คุณจะซื้อดอกไม้ร้านวิให้วิอีกทีเนี่ยนะคะ”
“ได้มั้ยล่ะครับ” “วิว่า… มันฟังดูแปลกๆ อยู่นะคะ” วิเวียนทำหน้าครุ่นคิด ไอได้มันก็ได้อยู่หรอก แต่จะซื้อดอกไม้จากเธอ ที่เธอเป็นคนจัด แล้วก็กลับมาให้เธออีกที มันก็ฟังดูแปลกๆ อยู่นั่นแหละ “ฮะๆ ผมล้อเล่นครับ ผมจะเอาไปให้พ่อน่ะครับ” เซบาสเตียนหลุดขำกับสีหน้าครุ่นคิดตอนนี้ของหญิงสาวที่น่าเอ็นดูไปสะหมด จนต้องแก้สถานการณ์ด้วยคำว่าล้อเล่น กลัวหญิงที่หมายปองจะคิดเยอะจนเครียดก่อน “งั้นเดี๋ยววิจะรีบจัดการให้นะคะ “ วิเวียนได้ยินเช่นนั้นก็หันกลับมาตอบชายตรงหน้าพร้อมยิ้มให้เขาทันที แม้ดูรูปลักษณะภายนอกของเซบาสเตียนจะไม่ใช่ผู้ชายที่อ่อนหวานแต่อย่างไร ด้วยใบหน้าคมคายกับดวงตาเฉียบแหลมลูกครึ่งไทยฝรั่งเศสนั่น ทว่าเธอกลับรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนที่มาจากจิตใจของเขา จะมีผู้ชายสักกี่คนกันที่จะซื้อดอกไม้ไปให้พ่อ วิเวียนครุ่นคิดไปในขณะที่ยืนจัดดอกไม้ด้วยความตั้งใจ หารู้ไม่ว่าสายตาจากชายที่เธอกำลังนึกถึงนั้นมองดูทุกการกระทำของเธออยู่ตลอด และสิ่งที่เธอคิดมันสวนทางกับความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง เมื่อจุดประสงค์ของเซบาสเตียนที่เอาแต่มาซื้อดอกไม้ร้านเธออยู่บ่อยๆ ก็เพื่อที่จะขายขนมจีบให้เจ้าของร้าน ไม่ได้เป็นดั่งข้ออ้างที่ว่าจะซื้อไปให้คนนั้นคนนี้เลยสักนิด ในเวลาเดียวกันที่คนในร้านกำลังนั่งวุ่นอยู่กับการจีบสาว แต่ดูเหมือนคนที่รอนอกร้านกำลังร้อนรนใจอยู่ไม่นิ่ง เมื่อประชุมใหญ่กำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่นาที แต่บอสเจ้าเอาแต่ใจเอาแต่ติดสาวจนไม่ยอมกลับไปทำการทำงาน “เมื่อไหร่บอสจะออกมาวะเนี่ย ติดสาวจนลืมการลืมงานแล้วรึไง ประชุมก็กำลังจะเริ่มอีกสิบนาที แล้วเลื่อนก็ไม่ได้อีก! พอเข้าไปตามก็มามองตาขวางใส่ โอ้ยยชีวิตรอย!” รอยยืนบ่นยับอยู่คนเดียวหน้ารถ อยากจะด่าก็เป็นเจ้านายอีก เกิดเป็นรอยนี่มันน่าโมโหสะจริงๆ เดินวนไปวนมายกนาฬิกาข้อมือดูก็พบกับเวลาที่หมุนไปเรื่อยๆ ไม่รอคนติดสาว จนนึกวิธีแก้ปัญหาออกอยู่อย่างหนึ่ง รอยรีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาคนที่โผล่เข้ามาในความคิดทันที (มีอะไร ไอ้รอย) เสียงจากปลายสายแทรกเข้ามาทันทีที่สายถูกรับ รอยไม่รอช้ารีบกล่าวถึงปัญหาทันที " นายใหญ่ครับ ช่วยเข้าประชุมแทนบอสหน่อยได้มั้ยครับ อีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะเริ่มแล้วอีกอย่างประชุมนี้เลื่อนไม่ได้จริงๆครับ " รอยอธิบายนํ้าเสียงรีบรนสุดๆ แต่ปลายสายยังคงใจนิ่งมีเวลามาถามถึงเจ้าตัวปัญหา (แล้วนายมึงไปไหน) "ติดสาวครับ ไม่ยอมไปประชุม " รอยรีบฟ้องตามความจริง ให้มันรู้กันสะบ้าง ปล่อยให้ลูกน้องต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทน ปลายสายถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความเอาแต่ใจของบุตรชายคนเดียว แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะช่วย (เฮ้อ… ไอ้ลูกเวร