เสียงหอบยังแทรกผ่านริมฝีปาก ก่อนที่เมลินจะถูกจับพลิกร่างกลับอย่างรุนแรง และถูกยึดครองอีกครั้งจากด้านหน้า
“มองหน้าฉัน…แล้วบอกสิว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับฉันเลย”
คีรินทร์กระซิบเสียงพร่า ขณะร่างใหญ่กระแทกเข้าสุดแก่นอีกครั้ง
จังหวะนั้น เมลินสะท้านจนแทบน้ำตาไหล เพราะมันลึก มันแน่น มันเจ็บแต่มันก็หวานหวิวเหมือนตกลงเหวแห่งความรักและความแค้นพร้อมกัน
“ฉัน...ไม่...” เธอพยายามห้ามน้ำตา พยายามปฏิเสธทั้งที่เสียงครางยังสั่นไหวอยู่ในลำคอ
เขาใช้ปลายนิ้วเชยคางเธอขึ้น บีบแน่นแต่ไม่ถึงกับทำร้าย
“เธอโกหก...แม้แต่ตอนนี้ก็ยังโกหก”
พูดจบ เขาก็ ดูดเม้มปากเธออย่างรุนแรง — ราวกับจะลงโทษถ้อยคำลวงโลกที่เธอกลืนมันไว้กับหัวใจ
ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปภายใน…เกี่ยวพันอย่างบ้าคลั่ง หยาบคายแต่โหยหาจนเธอเกร็งสะท้านไปทั้งตัว
ร่างกายเขาเคลื่อนไหวเร็วขึ้น รุนแรงขึ้น
กระแทก — ลึกขึ้น
บดขยี้ — หนักหน่วงกว่าเดิม
ดึงต้นขาเธอขึ้นคร่อมบนสะโพกเขา แล้ว สอดแทรกในมุมที่ลึกกว่าเดิม จนเธอสะดุ้งเฮือก
“อ๊าาาา... คีรินทร์...”
เสียงนั้นหลุดจากริมฝีปากเธออย่างควบคุมไม่ได้ พร้อมน้ำตาที่ไหลเพราะทั้งเจ็บ ทั้งเสียว ทั้งเจ็บใจ
เขาหยุดทุกจังหวะ
มือเรียวยาวเช็ดหยาดน้ำตาของเธอช้า ๆ นิ้วโป้งเกลี่ยเบา แล้วกระซิบอย่างไม่มั่นคง…
“…เธอร้องไห้ทำไม... หรือว่าเธอรู้สึกเหมือนกัน?”
เมลินเม้มปากแน่น ไม่ตอบ แต่อ้อมแขนกลับโอบเขาแน่นขึ้น
เธอสะอื้นเบา ๆ ขณะยังนั่งคร่อมอยู่บนตักเขา ร่างเปลือยเปล่าแนบชิด กลิ่นเหงื่อ กลิ่นกายผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ยังติดผิวเขา
“…ฉันไม่เคยทรยศนาย...” เสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่คีรินทร์ได้ยิน… และมันทำให้เขาหายใจขัด
แต่ความกลัว ความไม่ไว้ใจ และความแค้นเก่า
ยังกัดกินหัวใจเขาอยู่
เขาจับเธอนอนราบลงอีกครั้ง
“ถ้าเธอไม่ทรยศ…งั้นพิสูจน์ด้วยร่างกายเธอ…ให้ฉันเชื่ออีกครั้ง”
เขาก้มลงดูดขบยอดอกทั้งสองข้างสลับกัน มือเคล้นสะโพกเธอแน่น ก่อนจะ แทงสวนขึ้นเข้าไปในตัวเธอจนสุดในจังหวะแรก
แล้วขยับสะโพกขึ้นลงอย่างรุนแรง จังหวะถี่จัด สัมผัสหนักแน่น
เสียงเตียงดังลั่นตามแรงกระแทก
เสียงคราง เสียงสะอื้น เสียงหอบ ปะปนกันกลายเป็นเพลงแห่งไฟปรารถนาที่ไม่เคยดับในห้าปีที่ผ่านมา
“เธอมีอะไรกับฉันวันนั้นเพื่ออะไร…หืม?”
เขาถามในขณะที่ยัง กระแทกเข้าสุด ลากถอนออกช้า แล้วกระแทกซ้ำแรงกว่าเดิม
เมลินสะอื้น — มือขยุ้มไหล่เขาแน่น
“เพราะฉันรักนาย...”
