All Chapters of พลิกชะตาคุณชายตกอับ: Chapter 11 - Chapter 20

30 Chapters

บทที่ 11

“การเขียนตัวอักษรบนกระดาษนี้ ไม่เพียงแต่ให้ลายเส้นที่คมชัดและหนักแน่น มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก แต่ยังแยกระดับหมึกเข้มจางได้อย่างชัดเจน มันคือสุดยอดกระดาษแห่งยุคโดยแท้”ลั่วฝานเอ่ยขึ้น “เวลามีจำกัด ข้าเลยทำออกมาได้แค่หนึ่งพันแผ่น”แม้ว่าจะยังไม่ถึงสามพันแผ่น แต่สวีหย่วนกลับยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไร มูลค่าของกระดาษหนึ่งพันแผ่นนี้ สูงกว่ากระดาษป่านสามพันแผ่นเสียอีก เดี๋ยวพวกเราไปหาเถ้าแก่หลิวกัน เขาได้เห็นกระดาษเยื่อไผ่นี้ จะต้องชอบมันอย่างแน่นอน”สวีหย่วนคัดกระดาษส่วนหนึ่งออกมาเป็นพิเศษ ห่ออย่างระมัดระวัง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังโรงพิมพ์หย่งอันพร้อมกับลั่วฝานหลังจากลัดเลาะผ่านถนนที่เจริญรุ่งเรืองสองสามสาย ลั่วฝานและสวีหย่วนก็มาถึงหน้าโรงพิมพ์ที่ดูหรูหราและมีเอกลักษณ์แห่งหนึ่ง“เถ้าแก่สวี ลมอะไรหอบท่านมาถึงนี่ได้?” ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมบางไว้เครายาวคนหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม“เถ้าแก่หลิว!” สวีหย่วนประสานมือคารวะพลางยิ้ม แล้วเดินเข้าไปในโรงพิมพ์หย่งอันพร้อมกับลั่วฝาน“เถ้าแก่สวีมาเยือนในวันนี้ มีธุระอันใดหรือ?” เถ้าแก่หลิวเอ่ยถามด้วยท่าทีอย่างบัณฑิตลั่วฝานกวาดตามองการต
Read more

บทที่ 12

และในขณะนี้เอง ชายท่าทางเหมือนบัณฑิตคนหนึ่งเดินผ่าน เมื่อเห็นกระดาษเยื่อไผ่ที่กองอยู่ในโรงพิมพ์ บนใบหน้าก็แสดงความสงสัยออกมาบัณฑิตผู้นี้ลองลูบสัมผัสเนื้อกระดาษ บนใบหน้าก็พลันเปี่ยมไปด้วยความยินดีจนเก็บไม่อยู่ รีบเอ่ยถามเถ้าแก่หลิวว่า “เถ้าแก่ กระดาษนี่ขายอย่างไร?”เถ้าแก่หลิวเห็นอีกฝ่ายแสดงความดีใจออกมาชัดเจน ลูกตาก็กลอกไปมาทีหนึ่ง ทำท่าทางเป็นพ่อค้าเจ้าเล่ห์ พร้อมกับยื่นมือข้างหนึ่งออกมา“ห้าสิบอีแปะต่อแผ่น!”กระดาษแผ่นละห้าสิบอีแปะ แพงกว่ากระดาษป่านถึงห้าเท่า หากลั่วฝานอยู่ที่นี่ คงต้องตะโกนด่าว่าพ่อค้าหน้าเลือดแน่เห็นได้ชัดว่าลั่วฝานประเมินความสำคัญของกระดาษที่มีต่อเหล่านักปราชญ์บัณฑิตต่ำเกินไปสำหรับชาวบ้านทั่วไป กระดาษป่านหรือกระดาษเยื่อไผ่ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก อย่างมากก็แค่เนื้อกระดาษดีกว่าเล็กน้อยแต่สำหรับเหล่าบัณฑิตแล้วแตกต่างออกไป โดยเฉพาะบัณฑิตที่ชื่นชอบในบทกวีและภาพวาดพวกเขาล้วนหวังว่าผลงานของตนจะสามารถสืบทอดต่อไปได้ยาวนานหากเขียนผลงานลงบนกระดาษป่าน ไม่กี่ปีตัวอักษรก็จะเลือนรางแล้ว ยิ่งถ้าเจออากาศชื้นแฉะในวันฝนตก กระดาษก็จะขึ้นรา เปื่อยยุ่ย เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ย
Read more

