Lahat ng Kabanata ng พลิกชะตาคุณชายตกอับ: Kabanata 1 - Kabanata 10

30 Kabanata

บทที่ 1

“หนึ่งคำนับฟ้าดิน สองคำนับบิดามารดา สามีภรรยาคำนับกัน ส่งตัวเข้าห้องหอ!”พร้อมกับเสียงตะโกนของผู้ดำเนินพิธีและเสียงหยอกล้อของญาติมิตร ลั่วฝานและหญิงสาวสามคนที่คลุมหน้าด้วยผ้าคลุมสีแดง ก็ก้าวเข้าสู่ห้องหอสงครามที่ต่อเนื่องยาวนานทำให้ราชวงศ์ต้าเซิ่งขาดแคลนบุรุษ เพื่อฟื้นฟูจำนวนประชากร ฮ่องเต้จึงสนับสนุนให้ราษฎรแต่งภรรยาและมีบุตร ด้วยเหตุนี้ ลั่วฝานที่เป็นเพียงชาวนาผู้ยากไร้ จึงสามารถแต่งภรรยาพร้อมกันถึงสามคนได้ในคราวเดียวยิ่งไปกว่านั้น ภรรยาทั้งสามคนนี้ไม่เพียงแต่มีรูปโฉมงดงามหาที่เปรียบมิได้ แต่ยังมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไปอีกด้วยลั่วฝานพยายามข่มความตื่นเต้นในใจ กำลังจะเปิดผ้าคลุมหน้าสีแดง เพื่อยลโฉมของคนงาม แสงสว่างสายหนึ่งพลันแวบผ่านหน้าไปตื่นจากฝันแล้ว“ข้า ข้ากำลังฝันอยู่หรือ? ไม่ นี่ไม่ใช่ความฝัน”เมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นว่าตนเองอยู่ในกระท่อมมุงจากที่ผุพังและเก่าแก่ซอมซ่อหลังหนึ่งลั่วฝานเป็นคนยุคปัจจุบัน เกิดมาเป็นเด็กกำพร้า อาศัยการทำงานพิเศษส่งเสียตัวเองเรียนจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้ หลังจากเรียนจบก็ได้เข้าทำงานในบริษัทใหญ่และได้รับเงินเดือนสูงแต่เขาก็ไม่ได้เริ่มใช้
Magbasa pa

บทที่ 2

ในชั่วขณะนั้น ดวงตาที่คมกริบดุจพยัคฆ์ของลั่วฝานก็ฉายแววเย็นเยียบออกมาอย่างห้ามไม่ได้ น้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวนั้นแสดงถึงเจตจำนงอันแน่วแน่“ดี ดี”หวังซานโก่วแค่นยิ้ม “เช่นนั้นข้าให้เวลาเจ้าเจ็ดวัน อีกเจ็ดวันข้าจะมาใหม่ ถึงตอนนั้นหากเจ้ายังหาเงินมาไม่ได้ ก็อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้า!”พูดจบ หวังซานโก่วก็พาลูกน้องสองคนจากไปจูอีโหรวมองลั่วฝาน ในใจพลันเกิดความรู้สึกปลอดภัยอย่างยิ่ง นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่า จะมีวันที่ท่านพี่ปกป้องตนเองหวังซานโก่วก็แต่งภรรยาหลายคนเช่นกัน เพียงแต่หน้าตาธรรมดาๆ การที่ลั่วฝานสามารถแต่งภรรยาที่งดงามดั่งเทพธิดาได้ถึงสามคน ก็ต้องขอบคุณใบหน้าที่หล่อเหลาของเขานี่แหละ“อีโหรว ชิงเอ๋อร์ ระยะนี้ ข้าผิดต่อพวกเจ้าจริงๆ”ลั่วฝานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว ภรรยาทั้งสามของตน หากไปอยู่ในยุคปัจจุบัน พวกนางคือเทพธิดาในใจของผู้ชายนับไม่ถ้วน แต่ในโลกนี้ กลับต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส“ลั่วฝาน! ระยะนี้ท่านเอาแต่ทุบตีด่าทอพวกเรา เดิมทีพวกเราก็กินไม่อิ่มไม่มีเสื้อผ้าอุ่นๆ ใส่อยู่แล้ว ยังต้องเจียดเงินที่หามาได้ยากลำบากให้ท่านผลาญเล่น! นี่ก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้ท่านกลับวางแผนคิดจะหาผลประโย
Magbasa pa

