจะมามัวจมจ่อมอยู่กับความเวทนาตนเองอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?นางต้องเข้มแข็ง! ต้องตั้งสติให้มั่น! นางจำต้องขบคิดให้แตกฉาน…ว่าจะฝ่าด่านที่สามอันบัดซบนั่นในแดนต้องห้า
続きを読む

บทที่ 1396

เฉียวเนี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลักอันเย็นเฉียบ แผ่นหลังเหยียดตรงแน่ว ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความแข็งเกร็งที่ดูคล้ายกำลังฝืนทนอย่างที่สุดนางผลัดเปลี่ยนมาสวมอาภรณ์สีเรียบสะอาดตา ยิ่งขับเน้นให้ใบหน้าดูซีดขาวราวแผ่นกระดาษ ใต้ตาปรากฏรอยคล้ำลึกเข้มข้นจนยากจะจางหาย ท่าทางอิดโรยราวกับเพียงลมพัดผ่านก็อาจล้มพับลงได้สองมือที่วางอยู่บนตักกุมประสานกันแน่นโดยไม่รู้ตัว ข้อนิ้วซีดขาวเพราะออกแรงเกร็งจนเกินพอดี ราวกับหมายจะบีบกระดูกให้แหลกละเอียดคามือในซอกนิ้วนั้น ดูเหมือนยังหลงเหลือรอยคราบสีแดงคล้ำจากเมื่อคืนวานที่มิอาจชำระล้างออกได้หมดสิ้น“เมื่อคืนนี้…” เฉียวเนี่ยนสูดหายใจลึก พยายามข่มก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ หวังให้สุ้มเสียงฟังดูราบเรียบมั่นคง ทว่าความแหบพร่าเมื่อเอ่ยปากและหางเสียงที่สั่นเครือเพียงเล็กน้อย ก็ยังคงเผยให้เห็นถึงเส้นประสาทที่ขึงตึงและความอ่อนล้าอย่างแสนสาหัสของนางสายตาของนางกวาดผ่านใบหน้าแต่ละคนในโถงที่บ้างก็เคร่งขรึม บ้างก็พินิจพิเคราะห์ หรือบ้างก็ฉายแววเป็นปฏิปักษ์ ก่อนจะไปหยุดนิ่งอยู่ที่ดวงตาอันสงบนิ่งทว่าแฝงแววคาดหวังของมู่ซ่างเสวี่ยบนที่นั่งประธาน“ณ ส่วนลึกของแดนต้องห้
続きを読む

บทที่ 1397

คำว่า “เสียสละ” ท้ายที่สุดเขาก็ไม่อาจเอ่ยมันออกมาได้ แต่ความนัยที่ละไว้กลับหนักอึ้งประดุจตะกั่วถ่วง กดทับลงกลางใจของทุกคนมู่ซ่างเสวี่ยเกร็งมือที่วางบนพนักเก้าอี้แน่นขึ้นเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น เขาเงยหน้าขึ้นสบสายตาที่เกรี้ยวกราดของมู่เจิ้นเจียง แล้วเอ่ยออกมาทีละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ ด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่จนเกือบจะเป็นความโศกสลด: “ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว! และเพราะรู้นี่แหละ ถึงยิ่งต้องพูดออกมาให้แจ้งชัด! พวกเราทุกคน... ล้วนถูกกฎบรรพชนบัดซบนั่น... หลอกเข้าให้แล้ว!” น้ำเสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยโทสะที่ถูกปั่นหัวและความเจ็บปวดราวกับได้รับการปลดปล่อยมู่เจิ้นเจียงประหนึ่งถูกค้อนหนักทุบเข้าใส่อย่างจัง ดวงตาฝ้าฟางเบิกโพลงขึ้นฉับพลัน ร่างกายซวนเซก่อนจะทรุดฮวบลงไปกองกับเก้าอี้ ริมฝีปากสั่นระริก มิอาจเอ่ยวาจาเป็นประโยคได้อีกแม้แต่คำเดียวไม่ต้องใช้โลหิตของสตรีตระกูลมู่กระนั้นหรือ?เช่นนั้น... บุตรสาวของเขา... หลานสาวของเขา... อีกทั้งชีวิตสดใสมีเลือดเนื้อที่ถูกส่งเข้าไปในแดนต้องห้ามเหล่านั้นเล่า... เลือดที่พวกนางหลั่งริน ชีวิตที่พวกนางสูญเสีย... แท้จริงแล้วนับเป็นสิ่งใดกัน?!ณ ห้วงเวลานี้ ใบหน้าข
続きを読む

