ยิ่งเกลียด..ยิ่งรัก.. เธอหนีฉันไปโดยไม่มีคำลาสักคำ ทิ้งให้ฉันจมอยู่กับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ยังจะมาร้องขอความเห็นใจและการให้อภัยจากฉันอีกหรอ..ไม่มีทาง
Voir plusในห้องนอนของคอนโดมิเนียมหรูสูงเสียดฟ้า สองร่างกอดรัดกันนัวเนีย ฝ่ายชายโหย่งตัวกระแทกกระทั้นสาวงามใต้ร่างอย่างเอาเป็นเอาตาย มือใหญ่ข้างหนึ่งบีบขยำหน้าอกอวบอย่างแรงจนซิลิโคนแทบแตก ส่วนมืออีกข้างกำรอบลำคอระหงของเธอเอาไว้
ชายหนุ่มกระแทกสะโพกไม่ยั้ง ยิ่งรุนแรงยิ่งถึงใจจนสาวเซ็กซี่ใต้ร่างกรีดร้องครวญครางเสียงดังลั่นด้วยความเสียดเสียว ถึงแม้ศึกสวาทครั้งนี้จะยาวนานและรุนแรงต่อเนื่องจนช่วงล่างของเธอบวมระบมแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังมีอารมณ์ร่วมและเสร็จสมกับเขาไปหลายครั้ง นั่นเพราะเขาทั้งหล่อเหลา หุ่นดี กล้ามเนื้อแน่นชัดทุกลูก ดุดัน ป่าเถื่อน และที่สำคัญ เขารวยมาก ถ้าเธอทำได้ถูกใจ ไม่แน่เธออาจจะสบายไปทั้งชาติก็ได้ใครจะไปรู้
“อ่าห์ ริสา ผู้หญิงเลว โอ้วววว ริสา อื้ออ”
“อ๊า อ๊า คุณปัถย์”
หญิงสาวกรีดร้องครวญคราง แม้ว่าชื่อที่เขาหลุดปากออกมาจะไม่ใช่ชื่อของเธอก็ตาม แต่ใครจะสนกันล่ะ หล่อนจะเป็นใครก็ช่าง แต่ตอนนี้ผู้ชายที่อยู่เหนือร่างกำลังโยกขย่มเธออย่างเอาเป็นเอาตายก็เป็นพอ
“ฮ๊า ฮ๊า ริสา อืมมมมม”
เขาตอกอัดกระแทกกระทั้นสะโพกสอบถี่รัวเมื่อถึงจุดสิ้นสุดของอารมณ์ โดยไม่ได้สนใจแม่สาวใต้ร่างเลยสักนิดว่าจะเดินทางมาถึงจุดไหนแล้ว แต่แล้วใบหน้าเหยเกของแม่สาวใต้ร่างกลับกลายไปเป็นใบหน้าของคนที่เขาเกลียดแสนเกลียด จนเขาเพิ่มแรงอัดกระแทก พร้อมด้วยการบีบขยำหน้าอกเธอหนักหน่วงจนเนื้อนิ่มปลิ้นรอดตามร่องนิ้ว ทั้งยังเกร็งมือบีบลำคอสาวสวยจนแทบหายใจไม่ออก ก่อนเกร็งกระตุกเสร็จสมระบายความใคร่ออกมาจนเต็มปลอกป้องกัน
“โอวววววววว ริสา อ่าห์”
เมื่อเขาปลดปล่อยจนหมดทุกหยาดหยด ก็รีบดึงเอาท่อนเอ็นใหญ่โตออกจากร่องรักที่บวมแดงทันที เขารูดปลอกป้องกันทิ้งที่ถังขยะข้างเตียงก่อนคว้าเอาผ้าเช็ดตัวที่ตกกระจายอยู่บนพื้นมาพันรอบเอวสอบ พร้อมทั้งหันมาหาสาวสวยที่นอนอ่อนระทวยอยู่กลางเตียงเพื่อรอให้เขามาสานต่อกับเธออีกหลายๆ ครั้งเหมือนที่เขาทำมาก่อนหน้านี้ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อเขายื่นเช็คให้เธอหนึ่งใบ พร้อมกับจำนวนเงินที่เธอเห็นแล้วต้องตาโต
“ขอโทษที่รุนแรง หวังว่าเท่านี้คงชดเชยความสึกหรอของเธอได้”