บทที่ 3

ทุกคนกำลังดื่มด่ำกับบทกวีนี้อย่างลึกซึ้ง“ฝนดีย่อมรู้ฤดูกาล เมื่อยามวสันต์จึงโปรยปราย...”คิ้วที่ขมวดแน่นของสวีหย่วนคลายออก “สหาย บทกวีนี้ท่านเป็นคนแต่งหรือ?”ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร ภูมิศาสตร์ หรืออารยธรรมของราชวงศ์ต้าเซิ่ง ล้วนไม่ต่างจากประเทศหัวเซี่ย แต่ประวัติศาสตร์หลังจากยุคชุนชิวเป็นต้นมา กลับแตกต่างจากประวัติศาสตร์จริงของประเทศหัวเซี่ยอย่างสิ้นเชิง นักกวีอย่างหลี่ไป๋หรือตู้ฝู่ก็ย่อมไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนลั่วฝานพยักหน้า“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! บทกวีนี้เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอก มีเพียงอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศเท่านั้นจึงจะแต่งออกมาได้ คนธรรมดาทั่วไป ไม่มีทางแต่งบทกวีเช่นนี้ออกมาได้เด็ดขาด!”“ต้องเป็นเจ้าหมอนี่ไปอ่านเจอมาจากตำราโบราณที่ไหนสักแห่งแน่ๆ! เจ้าหนู พูดความจริงมา ไปเห็นมันมาจากที่ใดกันแน่!”ในไม่ช้า ก็มีคนสองสามคนเริ่มตั้งข้อสงสัย“สหาย ในเมื่อท่านมีพรสวรรค์ด้านกวีถึงเพียงนี้ เช่นนั้นข้าขอทดสอบท่านอีกสักสองสามบท นี่จึงจะเป็นการพิสูจน์ที่ดีที่สุด ใช่หรือไม่?”สวีหย่วนกล่าว“ใช่”มุมปากของลั่วฝานอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ในชาติที่แล้วเขาชื่นชอบป
Magbasa pa

บทที่ 4

“สหาย คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?”สวีหย่วนขมวดคิ้ว “ผลิตกระดาษป่านแผ่นหนึ่งต้นทุนก็สิบอีแปะแล้ว กระดาษป่านนับหมื่นแผ่นในโกดังนั่น ใช้เงินข้าไปกว่าร้อยตำลึง ข้ารับเงินมัดจำจากเถ้าแก่หลายคน ตอนนี้ใกล้ถึงกำหนดส่งของ แต่กระดาษป่านกลับถูกทำลายจนหมดสิ้น ต้องคืนเงินมัดจำ แถมยังต้องจ่ายค่าปรับให้พวกเขา ไม่มีใครสามารถคลี่คลายวิกฤตของข้าได้หรอก!”“ถึงแม้ครั้งนี้จะสูญเสียอย่างหนัก แต่อย่างน้อยคนก็ไม่เป็นอะไร ตราบใดที่คนยังอยู่ ก็ย่อมหาเงินได้แน่นอน”ลั่วฝานเอ่ยขึ้น “หากข้ามีวิธีสร้างกระดาษชนิดหนึ่งที่ขาวสะอาดเนียนนุ่ม ไม่ถูกแมลงกัดกินไม่เปื่อยยุ่ยเล่า? เช่นนี้แล้ว ก็จะสามารถนำผลกำไรมหาศาลมาให้ท่าน ชดเชยความเสียหายในครั้งนี้ได้ และข้าคิดว่าเถ้าแก่เหล่านั้นย่อมยินดีที่จะขยายเวลาให้ท่านอีกสักหน่อย”“ขาวสะอาดเนียนนุ่ม ไม่ถูกแมลงกัดกินไม่เปื่อยยุ่ย?”สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นกระดาษเยื่อไผ่มาก่อน เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงการมีอยู่ของมัน สวีหย่วนส่ายหน้าพลางเอ่ยขึ้น “สหาย ช่างทำกระดาษในต้าเซิ่งมีนับไม่ถ้วน จะมีกระดาษเช่นนี้ได้อย่างไร”“เถ้าแก่ ท่านแค่เชื่อข้าก็พอ”ลั่วฝานกล่าวอย่างมั่นใจ “ข้าน้
Magbasa pa

