พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี のすべてのチャプター: チャプター 1401 - チャプター 1410

1432 チャプター

บทที่ 1401

สุ้มเสียงที่คุ้นเคยทำให้คนทั้งสองซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างฉับพลันเมื่อเห็นว่าเป็นเฉียวเนี่ยน หนิงซวงและเกอซูอวิ๋นต่างก็ส่งเสียงสะอื้นฮึกฮักออกมาพร้อมกัน ก่อนจะโถมตัวพุ่งเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิต“คุณหนู!”“เนี่ยนเนี่ยน!”ทั้งสามกอดกันกลมเป็นก้อนเดียว สองสาวเจ้าน้ำตาต่างร้องไห้น้ำตานองหน้าในทันที“เนี่ยนเนี่ยน! ข้าก็หาเจ้าเจอแล้ว ฮือ ๆ...”“คุณหนู! ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน ฮือ ๆ...”“เนี่ยนเนี่ยน! เหตุใดเจ้าถึงมาเมืองถังจิงคนเดียว ไม่บอกกล่าวพวกเราบ้างเลย ข้าเป็นห่วงแทบตายอยู่แล้ว! ฮือ ๆ...”“คุณหนูไม่ต้องการหนิงซวงแล้วใช่หรือไม่ ฮือ ๆ...”ความรู้สึกจุกอกระคนอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของเฉียวเนี่ยน นางโอบกอดทั้งสองไว้แน่น มือข้างหนึ่งลูบหลังหนิงซวงเบ าๆ ส่วนอีกข้างก็ลูบมวยผมของเกอซูอวิ๋น น้ำเสียงเจือสะอื้นด้วยความอ่อนโยน “ข้าก็คิดถึงพวกเจ้าเหมือนกัน! แต่ว่า... ทำไมจู่ ๆ พวกเจ้าถึงมาโผล่ที่ถังจิงได้? แล้วทำไมถึงได้ตกอยู่ในสภาพมอมแมมเช่นนี้เล่า?”นางผละออกมาเล็กน้อย พินิจพิเคราะห์เครื่องแต่งกายบุรุษที่ดูทุลักทุเลและน่าขบขันของทั้งคู่ ความกังวลเข
続きを読む

บทที่ 1402

มู่เมิ่งเสวี่ยเองก็ได้ยินเรื่องราว จึงรีบรุดมาและอยู่ในที่นั้นพอดีเฉียวเนี่ยนจึงถือโอกาสแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันครั้นพอรู้ว่าเกอซูอวิ๋นมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงแห่งชนเตอร์กิก แววตาของมู่เมิ่งเสวี่ยก็ลุกวาว ฉายแววใคร่รู้และชื่นชมอย่างไม่คิดปิดบัง “ที่แท้ท่านก็คือองค์หญิงแห่งเตอร์กิก! มิน่าเล่าถึงได้งดงามเฉิดฉายจับตาเพียงนี้ คิ้วคางนั่น สันจมูกนั่น ช่างเป็นโฉมสะคราญโดยกำเนิดโดยแท้ ทำเอาข้าอิจฉาจะแย่อยู่แล้วเจ้าค่ะ!”เกอซูอวิ๋นถูกชมเสียจนวางตัวไม่ถูก แก้มแดงระเรื่อ นางมองมู่เมิ่งเสวี่ยแล้วเอ่ยตอบด้วยความจริงใจ “ขอบใจ เจ้าเองก็งดงามยิ่งนัก”มู่เมิ่งเสวี่ยมีนิสัยร่าเริงเปิดเผย พอได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะคิกคัก พลางโบกไม้โบกมือ “รูปโฉมสามัญเช่นข้า แค่พอดูได้ก็ดีถมไปแล้ว!”“เหลวไหล!” เฉียวเนี่ยนโอบไหล่มู่เมิ่งเสวี่ยอย่างสนิทสนม “ที่เกอซูอวิ๋นเอ่ยนั้นถูกต้องแล้ว เจ้าเองก็งดงามไม่แพ้กัน!” กล่าวจบ นางก็ดึงมือของทั้งคู่ให้มานั่งล้อมวงที่โต๊ะกลมกลางห้องฉู่จืออี้นั่งอยู่ที่ขอบโต๊ะอย่างเงียบเชียบมาสักพักแล้ว ทว่าเมื่อถูกรายล้อมด้วยเหล่านกน้อยและผึ้งงามเต็มห้อง เขาก็ดูจะรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ร่
続きを読む