บทที่ 13

สุดท้าย ลั่วฝานก็รับผิดชอบขั้นตอนการช้อนกระดาษและการตากด้วยตัวเอง!สิบวันต่อมา กระดาษเยื่อไผ่ชุดที่สองจำนวนห้าพันแผ่นก็ผลิตเสร็จ ส่งมอบส่วนของเถ้าแก่หลิวจนครบ และเริ่มทำกระดาษรอบที่สาม เถ้าแก่หลิวก็จ่ายเงินส่วนที่ค้างไว้ให้จนครบอย่างรวดเร็ว พอได้เงินมา สวีหย่วนก็มอบเงินสิบตำลึงให้ลั่วฝานอย่างง่ายดายลั่วฝานก็ไม่ปฏิเสธ นี่คือสิ่งที่เขาควรได้รับ“อีกสิบวัน ก็จะสามารถส่งมอบกระดาษที่เหลืออีกเจ็ดพันแผ่นได้ทั้งหมดแล้ว ในที่สุดความกังวลใจก็จะหมดสิ้นไปเสียที” สวีหย่วนถอนหายใจอย่างโล่งอกทว่าในขณะนั้นเอง ก็มีลูกน้องคนหนึ่งที่สวมชุดผ้าป่านมาเยือนสวีหย่วนจำได้ว่าคนผู้นี้เป็นลูกน้องของโรงพิมพ์ฝูอัน เขารีบยิ้มแล้วเอ่ยถาม “ลิ่วจื่อ? ช่วงนี้เถ้าแก่ฝูสบายดีหรือไม่?”ลิ่วจื่อไม่ได้พูดจาไร้สาระ เขาหยุดยืนอยู่ที่หน้าโรงพิมพ์ตระกูลสวี แล้วเอ่ยขึ้น “เถ้าแก่สวี เถ้าแก่ของข้าให้ข้ามาบอกท่านว่า กระดาษสองพันแผ่นของโรงพิมพ์เรา อีกสองวันก็จะถึงกำหนดส่งมอบแล้ว เถ้าแก่เตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?”เมื่อได้ยินคำพูดของลิ่วจื่อ สวีหย่วนก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นึกขึ้นได้ว่าในมือยังมีกระดาษเยื่อไผ่อยู่สามพันกว่าแผ่น เพ
Read more

บทที่ 14

“เฉียนเฟิง ข้ากับท่านไม่มีความแค้นใดๆ ต่อกัน ท่านทำเช่นนี้ด้วยเหตุใด?” สวีหย่วนกำหมัดแน่น กล่าวอย่างขอบตาแดงก่ำ“ไม่มีความแค้น แต่เจ้าขวางทางทำเงินของข้า” เฉียนเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย โบกพัดในมือเบาๆ แล้วหันหลังเดินจากไป“อีกสองวัน ข้าจะส่งคนมารับกระดาษ”สวีหย่วนกัดฟันกรอด กำมือแน่นจนเป็นสีเขียวคล้ำ แต่สุดท้ายก็ยังคงอดทนไว้สวีหย่วนเปิดโรงพิมพ์มาหลายปี ก็ไม่ได้เก็บเงินได้มากมายอะไรนัก ต่อให้เอาเงินเก็บทั้งหมดออกมาชดใช้ ก็ยังแทบจะไม่พอ แต่ถ้าชดใช้เงินไปแล้ว ในอนาคตโรงพิมพ์จะทำอย่างไรต่อไป?เมื่อเห็นสีหน้าย่ำแย่ของสวีหย่วน ลั่วฝานก็เอ่ยขึ้น “โรงพิมพ์ใหญ่ๆ ในเมืองหย่งอันล้วนมีความสัมพันธ์อันดีกับเฉียนเฟิง พวกเขาร่วมมือกันสร้างปัญหา เห็นได้ชัดว่ามั่นใจว่าจะจัดการเถ้าแก่สวีได้แน่”หลักการนี้สวีหย่วนจะไม่รู้ได้อย่างไร เขากล่าวอย่างจนปัญญา “เฮ้อ เป็นข้าที่ประมาทเอง ไม่ได้ดูแลกระดาษให้ดี ถึงปล่อยให้พวกเขาฉวยโอกาสได้”“เหตุใดไม่แจ้งทางการ?” สีหน้าของลั่วฝานดูโกรธเล็กน้อย“จะเอาอะไรไปแจ้งทางการ?” สวีหย่วนไพล่มือไว้ด้านหลัง“แค่อาศัยคำพูดเมื่อครู่ของเขาน่ะหรือ? พวกเราไม่มีหลักฐานอะไ
Read more