คำตอบนั้นทำให้เขาชะงักไปเสี้ยววินาที...แล้วอัดสะโพกเข้าแรงจนเสียงกระทบเนื้อดังสนั่น
เขาไม่พูดอะไรอีก — นอกจากใช้ร่างกาย “ถามซ้ำ” อีกครั้ง
ท่วงท่าหนักหน่วง รุนแรงแต่เต็มไปด้วยอารมณ์
น้ำเสียงเขาขาดเป็นห้วง เสียงครางต่ำสะท้านอกดังกระเส่า
“อึก... เมลิน...”
เขา จับเอวเธอแน่น แล้วซอยถี่ขึ้น จังหวะสุดท้าย กดลึกเข้าไปในตัวเธอจนสุดทาง
เสียงครางของทั้งสองกระทบกันในความมืด เธอจิกแผ่นหลังเขาแน่น ร่างกายเกร็งกระตุกพร้อมกัน...
พวกเขาแตะถึงจุดสุดยอดในวินาทีเดียวกัน
เขาทิ้งตัวลงข้างเธอ หอบหนัก แขนยังโอบเธอไว้แน่น
ดวงตาคมกริบจ้องหน้าเธอในความเงียบ
...แต่ไม่มีคำว่า “เชื่อ” หลุดออกจากปากเขา
ยังคงมีแผล...และความแค้น
แต่คืนนี้ เขาก็แค่ ‘ต้องการเธอ’
ในแบบของเขา...ในแบบที่เธอไม่อาจหนี
เมลินกัดริมฝีปาก พยายามบอกตัวเองให้ลืม แต่กลับพบว่าแม้แต่หยาดน้ำตายังกลั่นออกมาจากความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งเจ็บปวด...หัวใจเธอถูกเขาทำลายซ้ำ ๆ แต่ก็ยังโหยหาความอบอุ่นจากคนที่ผลักไสเธอที่สุด
ห้องทั้งห้องกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
มีเพียงเสียงหอบแผ่วเบา เสียงลมหายใจที่กระทบกันในระยะประชิด และกลิ่นอายจากบทรักร้อนแรงที่ยังคลุ้งไม่จาง
เมลินนอนนิ่ง หันหลังให้ชายที่เพิ่ง “ครอบครอง” เธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่มีความปรานี
หยาดน้ำตาบาง ๆ ซึมอยู่บนปลายตา...ไม่รู้ว่าเพราะความเจ็บ ความรัก หรือเพราะหัวใจของเธอกำลังแตกละเอียดอีกครั้ง
คีรินทร์ยังคงนั่งอยู่บนขอบเตียง แผ่นหลังเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยข่วนจากเล็บเธอ
แต่เขาไม่พูด ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง
ผ่านไปหลายนาที…
เขาคว้าผ้าขนหนูพันรอบเอวแล้วลุกขึ้น เดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่หันหลังกลับ
น้ำฝักบัวกระทบผิวเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่เย็นชา ไม่ต่างจากแววตาเขาตอนเอ่ยประโยคถัดมา
“เธอรู้มั้ยว่าการให้ใจใครแล้วมันพัง…มันทำให้ฉันไม่อยากเชื่ออะไรอีกเลย”
เสียงเขาแหบพร่า ไม่ดังนัก แต่พอให้ได้ยินชัดเจน
เมลินเม้มปากแน่น
แต่ไม่กล้าพูดอะไร
เขาอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาช้า ๆ เช็ดผมไปด้วย สายตามองไปที่พื้น…ไม่สบตาเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ก่อนจะหยุดยืนอยู่ปลายเตียง
…แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
“คืนนี้ฉันแค่อยากได้เธอ…แค่นั้น”
เจ็บ…เหมือนหัวใจถูกมีดกรีดช้า ๆ
แม้เธอจะรู้ว่าเขาโกหก — ว่าในแววตานั้นไม่ได้ไร้ความรู้สึก
แต่ถ้อยคำเหล่านั้นกลับบาดลึกยิ่งกว่าการที่เขาไม่พูดอะไรเลย
“น็อต…หน้ามันเหมือนฉันมาก”
