เขา...พ่อเลี้ยงดรัณ พัชรอมรินทร์ ผู้ชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่มีอดีตสุดแสนจะเจ็บปวด บาดแผลที่ทิ่มแทงหัวใจมาตลอดระยะเวลาหลายปีมันกำลังจะกลัดหนอง ถ้าไม่ทำการรักษาให้หาย เธอ...พลับพลึง โรจนศุภเกียรติ สาวน้อยวัยใสผู้มีโลกส่วนตัวที่แสนจะงดงาม และหลงรักผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งมาตลอด ‘ความรักคือการให้’ นี่คือนิยามความรักของเธอ เรื่องราวคงไม่วุ่นวายถ้าเธอไม่กลับมารับรู้ว่าเขาเป็น ‘หม้าย’ และเรื่องราวก็คงไม่วุ่นวายกว่า ถ้าเธอกับเขาไม่ต้องเปลี่ยนสถานะจาก ‘น้าเขยกับหลานเมีย’ มาเป็น ‘สามีกับภรรยา’ มันอาจจะเป็นความสมหวังถ้าเธอจะได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ใจดีที่หลงรักมาตลอด แทนการแต่งงานกับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ไม่รู้สาเหตุว่าอะไรถึงเปลี่ยนให้เขาเป็นคนละคน เถื่อนและไร้เหตุผลสิ้นดี “เมียของฉันต้องเก่งเรื่องบนเตียง ต้องทำกับข้าวอร่อย ต้องทำงานในไร่ได้ไม่ต่างจากคนงาน ที่จริงจะต้องทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง ขยัน ไม่นิ่งดูดายปล่อยให้แม่บ้านทำเอง เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น” “ก็ได้ พลับทำให้ได้” “เริ่มเลย”
Lihat lebih banyakหญิงสาวสวยสะคราญด้วยวัยเพียง 21 ปี มีเรือนร่างเพรียวระหงในชุดรัดกุมทะมัดทะแมงด้วยเสื้อเชิ้ตสีหวานเก็บชายสอดใต้เอวกางเกงยีนสีเข้มรัดรูปร่างอวบอรชร สวมรองเท้าบูธครึ่งแข้งมีหมวกหนังปีกกว้างแบบหมวกคาวบอยครอบทับศีรษะทุยสวยที่ถักผมเป็นเปียเดี่ยวไม่ให้หลุดลุ่ยลงมาเกะกะใบหน้า เธอมุดช่องว่างของรั้วไม้ที่เกิดจากการผุพังบวกกับฝีมือของตนเองในวัยเด็กเข้ามาในไร่องุ่นกว้างใหญ่ไพศาลที่อยู่ติดกันอย่างชำนาญ
พลับพลึง โรจนศุภเกียรติ ทายาทเพียงคนเดียวของไร่รุ่งโรจน์ ซึ่งเป็นไร่องุ่นที่อยู่ติดกันกับไร่อิงฟ้าที่เธอกำลังยืนอยู่ เธอลอดรั้วเข้ามาแล้วหันไปมองไร่ของตนก่อนจะวิ่งเหยาะๆ ไปตามเส้นทางภายในไร่อิงฟ้า ร่างระหงวิ่งฝ่าเปลวแดดไปถึงบ้านไม้ซุงหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเตี้ยๆ รายล้อมไปด้วยดงดอกกุหลาบหลากสีสัน เธอหยุดเพื่อสูดความหอมของกลิ่นกุหลาบนับพันดอก กุหลาบพวกนี้จะส่งกลิ่นหอมค้างอยู่บนต้นจนร่วงโรยไปเอง มีคนงานคอยดูแลอย่างสม่ำเสมอทุกวันตามความต้องการของเจ้าของ
