5 답변
คืนนี้อยากชวนเลือกหนังพากย์ไทยที่ฮาและดูสบายหัว เหมาะกับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่นั่งดูด้วยกันโดยไม่ต้องคิดเยอะ ลองเริ่มจาก 'How to Train Your Dragon' ที่มีฉากผจญภัยและแอนิเมชันสวย, 'Shrek' ตลกเสียดสีที่ผู้ใหญ่ก็จะขำตาม, 'Kung Fu Panda' ผสมมุกแอ็กชันกับข้อคิด, 'The Incredibles' สำหรับครอบครัวสายซูเปอร์ฮีโร่, 'Ratatouille' ให้แรงบันดาลใจเรื่องความฝัน, 'Brave' เน้นความสัมพันธ์แม่-ลูกสาว, 'Tangled' เป็นเวอร์ชันเจ้าหญิงที่สดใส, 'Big Hero 6' ผสมวิทย์กับอารมณ์อบอุ่น, 'Inside Out' สอนเรื่องอารมณ์สำหรับเด็กโต, และ 'Beauty and the Beast' ที่ยังคลาสสิกเสมอ ฉบับพากย์ไทยหลายเรื่องทำเสียงตัวละครสดใส เหมาะกับการเปิดให้เด็กเรียนรู้คำศัพท์และคุยเรื่องค่านิยมหลังดูจบ
แฟนๆ ที่ชอบแฟนตาซีและผจญภัยน่าจะถูกใจรายชื่อท้ายสุดนี้ ซึ่งมีทั้งแอนิเมชันและภาพยนตร์ครอบครัวพากย์ไทยที่ให้ความรู้สึกต่างออกไป ลองจัดสรรไว้เป็นสำรองสำหรับวันหยุดยาว: 'Despicable Me' สนุกสนานกับมินเนี่ยน, 'WALL·E' โรแมนติกเงียบๆ มีแง่คิดสิ่งแวดล้อม, 'The Good Dinosaur' สวยงานภาพและสอนเรื่องกล้าตัดสินใจ, '
the little prince' (2015) สื่อความหมายลึกซึ้งแบบภาพยนตร์ครอบครัว, 'Pete's Dragon' อบอุ่นและผจญภัย, 'Stuart Little' ตลกน่ารักสำหรับเด็กเล็ก, 'The NeverEnding Story' คลาสสิกแฟนตาซี, 'The Muppets' (2011) คืนความสนุกแบบดั้งเดิม, 'Night at the Museum' ผจญภัยในพิพิธภัณฑ์ที่ตื่นเต้น และ 'The Iron Giant' บทเพลงความผูกพันระหว่างเด็กกับหุ่นยนต์ หนังพากย์ไทยของเรื่องพวกนี้ส่วนใหญ่จับโทนได้ดี ดูแล้วทั้งบ้านได้หัวเราะ สุข และบางทียังได้คุยกันถึงเรื่องสำคัญหลังจากปิดจออีกด้วย
มีลิสต์อีกชุดที่เน้นความคิดสร้างสรรค์และเรื่องราวที่ชวนให้ครอบครัวคุยกันได้ยาวๆ ลิสต์นี้ผมเลือกหนังที่พากย์ไทยแล้วดูไหลลื่นและมีมุมเหมาะจะฉายร่วมกัน: 'Paddington' เสน่ห์ของหมีที่สอนเรื่องความใจดี, 'The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe'