เขาว่าต่อ ขณะหยุดเดินอยู่หน้าประตู
เสียงทุ้มนั้นสั่นนิด ๆ แต่ไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย
“แต่เหมือน…ก็ไม่ได้แปลว่ามันเป็นลูกฉัน”
แล้วเขาก็เปิดประตู เดินออกไปช้า ๆ โดยไม่หันหลังกลับ
ทิ้งไว้เพียงร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวผู้ตกอยู่ในวังวนของรักเก่า...ที่ยังไม่ยอมจางหาย
และหัวใจของเขาเอง…ที่กำลังถูกเธอ "กัดกิน" กลับไปช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว
ห้าปีก่อน —
กลิ่นแอลกอฮอล์และเสียงดนตรีคลับยามค่ำคืนหลอมรวมกันเป็นฉากหลังของค่ำคืนที่ไม่อาจลืม คีรินทร์ในชื่อปลอม “คริสเตียน” เดินเข้ามาในคลับส่วนตัวใจกลางเมืองลาสเวกัสอย่างเงียบขรึม เป้าหมายคือเจรจากับหุ้นส่วนลับ แต่หารู้ไม่ว่าในเงามืด ศัตรูเก่าของเขากำลังเคลื่อนไหววางแผนหักหลัง
เมื่อแก้วเหล้าถูกส่งถึงมือ คริสเตียนยกดื่มด้วยสายตานิ่ง
ทว่าไม่นานนัก สายตาคมก็เริ่มพร่า มือไม้หนักอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาถูกวางยา และก่อนที่สติจะพร่าเลือน ร่างสูงก็ถูกนำเข้าห้องวีไอพีชั้นบน โดยมีแผนร้ายเตรียมพร้อมถ่ายภาพเขากับหญิงสาวที่ถูกจัดเตรียมไว้
ทว่า...ชะตากลับพลิกผัน
เมลิน มาเที่ยวครั้งแรกที่คลับนี้ เธอหลงทางขึ้นมาบนชั้นวีไอพีเพราะห้องน้ำปิดซ่อม เธอเปิดประตูผิดเข้าไปในห้องนั้น — ที่ที่คีรินทร์อยู่บนเตียงด้วยสภาพหมดสติ ดวงตาคมยังลืมเลือนราง ใบหน้าที่ซีดเซียวแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์ยา
"...คุณเป็นอะไรคะ?" เธอก้าวเข้าไปอย่างระแวดระวัง แต่ก่อนที่เธอจะถอย ร่างสูงกลับคว้าข้อมือเธอแน่น
คืนนี้เป็นคืนที่เธอไม่อาจลืม คีรินทร์กลายเป็นชายที่ใช้เธอเพื่อดับไฟพิษในร่างกายทั้งคืน ความทรงจำพร่าเลือนปนเจ็บปวดและซาบซ่านฝังลึกลงในหัวใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น เมลินแต่งตัวเงียบ ๆ พลางหันมองใบหน้าชายที่ยังหลับใหล เธอพยายามจดจำทุกรายละเอียด—ทั้งที่รู้ว่าโอกาสเจอเขาอีกนั้นน้อยนิด แล้วรีบจากไปอย่างไร้เสียง
ทันทีที่ประตูปิด มายด์ ซึ่งแอบดูอยู่ตั้งแต่แรกก็ก้าวเข้ามา เห็นห้องว่างเปล่าและคีรินทร์ยังไม่รู้สึกตัว เธอถอดเสื้อผ้าทิ้งและแทรกตัวลงข้างกายเขา… เมื่อเขาตื่นมาและเห็นเธออยู่ตรงนั้น เขากลับคิดว่าเธอคือผู้หญิงที่ช่วยเขา
ต่อมา —
ค่ำคืนหนึ่งในซอยเปลี่ยว เมลินกำลังวิ่งหนีจากกลุ่มชายติดอาวุธที่ไล่ล่าเธอและครอบครัว ด้วยหัวใจที่สั่นเทา เธอเหลียวหลังมองเห็นแม่ถูกแทงต่อหน้าในขณะที่ตนเองหนีไปตามคำสั่ง เสียงกรีดร้องดังก้องหัวใจ
แต่เธอรอด เพราะใครบางคนดึงเธอขึ้นรถยนต์หรูพร้อมอาวุธครบมือ คีรินทร์ในชื่อจริงแต่ยังคงไม่บอกตัวตนที่แท้จริง... เธอจำเขาได้ทันที — ผู้ชายคนนั้น คืนนั้น...