บทที่ 1403

ฉู่จืออี้พยักหน้ารับอย่างเงียบงัน เรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาหนักใจที่สุดเช่นกันในแดนต้องห้ามเมื่อคืน เห็นได้ชัดว่าคบเพลิงในมือของเขาไม่อาจทดแทนแสงจันทราอันสุกสกาวเย็นเยียบนั้นได้ทว่า แสงจันทราเป็นสิ่งที่มิอาจควบคุม มิต้องเอ่ยถึงว่าหากมิใช่แสงจันทราจะสามารถเปิดแดนต้องห้ามได้หรือไม่ ต่อให้ทำได้ หากจู่ ๆ มีเมฆดำเคลื่อนมาบดบังเล่า จะทำเช่นไร?หรือจะต้องเฝ้ารอต่อไป? รอจันทร์เต็มดวงครั้งหน้า รอวันที่ฟ้าโปร่งใสไร้เมฆหมอกบดบังกระนั้นหรือ?แต่เซียวเหิง... เขาชำเลืองมองเฉียวเนี่ยน เห็นเพียงคิ้วเรียวงามที่ขมวดมุ่น นัยน์ตาฉายแววกังวลลึกล้ำจนมิอาจหยั่งถึงเซียวเหิงคงไม่อาจยื้อชีวิตรอได้นานเพียงนั้นบรรยากาศภายในโถงพลันกลับมาตึงเครียดหนักอึ้งขึ้นอีกหลายส่วนหนิงซวงนั่งเท้าคาง ใบหน้าจิ้มลิ้มยับย่นเข้าหากัน อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำออกมา “เฮ้อ... หากมีของวิเศษอันใดที่ส่องสว่างยามค่ำคืนได้ดุจดั่งดวงจันทร์ก็คงจะดีไม่น้อย!”แม้เป็นเพียงวาจาที่เอ่ยออกมาโดยมิได้ตั้งใจ ทว่ากลับเปรียบประดุจสายฟ้าฟาด ที่ผ่าลงกลางความทรงจำอันเลือนรางซึ่งถูกปิดผนึกไว้ในซอกหลืบหนึ่งของมู่เมิ่งเสวี่ยอย่างฉับพลัน!เห็นนางเงย
続きを読む

บทที่ 1404

แม้จะเคย ‘ร่วมเป็นร่วมตาย’ กับอวี่เหวินฮ่าวมาหนึ่งคืน แต่มู่เมิ่งเสวี่ยก็ยังมิได้ประเมินค่าบุรุษผู้นี้ไว้สูงส่งนักฉู่จืออี้เม้มริมฝีปากแน่น มิได้เอ่ยคัดค้าน เพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”เขามิอาจปล่อยให้นางต้องเผชิญหน้ากับบุรุษอันตรายผู้นั้นเพียงลำพังทว่าเฉียวเนี่ยนกลับส่ายหน้า “มิได้! ท่านยังบาดเจ็บอยู่!”ฉู่จืออี้ฉายแววจำยอมพาดผ่านระหว่างคิ้ว พยายามเอ่ยให้นางคลายใจ “ข้าไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ เพียงแผลภายนอกเท่านั้น...”เขาจงใจขยับแขนข้างที่บาดเจ็บให้ดู ทว่าความตึงเครียดของกล้ามเนื้อเพียงเล็กน้อยก็ยังทำให้ท่วงท่าของเขาแข็งเกร็งไปชั่ววูบอย่างยากจะสังเกต“เช่นนั้นก็มิได้!” เฉียวเนี่ยนตัดบท น้ำเสียงเจือความกังวลลึกซึ้งกว่าเดิม “อวี่เหวินฮ่าวผู้นี้จิตใจลึกล้ำสุดหยั่ง หากท่านไปด้วย รังแต่จะทำให้เขาเกิดความระแวงระวังตัวขึ้นมา แล้วพาลไม่ยอมร่วมมือจะทำเช่นไร?”นี่เป็นปัญหาที่ยุ่งยากอย่างแท้จริงฉู่จืออี้ได้ฟังดังนั้น นัยน์ตาที่ล้ำลึกก็สงบนิ่งลง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน สันกรามที่เด่นชัดตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย ความกังวลแผ่ปกคลุมอยู่เหนือคิ้วคู้ของเขาคล้ายมีตัวต
続きを読む

