เริ่มจากการเลือกสายพันธุ์และตำแหน่งที่เหมาะสมก่อนเลย — นี่เป็นก้าวที่ทำให้ชีวิตในตู้ของผมสงบมากขึ้น ถ้าอยากให้ '
anemone' อยู่อย่างมีความสุข ต้องยอมรับว่ามันไม่เหมือนปลาธรรมดา Anemone บางชนิดต้องการแสงแรงมาก เช่นสายพันธุ์ที่พึ่งพาสาหร่ายซีอาโนแบคทีเรีย (zooxanthellae) ในตัว ต้องวางใต้ไฟที่เข้มพอ (ระดับ PAR สูง) ขณะที่บางชนิดชอบแสงปานกลางและกระแสน้ำอ่อน ๆ ผมมักเริ่มจากการหาข้อมูลว่าที่ผมจะเลี้ยงเป็นสายพันธุ์อะไร จะได้เตรียมไฟ ระบบกรอง และการไหลของน้ำให้ตรงตามนั้น
ระบบน้ำต้องนิ่งและเสถียร สภาพน้ำที่ผมรักษาไว้คือ อุณหภูมิประมาณ 24–27°C ค่าความเค็ม (salinity) ประมาณ 1.023–1.026 และต้องเฝ้าดูแอมโมเนีย ไนไตรท์ให้เป็นศูนย์ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะ anemone จะไวต่อคุณภาพน้ำมากกว่าปลาโดยทั่วไป ฉันมักให้เวลาอย่างน้อย 6–12 เดือนกับตู้ก่อนใส่ anemone เพื่อให้ระบบนิเวศน์ในตู้โตเต็มที่ และถ้ามีปลาที่ชอบรบกวนเช่นบางสายพันธุ์ของปลานกแก้วหรือตะพาบทะเล ก็ต้องคิดให้รอบคอบ
การให้แสงและการไหลของน้ำต้องบาลานซ์กัน การวางตำแหน่งก็สำคัญ — บางตัวชอบอยู่บนทราย บางตัวชอบยึดกับหินตู้สูง ๆ ฉันเคยย้ายตัวหนึ่งไปมาเพราะอยากให้ดูสวย แต่ผลคือมันเครียดและเก็บตัวนานหลายสัปดาห์ สุดท้ายเลยปล่อยให้มันเลือกที่เองโดยเตรียมพื้นที่หลวม ๆ ไว้ให้ ย้ำอีกครั้งว่าหลีกเลี่ยงการย้ายบ่อย ๆ และอย่าให้กระแสน้ำพุ่งใส่ตัวโดยตรง
การให้อาหารคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับการเลี้ยง anemone — นอกจากการสังเคราะห์แสงแล้ว หลายชนิดชอบอาหารเนื้อ เช่นชิ้นปลา กุ้ง หรืออาหารเม็ดเน้นโปรตีน ป้อนสัปดาห์ละ 1–2 ครั้งพอ อย่าให้อาหารมากเกินจนมีเศษเน่าในตู้ ส่วนการร่วมอยู่กับปลาอื่น เช่นปลาคลาวน์ฟิช มักเป็นความสัมพันธ์ที่ดี แต่ก็ต้องดูพฤติกรรมปลาก่อนว่าจริงจังหรือรังแกกันหรือเปล่า สุดท้ายแล้วความอดทนและการสังเกตเป็นกุญแจ — ถ้าคุณเอาใจใส่เท่าที่ผมทำ anemone จะเติบโตและมีสีสันสวยงาม แล้วคุณจะได้เห็นความผูกพันที่ละเอียดอ่อนระหว่างสิ่งมีชีวิตในตู้ด้วยตัวเอง