ผู้เขียนควรแปลง My Novel เป็นเว็บตูนหรือเกมแบบไหนขายดี?

จินตนาการว่าโลกของนิยายคุณกลายเป็นแอปในมือผู้คน ที่เปิดแล้วพวกเขาเจอทั้งตอนการ์ตูนสั้น เกมมินิ และบทเสริมเล็ก ๆ — นั่นคือไอเดียไฮบริดที่ผมอยากแนะนำ เพราะมันจับสองกลุ่มคนได้พร้อมกัน

ผมมักคิดว่าสิ่งเล็ก ๆ ที่ทำได้ง่ายแต่สัมผัสได้จริงคือการทำเป็นซีรีส์เว็บตูนที่มีฉากอินเทอร์แอคทีฟแบบแตะเลือกคำพูดหรือมินิเกมแบบบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับวิช่วลโนเวลจิ๊บ ๆ ที่มีฉากเลือกเส้นเรื่องสั้น ๆ เพื่อปลดล็อกตอนพิเศษ วิธีนี้ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมโดยไม่ต้องลงทุนเป็นเกมเต็มรูปแบบ อีกทางคือทำเป็นโปรเจกต์พ็อกเก็ตที่ขายเป็นบทพิเศษหรือคอสตูมตัวละครในภายหลัง ตัวอย่างผลงานที่เล่นกับรูปแบบเล่าเรื่องและความรู้สึกของผู้เล่นได้ดีคือ 'Doki Doki Literature Club' ที่ใช้เมตาเลิฟและการเล่นกับความคาดหวังของผู้เล่น

ผมรู้สึกว่าลงทุนพัฒนาระบบโต้ตอบเล็ก ๆ ก่อน แล้วค่อยขยายเป็นเกมใหญ่หรือสินค้าเสริม จะช่วยทดสอบฐานแฟนและเก็บฟีดแบ็กแบบไหลลื่น เป็นทางที่ปลอดภัยและยังให้โอกาสสร้างคอมมูนิตี้เล็ก ๆ ที่เหนียวแน่นได้ด้วย

ภาพของเรื่องนี้ลอยขึ้นมาเหมือนฉากจากการ์ตูนที่ผมเคยกรี๊ดตอนเด็ก — ฉากเปิดต้องฉับไวและดึงคนอ่านให้เลื่อนต่อจนวางมือไม่ลง

ผมคิดว่าแปลงนิยายเป็นเว็บตูนเป็นทางเลือกที่ฉลาดมาก โดยเฉพาะถ้านิยายของคุณมีจังหวะเรื่องที่เน้นภาพชัด เช่น ฉากต่อสู้ ฉากมู้ดซึ้ง หรือการเปิดเผยปม ตัวเว็บตูนแนวสตรีมไลน์ที่เน้นสีสันและการจัดเฟรมแนวตั้งเหมาะกับการเล่าแบบช็อตต่อช็อต ทำให้สามารถใส่อินไซด์เอ็มโฟซิส (emphasis) บนหน้าจอมือถือได้ง่ายกว่า นอกจากนี้การแบ่งตอนสั้น ๆ พร้อมคลิฟแฮงเกอร์ท้ายตอนช่วยเพิ่มการกลับมาของผู้อ่าน ส่งผลต่อการโฆษณาและรายได้จากแผงโฆษณาและสปอนเซอร์ได้เร็วขึ้น

เคล็ดลับที่ผมมักบอกเพื่อนคือให้โฟกัสที่การออกแบบคาแรกเตอร์และมู้ดโทนสีตั้งแต่ต้น หาภาพคอนเซ็ปต์ 5–10 ภาพเพื่อใช้เป็นไกด์ไลน์ให้ศิลปินและทีมสตอรีบอร์ด แปลงซีนสำคัญให้เป็นสตอรีบอร์ดแบบภาพนิ่งก่อน แล้วค่อยแยกเป็นแพเนลที่มีไดนามิก ถ้าต้องการขยายรายได้ ให้คิดเรื่องมินิเกมบนหน้าเว็บไตร์หรือคอมมิกสปินออฟที่ขายเป็นตอนพิเศษ ตัวอย่างความสำเร็จที่ผมชอบดูคือแนวทางของ 'Solo Leveling' ที่เปลี่ยนฟอร์มมาเป็นเว็บตูนเต็มรูปแบบแล้วโตไว ความท้าทายคือการรักษาจังหวะการนำเสนอให้คงความเข้มข้นของนิยายเดิม แต่เมื่อทำได้ ผลตอบแทนทั้งด้านการมองเห็นและยอดขายจะคุ้มค่ามาก — ทุกครั้งที่เห็นแฟนอาร์ตจากผลงาน คนอ่านกลับมาบอกตนเองเสมอว่าความสัมพันธ์กับตัวละครเกิดขึ้นเร็วขึ้นจริง ๆ

คิดเล่นๆ ว่าเกมรูปแบบไหนจะทำให้นิยายของคุณเปล่งประกายมากที่สุด ผมมองว่าขึ้นกับแกนเรื่องหลัก: ถ้าเรื่องของคุณเน้นการตัดสินใจและผลลัพธ์ที่แตกแขนง ให้ทำเป็นเกมแนวโต้ตอบหรือวิช่วลโนเวลที่มีหลายเส้นจบ การออกแบบสาขาเนื้อเรื่อง (branching paths) จะทำให้ผู้อ่านกลายเป็นผู้ร่วมสร้างประสบการณ์ ตัวอย่างเช่นเกมอินดี้อย่าง 'Undertale' ใช้การตัดสินใจง่าย ๆ สร้างผลสะเทือนยาวเหยียด ทำให้เนื้อเรื่องของมันจดจำได้

ถ้านิยายมีองค์ประกอบแอ็กชันหรือระบบพลังที่ซับซ้อน การสร้างเป็นแอ็กชัน RPG หรือแม้แต่ Roguelike จะให้พื้นที่ในการต่อสู้และพัฒนาตัวละครได้กว้างขึ้น เกมแนวนี้สามารถขายความคืบหน้าเป็น DLC หรือระบบคอสตูมได้ ตัวอย่างเกมที่ผมชอบแนวนี้คือ 'Hades' ที่ผสมการเล่าเรื่องกับการเล่นซ้ำได้อย่างกลมกล่อม

เรื่องโมเดลรายได้—ถ้าคุณอยากได้เงินเร็ว ให้ทำโมบายฟรีทูเพลย์แล้วขายไอเท็มตกแต่งหรือตอนพิเศษ แต่หากต้องการรักษาประสบการณ์เชิงศิลป์และการเล่าเรื่อง แนะนำแบบพรีเมียมซื้อครั้งเดียวบนแพลตฟอร์ม PC หรือคอนโซล สรุปคือเลือกฟอร์มที่สนับสนุนจุดขายของนิยายเป็นหลัก แล้วปรับระบบการเงินให้ไม่อึดอัดกับผู้เล่น