เมื่อเริ่มมองเรื่องราวของตระกูลไอซิน-กิโอโร (Aisin-Gioro) นาน ๆ แล้วก็รู้สึกว่าชะตาชีวิตของจักรพรรดิ
ปูยีแปลกประหลาดและโดดเดี่ยวมาก — เขาไม่มีทายาทโดยตรงเลยจริง ๆ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เรื่องราวของเขาแตกต่างจากราชวงศ์อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
ตลอดชีวิตที่ถูกดึงไปมาในบทบาทต่าง ๆ ระหว่างจักรพรรดิ
ขุนนางที่ถูกเนรเทศ และตัวเอกของรัฐบาลหุ่นเชิดในแมนจูโกว ปูยีไม่เคยมีบุตรโดยสายเลือดกับภรรยาหลักหรือภรรยาร่วมคนใด ความโกลาหลทางการเมือง สุขภาพจิตของคนรอบข้าง และชีวิตส่วนตัวที่สับสนทำให้เขาไม่มีโอกาสสร้างครอบครัวที่ต่อเนื่องได้ ฉันมองว่าเรื่องนี้สะท้อนถึงความเป็นไปไม่ได้ของการรักษา 'ตำแหน่ง' และ 'สายเลือด' ในยุคที่อำนาจแบบดั้งเดิมถูกทำลาย
เมื่อมองต่อไปยังสายสกุลโดยรวม จะเห็นว่าการสืบทอดไม่ได้สิ้นสุดแต่เพียงที่ปูยี — ตระกูล Aisin-Gioro ยังคงมีสาขาอื่น ๆ ที่ดำรงชีวิตอยู่ในจีนสมัยใหม่ คนที่มาจากสาขาแตกต่างกันก็กลายเป็นผู้สืบทอดทางวัฒนธรรมและตระกูล ตัวอย่างเช่นลูกหลานของพี่น้องหรือญาติในสาขาอื่นยังคงมีชีวิตอยู่และบางคนก็กลายเป็นตัวแทนร่วมของอดีตราชวงศ์ ฉันคิดว่าสิ่งนี้ทำให้ภาพการสืบทอดมีสองชั้น: ชั้นหนึ่งคือการสืบราชบัลลังก์ที่ปูยีเสียไปอย่างสิ้นเชิง อีกชั้นคือการสืบสายเลือดของตระกูลที่ยังทอดต่อผ่านญาติอื่น ๆ ซึ่งมักถูกมองข้ามในประวัติศาสตร์การเมือง
สุดท้ายแล้วการไม่มีทายาทของปูยีสำหรับฉันไม่ได้ทำให้เรื่องราวของเขาจบลงแบบเรียบง่าย แต่มันกลับเปิดมุมมองใหม่ ๆ ว่า 'มรดก' ที่แท้จริงอาจไม่ได้อยู่ที่เชื้อสายโดยตรงเสมอไป แต่เป็นเรื่องราว ประสบการณ์ และภาพสะท้อนของยุคสมัยที่คนหนึ่งต้องแบกรับไว้แทนคนทั้งตระกูล