บทที่ 15

“รอเดี๋ยว สหาย เดี๋ยวก่อน” หยางฝูรีบตามมาพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ “เอาอย่างนี้เป็นไร แผ่นละสามสิบห้าอีแปะ พวกเจ้ามีเท่าไร ข้าเอาเท่านั้น”“ห้าสิบอีแปะ! น้อยกว่านี้แม้แต่อีแปะเดียวก็ไม่ขาย” ลั่วฝานส่ายหน้าพลางยิ้ม“นี่มันแพงเกินไปแล้ว ชาวบ้านในเมืองลวี่วั่งไม่มีปัญญาซื้อหรอก” หยางฝูกล่าวคนจนใช้ไม่ไหวก็จริง แต่พวกพ่อค้า ขุนนาง บัณฑิตนักกวี ย่อมซื้อไหวอยู่แล้วใช่หรือไม่?กระดาษเยื่อไผ่นี้เดิมทีก็ไม่ได้ทำมาให้คนจนใช้เช็ดก้นอยู่แล้ว“ถ้าเถ้าแก่หยางไม่เอา พวกเราก็คงต้องไปดูร้านอื่นแล้ว” สวีหย่วนก็ยิ้มพลางประสานมือคารวะ ทำท่าจะเดินจากไปเช่นกัน“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน!” หยางฝูร้อนรนขึ้นมาเขารู้ดีว่า หากกระดาษเยื่อไผ่นี้ถูกขายให้โรงกระดาษอื่น ให้คนอื่นชิงตัดหน้า แย่งการค้าไปได้ ต่อไปคงจะทำการค้าได้ลำบาก“ได้ ห้าสิบอีแปะต่อแผ่น ข้าเอาห้าพันแผ่น”“ไม่มีปัญหา แต่ต้องรออีกหนึ่งเดือน”“หนึ่งเดือน?” หยางฝูชะงักไป “นี่มันช้าเกินไปแล้ว กระดาษป่านที่ข้าสั่งจากร้านเหล่าหวัง สิบวันก็ได้ห้าพันแผ่นแล้ว”“กระบวนการทำกระดาษเยื่อไผ่นี้ซับซ้อน จะให้เทียบกับกระดาษป่านที่ทั้งหยาบและทำง่ายได้อย่างไร?” ลั่วฝา
Read more

บทที่ 16

สตรีมากมายที่แต่งให้กับบุรุษที่ไม่เป็นที่พอใจ ชีวิตก็ไม่ต่างอะไรไปจากตายทั้งเป็น ยามค่ำคืนมีแต่ต้องปรนนิบัติสามีหลังจากที่สามีเบื่อหน่าย ก็จะบังคับให้ภรรยารับแขกในโลกที่เน่าเฟะเช่นนี้ ยังจะมีคุณธรรมจริยธรรมอันใดหลงเหลืออยู่อีก?หากมิใช่เพราะอู่ชิงพอมีฝีมืออยู่บ้าง คอยปกป้องจูอีโหรวและซ่างกวนถิง สองสตรีผู้งดงามเหล่านี้ก็คงถูกลั่วฝานขายไปยังหอคณิกาเพื่อเป็นนางโลมไปนานแล้วหลังจากทะลุมิติมาได้ครึ่งค่อนเดือน ลั่วฝานก็ทำความเข้าใจกับยุคต้าเซิ่งนี้ได้อย่างชัดเจนแล้วเขาไม่ได้โทษอู่ชิงและซ่างกวนถิงที่ดูถูกตนเอง เจ้าของร่างเดิมนั้นเป็นคนที่สิ้นหวังเกินจะเยียวยาจริง ๆพอลั่วฝานให้เงินมาบ้าง ฐานะทางบ้านก็ดีขึ้นเล็กน้อยจูอีโหรวนำเงินที่ยืมมาจากเพื่อนบ้านไปคืนจนหมด ทั้งยังซื้อผ้าห่มผืนใหม่มาเพิ่มอีกสองสามผืนยามค่ำ จูอีโหรวหุงข้าวสวยที่นาน ๆ จะได้กิน ทั้งยังทำกับข้าวอีกสองอย่าง เป็นเนื้อหนึ่งอย่างและผักหนึ่งอย่าง!ลั่วฝานกินไปเพียงเล็กน้อยอย่างง่าย ๆ รู้สึกไม่เจริญอาหารเครื่องปรุงรสในยุคต้าเซิ่งนี้มีจำกัดเกินไป ไม่มีผงชูรส ไม่มียี่หร่า ไม่มีน้ำมันหอย แม้แต่พริกก็ยังไม่มีก็มีเพียงจู
Read more

