ฉากเปิดที่สร้างแรงกระแทกทางอารมณ์แบบไม่ให้ลืมในภาคแรกของ 'ไททัน' คือการปรากฏตัวของไททันขนาดยักษ์ที่ทำลายกำแพงและภาพแม่ของเอเรนถูกไททันกินต่อหน้าเมือง ชอตนี้ไม่ได้เป็นแค่โชว์ความโหด แต่เป็นจุดเปลี่ยนที่กำหนดโทนเรื่องทั้งซีรีส์และสร้างเหตุผลให้ตัวละครหลายคนต้องเลือกเส้นทางชีวิต การเห็นความไร้เดียงสาของชุมชนที่ถูกทำลายในทันที ทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีว่าทุกการต่อสู้ในเรื่องมีน้ำหนักทางอารมณ์ ไม่ใช่แค่การโชว์ฉากบู๊เท่านั้น มันยังเป็นการปูพื้นให้ความเกลียด
ชัง ความสูญเสีย และแรงขับเคลื่อนของเอเรนกับมิคาสะชัดเจนขึ้นด้วย
ภาพต่อมาที่ห้ามพลาดคือช่วงที่เอเรนกลายเป็นไททันครั้งแรกในสนามรบที่ทรอสท์ ความประหลาดใจและความหวาดกลัวของทหารรอบข้างผสมกับฉากภาพเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและเศร้า ทำให้ฉากนี้กลายเป็นหนึ่งในโมเมนต์ที่เปลี่ยนการรับรู้ของผู้ชมต่อโลกในเรื่อง การเห็นเอเรนต่อสู้ในร่างไททันและพยายามควบคุมตัวเองเพื่อช่วยเพื่อนร่วมกองทัพ รวมถึงตอนที่เขากลืนไททันตัวหนึ่งเพื่อเรียกสติกลับมา เป็นฉากที่ทั้งน่าตื่นเต้นและสยดสยองไปพร้อมกัน การตัดต่อกับใบหน้าของมิคาสะที่ร้องไห้และแผนการชาญฉลาดของอาร์มินทำให้ฉากนี้มีทั้งความเป็นทีมเวิร์กและโศกนาฏกรรมในคราวเดียว ซึ่งสำหรับผมแล้วมันแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้เก่งเรื่องการผสมความดราม่าเข้ากับแอ็กชั่นอย่างไร
อีกฉากหนึ่งที่ต้องยกให้คือการเผชิญหน้ากับ 'ไททันเพศหญิง' และการเปิดโปงตัวตนของแอนนี ช่วงนี้เป็นไคลแม็กซ์ของภาคแรกที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด การตามล่าที่มีเล่ห์เหลี่ยม กลยุทธ์จากฝ่ายสำรวจ และการต่อสู้ระหว่างไททันที่ไม่ธรรมดา จนถึงตอนที่แอนนีเผยตัวตนและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงเรื่อง หลายเหตุการณ์หลังจากนั้นก็กลายเป็นปริศนาที่ผลักดันให้คนดูอยากติดตามต่อ นอกจากนี้ฉากฝึกของหน่วยทหารและโมเมนต์เล็กๆ ระหว่างตัวละครหลัก เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างเอเรนกับมิคาสะและอาร์มิน ช่วยเติมมิติให้ความสูญเสียและการต่อสู้มีความหมายมากขึ้น
ฉากทั้งหมดเหล่านี้รวมกันทำให้ภาคแรกของ 'ไททัน' เป็นการเปิดเรื่องที่หนักแน่นและน่าจดจำ เมื่อดูซ้ำทุกครั้งยังคงรู้สึกถึงความสะเทือนใจและความตื่นเต้น เหมือนอ่านหน้าหนังสือที่เขียนด้วยหมึกเลือด เลือกฉากไหนก็พร้อมจะทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นตามจังหวะของการต่อสู้และการเสียสละจริงๆ