บทที่ 1405

หัวใจของเฉียวเนี่ยนดิ่งวูบลงสู่ก้นเหวในทันที สีหน้าซีดเผือดลงหลายส่วนฝ่ายมู่เมิ่งเสวี่ยนั้นยิ่งหนักกว่า นางขมวดคิ้วมุ่นจนแทบเป็นปม ถลึงตาใส่อวี่เหวินฮ่าวอย่างดุดัน ก่อนจะลุกขึ้นพรวด พลางคว้าแขนเฉียวเนี่ยนไว้แน่น น้ำเสียงเจือโทสะ “ในเมื่อไม่มีหนทาง ทำไมไม่รีบพูดแต่เนิ่น ๆ? ปล่อยให้พวกเราเสียเวลาเปล่าอยู่ที่นี่ตั้งนาน! พี่หญิง เราไปกันเถอะ!”ว่าแล้ว นางก็รั้งตัวเฉียวเนี่ยนหมายจะเดินออกไป ทว่าก่อนไปก็มิวายหันกลับมาตวัดสายตาคมกริบใส่อวี่เหวินฮ่าวอีกครา แววตานั้นเชือดเฉือนประหนึ่งจะเจาะร่างเขาให้เป็นรูพรุนทว่าใครจะคาดคิด ทั้งสองเพิ่งก้าวเท้าออกไปได้เพียงสองก้าว เสียงทุ้มต่ำราบเรียบของอวี่เหวินฮ่าวก็ลอยแว่วมาจากเบื้องหลังราวกับภูตพราย “ทว่า... ก็มิใช่จะไร้หนทางเสียทีเดียว”ฝีเท้าของเฉียวเนี่ยนและมู่เมิ่งเสวี่ยชะงัก ร่างกายเกร็งเขม็งขึ้นฉับพลันทั้งสองสบตากันด้วยความฉงนระคนตื่นตระหนก ก่อนจะค่อย ๆ หมุนตัวกลับมา จับจ้องไปยังร่างที่นั่งสงบนิ่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือด้วยสายตาจดจ่ออีกครั้งมู่เมิ่งเสวี่ยโกรธจนควันออกหู ใบหน้าแดงระเรื่อ นางกัดฟันกรอดถามเสียงเขียว “อวี่เหวินฮ่าว! ท่านพูดจาให้มัน
続きを読む

บทที่ 1406

“อ้อ” มู่เมิ่งเสวี่ยเบ้ปาก พลางเอ่ยออกไปว่า “ก็ได้” ทว่าในใจกลับค่อนขอดว่า ‘ช่างเสแสร้งนัก’เฉียวเนี่ยนยื่นมือออกไปรับม้วนกระดาษจากมู่เมิ่งเสวี่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทันทีที่สัมผัส นางรู้สึกได้ถึงความหนักอึ้งผิดวิสัยของกระดาษสีเหลืองซีดม้วนนั้น ราวกับว่ามันกำลังแบกรับความลับและภยันตรายนับไม่ถ้วนเอาไว้นางคารวะอวี่เหวินฮ่าวเล็กน้อย น้ำเสียงเจือแววซาบซึ้งใจ “ขอบพระคุณองค์ชายรองที่ช่วยเหลือ” นางเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง...”ทว่ายังมิทันที่นางจะกล่าวจบ อวี่เหวินฮ่าวกลับดูเหมือนจะล่วงรู้ความคิดของนางได้ทะลุปรุโปร่ง เขาชิงเอ่ยขึ้นก่อน น้ำเสียงกลับคืนสู่ความราบเรียบไร้ระลอกคลื่นดังเดิม “แม่นางเฉียวคงอยากจะไปดูอาการของเซียวเหิงสักหน่อยใช่หรือไม่?”เฉียวเนี่ยนประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้ารับทันที “เจ้าค่ะ” นางจำเป็นต้องไปเห็นสภาพของเซียวเหิงให้แน่ใจด้วยตาตนเองอวี่เหวินฮ่าวดูจะมิได้แปลกใจแต่อย่างใด เขาเพียงยกมือขึ้นชี้ไปยังทิศทางประตูอย่างไม่ใส่ใจนัก ท่วงท่าเต็มไปด้วยความห่างเหินอันเป็นวิสัยของผู้มีอำนาจเหนือกว่า “เชิญตามสบาย”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เฉียว
続きを読む