ดรัณ พัชรอัมรินทร์ หรือพ่อเลี้ยงดรัณ ผู้เป็นเจ้าของไร่องุ่นอิงฟ้าและยังเป็นผู้มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของจังหวัดลำปาง เป็นเจ้าของที่หวงแปลงกุหลาบแสนสวยแปลงนี้มาก
หญิงสาวพาตัวเองก้าวผ่านแปลงกุหลาบสุดหอมเข้าไปในบ้านไม้ซุงหลังงาม บ้านไม้ซุง 2 ชั้น ตกแต่งด้วยความทันสมัยและโปร่งสบายเหมาะสำหรับการตื่นขึ้นมาสูดโอโซนในตอนเช้าของทุกวัน พลับพลึงเห็นทุกอย่างเงียบกริบผิดปกติ ก็เดินเข้าไปในห้องครัวแล้วถามหาเจ้าของบ้านกับแม่ครัวเสียงหวาน แน่นอนว่าความน่ารักของเธอเข้าตาทุกคนทั้งชายหญิง ไม่มีคนไหนจะมองข้ามเสน่ห์อันเย้ายวนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของเธอได้
“ป้าเบียบจ๋า”
“คุณหนูพลับ เข้ามาหาป้าถึงในครัวแบบนี้คงจะหิวสินะคะ”
ป้าเบียบ หรือระเบียบศรีของทุกคน เป็นคนหนึ่งที่หลงรักพลับพลึงหัวปักหัวปำ ป้าเบียบกอดคุณหนูพลับแล้วหอมแก้มซ้ายขวาประดุจผู้ให้กำเนิด คุณหนูพลับทายาทตระกูลดังตระกูลหนึ่งของจังหวัดนี้ไม่เคยถือเนื้อถือตัวหรือออกอาการรังเกียจคนที่ด้อยกว่า แม้ฐานะจะต่างกันราวฟ้ากับดิน คุณหนูพลับก็ยังยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน พูดจาไพเราะเสนาะหู ไม่มีการแบ่งชนชั้น
“พลับตื่นสายโด่งตะวันส่องก้นขนาดนี้ คงไม่มีอะไรเหลือให้พลับทานหรอกมั้งคะ” พลับพลึงบอกแล้วเดินไปเปิดตู้หม้อที่วางอยู่บนเตา
“มีสิคะ วันนี้มีต้มจับฉ่ายของโปรดคุณหนูด้วยนะคะ”
กลิ่นต้มจับฉ่ายหอมฉุย พลับพลึงสังเกตว่ายังไม่พร่องไปเลยสักนิดก็นิ่วหน้า
“ยังไม่มีใครทานเลยหรือคะ แหม...อย่างกับว่าจะรอให้พลับเปิดซิงก่อนอย่างงั้นแหละ” ว่าแล้วเธอก็คว้าช้อนตักน้ำต้มจับฉ่ายขึ้นมาซด “โห...ร้อน” โอดครวญเล็กน้อยเมื่อความร้อนลวกปาก
ป้าเบียบส่ายหน้ายิ้มๆ กำลังจะอ้าปากเตือนแต่ไม่ทันความเร็วปานจรวดของคนหิว
“เป็นยังไงบ้างคะ ทีหน้าทีหลังต้องเป่าให้หายร้อนก่อนนะคะ ลิ้นพองกันพอดี”
“แหะๆ นิดหน่อยค่ะ แต่อร่อยแบบนี้ทำไมยังไม่มีใครทานล่ะคะ พลับเห็นมีเต็มหม้อเลย”
“พ่อเลี้ยงออกไปไร่ตั้งแต่เช้ามืดแล้วล่ะค่ะ ป่านนี้ยังไม่กลับเข้ามาเลย สงสัยอาหารเช้าของป้าคงเป็นม่ายแล้วล่ะค่ะ”
พลับพลึงปิดฝาหม้อต้มจับฉ่าย อาหารชนิดนี้ไม่ใช่ของโปรดของเธอคนเดียว แต่ยังเป็นของโปรดปรานของ ‘อารัณ’ ด้วย ถ้าเขารู้ว่าป้าเบียบทำไว้ก็คงรีบมาทานแล้ว แต่นี่คงไม่รู้สินะ
“อารัณออกไปไร่ทำไมกันแต่เช้ามืดคะ ไม่รู้จะขยันไปถึงไหน แค่นี้ก็รวยอื้อซ่าอยู่แล้ว”