บทที่ 5

สวีหย่วนถอนหายใจยาว ส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “โรงพิมพ์ของข้า ก็แค่พอประคองตัวไปได้ เดือนหนึ่งหาเงินได้ไม่ถึงห้าตำลึง”ห้าตำลึงสำหรับชาวบ้านทั่วไป ถือเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวแต่สำหรับคนที่ผ่านโลกมามากอย่างสวีหย่วน โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับการปิดกิจการโรงพิมพ์ตระกูลสวีก็แค่ประคองตัวไม่ให้ล้มเท่านั้น“ไม่จริงน่า? ข้าเห็นคนมาอ่านหนังสือที่โรงพิมพ์ทุกวันก็ไม่น้อยเลยนี่? เหตุใดถึงหาเงินไม่ได้?” ลั่วฝานกล่าวอย่างประหลาดใจเล็กน้อยโรงพิมพ์ตระกูลสวีมีคนมาอ่านหนังสือทุกวันหลายร้อยคน แทบไม่มีที่นั่งว่าง คึกคักขนาดนี้ จะหาเงินไม่ได้ได้อย่างไรเมื่อเห็นลั่วฝานพูดเช่นนี้ สวีหย่วนก็ยิ้มอย่างขมขื่น “สหายลั่วอาจจะยังไม่ทราบ อำเภอหย่งอันนี้ไม่ได้มีแค่โรงพิมพ์ของข้าเพียงแห่งเดียว เมื่อเดือนที่แล้ว ทางตะวันออกของเมืองก็เพิ่งเปิดโรงพิมพ์ตระกูลเฉียน ไม่เพียงแต่อ่านหนังสือครึ่งราคา ยังแถมน้ำชาอีกด้วย!”“พวกนักปราชญ์บัณฑิตในเมือง พากันไปอ่านที่โรงตระกูลเฉียนกันหมด ข้าไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องลดราคาตามไปด้วย นี่ไง แค่ค่าน้ำชาทุกวันก็ขาดทุนไปหลายร้อยอีแปะแล้ว”ลั่วฝานพอได้ฟังแล้ว นี่มันกลยุทธ์ท
Magbasa pa

บทที่ 6

สวีหย่วนได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะอย่างสดใส “สหายลั่วไม่ต้องเกรงใจ ท่านช่วยข้าไว้มากขนาดนี้ ต่อให้ท่านไม่พูด ข้าก็จะให้เงินท่านสักก้อนอยู่แล้ว”ขณะพูด สวีหย่วนก็หยิบถุงเงินเล็กๆ ถุงหนึ่งออกมา มีอยู่ประมาณสิบห้าตำลึง เขาโยนมันให้ลั่วฝานโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย สวีหย่วนผู้นี้เป็นคนที่ค่อนข้างมีคุณธรรม และก็ตั้งใจที่จะผูกมิตรกับลั่วฝานลั่วฝานไม่ได้นับ ชั่งน้ำหนักเศษเงินย่อยในมือ แล้วก็ยัดมันไว้ในอกลั่วฝานไปตลาดซื้อข้าว เนื้อ และน้ำมันกับเกลือเล็กน้อย จากนั้นก็เตรียมกลับบ้าน ระหว่างทางบังเอิญพบชายรูปร่างสูงใหญ่กำยำคนหนึ่งอีกฝ่ายเมื่อเห็นลั่วฝาน ก็แสดงสีหน้าดีใจออกมา เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเอง “ลั่วฝาน สองสามวันนี้ไม่เห็นท่านเลย? หายไปไหนมา?”คนที่พูดมีน้ำเสียงซื่อๆ และจริงใจ อาศัยความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม คนผู้นี้คือเพื่อนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ชื่อว่าจางหู่ ชื่อฟังดูดุดันมาก แต่กลับเป็นคนประเภทกล้ามโตแต่สมองทึบคนหนึ่งเจ้าของร่างเดิมมักจะหลอกล่อจางหู่ ให้ไปช่วยเขาต่อยตีอยู่บ่อยๆ “หู่จื่อ มาทำอะไรที่นี่?” ลั่วฝานประหลาดใจเล็กน้อยปกติแล้วจางหู่จะทำงานเป็นยามเฝ้าบ้านให้คนรวยในอำเภ
Magbasa pa