บทที่ 1407

อีกด้านหนึ่ง เฉียวเนี่ยนและมู่เมิ่งเสวี่ยได้อำลาอวี่เหวินฮ่าว แล้วพากันเดินตามระเบียงคดเคี้ยวของจวนอวี่เหวินออกไปยามสนธยาโพล้เพล้ โคมไฟใต้ระเบียงทางเดินค่อย ๆ สว่างไสวขึ้นทีละดวง แสงสีนวลสลัวทอดเงาวูบไหวลงบนพื้นทางเดินปูหิน ทำให้เงาร่างของคนทั้งสองทอดยาวและหดสั้นสลับกันไปมาเฉียวเนี่ยนกำม้วนแผนที่อันหนักอึ้งในแขนเสื้อไว้แน่น ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงความหยาบกระด้างและความเย็นเยียบแห่งกาลเวลาของกระดาษแผ่นนั้น ทว่าในใจกลับหนักอึ้งประดุจมีหินผาเข้าทับถม จนแทบไม่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของมู่เมิ่งเสวี่ยที่ดังอยู่ข้างหูเคราะห์ดีที่มู่เมิ่งเสวี่ยเองก็มิได้ถือสาทั้งสองเพิ่งเดินผ่านซุ้มประตูลายพระจันทร์ แล้วย่างเข้าสู่ทางเดินในอุทยานที่ค่อนข้างกว้างขวาง ทันใดนั้น เงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบงันคล้ายภูตผี มายืนขวางทางอยู่เบื้องหน้าพวกนางเฉียวเนี่ยนชะงักฝีเท้า หัวใจพลันเต้นระรัว เมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้มาเยือนอย่างชัดเจน นางจึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ทว่าความวิตกกังวลที่ลึกล้ำกว่าก็เข้าครอบงำแทนที่ในทันใด “ศิษย์พี่?”ผู้มาเยือนคือเสิ่นเยว่นั่นเองเขาสวมชุดผ้าฝ้ายสีคราม ใบหน้าหล
続きを読む

บทที่ 1408

ทว่า ก่อนที่นางจะได้ทันก้าวเท้าออกไป เสิ่นเยว่พลันยื่นแขนข้างหนึ่งออกมาขวางหน้านางไว้อย่างมั่นคง“เนี่ยนเนี่ยน มิได้!” น้ำเสียงของเสิ่นเยว่เด็ดขาดหนักแน่น แฝงไว้ด้วยความเคร่งขรึมชนิดที่ไม่อาจโต้แย้งเฉียวเนี่ยนเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตระหนกเสิ่นเยว่จ้องมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความร้อนรนของนาง เขาลดน้ำเสียงลงให้ดูอ่อนโยนขึ้น ทว่ายังคงแฝงความหนักอึ้งเอาไว้ “ยามนี้เซียวเหิงสูญเสียความทรงจำจนสิ้น เปรียบประดุจผ้าขาว จิตใจย่อมเปราะบางอย่างยิ่ง เจ้ากับเขามีความผูกพันในอดีตลึกซึ้ง หากจู่ ๆ ปรากฏตัวต่อหน้าเขา ใครจะรับรองได้ว่าจะไม่เป็นการไปกระตุ้นอาการของเขา? หากเพราะเหตุนี้ทำให้เลือดคั่งในสมองกำเริบ หรือถึงขั้นชักนำให้พิษกัดกระดูกปะทุขึ้นก่อนกำหนด...”เขาไม่ได้กล่าวต่อจนจบ แต่ถ้อยคำที่ค้างคาอยู่นั้นน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าคำข่มขู่ใด ๆเขาตบไหล่เฉียวเนี่ยนเบา ๆ น้ำเสียงเจือแววปลอบประโลมทว่าจริงจังถึงที่สุด “เนี่ยนเนี่ยน เชื่อข้าเถิด มีข้าคอยเฝ้าอยู่ข้างกายเขา ข้าย่อมใช้ทุกวิถีทางประคองอาการเขาไว้ให้ได้ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเจ้าในยามนี้ คือเร่งนำหญ้าผลึกหยกม่วงกลับมาให้เร็วที่สุด! นั่นต่างหากคือหนท
続きを読む

