นึกภาพโลกที่เส้นแบ่งระหว่างคนกับ
ปีศาจเลือนรางจนแทบมองไม่เห็น — นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใน 'เอ็กซอร์ซิสต์พันธุ์ปีศาจ' ที่ทำให้ฉันหยุดอ่านไม่ลงเลย
ฉากหลักของเรื่องหมุนรอบตัวเอกซึ่งมีสายเลือดหรือพลังที่เชื่อมโยงกับปีศาจ แต่ยังติดอยู่ในหน้าที่ของคนที่ต้องปราบปีศาจด้วยกันเอง การต่อสู้ภายนอกเป็นแค่เปลือกของพล็อต เพราะแรงขับเคลื่อนที่แท้จริงมาจากความขัดแย้งภายใน: ตัวเอกต่อสู้กับธรรมชาติของตนเอง การเลือกว่าจะยอมรับพลังนั้นหรือปราบมันให้สูญ สิ่งนี้ดึงประเด็นเรื่องอัตลักษณ์ ความชั่วช้า และการยอมรับตัวตนเข้ามาอย่างลึกซึ้ง
นอกจากการต่อสู้แบบฮาร์ดคอร์แล้ว เรื่องยังทอธีมของสังคมที่หวาดระแวงองค์กรที่ดูแลการขับไล่ปีศาจ ร่วมกับมิตรภาพที่เปราะบางและการหักหลังที่ทำให้ทุกการตัดสินใจมีน้ำหนัก ฉากที่ตัวเอกต้องเลือกระหว่างช่วยคนที่รักกับการหยุดยั้งการก่อหายนะของปีศาจคือหัวใจของพล็อต นั่นแหละที่ทำให้โทนเรื่องสลับระหว่างความดาร์ก ความดราม่า และฉากแอ็กชันได้อย่างกลมกลืน
สำหรับคนที่ชอบความเข้มข้นของเรื่องที่ผสมความเป็นมนุษย์และเหนือธรรมชาติ 'เอ็กซอร์ซิสต์พันธุ์ปีศาจ' ให้ประสบการณ์คล้ายกับบางงานแนวดาร์กแฟนตาซีอย่าง 'Devilman Crybaby' ในแง่ของการตั้งคำถามต่อความถูกต้องทางศีลธรรม แต่ยังมีเนื้อหาเชิงตัวละครที่ทำให้ผูกพันและอยากติดตามว่าใครจะเป็นผู้ยอมเสียสละในตอนท้าย