บทที่ 17

“ถิงถิง ช่วงนี้ท่านพี่ก็ดีขึ้นมากแล้ว เจ้าก็ไปที่ห้องของเขาเถอะนะ?” จูอีโหรวเอ่ยเกลี้ยกล่อม“พี่อีโหรว ข้า...” ซ่างกวนถิงขอบตาแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่าควรจะพูดเช่นไรดีอู่ชิงเองก็หน้าแดงเช่นกัน “หรือไม่อย่างนั้นพี่อีโหรว วันนี้ท่านก็ไปแทนสิเจ้าคะ?”“แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่ไปเล่า?” ใบหน้างามของจูอีโหรวพลันแดงก่ำอู่ชิงแลบลิ้น “ข้าไม่ไปหรอกเจ้าค่ะ”“คราวก่อนเจ้าก็ไปมิใช่หรือ?” จูอีโหรวยิ้มหวานใบหน้างามของอู่ชิงแดงซ่าน “ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดหรอกเจ้าค่ะ คืนนั้นท่านพี่ไม่ได้แตะต้องตัวข้า”ลั่วฝานนอนอยู่บนเตียงไม้กระดาน จ้องมองรูโหว่บนหลังคา อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ในยุคกลียุคชีวิตคนช่างต่ำต้อยยิ่งกว่าสุนัขเขาก็เป็นเพียงคุณชายเสเพลตระกูลเจ้าที่ดินผู้หนึ่ง ที่ได้แต่งภรรยางามถึงสามคนภายใต้ความบังเอิญและการเล่นตลกของโชคชะตาแต่ลั่วฝานดูออกว่า ทั้งสามคนต่างก็คอยระแวดระวังเขา แม้แต่จูอีโหรวผู้ที่เคยมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับเขาอย่างแท้จริง เขาก็มองนางไม่ออกจูอีโหรวอ่อนโยน เป็นภรรยาที่ดี และเข้าใจผู้อื่นแต่ลั่วฝานกลับรู้สึกอยู่เสมอว่าระหว่างคนทั้งสองมีบางอย่างขวางกั้นอยู่ บางทีระหว่างพวกเข
Read more

บทที่ 18

“จางหู่!” ลั่วฝานมาถึงหน้าลานบ้านของจางหู่ แล้วตะโกนเรียกไปทางหน้าต่างบ้านของจางหู่ยากจนยิ่งกว่าลั่วฝานเสียอีก แม้แต่ลานบ้านสักแห่งก็ไม่มี มีเพียงห้องแค่ห้องเดียวโชคดีที่ในบ้านมีเขาอยู่เพียงลำพัง ไม่ต้องทนแออัดยัดเยียดอยู่ด้วยกันทั้งครอบครัว“ลั่วฝาน มีธุระอันใดหรือ?” จางหู่ก้มตัวเดินออกมาเขาสูงใหญ่เกินไป พออยู่ในห้องก็ไม่สามารถยืดตัวตรงได้เลย ทำได้เพียงก้มหน้าเดินออกมาพูดคุยกับลั่วฝาน“ไปกับข้าหน่อย ซื้ออิฐกับกระเบื้องมาซ่อมแซมลานบ้านข้าสักหน่อย” ลั่วฝานพูดไปพลาง ล้วงแป้งแผ่นสองสามแผ่นออกมาจากอกเสื้อยื่นส่งให้จางหู่พอจางหู่เห็นแป้งแผ่น สองตาก็ลุกวาวขึ้นมาทันที รับมาแล้วก็กัดกินไปสองคำใหญ่“ไม่มีปัญหา” จางหู่ยิ้มอย่างซื่อ ๆคนทั้งสองไปที่โรงอิฐเพื่อซื้อกระเบื้องมากว่าร้อยแผ่น และอิฐดินอีกกว่าสามร้อยก้อนในยุคสมัยนี้ คนที่สามารถใช้อิฐสีครามได้ล้วนเป็นคนร่ำรวยทั้งสิ้น ครอบครัวธรรมดาทั่วไปล้วนใช้แต่อิฐดินเพียงเท่านี้ เถ้าแก่โรงอิฐก็ดีใจจนถึงกับอาสามาส่งสินค้าให้ถึงหน้าประตูบ้านด้วยตนเองอิฐสีครามก้อนละสองอีแปะ กระเบื้องแผ่นละสิบอีแปะลั่วฝานจ่ายเงินไปอย่างรวดเร็ว“จางหู่
Read more