แต่เขาจำเธอไม่ได้
เขาให้ที่พักพิง ความปลอดภัย และในที่สุด—หัวใจของเธอ เมลินตกหลุมรักเขาอีกครั้งในชื่อจริงของเขา ทั้งที่รู้ว่าเขาจำไม่ได้ว่าเธอคือใครในคืนนั้น
หนึ่งเดือนผ่านไป
เมลินยืนกุมหน้าท้องด้วยมือสั่นระริก... ขีดสีแดงสองขีดชัดเจนบนแผ่นตรวจตั้งครรภ์ เธอกำลังจะมีลูก—กับเขา
เธอตัดสินใจจะบอกความจริงกับเขา แต่ในวันที่เธอกำลังจะพูด มายด์ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมสายตาเหี้ยมเกรียม
"เธอคือผู้หญิงคืนนั้นใช่ไหม... ฉันรู้หมดแล้ว ถ้าเธอยังรักแม่ของเธอ อย่าก้าวเข้ามาในชีวิตเขาอีก"
คำขู่นั้นกรีดหัวใจเมลินจนเจียนตาย มายด์เปิดภาพสดจากโทรศัพท์ที่แสดงให้เห็นว่าแม่ของเธอยังมีชีวิต... เธอได้ถูกช่วยไว้ในคืนนั้น....แต่ตอนนี้เธอกลับถูกจับตัวไว้
เพื่อความปลอดภัยของแม่ เมลินเลือกที่จะจากไป พร้อมกับสร้างความเข้าใจผิดให้กับทุกคน โดยที่มายด์ไปกระซิบกับคริสและภาคินว่า เธอเห็นเมลินคุยกับชายแปลกหน้าบ่อย ๆ ดูเหมือนจะเตรียมหนี
และนั่น... คือจุดเริ่มต้นของความเข้าใจผิด ความเกลียดชัง และความเจ็บปวดที่ฝังลึกในหัวใจของคีรินทร์
...ในขณะที่เขาไม่รู้เลยว่า ผู้หญิงที่เขาเคยใช้ดับพิษในคืนนั้น คือผู้หญิงที่เขาเคยอยากปกป้องที่สุดในชีวิต
ถ้าวันนั้น...เมลินไม่เปิดประตูผิด ไม่เดินเข้าไปในห้องนั้น — เธออาจไม่ต้องรู้จักคำว่า ‘รักที่แลกมาด้วยความเกลียด’ เช่นวันนี้
เสียงนาฬิกาปลุกเบา ๆ ดังขึ้นในห้องนอนอบอุ่นยามเช้า แสงอาทิตย์ลอดผ่านม่านสีครีมสาดกระทบเตียงใหญ่กลางห้องเมลินค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปมองร่างของลูกชายตัวน้อยที่นอนหลับอยู่ตรงกลางระหว่างเธอกับคีรินทร์“แม่...วันนี้ผมได้ไปโรงเรียนกับพ่อใช่ไหมครับ?”เสียงน้องน็อตดังแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทั้งที่ยังไม่ลืมตาดีคีรินทร์ที่นอนนิ่งอยู่ข้าง ๆ ขยับตัวช้า ๆ เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นลูบผมนิ่มของลูกชายอย่างทะนุถนอม“ใช่ วันนี้พ่อจะไปส่งน็อตเอง”เสียงทุ้มของเขานุ่มนวลขึ้นกว่าทุกครั้ง ราวกับต้องการให้ทุกเช้าวันใหม่ของลูกชายเริ่มต้นด้วยความปลอดภัยเมลินยิ้มบาง ๆ พลางโน้มตัวไปหอมแก้มน้องน็อต“แม่วางเสื้อผ้าไว้ให้แล้วนะลูก อยู่ที่ปลายเตียง ไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวเราจะไปพร้อมกัน”เช้านั้นคือเช้าวันแรกที่น้องน็อตได้ไปโรงเรียน…ในฐานะลูกของ “พ่อกับแม่” อย่างเป็นทางการชื่อในใบสมัครเรียน ชื่อของบิดา คือ “คีรินทร์ กัลย์พิทักษ์”ไม่มีคำว่า &ld
