ครั้งหนึ่งฉันเปรียบเทียบร่างกายกับเมืองใหญ่ แล้วมองว่า 'Cells at Work' คือหนังสือภาพที่พาเราเดินชมเบื้องหลังของเมืองนั้นอย่างสนุกและเข้าใจง่าย ในเวอร์ชันของอนิเมะ ทุกเซลล์ถูกทำให้มีบุคลิกชัดเจน ตั้งแต่เม็ดเลือดแดงขี้หลงขี้ลืมที่มีหน้าที่ส่งออกซิเจน ไปจนถึงนิวโทรฟิลสาวนักสู้ที่กระโดดเข้าต่อสู้กับเชื้อโรคเป็นพัลวัน การเล่าเรื่องแบบนี้ทำให้กลไกพื้นฐานของระบบภูมิคุ้มกัน — แบ่งเป็นภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย (innate immunity) และภูมิคุ้มกันปรับตัว (adaptive immunity) — ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพจำที่เข้าใจง่ายและมีอารมณ์ร่วม
ฉากการต่อสู้ในเรื่องมักเริ่มจากการแจ้งเตือน: เซลล์ส่งสัญญาณเหมือนระฆังเตือนภัย ซึ่งในโลกจริงคือไซโตไคน์และสารเคมีอักเสบ ที่ทำให้หลอดเลือดขยายและเซลล์ภูมิต่างๆ ถูกดึงเข้ามายังจุดเกิดการติดเชื้อ ตอนนี้เราจะเห็นบทบาทของนิวโทรฟิลและมาโครฟาจเป็นแนวหน้า พวกมันทำหน้าที่กินเชื้อโรคและทำลายสิ่งแปลกปลอมอย่างรวดเร็ว นี่คือภาพสะท้อนของภูมิคุ้มกันเชิงรุกที่ตอบสนองทันทีโดยไม่ต้องรอการจดจำเฉพาะ นอกจากนั้นอนิเมะยังแสดงให้เห็นการทำงานของเซลล์ NK และคอมพลีเมนในลักษณะที่เข้าใจง่าย เช่น เป็นหน่วยที่โจมตีเซลล์ที่ติดเชื้อหรือเปลี่ยนรูปไปจากปกติ
พอเรื่องพาเราไปสู่ระบบภูมิคุ้มกันปรับตัว การเล่าเรื่องจะเปลี่ยนโทนเป็นการฝึกและวางแผนมากขึ้น ตัวแทนของสิ่งนี้คือเซลล์ T และ B มาในรูปแบบคนที่ฝึกฝนและพยายามจำใบหน้า (antigen) ของศัตรู เมื่อมาโครฟาจหรือเซลล์นำเสนอ antigen มันจะสื่อสารกับเซลล์ T ชนิดต่าง ๆ — T ช่วย (Helper T) ที่ส่งสัญญาณเพิ่มพลังให้ B และ T ฆ่า (Cytotoxic T) ที่มุ่งไปทำลายเซลล์ติดเชื้อ B เซลล์ถูกแปลงเป็นโรงงานผลิตแอนติบอดีที่เจาะจงต่อเชื้อโรคแต่ละชนิด แอนติบอดีเหล่านี้เปรียบเหมือนสลักตราที่ทำให้ระบบอื่น ๆ จำและโจมตีเป้าหมายได้ถูกต้อง นอกจากนี้การสร้างเซลล์ความจำ (memory cells) ในเรื่องถูกยกให้เป็นการเรียนรู้ระยะยาวที่ทำให้การตอบสนองครั้งต่อไปเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม เหมือนทหารที่เคยผ่าน
สมรภูมิมาก่อนแล้ว
สไตล์การนำเสนอของ 'Cells at Work' ยังลงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้ความซับซ้อนทางชีววิทยาดูน่าสนใจ เช่น การอธิบายไข้เป็นกลไกที่เพิ่มอุณหภูมิในโรงงานเพื่อทำให้เชื้อโรคทำงานไม่ได้ หรือฉากภูมิแพ้ที่เปรียบสารก่อภูมิแพ้เป็นผู้บุกรุกที่ทำให้ระบบตอบโต้ออกนอกหน้า ซึ่งช่วยให้คนทั่วไปเข้าใจว่าอาการต่าง ๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยไม่ต้องจมกับศัพท์เทคนิค สำหรับฉันแล้วความสามารถของงานชิ้นนี้คือทำให้เห็นภาพรวมทั้งระบบได้ชัดเจนและยังคงความอบอุ่น เข้าถึงได้เหมือนคำเล่าในวงเพื่อน ทำให้ทุกครั้งที่ดูจบรู้สึกภูมิใจในร่างกายตัวเองและอยากบอกต่อความรู้แบบไม่เครียดเลย