ตลอดหลายปีที่ผมก้าวเข้าไปในเกมที่ให้บทบาทผสมระหว่างการต่อสู้และการสนับสนุน ผมมองว่าสเตตัสของ
healer ในฐานะนักสู้ควรมีลำดับความสำคัญที่ต่างออกไปจาก healer แบบบริสุทธิ์ การเลือกสเตตัสต้องตอบโจทย์สองหน้าที่คือรักษาพันธมิตรให้ยืนรอด และยังสามารถรับภาระการปะทะตรงๆได้เมื่อจำเป็น
อันดับแรกผมให้ความสำคัญกับความสามารถในการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพ (healing potency) — ค่า scaling ของสกิลรักษาต่อค่าสเตตัสหลัก เช่น Mind/Intelligence/Healing Power ในเกมแต่ละประเภทเป็นตัวกำหนดว่าควรเน้นอะไร ถัดมาคือแหล่งพลังงานและความยั่งยืน (MP/Resource pool และ Regen) ถ้าร่ายบ่อยแต่หมดพลังเร็ว จะหมดบทบาทในช่วงยาว จึงควรบาลานซ์ระหว่างพลังการรักษาต่อครั้งกับจำนวนครั้งที่รักษาได้
อีกสองจุดที่มักถูกมองข้ามคือความเร็วในการออกสกิล (cast/animation speed หรือ cooldown reduction) กับความอยู่รอดของตัวผู้รักษาเอง (HP, DEF, resistances) — ในฐานะนักสู้ที่ต้องยืนกลางสนาม ผมมักใส่คะแนนให้ความเร็วเพื่อให้สามารถตอบสนองได้ทันและใส่คะแนนป้องกันเพิ่มเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ถูกย้ำตายก่อนจะกดสกิลได้ นอกจากนี้ utility เช่น potency ของบัฟ/ดีบัฟและระยะการรักษา (range/area) ก็ควรพิจารณาตามสไตล์ทีม: หากทีมเน้นดวลเดี่ยวให้เน้น single-target heal และ mobility แต่ถ้าทีมชอบยืนรวมกัน ให้เพิ่ม AoE และ resource efficiency
ยกตัวอย่างแบบที่ผมเคยเล่นในสไตล์คล้ายกับ 'Final Fantasy Tactics' จะเห็นว่าตัวละครแนวฮีลเลอร์ที่เป็นสายต่อสู้ (เช่นพวก Red Mage เวอร์ชั่นเทิร์นเบส) มักต้องการ Balance ระหว่าง Mind (หรือเทียบเท่า) กับ Speed และ HP การเลือกอุปกรณ์ที่เพิ่ม MP pool และลดคูลดาวน์ทำให้วางแผนรับมือ
สถานการณ์ได้ดีขึ้น สุดท้ายแล้วผมคิดว่าไม่มีสูตรตายตัว การจัดสเตตัสต้องดูทั้งคอมโพของทีมและสไตล์การเล่นของตัวเราเอง — ถ้าชอบวิ่งเข้าออกเร็ว ให้เน้นความเร็วและ resource efficiency ถ้าชอบยืนค้ำ ให้ใส่ HP/DEF เพิ่ม แล้วปรับ healing potency ให้พอดี เท่าที่ผมเล่นมา ความยืดหยุ่นกับการปรับจูนระหว่างแมตช์สำคัญกว่าการปักค่าสเตตัสตามไกด์อย่างเดียว