ชื่อ '
ฮิกันบานะ' มาจากการรวมกันของคำสองคำในภาษาญี่ปุ่นที่มีรากมาจากภาษาจีนและแนวคิดพุทธศาสนา: '彼岸' (higan) หมายถึง 'ฟากฝั่งอีกรูปหนึ่ง' ในทางพุทธ หมายความถึงฝั่ง
พ้นทุกข์หรือการข้ามไปสู่ความสงบ ส่วน '花' (bana/ฮานะ) แปลว่า 'ดอกไม้' ดังนั้นชื่อรวมคือดอกไม้ที่เกี่ยวข้องกับ '彼岸' หรือช่วงเวลาและความคิดเกี่ยวกับการจากลา
ความสัมพันธ์กับฤดูกาลเป็นสิ่งสำคัญตรงนี้ เพราะดอกไม้ชนิดนี้ออกดอกช่วงใกล้กับวันชนิดพิเศษที่เรียกว่า 'お彼岸' ซึ่งตรงกับวันรอบดวงอาทิตย์เสมอช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทำให้คนโบราณเชื่อมโยงมันกับความตาย การ
ระลึกถึงผู้ล่วงลับ และการข้ามฟากไปยังอีกโลก ในนิทานพื้นบ้านหลายเรื่องดอก 'ฮิกันบานะ' ถูกเล่าว่าเป็นดอกไม้ที่ขึ้นขนาบทางเดินไปยังสุสานหรือข้างคันนา เพื่อไล่สัตว์และบอกตำแหน่งหลุมฝังศพ ซึ่งภาพแบบนี้ยังคงอยู่ในวัฒนธรรมร่วมสมัย
ชื่ออีกแบบหนึ่งที่คนญี่ปุ่นและจีนใช้เรียกคือ '曼珠沙華' (อ่านว่า 'มานจุชาเกะ' ในต้นฉบับจีน-พุทธ) ซึ่งมีรากศัพท์จากภาษาสันสกฤตในคัมภีร์พุทธที่สื่อความหมายว่าเป็นดอกไม้จาก
แดนสวรรค์ ความขัดแย้งระหว่างความงามและความเศร้าทำให้ผมมองเห็นความลึกซึ้งของชื่อเดียวนี้เสมอ — มันทั้งสวยและเตือนใจถึงการพลัดพราก ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่ว่าจะเป็นนักอ่านวัยรุ่นหรือคนที่ผ่านช่วงเวลาแห่งการสูญเสียมาก่อนก็ย่อมเข้าใจได้