“พ่อเลี้ยงก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่คุณอิงเสียล่ะค่ะ จากคนเคยร่าเริง สรวลเสเฮฮาตลอดเวลา น่ารัก น่าคบหา กลายเป็นคนเงียบขรึม เย็นชา บางครั้งก็ใจร้ายเลยด้วย อุ้ย! เดี๋ยวป้าตักข้าวให้คุณหนูทานดีกว่าค่ะ” ป้าเบียบรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นสีหน้าของพลับพลึงเปลี่ยนไป รู้ตัวว่าพูดมากไปนิดนึงแล้วต้องเงียบปากขยับตัวไปตักข้าวใส่จานแล้วตักต้มจับฉ่ายของโปรดให้คุณหนูทาน
พลับพลึงยังคงมีรอยยิ้มให้ป้าเบียบเหมือนเดิม แต่รอยยิ้มของเธอหนนี้ไม่แจ่มใสเหมือนเก่า เธอกำลังสงสารเห็นใจดรัณ และนึกเป็นห่วงเขาสุดใจ จะทำอย่างไรอารัณของเธอจึงจะหายเศร้าโศกเสียใจสักที
เมื่ออาหารเช้าจบลงในตอนส่ายโด่ง หญิงสาวก็รวบช้อนแล้วเอ่ยขอตัวกับป้าเบียบ เธอพาตัวเองออกมายืดเส้นยืดสายด้วยการบิดตัวไปมาให้อาหารย่อย แต่เมื่อท้องตึงหนังตาก็หย่อนเลยต้องหาอะไรทำให้ตาสว่าง เธอเดินเข้าไปในห้องฟิตเนสส่วนตัวของดรัณ ในห้องนี้มีอุปกรณ์การออกกำลังกายหลากหลายชนิด ครบเท่าที่มีในฟิตเนสตามคลับหรู วันนี้เธอแต่งตัวไม่เหมาะจะขึ้นไปวิ่งบนลู่วิ่ง รองเท้าของเธออาจจะทำให้ลู่วิ่งเสียหายเพราะไม่ใช่รองเท้าผ้าใบ ตากลมสีน้ำตาลหวานจึงมองไปยังลูกบอลกลมๆ ลูกใหญ่สีฟ้าใส หรือที่เรียกว่า ‘ฟิตบอล’
เดินไปหยุดใกล้แล้วคิดถึงเจ้าของลูกบอลตัวจริง ฟิตบอลลูกนี้ไม่ใช่ของดรัณ แต่เป็นของอิงฟ้าหรืออาอิงของพลับพลึง อิงฟ้าเป็นน้องสาวคนเดียวของคุณพ่อรุ่งโรจน์แล้วก็เป็นอาสาวคนเดียวของเธอด้วย เธอคิดถึงอาอิง ป่านนี้อาอิงคงมีความสุขอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ร่างบางนั่งบนฟิตบอล ขยับไปมาให้พอเหมาะพอดีแล้วเอนตัวพาดโค้งไปกับลูกบอลนุ่มหยุ่น เธอดัดตัวเองเป็นสะพานโค้งอย่างที่มักจะทำเป็นประจำ ยืดเส้นยืดสายออกเต็มที่ หมุนตัวพลิกเปลี่ยนไปมาเท่าที่จะทำได้อย่างสนุกสนาน โดยไม่รู้ตัวว่าบัดนี้มีใครบางคนยืนกอดอกขบกรามแน่นมองดูอยู่
“ผัวคิดถึงเมียจัง เมียจ๋า” พอกล้าหน่อยความคิดถึงก็ล้นทะลักเหมือนเขื่อนแตก อ้อมกอดรัดแน่นขึ้นก่อนโน้มหน้าลงจูบปากเมียรักด้วยความคะนึงหา “ฤาษีตนนั้นหายไปแล้วหรือคะ” พลับพลึงยิ้มแก้มปริ ลูกช่วยรักษาพ่อได้จริงๆ สามีของเธอหายจากอาการหวาดกลัวแล้วสินะ “หายไปแล้วเพราะคิดถึงเมียรัก ให้ผัวรักเมียนะ ให้พ่อบอกรักแม่ ได้มั้ยลูก” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากลูกในท้อง แต่ดรัณและพลับพลึงก็แน่ใจว่าลูกต้องยินดี “ท้องพลับ 6 เดือนแล้ว ใหญ่พอจะไม่เป็นอันตรายแล้วนะ ถ้าจะรักพลับบ้าง” “ได้สิคะ ช่วยนี้ปลอดภัยแล้วค่ะ คุณหมอว่าอย่างนั้น” ร่างสูงช้อนภรรยาขึ้นแล้วพาไปวางไว้บนเตียง ก่อนจะช่วยปลดชุดคลุมท้องออกจากร่างอิ่มเปลือยเปล่า แม้ขณะท้องโตๆ พลับพลึงของเขาก็ยังสวย ผิวพรรณอิ่มเอิบนวลเนียนน่าสัมผัส ชายหนุ่มเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองแล้วทิ้งตัวนอนเคียงข้าง เขาจูบเมียสาวอย่างดูดดื่มโหยหา มือฟอนเฟ้นร่างอิ่มนวดคลึงทรวงงามอวบใหญ่มากขึ้นหนักๆ คิดถึงปานขาดใจ หญิงสาวจูบตอบอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน ลูบมือไปตามลำตัวหนาแกร่งของสามีอย่างรักใคร่ ล
เอากับเขาสิ เปลี่ยนเรื่องจริงจังให้กลายเป็นเรื่องชวนหัวไปได้หน้าตาเฉย แล้วพลับพลึงก็ยิ้มออกเสียด้วย คราวนี้เธอเป็นฝ่ายกอดเขา จูบปลายคางของเขาแล้วแถมด้วยแก้มทั้งสองข้าง แต่พอสามีจะกอดให้บ้างเธอกลับดันตัวออก “อย่ากอดแน่นนักนะคะ พลับอึดอัดและขี้ร้อนจริงๆ” “ทำไม เกิดอะไรขึ้น บอกอาซิ” พลับพลึงตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย เธอถอนใจแล้วสูดลมกระตุ้นกำลังใจให้ตัวเองเต็มปอด เพื่อจะบอกเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต “พลับ...ท้องค่ะ เรากำลังจะมีลูกด้วยกันนะคะ” สามีของเธอเงียบกริบ สีหน้ายิ้มๆ ดีใจก็พลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือดราวกระดาษขาว เขาทิ้งมือลงสองข้างแล้วเซถอยหลังไปชนตู้กับข้าว พลับพลึงเห็นอาการนั้นก็หน้าเสีย ไม่คิดว่าสามีจะออกอาการขนาดนี้ให้เห็น ร่างของเขาสั่นเทิ้มคล้ายคนหวาดกลัวอะไรสักอย่าง เป็นผลให้เธอต้องพุ่งตัวเข้าไปประคองกลัวเขาจะล้มหงายตึงไปต่อหน้าต่อตา “อารัณ!!! เป็นอะไรไปคะ อารัณได้ยินพลับมั้ยคะ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะคะ อารัณขา...ได้ยินพลับมั้ยคะ” “ปล่อย ปล่อยอา” เพียงแค่เธอยอมปล่อยมือจากเขา ดรัณก็วิ่งหาห้องน้ำทันควัน เส
