Semua Bab ปูเปลี่ยนชีวิต: Bab 31 - Bab 40

หลังจากฟื้นตัวจากวิกฤตน้ำเสีย — แสงใหม่เริ่มส่องมาอีกครั้งหลังผ่าน “อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต” มาได้ (ฉากที่ 30) นนท์และทีมพยายามพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส พวกเขาเริ่มติดตั้ง ระบบกรองน้ำแบบง่าย หาน้ำจากแหล่งใหม่มาผสมและค่อย ๆ รีเซตการเลี้ยงปูรุ่นใหม่ ด้วยใจที่เข้มแข็งกว่าเดิมภายในเวลา 3 สัปดาห์บ่อเลี้ยงเริ่มกลับมามีชีวิตลูกค้าบางรายเริ่มทยอยกลับมาระบบภายในเริ่มนิ่งความหวังค่อย ๆ ก่อตัวอีกครั้ง“นี่อาจจะเป็นรอบที่เราจะกลับมาแข็งแรงกว่าครั้งก่อน...” นนท์คิดในใจและในวันที่ปูโตพร้อมขาย… ความฝันก็หายไปภายในคืนเดียวปูล็อตนี้คือ ล็อตพรีเมียมพิเศษ เลี้ยงด้วยสูตรใหม่ ปรับน้ำดี ใช้แรงใจทั้งทีม นนท์คาดว่า หากขายได้ตามเป้า จะมีรายได้สุทธิถึง 120,000 บาท สูงที่สุดตั้งแต่เริ่มธุรกิจมาก่อนวันจัดส่ง 1 วัน เขาให้ลูกทีมหนึ่งคนชื่อ “ชาติ” ซึ่งเป็นคนต่างหมู่บ้านที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ 2 เดือน ช่วยเฝ้าบ่อในช่วงกลางคืน เพราะต้องมีคนดูแลระบบออกซิเจนและกันคนแปลกหน้าชาติเป็นคนที่ดูขยัน เงียบ ๆ ไม่พูดมาก แต่นนท์ไม่รู้ว่า... การไว้ใจครั้งนี้จะกลายเป็น “บทเรียนที่ราคาแพงที่สุดในชีวิต”เช้าวันรุ่งขึ้น — บ่อ

“ทำไมเงินหาย… ทั้งที่เราขายดี?”หลังจากที่นนท์ เริ่มใหม่จากศูนย์อีกครั้ง ด้วยบ่อเลี้ยงปูเล็ก ๆ เขาค่อย ๆ ขายได้มากขึ้น มีลูกค้ากลับมา มีเงินสดหมุนเวียนเข้ามาทุกวันแต่ไม่นาน… เขาก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆทำไมเงินในกระเป๋า “เหลือน้อย” กว่าที่ควรจะเป็น?ทำไมจ่ายของหมด แต่ “ไม่เห็นกำไร”?ทำไมเวลาคิดเร็ว ๆ แล้ว “กำไรดูดี” แต่พอเอาเข้าจริง กลับ “ติดลบ”?“เราทำอะไรพลาดหรือเปล่า?” “หรือเรายังไม่เข้าใจธุรกิจตัวเองเลยด้วยซ้ำ?”นนท์เริ่มรู้แล้วว่า ถึงเวลาต้องเรียนรู้สิ่งที่เขาเคยกลัวที่สุด — “บัญชี”เปิดสมุดเปล่า — กับคำถามที่ไม่มีคำตอบเขาเปิดสมุดเล่มเก่า ขีดเขียนด้วยลายมือ หน้าหนึ่งเขียนหัวข้อไว้ว่า:บัญชีของปูเปลี่ยนชีวิตเขานั่งลงนับ:รายได้ต่อวันต้นทุนอาหารค่าแรงค่าบรรจุภัณฑ์ค่าน้ำ-ค่าไฟค่าขนส่งค่าสูญเสียจากปูที่ตายแต่... ตัวเลขมันกระจัดกระจายไม่มีระบบ ไม่มีคำว่า "กำไรจริง" หรือ "ขาดทุนจริง"“มันเหมือนเรากำลังทำงาน แต่ไม่เคยวัดผลเลยว่า... ได้อะไรกลับมาจริง ๆ”ขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่เคยคาดคิด — แก้มนนท์นั่งกุมขมับอยู่ในศาลา ทันใดนั้น แก้มก็เดินผ่านมา เห็นสมุดเต็มไปด้วยตัวเล

ปัญหาที่ยังวนกลับมา — แม้แบรนด์จะโตขึ้นแม้ตอนนี้ "ปูเปลี่ยนชีวิต" จะกลายเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง มีโรงเลี้ยงปูเป็นของตัวเอง มีทีมที่ไว้ใจได้ และลูกค้าคุณภาพที่พร้อมจ่ายเพื่อสินค้าที่ดีแต่ในขณะที่ธุรกิจของนนท์โตขึ้น...ชาวบ้านที่เคยจับปูขายก็ยังคงอยู่ในวังวนเดิม“ขายให้พ่อค้าคนกลาง กิโลละ 70”“เขาบอกว่าปูเราไม่สวย ไม่สด ทั้งที่เพิ่งจับมา”“บางทีเอาปูไป แต่ไม่จ่ายเงินทันที แล้วก็หายหน้า”เสียงเหล่านี้เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ชาวบ้านเริ่ม “หวังจะขายให้แบรนด์ของนนท์” มากขึ้นแต่… พ่อค้าคนกลางไม่ยอมง่าย ๆภัยคุกคามเริ่มชัดเจน — และเริ่ม “เล่นสกปรก”วันหนึ่ง รถบรรทุกของพ่อค้าคนกลางชื่อ “เฮียอ๊อด” จอดขวางหน้าทางเข้าโรงเลี้ยงของนนท์ ลูกน้องของเฮียอ๊อดยืนพิงรถ พูดเสียงดังให้ทีมงานได้ยิน“เดี๋ยวนี้ใครก็เปิดโรงเลี้ยงกันง่าย ๆ เลยนะ เห็นเด็กเมื่อวานซืนก็คิดจะเป็นเจ้าสัว ระวังล่ะ อย่าให้ปูในบ่อมันหายไปอีกรอบก็แล้วกัน”นนท์เดินออกมาเงียบ ๆ สบตากับพวกนั้นตรง ๆ เขาไม่ตอบโต้อะไร แต่สีหน้าเต็มไปด้วย ความนิ่งที่แข็งแรงกว่าคำพูดปรากฏการณ์ “ห้ามขายให้ปูเปลี่ยนชีวิต”ในไม่กี่วันหลังจากนั้นชาวบ้านหลายคนที่เคย