ผจญภัยแฟนตาซีระดับครอบครัว, 'Matilda' เรื่องเด็กอัจฉริยะที่รักการอ่าน, 'The Princess Bride' แฟนตาซีคอมเมดี้ให้ทั้งหัวเราะและอมยิ้ม, 'Babe' ความน่ารักของจดหมายความเมตตาในฟาร์ม, 'E.T. the Extra-Terrestrial' ผูกมิตรระหว่างเด็กกับสิ่งมีชีวิตต่างดาว, 'Mary Poppins' เพลงและการแสดงที่ชวนเด็กท่องจินตนาการ, 'Enchanted' ผสมการ์ตูนและโลกจริงอย่างสนุก, 'Hook' ให้ความรู้สึกผจญภัยในโลกวัยเด็กที่โตแล้วอยากกลับไป และ 'The Jungle Book' (2016) ซึ่งมีภาพสวยและจังหวะตื่นเต้น เหมาะจะเปิดให้เด็กๆ ดูแล้วคุยเรื่องบทเรียนชีวิตหลังจากนั้น เสน่ห์ของหนังชุดนี้คือมันเปิดโอกาสให้ครอบครัวแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างวัยได้อย่างเป็นธรรมชาติ
อยากแนะนำชุดหนังพากย์ไทยที่ดูได้ทั้งครอบครัว ตั้งแต่เด็กโตถึงผู้ใหญ่ชอบดูด้วยกันได้ไม่เคอะเขิน
ถ้าต้องเลือกแบบเริ่มจากคลาสสิกของความผูกพันและการเติบโต ลิสต์แรกนี้เน้นเรื่องราวอบอุ่นและฮาเหมาะกับวัยทุกคน: 'Toy Story' เป็นบทเรียนมิตรภาพที่เด็กๆ จะชอบ, 'Finding Nemo' ผจญภัยใต้ท้องทะเลที่เอาใจทั้งรุ่นพ่อแม่, 'The Lion King' ดราม่าแบบครอบครัวที่ร้องตามเพลงได้, 'Aladdin' ผจญภัยแฟนตาซีพร้อมเพลงติดหู, 'Frozen' เพลงดังและธีมรักพี่น้อง, 'Moana' เหมาะกับครอบครัวที่ชอบการผจญภัยทางทะเล, 'Coco' อบอุ่นและสอนเรื่องความทรงจำ, 'Zootopia' ตลกร้ายแฝงสังคมวิจารณ์เล็กๆ, 'Up' เศร้าแล้วอบอุ่นในแบบเดียวกัน, และ 'Monsters, Inc.' ขำขันและมีหัวใจง่ายๆ
บางเรื่องในลิสต์นี้มีฉบับพากย์ไทยที่ทำได้ดีจนเด็กฟังเข้าใจได้ ขณะที่ผู้ใหญ่ก็ยังยิ้มตามได้ ยามมีเวลาไม่มาก เลือกหนึ่งเรื่องแล้วป๊อปคอร์นให้พร้อม ดูคู่กับคนที่บ้าน รับรองค่ำคืนครอบครัวเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเรื่องคุยหลังภาพยนตร์
เด็กๆ จะหัวเราะได้เต็มที่กับคอเมดี้แอนิเมชันพากย์ไทยบางเรื่องที่น้ำเสียงสดใสและตัวละครน่ารัก ลิสต์สั้นๆ นี้เหมาะกับครอบครัวที่อยากได้ความสนุกรวดเร็ว: 'Spirited Away' ถ้าอยากให้เด็กโตสัมผัสจินตนาการลึก, 'My Neighbor Totoro' อบอุ่นและเหมาะกับเด็กเล็ก, 'Kiki's Delivery Service' การผจญภัยของวัยรุ่นที่เป็นมิตร, 'Ponyo' สดใสเหมือนนิทาน, 'The Secret World of Arrietty' เรื่องเล็กๆ ที่แฝงความมหัศจรรย์, 'The Peanuts Movie' คลาสสิกในเวอร์ชันใหม่, 'The Lego Movie' ฮาสนุกและมีไอเดีย, 'Sing' สำหรับครอบครัวที่ชอบเพลง, 'A Bug's Life' ผจญภัยมุมมองจิ๋ว และ 'Cloudy with a Chance of Meatballs' ตลกประหลาด ชุดนี้เหมาะมากสำหรับเลือกเปิดช่วงเย็นก่อนเข้านอนหรือวันหยุดสั้นๆ เพราะไม่ยืดยาวเกินไปและเด็กๆ จะอินกับตัวละครได้ทันที