กรุงเทพฯ ยามเช้าดูวุ่นวายกว่าทุกวันเสียงแตรรถยนต์ที่ไม่เคยเงียบลงสักวินาที สะท้อนผ่านกระจกห้องนอนชั้นบนสุดของคฤหาสน์หรูใจกลางสุขุมวิท เมลินยืนพิงระเบียง เฝ้ามองวิวเมืองในความเงียบงัน ปลายนิ้วยังกำถ้วยกาแฟอุ่นไว้แน่นแค่กาแฟหนึ่งแก้ว…ก็ยังไม่มีแรงจะยกดื่มเธอฝืนยิ้มให้กับความจริงที่ตนเองไม่ยอมรับมาเนิ่นนานคฤหาสน์หรู ห้องนอนใหญ่ เตียงนุ่ม และคนรักที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเธอแต่มันไม่สามารถลบภาพในหัวของเธอออกไปได้เลย—เสียงระเบิด เสียงน็อตร้องไห้ หรือแม้แต่สัมผัสจากรถที่พุ่งเข้าหาเธอในวันนั้นเธอ…ยังคงฝันถึงมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า"เมื่อคืนฝันร้ายอีกใช่ไหม?"เสียงทุ้มต่ำของคีรินทร์ดังขึ้นจากด้านหลัง เขาก้าวเข้ามาช้าๆ สวมเสื้อเชิ้ตสีดำแบบลำลอง ร่างสูงใหญ่มากพอจะบดบังแสงเช้าไว้จนหมดมือเย็นแต่นุ่มของเขาแตะที่ไหล่เธอเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมากอดจากด้านหลัง"ฉันไม่เป็นไร" เธอตอบอัตโนมัติ…แต่ไม่มองตาเขาคีรินทร์ไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงกอดเธอแน่นขึ้นเล็กน้อยเขารู้…เธอไม่โอเครู้&h
มือแกร่งไล้ลงไปที่ต้นขาด้านใน เขาแยกขาเธอออกช้า ๆ แล้วก้มลงใช้ปลายลิ้นสัมผัสตรงกลางกลีบกุหลาบที่เปียกชื้นอยู่แล้วจากความปรารถนา“อื้อ…คี…”เสียงสะอื้นสั่นเครือหลุดออกมาไม่ทันจบประโยคเมื่อปลายลิ้นแกร่งนั้นกวาดลากซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาดุนปลายลิ้นเข้าข้างใน สลับกับการดูดเม็ดละมุนจนร่างเธอสั่นเกร็งทุกครั้งที่ถูกจู่โจม“ไม่…อย่า…” เธอครางห้าม แต่มือกลับจิกเส้นผมเขาแน่นเพราะเขาไม่เพียงแค่สัมผัส…แต่กำลัง โอบกอดบาดแผลทั้งหมดของเธอด้วยลิ้นของเขาเมื่อเธอใกล้ถึงขีดสุด เขาจึงยอมถอนริมฝีปากออกแต่ยังไม่หยุด… ปลายนิ้วร้อนแทรกเข้าไปทีละน้อยอย่างช้า ๆเขาดูดปลายอกเธอแรงขึ้นในขณะที่นิ้วข้างหนึ่งดันเข้าไปจนสุดโคนเสียงครางเบา ๆ หลุดจากริมฝีปากเธออีกครั้ง พร้อมกับสะโพกที่แอ่นขึ้นอย่างลืมตัว“แฉะไปทั้งตัวแบบนี้…” เขาพึมพำต่ำ“แน่ใจเหรอว่าไม่ต้องการฉัน?”คีรินทร์จับเรียวขาเธอพาดบ่า แล้วขยับตัวเข้ามาจนส่ว
แสงแดดยามเย็นอาบไล้ผืนทรายทองบนเกาะส่วนตัวเงียบสงบในอ่าวไทย เสียงคลื่นซัดเบา ๆ กับเสียงหัวเราะใส ๆ ของเด็กชายตัวน้อยกำลังวิ่งไล่ปูกับแม่ของเขา สายลมอุ่นพัดกลิ่นเค็มของทะเลแทรกผ่านกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยออกมาจากโต๊ะไม้ใต้ศาลาริมชายหาด—อาหารทั้งหมดถูกจัดเตรียมโดยฝีมือของคีรินทร์เองเขาไม่ใช่มาเฟียอีกแล้วไม่มีแววโหด ไม่มีกลิ่นเลือด ไม่มีร่างกายที่เปื้อนบาปจากการฆ่ามีเพียงชายคนหนึ่ง…ที่เคยผ่านนรกมาเพื่อปกป้องคนที่เขารักคีรินทร์ยืนพิงเสาไม้ ยกแก้วน้ำมะพร้าวขึ้นจิบ ดวงตาคมทอดมองภาพสองแม่ลูกอย่างเงียบงัน เมลินหัวเราะ เสียงนั้นไม่ใช่เพียงเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง…แต่มันคือเสียงของ "บ้าน"เขาไม่เคยมีบ้าน จนได้ยินเสียงนั้น"คุณพ่อ ทำไมวันนี้ทำกับข้าวเองล่ะครับ!" น็อตวิ่งเข้ามาเกาะขาเขาแล้วเงยหน้าถามอย่างไร้เดียงสาคีรินทร์ย่อตัวลง ลูบผมลูกชายเบา ๆ"ก็พ่ออยากทำให้คนสำคัญกินไงครับ"น็อตหันไปมองเมลินแล้วหัวเราะ"คุณแม่เป็นคนสำคัญใช่ไหมครับ!"เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่หัวใจกลับเต้นแรงในอกหลังอาหารมื้