บทที่ 1398

คำว่า “คนนอก” เปรียบดั่งเข็มพิษอันเยือกเย็น ที่ทิ่มแทงเข้าสู่โสตประสาทของเฉียวเนี่ยนอย่างชัดเจนช่างน่าขันสิ้นดี!ยามเมื่อเข้าใจผิดว่ามีเพียงโลหิตของนางเท่านั้นที่เป็นกุญแจ พวกเขาก็รีบร้อนนับญาติ ยกให้นางเป็น “สายเลือดตระกูลมู่” อย่างไม่รีรอทว่ายามนี้ความจริงกระจ่างแจ้ง เพียงใช้เลือดเดรัจฉานก็เปิดทางได้ นางกลับกลายเป็น “คนนอก” ที่ต้องคอยระแวดระวังและรีบขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์ให้พ้นตัวในทันที!สันดานที่เห็นแก่ได้และกลับกลอกไร้เยื่อใยของคนตระกูลมู่ ได้เผยออกมาจนหมดเปลือกในยามนี้มู่เมิ่งเสวี่ยโกรธจนหน้าซีดขาว มือทั้งสองกำหมัดแน่น ดวงตาคู่สวยฉายแววรังเกียจอย่างไม่คิดปิดบังส่วนสีหน้าของมู่ซ่างเสวี่ยนั้นเต็มไปด้วยความลำบากใจมิใช่ว่าเขาไม่อยากช่วยเฉียวเนี่ยน ทว่าในฐานะเจ้าตระกูล เขาจำต้องเห็นแก่ผลประโยชน์ของตระกูลเป็นสำคัญเห็นเพียงเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าช้า ๆ น้ำเสียงเจือไปด้วยความจำยอมอันหนักอึ้ง: “ความกังวลของท่านปู่สาม... ก็มีเหตุผล…”“ท่านเจ้าตระกูลมู่!” เฉียวเนี่ยนอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้ เปลวไฟแห่งความหวังอันริบหรี่ในใจจวนเจียนจะมอดดับลงรอมร่อทว่าผิดคา
続きを読む

บทที่ 1399

วาจาของเฉียวเนี่ยนประดุจเหล็กแหลมชุบเกล็ดน้ำแข็ง ปักลงกลางใจคนตระกูลมู่ผู้เสพสุขมานานอย่างแม่นยำถ้อยคำเหล่านั้นราวกับซ่อนคมตะขอเกี่ยว กระชากจินตนาการภาพอันนองเลือดน่าสยดสยองให้ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของพวกเขาในฉับพลันบรรยากาศภายในโถงหารือพลันแข็งค้าง ราวกับถูกแช่แข็งด้วยเกล็ดน้ำแข็งที่มองไม่เห็นสีหน้าของคนตระกลมู่พลันซีดเผือด หม่นหมองลงราวกับถูกเมฆหมอกสีเทาเข้าปกคลุมใบหน้าของมู่เจิ้นเจียงแข็งค้าง ราวกับถูกเข็มที่มองไม่เห็นทิ่มแทง เขาฝืนยืดหลังตรง น้ำเสียงแฝงความโอ้อวดเพื่อกลบเกลื่อนความหวาดหวั่นที่ยากจะสังเกตเห็น: “ฮึ! ตระกูลมู่เคยขาดแคลนเงินทองเสียที่ไหน! เราย่อมสามารถร่อนเทียบเชิญวีรบุรุษ เชิญยอดฝีมือระดับแนวหน้าในยุทธภพมาคุ้มกันตลอดทางก็ได้!"เขากวาดตามองรอบด้าน พยายามเรียกความมั่นใจกลับคืนมา “อีกอย่าง ยอดฝีมือในยุทธภพที่รับใช้ตระกูลมู่มีมากมายดาษดื่น! ในโลกนี้ ขอเพียงเป็นเส้นทางที่ใช้เงินปูทางได้ สำหรับตระกูลมู่แล้ว ย่อมไม่นับว่าเป็นอุปสรรคอันใด!”สิ้นเสียงนั้น กลับมีเพียงเสียงหัวเราะเบา ๆ ที่แฝงแววเย้ยหยันดังขึ้น: “ยอดฝีมืออันดับหนึ่ง? ท่านปู่สาม ท่านอยู่ในกรงทองอย่างป้อม
続きを読む

บทที่ 1400

“จะให้เชื่อใจเขาหรือ?” มู่หงเสวี่ยผู้เฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยสายตาเย็นชามาโดยตลอดเอ่ยขึ้นอีกครา พัดจีบลายทองในมือเคาะลงบนฝ่ามือเบา ๆ จนเกิดเสียง “ต๊อก ต๊อก” ดวงตาเรียวรีดั่งกลีบดอกท้อที่มักเจือรอยยิ้มหรี่ลงเล็กน้อย เผยให้เห็นแววหยอกเย้าและสายตาที่ลอบประเมินอย่างลึกล้ำ “เนี่ยนเนี่ยนเป็นคนในครอบครัวเรา เรื่องนี้ย่อมไม่ผิด ฐานะของอ๋องผิงหยางก็สูงส่งหนักแน่นดั่งขุนเขา ทว่าจิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง ต่อหน้าทรัพย์สมบัติมหาศาลที่พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้ ชีวิตประชาชนก็เป็นเพียงมดปลวก เจ้าจะให้พวกข้า... เชื่อใจเขาได้อย่างไร?”สีหน้าของเฉียวเนี่ยนเคร่งขรึมลงทันที ในใจพลุ่งพล่านด้วยความโกรธและผิดหวังอย่างยากจะเอื้อนเอ่ย นางรู้อยู่เสมอว่าพี่รองผู้นี้มิได้เป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญดั่งเปลือกนอก ทว่านึกไม่ถึงเลยว่าวาจาที่หลุดออกจากปากเขาจะเลือดเย็นและมองชีวิตคนไร้ค่าได้ถึงเพียงนี้ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากโต้แย้งด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด สุ้มเสียงทุ้มต่ำทรงพลังแฝงกลิ่นอายเหล็กและเลือดแห่งสมรภูมิก็ดังแว่วมาจากนอกโถงหารือ "ตัวข้าแซ่ฉู่ กรำศึกมาหลายปี ซากศพกองพะเนินดั่งภูเขา เลือดนองดั่งสายน้ำ เสียงร่ำไห้ระงมไปทั่ว
続きを読む
前へ
1
...
138139140141142
...
144
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status