แสงดาวที่สะท้อนบนผืนน้ำมักจะทำให้จินตนาการของฉันล่องลอยไปไกล คราวแรกที่เปิดหน้าเรื่องของ '
ทะเลดวงดาว' รู้สึกเหมือนเจอแผนที่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน — มีทั้งความคุ้นเคยของทะเลและความลึกลับของท้องฟ้า ในความทรงจำวัยเด็กมีภาพกลางคืนริมชายหาดที่มีไฟประภาคารและเรือเล็กลอยเอื่อย ๆ ซึ่งภาพพวกนั้นกลับมาหลอกหลอนและให้ไอเดียการเชื่อมระหว่างโลกใต้ผืนน้ำกับโลกเหนือเส้นขอบฟ้า
ความคิดแบบนิทานก็มีผลเยอะ โดยเฉพาะเรื่องที่ใช้สัญลักษณ์ง่าย ๆ แต่ลึกซึ้ง เช่นสิ่งที่เห็นได้ใน '
the little prince' ซึ่งทำให้รู้สึกว่าการตั้งคำถามกับสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัวสามารถขยายไปสู่จักรวาลได้ ส่วนงานวรรณกรรมไทยโบราณอย่าง 'พระอภัยมณี' ก็สะท้อนอารมณ์ของทะเลและการเดินทาง จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้เขียนจะหยิบเอาองค์ประกอบพวกนี้มาทอเป็นเรื่องราวที่ผสมกลิ่นแฟนตาซีกับความโหยหา
นอกจากตัวบทแล้ว เสียงเพลงและภาพก็เข้ามามีบทบาท เสียงเมโลดี้ช้า ๆ หรือดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่มีเอฟเฟกต์กว้าง ๆ ทำให้ฉากเวิ้งว้างในเรื่องมีมิติ ในมุมมองของฉันการได้เห็นทั้งภาพและคำที่ให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่ริมขอบฟ้าทำให้ผลงานนี้ทรงพลัง มันไม่เพียงแต่เล่าเรื่องการ
ผจญภัย แต่ยังพูดถึงการค้นหาตัวตนผ่านการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ดูใหญ่เกินทำความเข้าใจ เหลือทิ้งไว้เป็นภาพติดตาและความคิดที่วนเวียนต่อไปในหัวคนอ่าน