หญิงสาวร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยจ้ำแดงและรอยนิ้วมือ ยื่นมือออกไปรับเช็คจากมือเขา เธอมองใบหน้าหล่อเหลาเพอร์เฟคนั่นอยู่นานเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด
ปรมัตถ์ อธิพัฒน์โภคิน หรือ ปัถย์ ท่านรองประธานบริษัทอธิพัฒน์โภคิน บริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของไทย ชายหนุ่มรูปหล่อวัย 34 ปี ใบหน้าเรียวรูปไข่รับกับคางเหลี่ยมมนกำลังดีและหน้าผากกว้างสมชายชาตรี ผมรองทรงสั้นที่ด้านข้างไถจนสั้น ด้านบนไว้ยาวและจัดแต่งเป็นทรงเปิดหน้าตามสมัยนิยม คิ้วเข้มหนา ดวงตายาวเรียวคมกริบแววตาดุดันเป็นนิจ โดยเฉพาะตอนที่โยกขย่มอยู่บนร่างเธอ แววตานั้นยิ่งดิบเถื่อนดุดันมีเสน่ห์เป็นร้อยเท่า จมูกที่โด่งจัดเหมือนกับมีเชื้อสายตะวันตกรับกับริมฝีปากหยักได้รูปกำลังดีที่มีสีสดน่าจูบ อาจเป็นเพราะเขามีผิวขาวจัดเหมือนผู้หญิงก็เป็นได้ถึงทำให้ปากนั่นสีสดสวยได้ขนาดนั้น เรือนร่างสูงใหญ่ปราศจากไขมัน มัดกล้ามเนื้อชัดเจนเป็นลอนสวยทุกลูก ยิ่งตอนที่เขาเกร็งร่างกระแทกกระทั้นเธออยู่ กล้ามเนื้อยิ่งหดเกร็งตัวเป็นลูกชัดจนน่าหลงใหล ทั้งหมดนี้มันยิ่งทำให้เขาดูหล่อเหลาน่าดึงดูดไปทุกสัดส่วน
“ขอบคุณค่ะคุณปัถย์ คืนนี้..”
“เธอออกไปได้แล้ว ฉันจะอาบน้ำกลับบ้าน”
เขารีบเอ่ยขัด เพราะรู้ดีว่าเธอคนนี้จะพูดอะไร ก็คงไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาพามานอนด้วย ไม่ว่าจะซื้อหามาหรือหิ้วเอามานอนด้วยกันฟรีๆก็ตาม ผู้หญิงก็เป็นเหมือนกันหมด เมื่อเจอคนหล่อ รวย เอวดุแบบเขา ก็อ่อนระทวยลืมสถานะของตัวเองทันที
หญิงสาวหน้าสลดลง คิดว่าความสวยเซ็กซี่ของเธอ และการที่เธอตอบสนองเขาได้ถึงใจจนเขาต้องใช้ถุงยางอนามัยไปถึงสี่ชิ้น จะทำให้เขาติดใจหรือรู้สึกอะไรๆ กับเธอบ้าง แต่เปล่าเลย ปรมัตถ์ ก็คือปรมัตถ์ ผู้ไม่มีหัวใจตามเสียงเล่าลืออยู่ดี
“คืนนี้กลับดึกเลยตาปัถย์ ไปไหนมาเรา ไปนอนกับแม่ผู้หญิงพวกนั้นมาอีกแล้วใช่ไหม”
คุณนายญาดา มารดาของเขาเดินตรงดิ่งเข้ามาหาเขาทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในบ้าน ไม่รู้ว่าแม่แอบติดจีพีเอสไว้ที่รถของเขาหรือเปล่า ถึงชอบรู้ทันเวลาเขาไปทำอะไรๆ แบบผู้ชายโสดๆ อยู่เรื่อย
“แม่ครับ ผมโตแล้วนะครับ แล้วก็โสดด้วย แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ผมป้องกันตัวเองอย่างดี”
จะไม่ให้เธอเป็นห่วงได้อย่างไร ก็ดูสิว่าลูกชายของเธอออกจะหล่อเหลาและร่ำรวยขนาดนี้ ผู้หญิงหิวเงินมีแต่จ้องจะจับตาเป็นมัน ถ้าวันหนึ่งลูกชายของเธอรักสนุกจนพลาดทำใครท้องขึ้นมาละก็ เธอไม่อยากคิดเลยจริงๆ ว่าจะได้ลูกสะใภ้แบบไหน เป็นแบบนี้สู้หาผู้หญิงสวยๆ เก่งๆ และเรียบร้อยดูดี มาให้เขาได้ทำความรู้จักไม่ดีกว่าหรือ เผื่อเขาจะสมหวังในความรักเหมือนกับคู่ของลูกชายคนโตของเธอบ้าง