‘ฉันตอบเมล์พี่ชายสุดที่รักของฉันเมื่อหลายวันก่อน ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง และวันนี้เขาก็บินมาหาฉัน ฉันอับอายมากที่มีสภาพเหมือนผีให้พี่ชายเห็น ฉันไม่มีเงินมากพอจะเช่าอพาร์ตเม้นท์ดีๆ อยู่ แต่พพี่ชายของฉันก็ยังอุตส่าห์ให้เงินจำนวนมาก ฉันขอร้องให้เขาช่วยปิดบังเรื่องนี้เป็นความลับ เขาจึงขอร้องให้ฉันกลับบ้าน แลกกัน ฉันขอเวลารักษาตัวเองให้เป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้สักระยะ ซึ่งพี่ชายที่รักของฉันไม่ว่าอะไร ยอมให้ฉันอยู่ที่นี่ต่อสักระยะ ฉันสัญญากับเขาไว้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน กลับไปกราบคุณแม่ กลับไปหาหลาน พลับพลึงหลานตัวน้อยโตขึ้นแค่ไหนแล้วนะ พี่ชายฉันหล่อ หลานฉันคงต้องสวยมากแน่ๆ เลย ฉันจะกลับไปหาทุกคน รอหน่อยนะครอบครัวที่รักของฉัน’ พลับพลึงปิดสมุดไดอารี่แค่นั้น เธอไม่อ่านอีกแล้ว เรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นยังไงไม่อยากรับรู้อีกแล้ว พอกันที! การอ่านไดอารี่อันเต็มไปด้วยความรู้สึกของอาสาว ทำให้หญิงสาวฮึดสู้ขึ้นมาบ้าง ถ้าอารัณไม่อยากมีลูกเพราะการตายของอาอิง เธอจะทำให้เขาเปลี่ยนความคิดใหม่ อดีตจะถูกลบเลือน แม้มันจะยากเย็นแสนเข็ญเพียงใดก็ตาม เธอจะทำให้ได้ ไม่มีวันที่เธอจะคิดสั้นๆ
หญิงสาวถอนหายใจเอื่อยเฉื่อย เธอกำลังตัดสินใจว่าควรกลับไปบอกเรื่องลูกดีหรือไม่ เขาเคยบอกยังไม่พร้อมจะมีลูก สาเหตุเพราะอะไรเธอก็คิดว่ารู้แล้ว อารัณเผชิญกับความสูญเสียมานับครั้งไม่ถ้วน การสูญเสียเมียและลูกไปพร้อมกันก็เป็นเรื่องยากจะทำใจให้ลืม เธอเข้าใจดีทุกอย่างถึงต้องมานั่งถอนใจอยู่นี่ไง ร่างอวบอิ่มเดินเข้าไปในห้องหนังสือของคุณย่า เธอตั้งใจจะหาหนังสือธรรมะมาอ่านเป็นที่พึ่งของจิตใจ มือบางไล้ไปตามสันหนังสือหาเล่มที่อยากอ่าน แต่แล้วสายตาก็เหลือบขึ้นไปเห็นกล่องกระดาษใบหนึ่งวางอยู่ข้างบนสุดของชั้นหนังสือ ร่างอวบอิ่มเอื้อมมือหยิบกล่องใบนั้นลงมาอย่างทุลักทุเลเนื่องจากความสูงที่ต้องเขย่งปลายเท้าแล้วเหยียดแขนให้ตรงถึงจะหยิบได้ กล่องใบนั้นขนาดไม่ใหญ่และไม่หนักถูกยกลงมาปัดฝุ่นออกแล้วเปิดดูข้างใน ภายในมีรูปของอาอิงฟ้าหลายรูป เป็นรูปที่ถ่ายในต่างประเทศทั้งหมด ว่าที่คุณแม่มือใหม่ทอดสายตามองรูปถ่ายแต่ละรูปอย่างสังเกต อาอิงเป็นคนสวยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว รูปหลังๆ ก็เหมือนอาอิงจะสวยขึ้น อวบขึ้นด้วย อวบเหมือน...เธอในตอนนี้ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเมื่อสายตาปะทะ