เช้าวันหนึ่ง กับข้อความจาก “ช่องข่าวดัง”ขณะนนท์กำลังให้อาหารปูอยู่ที่บ่อ โทรศัพท์มือถือก็มีข้อความเข้า“สวัสดีครับ นี่คือทีมงานจากรายการ ‘คนต้นแบบ’ ช่อง 5 เราได้อ่านเรื่องของคุณจากเพจลูกค้าหลายราย และสนใจอยากมาถ่ายทำรายการที่ฟาร์มของคุณครับ”นนท์มองข้อความด้วยความตกใจเล็กน้อย“เราแค่เด็กคนหนึ่งจากชายหาด… ทำไมถึงมีคนสนใจขนาดนี้?”เขาถามพี่ตั้ม พี่ตั้มแค่ยิ้มแล้วพูดว่า“เพราะเรื่องของนาย มันคือสิ่งที่ใครหลายคนอยากเห็นว่ามัน ‘เกิดขึ้นจริงได้’”การเตรียมตัวต้อนรับทีมงานสื่อครั้งแรกไม่ใช่การตื่นเต้นแบบ “จะดังแล้ว!” แต่มากกว่านั้นคือ… “จะเล่าอะไรดี ที่มันตรงกับหัวใจเราที่สุด?”นนท์กับทีมช่วยกันเคลียร์โรงเลี้ยง- ล้างบ่อให้สะอาด- จัดพื้นที่โชว์ระบบการเลี้ยง- เตรียมบอร์ดแสดงภาพ ตั้งแต่วันแรกที่ฟาร์มยังเป็นแค่บ่อเก่า ๆ- ปู่ทำน้ำจิ้มกะปิ น้ำจิ้มสูตรโบราณไว้ต้อนรับทีมงาน“เราจะไม่จัดฉาก เราจะเล่าให้เขาเห็นว่า ที่นี่มันจริง”กล้องตัวแรก และคำถามที่เปลี่ยนชีวิตวันถ่ายทำมาถึง ทีมงานเดินทางมาจากกรุงเทพฯ พร้อมกล้องและไมโครโฟน พิธีกรเดินสำรวจพื้นที่โรงเลี้ยง ก่อนจะเริ่มสัมภาษณ์นนท์กลางแดด“น้องน

คำถามที่จุดประกายวันหนึ่ง หลังจากส่งปูให้ร้านอาหารในเชียงใหม่ ลูกค้าคนหนึ่งก็ถามนนท์ผ่านแชทเพจ:“น้องมีร้านอาหารเป็นของตัวเองหรือยังคะ? หนูอยากกินปูที่มาจากมือของน้องจริง ๆ ไม่ผ่านใครเลย”คืนนั้น นนท์นั่งอยู่หน้าบ่อ มองพระจันทร์สะท้อนบนผิวน้ำแล้วคิดกับตัวเองว่า...“ที่ผ่านมา เราเลี้ยงปูดี เราส่งของดี แล้วทำไมเราไม่ลอง ‘เสิร์ฟของดี’ ด้วยตัวเราเองบ้าง?”แนวคิดร้าน “ปูเปลี่ยนชีวิต - Crab from the Heart”นนท์วางแนวคิดร้านอาหารของตัวเองไว้ 3 แก่น: 1. ไม่ใช่แค่ร้านอาหาร แต่คือ “พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ”ทุกโต๊ะจะมี “เรื่องเล่าของปู” แปะไว้ลูกค้าได้อ่านเรื่องของคนเลี้ยงปูจริง ๆมี QR Code สแกนดูวิดีโอเบื้องหลังการเลี้ยง 2. สด-ตรงจากฟาร์ม ไม่เก็บข้ามวันใช้เฉพาะปูที่จับ-พัก-ส่งมาภายใน 24 ชั่วโมงไม่มีสต๊อกทุกจานคือความสดที่ควบคุมได้เอง 3. ร้านเล็กแต่ความตั้งใจใหญ่ไม่ตกแต่งหรูหราใช้ของจากชุมชนจานอาหารเรียบง่ายแต่ “มีชีวิต”สถานที่ตั้ง: กลับมาที่ "บ้าน"แม้จะมีข้อเสนอให้เปิดในเมืองแต่นนท์เลือกเปิดร้านเล็ก ๆ ริมทะเล ในพื้นที่ใกล้โรงเลี้ยง เขาบอกว่า...“ถ้าเราอยากให้คนเข้าใจชีวิตของปู...เ