“ขึ้นไปอาบน้ำนอนเถอะลูก พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าอีก”
“คร้าบแม่”
ชายหนุ่มก้มลงหอมแก้มนิ่มๆ ของมารดาฟอดใหญ่ ก็รีบแยกตัวขึ้นบ้านไปโดยที่ยังไม่ได้แตะต้องอาหารอะไรเลยในคืนนี้
เมื่ออยู่ในห้องนอนตามลำพัง เขาก็ตรงดิ่งไปเปิดลิ้นชักข้างเตียงที่เขาล็อกกุญแจเอาไว้อย่างดี ทันทีที่ลิ้นชักถูกเลื่อนออกมา ภายในก็ปรากฏกรอบรูปขนาดเล็กที่คว่ำหน้าอยู่ในนั้น มือแกร่งสั่นนิดๆ ยื่นเข้าไปหยิบมันออกมาดูเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้แล้ว
ในกรอบรูปนั้นมีภาพของชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งเคียงข้างแล้วเอาแก้มแนบกันอย่างสนิทสนม ทั้งคู่ยิ้มหวานให้กล้อง ดวงตาเป็นประกายของความสุข
“ริสา..”
แววตาสั่นระริกมองภาพนั้น กี่ครั้งที่เขาหยิบภาพนี้ออกมาดู ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมองใบหน้าของผู้หญิงในภาพนี้อย่างชัดเจน นั่นเพราะว่าทุกครั้ง เขาต้องมองเธอผ่านม่านน้ำตานั่นเอง
“ริสา ที่รัก ผมกลับมาแล้วครับ”
ห้องที่เงียบสนิท ไม่เหมือนทุกทีที่เขาเลิกงานกลับมา ทุกครั้งจะเห็นเธอยืนทำกับข้าวอยู่หน้าเตา หรือกำลังทำความสะอาดและจัดบ้านเสมอๆ เขาเดินหาเธอจนทั่วก็ไม่เจอวี่แววของคนรักสาวที่เขาเอ่ยเรียก
ชายหนุ่มกดโทรศัพท์โทรออกหาเธอ เพราะคิดว่าวันนี้เธออาจทำโอที หรือยังเดินทางกลับมาไม่ถึงห้อง แต่กลับปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อเลขหมายนั้นได้ เขากดโทรออกหลายครั้งก็ยังเป็นเหมือนเดิมจนเริ่มร้อนใจ ดีที่เขามีเบอร์โทรของเพื่อนร่วมงานของเธออยู่สองสามคนเอาไว้โทรหากรณีฉุกเฉินเช่นนี้ แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้เขามึนงงเหมือนโดนค้อนทุบหัว เมื่อเพื่อนร่วมงานของเธอบอกว่า เธอได้ยื่นลาออกไว้ตั้งแต่สองวันที่แล้ว และวันนี้ก็ไม่ได้มาทำงานแล้ว
ลางสังหรณ์บอกกับเขาว่าเธอทิ้งเขาไปแล้ว จึงเดินเข้าไปในห้องนอน เปิดตู้เสื้อผ้าด้วยมืออันสั่นเทา เมื่อบานประตูตู้เปิดออกกว้าง เขาก็เข่าทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นทันที
ตู้เสื้อผ้าตรงหน้าที่เคยมีเสื้อผ้าของเธออัดแน่น บัดนี้มันว่างเปล่า มีเพียงผ้าพันคอผืนบางลายแบรนด์เนมดังที่เขาซื้อให้เธอตกอยู่ที่มุมลึกสุดของตู้นั้น เขายื่นมือที่สั่นสะท้านเข้าไปหยิบมันออกมา พร้อมกับกอดมันแนบอกแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ
เธอไปแล้ว ไปไหน ไม่มีล่ำลาหรือบอกกล่าวกันสักคำ เธอทิ้งเขาไว้ที่นี่ พร้อมกับความฝันและคำโกหกหลอกลวงของเธอ เขานั่งชันเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่นานหลายชั่วโมง ดวงตาบวมเป่งแดงก่ำอย่างน่าสงสารมองไปรอบห้องนอน ไม่มีข้าวของอะไรของเธอหลงเหลืออยู่อีกเลย หมดแล้ว อนาคตของเขากับเธอ จบสิ้นแล้ว เหลือเพียงหัวใจที่แตกสลายบอบช้ำดวงนี้ ที่ไม่รู้จะต้องรักษาอีกกี่ปีถึงจะกลับมาดีเหมือนเดิม
ฉับพลัน แววตาที่เศร้าสร้อยอาลัยอาวรณ์ก็วาบขึ้นด้วยไฟโทสะ กลับมาดุดันเกรี้ยวโกรธเหมือนเดิม เมื่อคิดได้ว่าเธอคนนี้ทำอะไรกับชีวิตและหัวใจของเขาไว้บ้าง
“ผู้หญิงสารเลว อย่าให้ผมเจอคุณอีกครั้งนะริสา ผมเอาคุณตายแน่”
เขาวางกรอบรูปคว่ำลงอย่างแรงในลิ้นชัก ก่อนดันมันปิดแล้วล็อกกุญแจเพื่อขังความทรงจำที่แสนเจ็บปวดของเขาอีกหน
“นี่เจ้าปราณต์มันยังไม่ตื่นมากินข้าวหรอเนี่ย จะเที่ยงแล้วนะ” ปรินทร์ พี่ชายคนโตเอ่ยถามถึงน้องชายคนที่สาม กับปุณณัตถ์ น้องชายคนสุดท้องที่นั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามของตนในช่วงเวลาอาหารมื้อเที่ยง หลังจากวันแต่งงานของปรมัตถ์กับอริสาที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวาน ซึ่งพอได้ยินดังนั้น พ่อแม่ของพวกเขาก็หันมามองเพราะต้องการคำตอบเหมือนกัน “อยู่ที่ไหนล่ะครับ กลับกรุงเทพไปตั้งแต่เช้าแล้ว” ปุณณัตถ์ ดาราหนุ่มรูปหล่อได้ทีรีบฟ้อง เพราะงอนพี่ชายคนนี้หน่อยๆ มีอย่างที่ไหน สองครั้งแล้วที่นอนห้องเดียวกัน แต่ปล่อยให้เขานอนอยู่ในห้องนอนคนเดียวจนเกือบเช้า ส่วนตัวเองโน่น ไปคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น คุยสักพักก็นั่งดูอะไรผ่านกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อมาในโทรศัพท์ก็ไม่รู้ นั่งจ้องนอนจ้องอยู่นั่นแหละ ไม่ได้ใส่ใจน้องชายคนเล็กอย่างเขาเลย “มันจะรีบกลับไปไหน นานๆได้มาเที่ยวกันทั้งครอบครัวทีนึง” ปรินทร์อดที่จะบ่นไม่ได้ เพราะเขากับภรรยาสาวค่อนข้างจะงานรัดตัว ไหนจะลูกที่ยังเล็กมาก กว่าจะมีโอกาสได้มารวมตั