บทที่ 19

ในสมัยโบราณไม่มีสิทธิบัตร หากเทคโนโลยีถูกขโมยไป ความยากลำบากของตนเองก็จะสูญเปล่าสำหรับสวีหย่วน ลั่วฝานคิดว่าหลังจากช่วยเขาผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ กระดาษที่จะผลิตหลังจากนี้ตนจะขายเอง การขายผ่านมือผู้อื่นย่อมไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาวอย่างแน่นอนส่วนวิชาการพิมพ์ก็ถือเสียว่าเป็นต้นทุนในการเข้าร่วมหุ้นกับโรงพิมพ์ตระกูลสวีหลายวันที่ผ่านมานี้ เวลาที่ลั่วฝานทำกระดาษ เขาจะหลีกเลี่ยงสวีหย่วนเสมอ ขั้นตอนสำคัญล้วนควบคุมด้วยตนเอง ไม่ยอมให้ลูกจ้างของสวีหย่วนได้เห็นเป็นอันขาดประเด็นนี้สวีหย่วนเองก็ทราบดีการค้าพูดกันด้วยเรื่องผลประโยชน์ เทคนิคการทำกระดาษอย่างไรก็ไม่อาจมอบให้สวีหย่วนได้โชคดีที่ลานบ้านไม่เล็ก สามารถใช้เป็นสถานที่ทำกระดาษได้ ตอนเที่ยง ลั่วฝานเดินทางไปยังโรงพิมพ์ตระกูลสวี เพื่อบอกความคิดในใจของตนให้สวีหย่วนได้รับรู้เดิมทีคิดว่าเขาจะโกรธ แต่นึกไม่ถึงว่าหลังจากที่สวีหย่วนได้ฟังความคิดของลั่วฝานแล้ว เขากลับยิ้มอย่างเรียบเฉยและพยักหน้าอย่างเข้าใจ“สหายลั่วมีความคิดเช่นนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ ข้าก็ไม่อาจปฏิเสธได้”ลั่วฝานชะงักไปเล็กน้อย คำพูดของสวีหย่วนทำให้เขารู้สึกล
Read more

บทที่ 20

เมื่อกระดาษที่ขาวสะอาดและอ่อนนุ่มปรากฏขึ้นตรงหน้า ซ่างกวนถิงก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน บนใบหน้าที่งดงามของนางปรากฏร่องรอยแห่งความยินดีนางถูกดึงดูดโดยกระดาษเยื่อไผ่ตรงหน้าในทันที มือที่บอบบางราวกับไร้กระดูกของนางลูบไล้บนกระดาษทันทีสองสามครั้ง“นี่คือกระดาษที่ท่านทำขึ้นหรือ?” ในแววตาของซ่างกวนถิงฉายแววสงสัยลั่วฝานพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ถูกต้อง นี่คือกระดาษเยื่อไผ่ที่ข้าทำขึ้นเอง”“เป็นอย่างไรบ้าง? พอจะเข้าตาทุกคนได้หรือไม่?”ซ่างกวนถิงพยักหน้า “ไหนเลยจะเป็นเพียงเท่านั้น เกรงว่าทั่วทั้งต้าเซิ่งคงหาร้านที่สองที่สามารถผลิตกระดาษที่ขาวราวกับน้ำค้างแข็งเช่นนี้ได้ไม่”ในแววตาของนางฉายแววแห่งความยินดี ตอนที่ตระกูลยังไม่ตกต่ำ สิ่งที่นางชอบที่สุดคือการตวัดพู่กันเขียนบทกวีทว่านับตั้งแต่แต่งงานกับลั่วฝาน นางก็ไม่เคยจับพู่กันอีกเลย แม้แต่กระดาษก็แทบไม่เคยได้สัมผัสเพราะไม่กล้า ทุกครั้งที่ได้เห็นเครื่องเขียน นางก็จะหวนคิดถึงช่วงเวลาที่เคยรอวันออกเรือนอยู่ในห้องหอหญิงสาวในตอนนั้น ตระกูลรุ่งเรือง บิดามารดายังคงอยู่เมื่อเห็นแววตาของซ่างกวนถิงฉายแววเศร้าสร้อย ลั่วฝานจึงหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาแล้
Read more
PREV
123
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status