บทที่ 7

จูอีโหรวเห็นว่าข้าวต้มในถ้วยของจางหู่หมดแล้ว ก็รีบลุกขึ้นไปที่ห้องครัวเพื่อตักให้จางหู่อีกถ้วยแต่เมื่อกลับมาที่โต๊ะ นางกลับไม่ได้ตักข้าวต้มให้ตัวเอง“เหตุใดเจ้าไม่ตักล่ะ?” ลั่วฝานเอ่ยถามสายตาของจูอีโหรวฉายแววตกตะลึงเล็กน้อย เอ่ยขึ้นเสียงเบา “ข้าไม่หิว”ไม่หิว?ลั่วฝานมองใบหน้าที่ซีดเหลืองของจูอีโหรว เห็นได้ชัดว่าขาดสารอาหาร นี่เรียกว่าไม่หิวหรือ?ลั่วฝานไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินตรงไปที่ห้องครัวแล้วเปิดฝาหม้อออก พบว่าข้าวต้มข้างในเกือบจะถึงก้นหม้อแล้ว เห็นได้ชัดว่าจูอีโหรวกลัวว่าจะไม่พอกิน จึงไม่กล้าตักข้าวต้ม ไม่เพียงแต่จูอีโหรวเท่านั้น ข้าวต้มในถ้วยของอู่ชิงและซ่างกวนถิงก็ยังใสกว่าในถ้วยของลั่วฝานมากเห็นได้ชัดว่าเป็นข้าวต้มที่เติมน้ำเพิ่มเข้าไปเมื่อเห็นเช่นนี้ ในใจของลั่วฝานก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเขาตักข้าวต้มเหลวๆ ครึ่งถ้วยยกออกไป ในหม้อยังเหลืออีกประมาณหนึ่งถ้วย คาดว่ายังไม่พอให้จางหู่กินคนเดียวด้วยซ้ำพอกลับมาที่ห้องโถง ลั่วฝานก็วางถ้วยข้าวต้มครึ่งถ้วยไว้ตรงหน้าตนเอง จากนั้นก็เลื่อนถ้วยเดิมของตนไปตรงหน้าจูอีโหรว“เมื่อตอนเย็นข้าไปกินข้าวกับเถ้าแก่สวีมาจนอิ่มแปล้แล้ว ถ้วย
Magbasa pa

บทที่ 8

หลี่หน้าบากได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธจัดทันที ยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าจางหู่ใครจะรู้ว่าจางหู่ก็ไม่ใช่พวกที่จะยอมใครง่ายๆ เขาจับแขนของหลี่หน้าบากไว้ ถีบหนึ่งครั้งแล้วเหวี่ยง ส่งหลี่หน้าบากกระเด็นออกไปนอกลานบ้านทันทีลูกน้องทั้งสี่คนต่างมีสีหน้าหวาดกลัวไม่นานนัก เสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของหลี่หน้าบากก็ดังมาจากนอกลานบ้าน “ลั่วฝาน ห้าสิบตำลึงเงิน อีกสามวันข้าจะมาเอา ถ้าเจ้าหามาไม่ได้ ก็รอวันตายได้เลย!”ลูกน้องทั้งสี่คนรีบวิ่งแจ้นออกจากลานบ้าน พยุงหลี่หน้าบากจากไปจางหู่สบถด่าว่าไอ้ขี้ขลาด คว้าท่อนไม้ขึ้นมาหมายจะพุ่งตามออกไป แต่ถูกลั่วฝานยื่นมือขวางไว้ด้วยกำลังของเขาในตอนนี้ ยังไม่สามารถต่อกรกับเครือข่ายอิทธิพลมืดในเมืองหย่งอันได้“ท่านพี่ พวกเราไปล่วงเกินหลี่หน้าบากเข้าแล้ว พวกเขาไม่ปล่อยพวกเราไปแน่” จูอีโหรวขอบตาแดงก่ำ เดินออกมาจากหลังประตู น้ำเสียงมีแววสะอื้นเล็กน้อย“พวกเจ้าวางใจเถอะ เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง” ลั่วฝานเอ่ยปลอบโยนเดิมทีอู่ชิงก็ดูถูกลั่วฝาน เมื่อครู่ยังนึกว่าลั่วฝานจะกลัวหลี่หน้าบากจนยอมขายภรรยานางถึงกับเตรียมคว้ามีดตัดฟืนมาปกป้องพี่น้องแล้ว ไม
Magbasa pa

