เริ่มต้นด้วยทำนองหลักที่จับใจที่สุดจะช่วยเปิดประตูสู่โลกของ 'ตํานานจั้งไห่' ได้แบบไม่ต้องเตรียมใจมากมาย เพราะเพลงธีมหลักมักสื่อทั้งอารมณ์แกนกลางของเรื่อง จังหวะ tempo และเครื่องดนตรีที่ผู้ชมจะได้ยินซ้ำ ๆ ตลอดซีรีส์ — นั่นแหละคือเส้นด้ายที่ผูกภาพกับความรู้สึกไว้ด้วยกัน ฉันมักจะเลือกฟังเวอร์ชันที่เป็นอินสตรูเมนทัลก่อน เพื่อให้โฟกัสที่เมโลดี้และโทนเสียง โดยไม่ถูกรบกวนจากเนื้อร้อง ซึ่งจะทำให้เวลาดูฉากสำคัญแล้วสังเกตการเรียกกลับของธีมได้ชัดขึ้นมาก
หลังจากธีมหลักแล้ว ฉันมักจะขยับไปฟังธีมตัวละครหลัก ถ้ามีลิสต์แทร็กที่บอกว่าเป็น 'ธีมของตัวเอก' หรือชื่อ
ชื่อตัวละคร ก็ให้เลือกแทร็กนั้นเลย เพลงพวกนี้มักจะบอกเล่าเรื่องราวของตัวละครในเชิงดนตรี — ทำนองอาจอ่อนโยนในยามรัก กดต่ำเมื่อเจ็บปวด หรือขึงขังเมื่อต้องต่อสู้ การฟังธีมตัวละครก่อนดูจะทำให้การตัดสินใจของตัวละครดูมีบริบททางอารมณ์มากขึ้น และฉันมักจะตามด้วยเพลงบรรยากาศสั้น ๆ ที่มีเครื่องดนตรีจีนดั้งเดิมเช่น เอ้อหู (erhu)
กู่เจิง (guzheng) หรือตั๋ง (dizi) ถ้ามี เพราะเสียงพวกนี้ช่วยปั้นโลกทัศน์ให้รู้สึกเป็นยุคสมัยและพื้นที่อย่างรวดเร็ว
ส่วนแทร็กที่เป็นบรรยากาศหรือเพลงประกอบฉากที่เงียบ ๆ กับเสียงคลื่นหรือเสียงลม ฉันมักจะใส่เป็นพื้นหลังขณะอ่านสรุปย่อหรือดูตัวอย่างสั้น ๆ ก่อนเริ่มตอนแรก นี่ไม่ใช่เพื่อให้รู้เรื่องล่วงหน้า แต่เพื่อให้หัวใจปรับโหมดจากชีวิตประจำวันไปสู่การเฝ้าดูเรื่องราวโบราณหรือ
มหากาพย์ และถ้าอัลบั้มมีเพลงจบหรือบาลาดที่มีเนื้อร้อง ฟังเวอร์ชันเต็มหลังดูจบตอนแรกก็เยี่ยม เพราะบางครั้งเนื้อร้องจะใส่มิติที่เวอร์ชันอินสตรูเมนทัลยังบอกไม่หมด ทำให้ภาพรวมของเรื่องยิ่งชัดเจนขึ้น
สรุปการฟังในลำดับที่ฉันแนะนำคือ: ธีมหลัก → ธีมตัวละครสำคัญ → แทร็กบรรยากาศ/เครื่องดนตรีพื้นถิ่น → เพลงต่อสู้หรือฉากดราม่า (ถ้ามี) → เพลงจบหรือบาลาดเป็นของหวานแบบปิดท้าย การทำแบบนี้ช่วยให้การดูมีการเชื่อมโยงทางดนตรีเมื่อธีมซ้ำกลับมาในซีรีส์ และทำให้ฉากที่ควรทำให้เรารู้สึกสะเทือนจริง ๆ กระทบใจได้มากขึ้น แน่นอนว่าความชอบเรื่องดนตรีเป็นเรื่องส่วนตัว ฉันเองชอบให้เพลงทำหน้าที่เป็นเส้นทางก่อนเข้าเรื่อง มันทำให้การชมตอนแรกรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง — อบอุ่น แต่ก็เต็มไปด้วยคาดไม่ถึง