“อ๊า ซี๊ดดดดด พอนะคะ” “ครับ” เขาใช้ฝักบัวฉีดล้างทำความสะดาดส่วนนั้นให้กับเธอจนสะอาดหมดจด แล้วฉกวูบลงมาจูบหนักๆบนติ่งเกสรสาวที่บวมเป่งเพราะความปรารถนาของเธอทันที “อ๊ะ ปัถย์คะ” ลิ้นร้อนไม่ยอมน้อยหน้า มันตวัดระรัวที่ติ่งนั่นจนกายสาวสั่นสะท้าน จนต้องจิกทึ้งเส้นผมที่กลางศีรษะของเขาเพื่อระบายอารมณ์ “ปัถย์ พอเถอะ ริสาไม่ไหว อ๊ะ อ๊ะ เสียววววว” ฟังที่ไหน เจ้าบ่าวกลัดมันยังคงเดินหน้าทรมานเธอต่อไปด้วยเรียวลิ้นอันร้ายกาจของเขา เขาเริ่มจ้วงแทงมันลงไปในร่องรักของเธอไม่ยั้งจนเกิดเสียงดังเจ๊าะแจ๊ะลามก แต่ยิ่งเร้าอารมณ์ให้เธอเตลิดเปิดเปิงไปไกล อริสาเด้งส่วนนั้นเข้าใส่ลิ้นของเขาตามจังหวะการจ้วงแทง เธอเสียวเหลือเกิน จนอยากให้เขากระทำรุนแรงกับเธอมากกว่านี้ จึงได้ใจกล้าเอ่ยร้องขอออกไป “อ๊าย อ๊าย ปัถย์ขา แรงๆ ริสาเสียวววว อ๊ายยย” มือน้อยยกขึ้นมาบีบขยำหน้าอกตัวเองอย่างที่เขาเคยทำให้เป็นประจำ สะโพกก็เกร
ทางเดินที่ทอดยาว บนหาดทรายขาวละเอียด ที่ด้านข้างมีเสาไม้เตี้ยๆ เรียงราย บนหัวเสามีช่อดอกไม้ในธีมสีเขียวขาวประดับเอาไว้และพันด้วยผ้าสีขาวพลิ้วไหวทุกต้น หนุ่มสาวเดินคล้องแขนกันไปตามทางเดินนั้น สาวสวยในชุดลูกไม้ฝรั่งเศสเปิดไหล่มีระบาย กระโปรงแคบก่อนปล่อยชายบานออกเป็นหางปลา ผมหยักสีน้ำตาลอ่อน รวบขึ้นเกล้าระท้ายทอยถักเปียวนทั่วศีรษะ ก่อนประดับดอกไม้เล็กๆแซมตามผมนั้น ใบหน้าสวยตกแต่งด้วยเครื่องสำอางสีหวาน เน้นขับความงามตามธรรมชาติของเจ้าสาวคนสวย ที่เดินเคียงคู่มากับชายหนุ่มในชุดสูทสากลสีดำ ทั้งคู่กำลังเดินไปยังซุ้มไม้ขนาดใหญ่ที่มีผ้าสีขาวพลิ้วบางพันเอาไว้อย่างสวยงาม และประดับด้วยช่อดอกไม้ธีมเดียวกันกับที่ประดับตามเสาเตี้ยๆนั้นโดยทุกย่างก้าวที่เดินผ่านไป ก็มีกลีบกุหลาบสีขาวโปรยปรายไปตลอดทาง งานแต่งงานริมชายหาดในฝันของปรมัตถ์กับอริสา ถูกจัดขึ้นอย่างสวยงามและเรียบง่าย บรรยากาศเต็มไปด้วยความสวยงามและชื่นมื่นของเหล่าบรรดาญาติๆและเพื่อนสนิท รวมทั้งลูกสาวตัวน้อยในชุดแบบเดียวกันกับคนเป็นแม่ ที่นั่งอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นย่าตลอดเวล
เมื่อคุณพ่อคุณแม่เอาเสื้อผ้าและตุ๊กตากระต่ายมาให้ลูกสาวเสร็จเรียบร้อย ก็กำลังจะกลับเข้าห้อง แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือก้องภพ ผู้ชายที่เขาเคยคิดว่าเป็นแฟนใหม่ของเธอ “อ้าว พี่ก้อง มาตอนไหนคะ ทำไมไม่โทรหาริสาละคะ มายืนรอนานแล้วหรอ เข้าห้องก่อนนะคะ” หญิงสาวเอ่ยทักทายและโผเข้ากอดเขาด้วยความดีใจ เป็นเหมือนเดิมทุกครั้งที่เขามาหา ก้องภพมองข้ามไหล่ของหญิงสาวไปยังชายหนุ่มหล่อด้านหลัง ก็ต้องแปลกใจ นี่มันเจ้าของโรงแรมคนใหม่ ทำไมมาเดิมตามหลังริสาของเขาต้อยๆแบบนี้ “เพิ่งมาถึงเองครับ เอ่อ สวัสดีครับคุณปัถย์” “สวัสดีครับ” ท่าทางชักจะยังไงยังไง ผู้ชายด้วยกันมองกันออก ปรมัตถ์คนนี้มองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แม้ริมฝีปากจะพยายามยิ้ม แต่ดวงตานั่นไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย แต่เท่าที่รู้มา เขามีคู่หมั้นและกำลังจะแต่งงานกันในเร็วๆนี้แล้วนี่นา ทำไมถึงมาทำท่าหวงก้างอริสาของเขาแบบนี้ “เข้าห้องก่อนนะคะ”
เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงโรงแรมได้ ก็ตรงดิ่งไปที่ห้องของแม่เขา เพื่อที่จะไปบอกข่าวดีและไปรับลูกสาวตัวน้อยเพื่อพาไปทำงานด้วยในทันที แต่พวกเขาก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ไม่ได้มีแค่พ่อแม่และน้องชายของเขาเท่านั้น แต่มีพ่อและแม่ของจิดาภา รวมทั้งเจ้าตัวที่กำลังเป็นโจทก์ของเขาในตอนนี้ด้วย “กลับมาแล้วหรอตาปัถย์ ริสา เข้ามาก่อนสิลูก” ปรมัตถ์กับอริสายกมือไหว้ผู้ใหญ่ผู้มาใหม่สองคนในห้องอย่างนอบน้อม แต่สิ่งที่ได้มาคือการเมินเฉยและเชิดใส่ โดยเฉพาะจันทร์จิรา มารดาของจิดาภา รายนั้นเชิดหน้าเสียจนคอแทบหักอยู่แล้ว “มานั่งคุยกันก่อนลูก” ปราบเรียกลูกชายกับลูกสะใภ้ ให้มานั่งลงเพื่อที่จะพูดคุยตกลงกับผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงให้รู้เรื่อง “ตาปัถย์ทำอย่างนี้กับลูกสาวน้าได้ยังไง ลูกสาวน้าไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนนนะ คิดจะชอบก็เข้าหา พอได้สมใจก็ถีบหัวส่ง” ปรมัตถ์หัวคิ้วย่นแทบชนกัน ทำไมผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย พยายามยัดเยียดข้อกล่าวหาว่าเขาฟันจิดาภาแล้วทอดทิ้งแบ
ครืด ครืด ครืด โทรศัพท์มือถือของเขาสั่นขึ้น ในขณะที่กำลังนั่งรับประทานมื้อเย็นอยู่กับลูกและเมีย ที่ห้องอาหารของโรงแรม ใจจริงเขายังไม่อยากออกไปไหน เพราะไม่อยากเจอกับคู่หมั้นสาว แต่ลูกสาวตัวน้อยดันรบเร้าอยากออกมาเดินเล่นริมสระน้ำ พ่อกับแม่จึงจำเป็นต้องตามใจลูก เพราะวันนี้ทั้งวัน ก็ขังให้เธออุดอู้อยู่แต่ในห้องแล้ว “จีด้าโทรมา ผมไม่อยากรับเลย” เขายกหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาดูแล้วก็แทบอยากวางคว่ำหน้าลงบนโต๊ะเหมือนเดิม “รับเถอะค่ะ จะได้รู้ว่าเธอมีเรื่องอะไร” เมื่อเมียสุดที่รักพูดแบบนั้น ก็จำเป็นต้องทำตามสินะ “ครับ จีด้า” “พี่ปัถย์อยู่ไหนคะ จีด้าขนกระเป๋าเข้าไปอยู่ในห้องพี่ตั้งแต่บ่าย จีด้าเพลียหลับไป ตื่นขึ้นมาพี่ก็ยังไม่กลับ ไปอยู่กับแม่นั่นหรอ” เธอส่งเสียงดังโวยวายมาตามสายจนคนที่นั่งข้างๆยังได้ยิน “เรียกริสาให้ดีๆหน่อยจีด้า อย่างน้อยเขาก็แก่กว่าจีด้าหลายปี”
Commentaires