บทที่ 1409

นางเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเนี่ยน สายตาบริสุทธิ์จริงใจ “พี่หญิง ท่านอย่าหัวเราะเยาะข้านะเจ้าคะ ข้ามีความรู้สึกว่า ศิษย์พี่ของท่านผู้นี้... จิตใจลึกล้ำยิ่งนัก แม้ภายนอกเขาจะดูห่วงใยเซียวเหิง และวาจาที่เอ่ยออกมาก็ดูมีเหตุผลไปเสียหมด แต่ข้ากลับรู้สึกว่า... เหมือนเขากำลังปกปิดอะไรบางอย่าง ทำให้มองไม่ออกเลยเจ้าค่ะ”นางชะงักไป คล้ายพยายามสรรหาถ้อยคำที่ตรงใจที่สุด ท้ายที่สุดก็บ่นพึมพำออกมาอย่างท้อแท้ “เอาเป็นว่า... ข้าไม่ถูกชะตากับคนที่มีความคิดซับซ้อนเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ! เห็นแล้วรู้สึกเหนื่อยใจพิลึก เหมือนกับ... เหมือนกับอวี่เหวินฮ่าวผู้นั้นไม่มีผิด!”ถ้อยคำของมู่เมิ่งเสวี่ยแฝงไว้ด้วยสัญชาตญาณและความตรงไปตรงมาตามประสาเด็กสาว กระทั่งมีความดื้อรั้นแบบเด็ก ๆ เจืออยู่บ้างเฉียวเนี่ยนฟังแล้ว ความวิตกกังวลอันหนักอึ้งเรื่องอาการป่วยของเซียวเหิงในใจ กลับถูก “การฟ้องร้อง” แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของมู่เมิ่งเสวี่ยชะล้างไปเสียหลายส่วน จนอดขำไม่ได้นางเพียงคิดว่าแม่หนูมู่เมิ่งเสวี่ยผู้นี้ คงเป็นเพราะนิสัยตรงไปตรงมาเกินไป และเพิ่งถูกอวี่เหวินฮ่าว “หยอกเย้า” ทำให้ใจหวาดระแวงต่อทุกคนที่ดูไม่ “เปิดเผย” ไปเสียหมดเ
続きを読む

บทที่ 1410

“นายท่านม่อ...” เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วมุ่น “แล้วตอนนี้นายท่านม่อ...”“อยู่ที่สำนักราชาโอสถ” อิ๋งชีชิงตอบขึ้นก่อนเมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของเฉียวเนี่ยนก็ฉายแววผิดหวังขึ้นวูบหนึ่งดังคำกล่าวที่ว่าน้ำไกลมิอาจดับไฟใกล้ พวกเขาย่อมไม่อาจส่งแบบแปลนฉบับนี้ไปให้นายท่านม่อตรวจสอบได้ทันท่วงทีทว่าคาดไม่ถึง อิ๋งชีพลันเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แววตาภายใต้หน้ากากนั้นดูเยือกเย็นยิ่งนัก “ทว่า... ในอดีตข้าน้อยเคยทำงานใต้สังกัดนายท่านม่อ ทั้งยังได้ร่วมสร้างสิ่งปลูกสร้างบางส่วน จึงพอจะดูแบบแปลนเป็นอยู่บ้าง หากท่านเจ้าสำนักไว้วางใจข้า...”เฉียวเนี่ยนลิงโลดใจขึ้นมาทันที นางไม่รอให้เขาพูดจบประโยคด้วยซ้ำ รีบกวักมือเรียกเขา “เช่นนั้นเจ้าก็รีบมาดูนี่เร็วเข้า!”อิ๋งชีก้าวเข้ามาใกล้ โน้มกายลงเล็กน้อย สายตาลุ่มลึกประดุจเข็มหยั่งที่แม่นยำที่สุด กวาดมองไปทั่วทุกตารางนิ้วบนแผ่นกระดาษอย่างละเอียดกาลเวลาคล้ายจะหยุดนิ่ง แสงเทียนวูบไหวทอดเงาเต้นระริกกระทบเสี้ยวหน้าอันจดจ่อแน่วแน่ของอิ๋งชีผ่านไปเนิ่นนาน เขาจึงค่อย ๆ ยืดตัวขึ้น ละสายตาจากแบบแปลนหันไปมองเฉียวเนี่ยนและฉู่จืออี้ น้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง “แบบแปลนนี้เป็นของจริงขอ
続きを読む
前へ
1
...
139140141142143144
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status