แม่เลี้ยงกาญจนาเคยคิดจะบอกลูกสาวเพราะถึงยังไงอิงฟ้าก็เป็นอาแท้ๆ ของเธอ ลูกในท้องของอิงฟ้าก็คือหลานแท้ๆ ของเธอ แต่สามีสั่งห้ามด้วยเห็นใจอดีตน้องเขยของตน ดังนั้นทุกคนจึงพากันเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอยู่ในใจ เวลาผ่านพ้นไปก็ยังไม่มีใครพลั้งปากพูดให้พลับพลึงได้ยิน “เห็นทีคงต้องบอกแดนนี่แล้วล่ะ ผมคิดว่าแดนนี่แข็งแกร่งพอจะรับเรื่องนี้ไหว แม้ว่าตอนนี้เขาจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนก็ตาม” “น่าเห็นใจนายรัณนะคะ เขาตามหาเมียไม่เจอเสียที นี่ก็เห็นว่ากินแต่เหล้าจนเมาไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ร่างกายผ่ายผอมจนน่าเป็นห่วงว่าจะทรุดเอาดื้อๆ” แม่เลี้ยงกาญจนาเห็นใจลูกเขยมาก ทั้งสงสารและเห็นใจ แต่ยังต้องลุ้นว่าหากดรัณรู้จะเป็นยังไงต่อ “ถ้างั้นเดี๋ยวรอแดนนี่ลงมา พวกเราก็บอกแกพร้อมกันดีมั้ยคะ” คุณดวงหทัยตัดสินใจ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ ทว่า...ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยขวดเหล้า ร่างสูงผ่ายผอมซูบลงไปมากกำลังสร่างเมาคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทร.หานักสืบเอกชนที่เขาจ้างวานให้ตามหาเมียรักให้เจอ “ได้เรื่องหรือยัง” “อ้อ...พ่อเลี้ยงโทร.มาพอด
“เมื่อเช้าดิฉันได้ยินเสียงคุณหนูอาเจียนนะคะคุณท่าน อาการเหมือนคนท้องเลยค่ะ” ทิพามารดาของกรรชัยตั้งข้อสังเกต คุณย่าขมวดคิ้ว คนแต่งงานมีครอบครัวจะตั้งครรภ์ก็ไม่เห็นแปลก แต่ตอนนี้พ่อของเด็กยังไม่รู้เลยว่าเมียอยู่ไหน ถ้าพลับพลึงท้องจริงๆ เรื่องที่คิดจะปิดบังจนกว่าหลานเขยจะตามหาเมียเจอ ก็คงต้องมีคนยื่นมือเข้าช่วยเสียแล้ว ไม่งั้นจะเป็นการพรากลูกพรากพ่อเสียเปล่าๆ ทว่า...คุณย่ายังไม่ลืมอดีตของหลานเขย ท่านจึงไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้จะทำให้เขาดีใจหรือเสียใจกัน “พายัยพลับไปโรงพยาบาลที ไปทั้งๆ ไม่มีแรงอย่างนี้แหละดี ยัยพลับกลัวโรงพยาบาลจะได้ดื้อไม่ออก” สิ้นคำสั่งคุณย่า กรรชัยก็เป็นคนขับรถพาหญิงสาวและคุณย่าไปโรงพยาบาล ผลการตรวจออกมาเป็นไปตามที่คิด พลับพลึงท้อง!!!พ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์เดินตามหาภรรยาทั่วไร่เพื่อจะบอกข่าวสำคัญข่าวด่วนของบุคคลอันเป็นที่รักคนหนึ่งให้บุคคลอันเป็นที่รักอีกคนได้ฟัง ร่างสูงหนาก้าวยาวๆ เร่งรีบเท่าที่จะทำได้ถามหาภรรยาสุดที่รักกับทุกคนที่เจอหน้า เกือบทุกคนชี้บอกไปในทิศทางเดียวกัน พ่อเลี้ยงก็แทบจะวิ่งตรงไปหาด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความยินดี
Komen