พอพูดถึง 'วังบางขุนพรหม' ผมมักจะคิดถึงความหลากหลายของการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อผลงานวรรณกรรมถูกย้ายไปยังสื่ออื่น ๆ — นั่นแปลว่าเรื่องเดียวกันสามารถมีชีวิตใหม่ได้หลายแบบมาก
ผมเคยเห็นงานประเภทที่มักถูกนำไปดัดแปลงบ่อย ๆ และคิดว่า 'วังบางขุนพรหม' ก็เหมาะกับการดัดแปลงเหล่านี้: ละครเวทีที่เน้นบรรยากาศและบทสนทนาอย่างเข้มข้น, ละครโทรทัศน์หรือซีรีส์ที่ยืดเส้นเรื่องออกมาให้ตัวละครรองมีพื้นที่, ภาพยนตร์ที่เน้นภาพและจังหวะเล่าเรื่องให้กระชับ แต่มีพลังทางอารมณ์มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีรูปแบบที่น่าสนใจอย่างนิยายภาพหรือการ์ตูนที่แปลงฉากสำคัญให้เป็นภาพกราฟิก, วิทยุดราม่าหรือ
หนังสือเสียงที่พาเรากลับไปสัมผัสบรรยากาศด้วยเสียงและบทบรรยาย, รวมถึงการจัดนิทรรศการหรือการแสดงจัดฉากที่ใช้วัตถุจัดแสดง เครื่องแต่งกาย และสื่อโสตเพื่อนำเสนอประสบการณ์เชิงพื้นที่
สิ่งที่ทำให้แต่ละสื่อมีเสน่ห์แตกต่างกันคือวิธีจัดวางโฟกัสของเรื่อง: ละครเวทีจะให้ความสำคัญกับการแสดงสดและการตีความบท จึงเหมาะกับฉากเผชิญหน้าและบทสนทนาที่เข้มข้น ส่วนภาพยนตร์ทำให้ฉากสำคัญมีภาพจำที่ทรงพลัง ในขณะที่ซีรีส์ช่วยขยายเส้นเรื่องย่อยให้เราเข้าใจบริบทของตัวละครมากขึ้น สำหรับสื่อเสียง เขาเติมอารมณ์ด้วยดนตรีและการออกแบบเสียงจนหลายครั้งคิดตามภาพในหัวไม่ออกก็ยังยิ้มได้ เหมือนเวลาที่ผมนึกถึงการดัดแปลงงานยิ่งใหญ่ของบ้านเราอย่าง 'ขุนช้างขุนแผน' ที่ถูกทำเป็นทุกสื่อแล้วแต่ละแบบก็ให้ความรู้สึกต่างกันไป
โดยส่วนตัว ผมชอบเวลาผลงานดั้งเดิมถูกตีความใหม่โดยสื่อที่ต่างกันเพราะมันทำให้เราเห็นมุมมองใหม่ ๆ ของโลกในเรื่อง แม้บางครั้งการตัดทอนหรือเติมเสริมจะทำให้รู้สึกเสียดาย แต่การได้เห็นฉากหรือบทที่เรารักถูกนำเสนอในรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ให้ความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก