“สีหน้าแบบนั้นคืออะไร?”
“หืม! เปล่านี่! ไม่ได้คิดอะไรเล้ย บอกได้ยังว่าลากฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?”
ฉันทำหน้ายียวนมากขึ้น ไม่ได้กลัวเขาเท่าตอนแรก เพราะมีคนอยู่รอบตัวเราเยอะ ถ้าฉันถูกเขาทำอะไร น่าจะพอร้องขอความช่วยเหลือได้แหละ
“ถ่ายแบบ แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไง”
ดวงตาคู่นั้นของไลน์เนอร์ เหมือนกำลังด่าฉันว่าโง่อยู่เลย ฉันเลือกที่จะมองข้ามไป เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง ถ้าแค่ถ่ายแบบเฉยๆ รีบถ่ายให้มันจบดีกว่า จะได้แยกย้ายกับเขาสักที
“แค่ถ่ายแบบ บอกดีๆก็ได้นะ ไม่ต้องทำแบบนี้”
ฉันขืนมือออกจากข้อมือของไลน์เนอร์ เขาปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ แต่ไม่นานก็โน้มตัวลงมาใกล้ จนใบหน้าแทบจะชนกับหน้าของฉัน ซ้ำยังใช้มืออ้อมมาดันแผ่นหลัง ไม่ให้ฉันขยับหนีไปไหน
“บอกดีๆแล้วจะยอมมา?”
เออว่ะ! บอกดีๆฉันก็ไม่มาหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่องของฉันไง
“ไม่อะ!”
“ก็นั่นแหละ! ไปเปลี่ยนชุดดิ!”
ไลน์เนอร์หยัดตัวขึ้นตรง ไล่ให้ฉันไปเปลี่ยนชุด ฉันเดินหน้าตึงผ่านร่างของเขาไป หยุดยืนอยู่ข้างๆราวเสื้อผ้า หันกลับไปมองเขาอย่างสงสัย ว่าชุดที่ฉันต้องใส่ถ่ายแบบนั้น มันใช่ชุดที่แขวนอยู่ในราวนี้จริงเหรอ
“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงห้วน ทำเอาใจฝ่อจนไม่อยากถาม แต่ก็ต้องถามเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
“คือ ชุดที่ฉันต้องใส่ คือชุดพวกนี้เหรอ?”
ในราวผ้าขนาดความยาวสองเมตร มีกางเกงชั้นในแบบสปอร์ตแขวนอยู่ และอีกครึ่งในนั้นก็เป็นชุดว่ายน้ำของผู้ชาย สรุปง่ายๆว่าในราวนี้ มีแต่เสื้อผ้าของผู้ชาย ซึ่งฉันเป็นผู้หญิง จะให้ใส่กางเกงตัวแค่นี้ถ่ายแบบ บ้าหรือเปล่า!
“เออ! ชุดพวกนั้นแหละ”
มุมปากหยักคล้ำเหมือนคนติดบุหรี่เหยียดออก ถ้ามันไม่มีแววตายียวน ฉันคงชมว่ามันโคตรมีเสน่ห์ แต่มันมีแววตาแบบนั้นส่งมาด้วยไง มันถึงให้ความรู้สึกชวนหงุดหงิด มากกว่าจะทำให้รู้สึกดี หรือมีเสน่ห์
ไอ้นี่กำลังกวนประสาทฉันอยู่แน่ๆ เขาก็รู้แล้วว่าฉันเป็นผู้หญิง ยังจะให้ฉันใส่ชุดแค่นั้นถ่าย ไอ้! ไอ้ประสาทเอ้ย!
“ไอ้โรคจิต! ฉันไม่ถ่ายหรอก! ก็เห็นอยู่ว่าฉันเป็นผู้หญิง ใส่ชุดแบบนั้นก็เห็นหน่มหน้มฉันนะสิ!”
“อย่างเธอ!” ไลน์เนอร์หยุดพูด ลากสายตาลงต่ำ จ้องนิ่งอยู่หน้าอกฉัน มุมปากเหยียดขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ “มีให้เห็นด้วยหรือไง”
กรี๊ด! ไอ้บ้านี่มันกำลังบูลลี่หน่มหน้มฉันอยู่ใช่ไหม ฉันแค่แต่งตัวเหมือนผู้ชาย ใส่เสื้อตัวใหญ่อำพรางรูปร่าง ความจริงฉันหุ่นดี ส่วนที่ควรมีแม่ก็ให้มาเยอะมาก
“แก! แก! อย่ามาบูลลี่น้องนมฉันนะ! แม่ให้ฉันมาเยอะมากเหอะ! ฉันแค่ไม่ชอบโชว์เว้ย!”
เหมือนมุมปากของไลน์เนอร์จะกว้างกว่าปกติ ดวงตาดุคู่นั้นก็เหมือนจะอ่อนโยนขึ้นด้วย
“งั้นเหรอ! ไหนดูหน่อย”
ไลน์เนอร์พูดจบก็ก้าวเร็วๆเข้ามาใกล้ ใช้สายตาดุร้ายจ้องไว้ไม่ให้ฉันคิดหนี สองมือใหญ่ช่วยกันถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกไป นิ้วเรียวยาวปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาที่ฉันใส่ออกด้วยความเร็วแสง ดวงตาฉันเบิกกว้าง เป็นครั้งแรกที่เปิดเผยส่วนสำคัญให้ผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ฝาแฝดตัวเองเห็น
“กรี๊ด! อึก!”
“อย่ากรี๊ดเชียว! ถ้าไม่ฟังฉันจะปิดปากเธอด้วยปากฉัน”
นิ้วมือที่ปิดปากอยู่ ผละออกไปหลังจากที่ขู่ฉันเสร็จ ไลน์เนอร์เดินหนีไปยืนหันหลังอยู่อีกมุม ฉันทรุดตัวนั่งลงบนพื้นปูนขัดมันอย่างคนสิ้นเรี่ยวแรง ยกสองมือขึ้นกุมหัวใจที่เต้นแรงจนเหมือนจะกระดอนออกมาเต้นข้างนอกไว้ ใบหน้าหล่อเหลาดุร้ายเอี้ยวกลับมาส่งยิ้มยียวนให้ ร่างกายกำยำหันกลับมา จากนั้นก็ลงมือทำสิ่งที่ส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจฉันอีก
มะ! แม่เจ้า ! ซิกแพค และหัวนมอมชมพู
ไลน์เนอร์ยังคงปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาสีขาว ด้วยความเชื่องช้ายิ่งกว่าเต่าคลาน ส่วนฉันก็ลากสายตาไปที่ไหนไม่ได้ ราวกับอยากรู้อยากเห็นร่างกายส่วนต่อไปของเขา ยิ่งเขาปลดลงต่ำเท่าไหร่ ซิกแพคก็ยิ่งแน่น และชวนให้อยากลองลูบไล้ฝ่ามือลงไปพิสูจน์ความแข็งแน่นของมัน
อึก! ให้ตายสิ! หุ่นของไลน์เนอร์โคตรดี สัดส่วนก็ลงตัวสุดๆ สมบูรณ์แบบกว่านายแบบบางคนซะอีก ที่สำคัญที่สุดคือฉัน เกิดความรู้สึกอยากลูบไล้มัน ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อน
“หึ! อึ้งเลยละสิ!”
คำพูดของไลน์เนอร์ กับรอยยิ้มแปลกๆของเขา ดึงสติของฉันกลับมา ฉันก้มหน้าลงต่ำ เพื่อซ่อนสีหน้าที่มันคงแปลกมากๆไว้
กลัวเขาสิ ฉันควรหวาดกลัวเขาเหมือนตอนแรก ทำไมตอนนี้ถึงไม่กลัว จะรู้สึกวูบวาบแบบนี้ไม่ได้นะ มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ควรเกิดขึ้นกับคู่อริหมายเลขหนึ่งของน้องชาย
พรึ่บ!
“อ๊ะ!”
เสื้อสีขาวที่เคยอยู่บนตัวไลน์เนอร์ ถูกเขาฟาดมันมาปิดหน้าฉัน ฉันคว้ามันมากำไว้ รู้สึกได้ถึงความอุ่นของเขาที่ยังเหลืออยู่
“ใส่นี่แล้วตามมาซะ!”
ไลน์เนอร์ออกคำสั่งเสียงห้วน ใส่ฉันที่ยังนั่งมึนอยู่บนพื้น ฉันมองเสื้อในมือ มันตัวใหญ่ก็จริง แต่มันจะปิดท่อนล่างฉันได้เหรอ?
“ให้ใส่แค่เสื้อของนายนี่นะ?”
“หรือจะใส่แค่กางเกงตัวนั้น เลือกเอา!”
“เลือกอย่างอื่นได้ไหม?”
“มีชุดอื่นให้เลือกหรือไง?”
ไลน์เนอร์มองรอบห้องไม่ต่างจากที่ฉันทำ การถ่ายแบบวันนี้มันธีมอะไรเนี่ย ทำไมชุดที่ใช้ถ่าย ถึงได้มีเนื้อผ้าบางเบาขนาดนั้น กางเกงในแบบสปอร์ตเอ่ย ชุดว่ายน้ำเอย ชุดนอนไม่ได้นอนเอ่ย มันใช่การถ่ายแบบจริงๆเหรอ
“…”
“รีบๆเปลี่ยน เขารอถ่ายอยู่”
เพราะอยากจะมีชีวิตรอดออกไปแบบสวยๆ ฉันจึงมองหาที่ๆพอจะใช้เปลี่ยนชุดต่อจากที่ไลน์เนอร์ถอดค้างไว้ เขาเหมือนรู้ความคิดฉัน หมุนตัวหันไปอีกด้าน เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครมองแล้ว ฉันรีบถอดเสื้อนักศึกษาสีขาวออก เหลือไว้เพียงบราเซียสีเดียวกัน ด้วยความที่ไม่ไว้ใจเขา ฉันจึงร้องบอกเขาไปอีกครั้งหนึ่ง
“อย่าแอบมองนะเว้ย!”
“รีบๆเปลี่ยนก่อนที่คนอื่นจะเข้ามาเหอะ!”
“ชิ!”
ฉันสวมเสื้อนักศึกษาของไลน์เนอร์เข้ากับตัว กลิ่นน้ำหอมแบรนด์ดังฉุนจนขึ้นจมูก ฉันเบ้ริมฝีปาก ไม่นานก็คลายลมหายใจรับเอากลิ่นหอมเย้ายวนนั้นเข้าร่าง ทุกอย่างที่เป็นไลน์เนอร์ ดูดีไปหมด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงฮอตสุดๆ ทั้งที่ชอบทำหน้าโกรธอยู่ตลอดเวลา
ถ้าไม่ติดว่าเขาหมายหัวไนท์อยู่ แล้วฉันถูกหมายหัวตามเพราะความหน้าคล้าย ฉันอาจจะหลงรักเขาก็ได้ ก็แค่อาจจะนั่นแหละ ฉันไม่เคยรักชอบใครเลย รู้สึกว่าผู้ชายก็มีนิสัยคล้ายๆกับไนท์หมด ไม่ทำตัวน่าปวดหัว ก็ทำตัวน่ารำคาญ
“ฉัน ฉันเจอกับผู้หญิงคนนั้นตอนอายุย่างสิบสามปี เราเจอกันโดยบังเอิญ เธอโผล่เข้ามาในตอนที่ฉันกำลังถูกทำร้าย” ผมพยายามพูดเลี่ยงๆ เพราะไม่อยากให้ไวท์นึกภาพตาม ยังไม่อยากให้เธอเกิดความหวาดกลัวขึ้นตอนนี้ แต่เหมือนมันจะไม่เป็นอย่างที่ต้องการ คนที่ผมกอดอยู่กำลังสั่น ผมจึงขยับแขนลงช้อนบั้นท้าย อุ้มไวท์กลับมาที่เตียงนอนสีดำสนิท “…!” “เธอถูกคนที่ทำร้ายฉันจับตัวไว้ เราถูกขังอยู่ด้วยกันนานหลายชั่วโมง ฉันที่หมดหวังว่าจะรอดชีวิตออกไป ได้เธอช่วยให้กำลังใจจนอยากมีชีวิตอยู่ต่อ” ผมเล่าอ้อมๆ กดใบหน้าลงบนไหล่เล็ก พยายามไม่นึกถึงภาพเก่าๆเหล่านั้น แต่มันทำไม่ได้ ความกลัวทำให้ผมกอดไวท์แน่น คนบนตักนิ่ง มีเพียงเสียงสะอื้นแผ่วเบาที่ผมได้ยินมันจากเธอ “ฉัน ฉันขอไม่ลงรายละเอียด เพราะฉันไม่อยากให้เธอนึกถึงมัน ฉันไม่อยากให้เธอจำเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น แต่ฉันไม่เคยลืมเธอเลยนะไวท์ ไม่เคยลืมเลย แม้กระทั่งตอนหลับ เธอก็ยังช่วยดึงฉันออกมาจากฝันร้ายเหล่านั้น” “ฮึก! นายจะบอกฉันว่า ฉัน ฉันคือผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม นายจะบอกฉันว่า เด็กคนนั้นที่อยู่กับฉัน ยังไม่ตายงั้นเหรอ นาย นายคือเขาเหรอ” ไวท์ขยับตัวหมุนมาเผ
“ทำอะไรอยู่อะไวท์?!” ตึง! ตึง! เสียงของไลน์เนอร์ดังขึ้นบริเวณหน้าห้อง ไม่นานเสียงวิ่งตึงตังก็ดังขึ้นมา และเพียงไม่นานสมุดบันทึกเล่มนั้นก็หลุดออกไปจากมือ ใบหน้าตกใจของเขา ทำให้ฉันเข้าใจทุกอย่าง เขาไม่ได้ต้องการให้ฉันอ่านมัน เธอคนนั้นที่เขียนไว้ในกระดาษแผ่นแรกไม่ใช่ฉัน แต่มันหมายถึงเธอ เธอที่เหมือนตุ๊กตาของเขา “ฉันจะกลับไปนอนที่บ้าน” ฉันบอกพลางลุกขึ้นจากเตียง เหมือนร่างกายมันจะหมดแรงลงดื้อๆ แต่ก็ฝืนจนยืนได้สำเร็จ คนตรงหน้าฉันเงียบ การที่เขาเงียบ มันทำให้ฉันเริ่มคุมการไหลของน้ำตาไม่ได้ เขาคิดยังไงกับฉันกันแน่ ฉันตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหม ที่เลือกคบกับเขา “ … เธอ อ่านถึงไหนแล้ว? ฉันบอกว่าอย่ายุ่งกับของอย่างอื่นไง” เขาถาม จากนั้นก็เริ่มตำหนิสิ่งที่ฉันทำ ฉันกำลังจะอ้าปากบอกเขาว่าเจอมันอยู่ในถุงกระดาษ แต่เสียงมันหายไป และไม่นานริมฝีปากก็เม้มแน่น น้ำตาของฉันไม่มีผลอะไรกับเขาเลย ทั้งๆที่เห็นมันแล้ว เขาทำแค่เพียงมองมันด้วยสายตาเรียบเฉย “ไวท์!” “ฮึก! … ขอ ขอโทษ!” “ไวท์! มันไม่ใช่สิ่งที่เธอควรเห็นหรอก ฉันผิดเองที่ไม่ได้ตรวจดูมันให้ดี” ไลน์เนอร์ก้าวเข้ามาใกล้ ฉันถอยทั
17 : 45 น. หลังจากเรียนคาบสุดท้ายจบ ไลน์เนอร์ก็อาสามาส่งฉันที่คอนโดก่อน เพราะเขามีท่าทีรีบร้อน ฉันจึงไม่อยากทำให้เขาเสียเวลา ปล่อยเขาไปทันทีที่วนรถขึ้นมาถึงชั้นบน คนตัวโตทำหน้าตึง แต่ก็รีบบึ่งรถหรูคันโปรดของเขาออกไป Tru Tru “มีอะไร ลืมอะไรหรือเปล่า?” คนที่เพิ่งจะมาส่งฉัน และยังขับรถไปได้ไม่ไกลโทรกลับมา ไลน์เนอร์ไม่ยอมพูด บอกให้ฉันรู้ว่าเขากำลังใช้สมาธิในการวนรถลงไปข้างล่าง [ คือ … ฉันซื้อชุดนอนมาให้ เธอช่วยใส่ชุดนั้นนอนรอฉันได้ไหม ] “ที่จะพูดมีแค่นี้ ทำไมไม่พูดตอนมาส่งล่ะ” ฉันแตะคีย์การ์ดเข้ากับเครื่องสแกนหน้าทางเข้า ใช้ใบหน้ากดโทรศัพท์ให้มันแนบกับใบหู ใช้มือดันประตูเข้าไป สอดตัวผ่านช่องว่าง จากนั้นก็ใช้มือถือโทรศัพท์อีกครั้ง [ เหอะน่า! ] “อือ ก็ได้ ขับรถระวังนะ” [ อืม ] ไลน์เนอร์เป็นฝ่ายตัดสายไป ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงจะเป็นคนรักของเขา ถึงผู้ใหญ่จะยินยอมให้เราคบหากัน แต่ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย คงเพราะไลน์เนอร์เป็นคนแบบนั้น เขาไม่เคยพูดคำว่ารักหรือชอบออกมาดีๆ มันจึงทำให้ฉันเกิดความกังวล ว่าจริงๆแล้ว เขาชอบฉันจริง หรือแค่อยากกันฉันออกจากพี่ชายของเขา
“เสียดายจัง ไม่มีพี่ไวท์อยู่ ข้าวก็ไม่อยากไปเลยอะ ข้าวออกบ้างดีไหมคะ” “แต่นั่นก็เท่ากับว่า ข้าวลดโอกาสของตัวเองลงนะ” “ฮ่าๆ มันยังมีโอกาสเหลือให้ข้าวอยู่เหรอคะ ข้าวรู้สึกว่าตัวเองไม่มีหวังเลย ตั้งแต่การหมั้นถูกยกเลิก พี่เขาก็กลายเป็นคนเข้าถึงยาก ตอนนี้ใครก็เข้าหน้าเขาไม่ติด” ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันเจอกับข้าวหอมตอนเที่ยงทุกวัน และนั่งปรับทุกข์ให้กันฟังไม่ต่างจากตอนนี้ ทุกข์ของฉันมีไม่มาก แต่ความทุกข์ของข้าวหอมกองโตกว่าภูเขา และวันนี้ ดวงตาของเธอเริ่มฉายความอ่อนล้าออกมา มันเหมือนเธออยากจะตัดใจจากพี่อาเธอร์จริงๆ “อ่า ลอง … ลองทำแบบนั้นดูไหมอะ พี่ก็ พี่ก็ตกไลน์เนอร์ได้เพราะทำแบบนั้นกับเขา” กว่าจะพูดจบ ใบหน้าก็ร้อนเหมือนถูกไฟเผา ฉันแนะนำอะไรออกไป แล้วทำไมยัยแว่นนี่ ต้องทำหน้าตาจริงจังขนาดนั้น อย่าบอกนะว่า คิดจะทำตามคำแนะนำของฉันจริงๆ “แบบนั้นคือแบบไหนเหรอ?” “ก็แบบ … มีเซ็กส์ไง มีเซ็กส์ … กรี๊ด! ไอ้บ้า! จะแกล้งทำไมเนี่ย!” การปรากฏตัวของไลน์เนอร์ ทำฉันตกใจจนเกือบจะตกเก้าอี้ โชคดีที่เขาใช้แผ่นอกดันแผ่นหลังฉันไว้ ซ้ำยังใช้สองแขนโอบกอดรอบเอวแน่น เสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำค
“บอกไว้เลยนะว่าฉันไม่ใช่ลูกรัก ไม่ได้มีพร้อมเหมือนที่พี่อาเธอร์มี แต่ฉัน …ฉันจะดูแลเธอให้ดีที่สุด” ผมเขินตอนพูดประโยคสุดท้าย คำพูดที่เหมือนคนกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ มากกว่าจะเป็นการมาฝากตัวกับครอบครัว ทำเอาไวท์หัวเราะคิกคัก “คิกๆ ฉันเตรียมใจตั้งแต่หลงรักคนอย่างนายแล้วแหละไลน์เนอร์ เพราะฉะนั้น อย่าห่วงเลย” “เธอ เข้มแข็งตลอดเลยนะ” ผมชมคนตัวเล็กที่ยังคงยิ้มไม่หุบ ก้าวเดินต่อไปช้าๆ คราวนี้ไม่มีความลังเลอยู่เลย การมาถึงของเราทั้งคู่ ไม่ได้ทำให้สองคนที่นั่งคุยกันอยู่เกิดความแปลกใจ ผมบอกแม่ไว้แล้วว่าจะพาไวท์มาหา ตั้งแต่ยังอยู่ที่มหาวิทยาลัย ส่วนอเล็กซ์ก็คงรู้มันจากแม่อีกที “สวัสดีครับแม่ อเล็กซ์” “สวัสดีค่ะ” “สวัสดีจ๊ะหนูไวท์ ไลน์เนอร์เล่าเรื่องหนูให้แม่ฟังเยอะเลย” แม่รับไหว้ผมกับไวท์ อเล็กซ์พยักหน้ารับเพียงอย่างเดียว จากนั้นก็ปล่อยให้แม่เป็นฝ่ายพูดคุยกับเรา ด้วยความที่แม่อยากจะมีลูกสาวมานาน การที่ผมพาไวท์มา สีหน้าของท่านจึงดูดีมาก ยิ่งตอนที่ไวท์ขยับเข้าไปยืนใกล้ๆท่านเพราะโดนฝ่ามือผมดัน ท่านยิ่งยิ้มไม่หุบ “ตายแล้ว! หน้าหนูไปโดนอะไรมาลูก?” รอยยิ้มของแม่หายไป เมื่อได้เห็
“อ๊ะ! นะ นาย / ชู่ว! เบาเสียงหน่อยสิ ฉันยังไม่อยากถูกคนอื่นจับได้นะ” ผมบอกไวท์ชิดแผ่นหลัง สอบเอวควงความใหญ่โตเข้าออกถี่ขึ้น ความอดทนเริ่มจะถึงขีดจำกัด แต่ก็พยายามยื้อเวลาออกไปอีก เพราะคนที่อยู่ใต้ร่างในท่าโก้งโค้ง ยังไม่ได้แตะขอบสวรรค์ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นมีหรือผมจะสนใจ แต่เพราะนี่คือไวท์ ผมอยากทำให้เธอเสร็จด้วย “อึก!” คนตัวเล็กตัดสินใจใช้มือตัวเองช่วยปิดเสียงคราง เห็นแล้วรู้สึกสงสาร ผมจึงเลื่อนมือไปด้านหน้า ดึงมือของไวท์ออกมาจากริมฝีปากของเธอ “อึก อื้อ!” ไวท์ลังเลที่จะใช้มือของผม แต่เพียงไม่นานริมฝีปากหยักสวยก็อ้าออก กดฟันซี่สวยลงบนอุ้งมือ เสียงครางหวานหายไปในทันที ผมสอบเอวถี่ยิบ อีกมือลูบวนบนจุดกระสัน ถี่รัวเป็นจังหวะเดียวกันกับสะโพก ความเสียวซ่านแผ่ไปทั่วลำกาย ความอ่อนนุ่มบีบรัดตัวแน่น สะโพกเล็กแอ่นขึ้นรับสัมผัสหนักหน่วง ตับ! ตับ! “อึก!” “เสียงดีใช้ได้เลยเนอะ” “อ๊ะ อื้อ!” ผมพูดจาหยอกล้อคนตัวเล็ก เพื่อระงับอารมณ์ที่พวยพุ่งขึ้นสูงจนเกือบจะถึงขีดจำกัด ผมยังอยากแช่ตัวตนอยู่ในความคับแน่น อยากกระแทกให้มันลึกกว่านี้ ถี่กว่านี้ แต่ไวท์เสร็จไปแล้ว ความคับแน่นของเธอ ก