ค่ำคืนที่คฤหาสน์แถบชานเมือง — เงาสุดท้ายของความแค้นในห้องที่เคยเป็นห้องนอนของคริส คีรินทร์นั่งอยู่ลำพัง เขาจุดไฟใส่รูปภาพเก่าๆ ของตัวเองกับน้องชาย ดวงตาเรียบนิ่งมองเปลวไฟที่เผารูปนั้นช้าๆ จนเหลือเพียงเถ้าเมลินไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไม่มีเสียงของลูก ไม่มีความอุ่นจากอ้อมแขนของใคร ทำให้เขารู้สึกอ้างว้างเหน็บหนาวไปถึงหัวใจเถ้ารูปเก่าปลิวตามลมเบาๆ ขณะเขามองมันด้วยสายตาว่างเปล่า...แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยเสียงโหยหาแม้ในความเงียบของห้องจะไม่มีใครอยู่ด้วยเลยสักคน—แต่จู่ๆ เสียงหนึ่งกลับแทรกเข้ามาในหัวเขา...นุ่มนวลแต่หนักแน่นเสียงของเธอ...เมลิน...“ถ้าวันหนึ่งคุณเข้าใจทุกอย่าง...ฉันจะรอฟังด้วยใจ ไม่ใช่ด้วยความแค้น”ประโยคนั้นที่เคยพูดไว้ด้วยน้ำตา...กลับดังชัดราวเพิ่งพูดจบเมื่อครู่และคีรินทร์...ที่เคยเชื่อว่าหัวใจตัวเองด้านชา...กลับต้องเบือนหน้าหนี เพราะดวงตาร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัวเขายกมือขึ้นปิดเปลือกตาแน่น ก่อนเสียงแหบพร่าจะเล็ดลอดออกมาเบาๆ“ฉันไม่คู่ควรกับการให้อภัย...แต่ขอบคุณที่ย
เสียงลมหอบหนักในห้องประชุมชั้นใต้ดินของคฤหาสน์เก่าที่เมืองไทยไม่ใช่เพราะเครื่องปรับอากาศขัดข้อง หากแต่เป็นเพราะอารมณ์ในห้องที่อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก คีรินทร์ยืนเงียบอยู่หน้าจอโปรเจกเตอร์ ดวงตานิ่งสนิทเย็นชา ปราศจากแววของความเมตตา"เปิดเสียง"คำสั่งสั้นๆ ถูกส่งออกไปในน้ำเสียงเรียบเย็น เหมือนไม่ได้ตั้งใจฆ่าใคร...แต่พร้อมจะทำลายทั้งเผ่าพันธุ์ไฟในห้องหรี่ลง เสียงสนทนาในคลิปถูกฉายผ่านลำโพงอย่างชัดเจน"ถ้าเราปรับโครงสร้างตอนนี้ คนของคีรินทร์จะเริ่มลังเล ส่วนของฉันฝังไว้หมดแล้ว ไม่นานก็เปลี่ยนขั้วได้""มายด์ก็อยู่ใกล้เขามากพอจะรู้ทุกอย่าง...แค่เขาไม่ตายตอนนั้นก็โชคดีไป""เมลินเหรอ? โยนให้เธอไปสิ ตำแหน่งแพะมันเหมาะกับผู้หญิงไม่มีตัวตนแบบนั้นอยู่แล้ว"เสียงหัวเราะเหยียดหยามจากคลิปกรีดแทงลึกลงในหัวใจคนฟังทุกคน เสียงของภาคินและมายด์ชัดเจนราวกับพวกเขากำลังยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆคีรินทร์ก้าวเดินอย่างช้าๆ ไปยืนหน้าห้อง ดวงตาคมกริบเหลือบมองชายชราในชุดสูทสีเข้ม ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มเก่าแก่ขององค์กรที่เคยจงรักภักดีกับเขามาโดยตลอด"นี่คือหลั