เราเคยถูกฉากหนึ่งใน 'องค์บาก' ตอกตรึงจนพูดไม่ออก — มันไม่ใช่แค่การต่อสู้เพื่อโชว์ท่าเท่านั้น แต่มันเป็นความโกรธที่สั่งสมจากความล่วงละเมิดทางวัฒนธรรมและความสูญเสียของชุมชน ฉากที่ตัวเอกเดินผ่านซากบ้านเรือน
แววตาเย็นชา แต่ทันใดการระเบิดของลีลาและความดุดันกลับทำให้ภาพนั้นหนักขึ้น ฉากนี้กระทบจุดเล็ก ๆ ในตัวเรา เพราะมันรวมเอาการปกป้องสิ่งที่เป็นรากเหง้า ความอับอายที่เกิดจากการถูกปล้น และความสิ้นหวังที่ถูกแปลงเป็นพลังดิบ ซึ่งต่างจากฉากเคียดแค้นธรรมดา ๆ ที่เน้นแค่การแก้แค้นส่วนตัว
ภาษาภาพและเสียงในตอนนั้นทำงานร่วมกันอย่างประสาน — การกระทืบพื้น เสียงหอบ เสียงดาบกระทบ และแสงสลัวในซอยเล็ก ๆ มันทำให้ความโกรธไม่ใช่อารมณ์ฉาบฉวย แต่กลายเป็นแรงที่ขับเคลื่อนการกระทำของตัวละคร นอกจากนี้ความเป็นชุมชนที่ถูกล่วงละเมิดยังสะท้อนออกมาในฉากย่อย ๆ เช่นคนเฒ่าคนแก่ที่มองด้วยสายตาไร้คำพูด ทำให้ความโกรธของตัวเอกดูมีเหตุผลและมีน้ำหนัก การเห็นคนที่เรารักถูกทำร้ายในลักษณะเช่นนี้ มันเติมเต็มความเคียดแค้นจนกลายเป็นสิ่งที่ยากจะลืม
เมื่อตื่นจากความเงียบหลังฉากนั้น ยังมีความรู้สึกค้างคาเหมือนหนึ่งเพิ่งได้ชมบทกวีความรุนแรง — ไม่ใช่แค่เพื่อความฮือฮาแต่เป็นการสะท้อนว่าบางครั้งความโกรธคือภาษาที่คนธรรมดาใช้เมื่อคำพูดหมดไป ฉากแบบนี้ทำให้คิดถึงความรับผิดชอบทางศีลธรรมของตัวละคร และทำให้รู้ว่าการแก้แค้นไม่เคยง่าย มันทิ้งรอยแผลให้คนรอบข้างเสมอ — เป็นฉากที่ยังคงวนอยู่ในหัวและทำให้เรามองหนังแอ็กชันไทยในมุมที่ลึกขึ้น