บทที่ 9

ลั่วฝานก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นี่เป็นอะไรไปอีก? เหตุใบหน้าใดจึงแดงก่ำแล้วอู่ชิง จูอีโหรว และซ่างกวนถิง ทั้งสามคนล้วนไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อลั่วฝาน เป็นเพียงโชคชะตาเล่นตลกเท่านั้น เพื่อความอยู่รอดจึงจำเป็นต้องลดตัวมาแต่งงานกับลั่วฝานแม้ว่าพวกเขาจะแต่งงานกันมาเป็นเดือนแล้ว แต่คนที่ร่วมห้องกับลั่วฝานจริงๆ มีเพียงจูอีโหรวเท่านั้น และนี่ก็เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน หลังจากที่จูอีโหรวคิดอยู่นานครึ่งค่อนวัน จึงตัดสินใจมอบกายให้ลั่วฝาน ร่างกายของเจ้าของร่างเดิมถูกสุรานารีสูบจนเสื่อมโทรมไปนานแล้ว ประกอบกับติดการพนันเป็นชีวิตจิตใจ หลังจากแต่งงานกับภรรยาคนงามทั้งสาม เขาก็มุดหัวอยู่ในบ่อนนานกว่าครึ่งเดือนทุกครั้งที่กลับบ้านก็ไม่เคยใกล้ชิดทั้งสามคน เอาแต่จะไถเงิน ไถสินเดิมไปขายเพื่อเอาเงิน แถมอู่ชิงแม้จะเป็นสตรีคนหนึ่ง แต่กลับมีพละกำลังมาก บนตัวพอมีวรยุทธ์อยู่บ้างทุกครั้งที่ลั่วฝานคิดจะร่วมหลับนอน ก็มักจะถูกอู่ชิงขัดขวางไว้ไม่ยอมให้ทำเมื่อคืนจูอีโหรวเห็นว่าลั่วฝานเปลี่ยนไปมาก และก็อยากให้ทั้งสามคนใช้ชีวิตกันดีๆ จึงเรียกอู่ชิงและซ่างกวนถิงมา ตกลงกันว่าจะผลัดกันปรนนิบัติลั่วฝานคนละหนึ่งคืน ทั้งสามค
Magbasa pa

บทที่ 10

ลั่วฝานนอนขดตัวอยู่ที่มุมเตียงตลอดทั้งคืน เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ก็พบว่าบนร่างของตนมีผ้าห่มคลุมอยู่อู่ชิงตื่นนอนแต่เช้าแล้ว กำลังช่วยจูอีโหรวตักน้ำและผ่าฟืนลั่วฝานลุกขึ้นมา เมื่อมองดูภรรยาทั้งสามที่งดงามราวกับดอกไม้กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจ หากทั้งสามคนได้เกิดในยุคหลัง แต่ละคนล้วนเป็นเทพธิดาที่ทุกคนใฝ่หา แต่ในแคว้นต้าเซิ่งที่เสื่อมโทรมและล้าหลังนี้ กลับทำได้เพียงแต่งให้กับคนขี้เกียจอย่างเจ้าของร่างเดิมที่บ้านยังพอมีเนื้อเหลืออยู่บ้าง จูอีโหรวจึงต้มข้าวต้มเนื้อแต่เช้า ลั่วฝานดื่มไปหนึ่งถ้วยเล็กเมื่อมองภรรยาทั้งหลายที่ผอมซูบและใบหน้าซีดเหลือง ลั่วฝานก็เอ่ยขึ้น “พวกเจ้าสามคนกินข้าวต้มให้หมด อย่าให้เหลือ ทิ้งไว้นานมันจะบูด”พูดจบ เขาก็รีบร้อนออกจากบ้านไปไผ่ที่แช่ไว้ใกล้จะได้ที่แล้ว ตามหลักการแล้ว แม้ว่าจะเติมปูนขาวลงไป ก็ยังต้องใช้เวลาแช่ถึงสิบวันเพียงแต่ว่าทางสวีหย่วนเร่งรัดมา ลั่วฝานจึงทำได้เพียงเร่งรัดขั้นตอน แม้ว่ามันจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพในท้ายที่สุด แต่ก็ยังดีกว่ากระดาษป่านมากนักหลังจากแช่เสร็จ ขั้นตอนต่อไปคือนำเส้นใยไผ่ไปนึ่งใน
Magbasa pa
PREV
123
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status