สงสัยเสร็จงานต้องจัดการมันสักหน่อย ประชุมเดี๋ยวฉันเข้าแทนเอง เสร็จแล้วบอกนายมึงให้มาเข้าพบฉันด้วย) ปลายสายสั่งเสียงเรียบ จะละเลยบริษัทไว้แบบนั้นก็ไม่ได้ เมื่อลูกชายเหลวไหล คนเป็นหัวหน้าครอบครัวอย่างเขาก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว “ครับ” รอยตอบรับเสียงหนักแน่น ก่อนสายจะถูกตัดไป ให้เจ้านายโดนเสียบ้างก็ดี จะได้เข้าใจความรู้สึกลูกน้องอย่างเขาบ้าง ในขณะที่เขาต้องยืนเป็นเดือดเป็นร้อนกับงานที่เป็นหน้าที่ของเจ้านาย แต่ตัวเองกลับกำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้สาวอยู่ในร้านดอกไม้ เวลาผ่านไปอีกเกือบชั่วโมง จนวิเวียนจัดดอกไม้เสร็จแล้วเดินกลับมาหาคนที่นั่งรอพร้อมช่อดอกไม้สีสวยในมือที่ถูกตกแต่งรวมกันด้วยดอกไม้สองสามชนิด “สวยมากเลยครับ ผมชอบมาก" "โดยเฉพาะ…. คนทำ” เซบาสเตียนเมื่อมีโอกาสก็ไม่ยอมให้หลุดมือ พูดคำหยอดแทรกเข้าไปในคำสุดท้าย ปากบอกชอบซึ่งไม่ได้หมายถึงดอกไม้ เมื่อสายตามันเอาแต่จับจ้องอยู่บนใบหน้านวล ทำเอาวิเวียนหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาไม่รู้เป็นครั้งเท่าไหร่กับการกระทำแพรวพราวของลูกค้าหนุ่มคนนี้ “คุณจะเต๊าะวิให้ได้ทุกจังหวะเลยรึยังไงกันคะ” วิเวียนเผยยิ้มแหยๆ แก้เขินไปกับคำพูดปนตลก ในขณะที่หัวใจดวงน้อยกำลังเต้นตุบๆ ไม่เป็นจังหวะ “แล้วเชื่อมั้ยล่ะครับ ว่าผมเต๊าะคุณคนเดียว” เซบาสเตียนยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่เขาพูดจะไม่ใช่ความจริง ในเมื่อเขาเองไม่เคยเต๊าะใครแบบนี้มาก่อน วิเวียนเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาเป็นคนเริ่มจีบ แต่ถ้าจะถามว่าได้สกิลขั้นเทพนี้มาจากใคร ก็คงต้องบอกว่ามาจากสายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวตั้งแต่เกิด พอดีเชื้อพ่อมันแรง “หน้าตาคุณไม่น่าเชื่อถือสักนิดเลยค่ะ” วิเวียนขำเบาๆ พร้อมกล่าวสิ่งที่อยู่ในความคิด แม้ลึกๆเธออาจไม่รู้ตัวว่าแอบหลงเชื่อเขาไปแล้วบางส่วน " แย่จังเลยนะครับ " ร่างสูงโปร่งหยัดกายลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมก้าวเข้าไกล้หญิงสาว นำพาคนตัวเล็กเผยสีหน้างุนงง ก่อนสองเท้าจะหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมโน้มหน้าเข้าไกล้เธอจนร่างระหงแข็งทื่อ เมื่อเห็นว่าเธอเสียอาการให้กับตัวเองอย่างชัดเจน ปากหยักได้รูปยกยิ้มขึ้นก่อนจะเลี่ยงใบหน้ามาข้างหูอีกคนพรางเอ่ยกระซิบเบาๆ “คุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรครับ เพราะยังไงผมก็จะมาพิสูจน์ให้คุณเห็นทุกวันเอง ว่าผมพูดความจริง”กรี๊ดดดดด!! “ที่รัก..ฮึกก อดทนอีกนิดนะครับทูลหัว” “เบ่งอีกนิดเดียวนะคะคุณแม่” “ฮึกกก อร๊ายยย!” ภายในห้องคลอดที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวายและเสียงกรี๊ดร้องของคนบนเตียง ผู้เป็นสามีเองมองดูภรรยาแล้วเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน หากเป็นไปได้เขาอยากจะเป็นคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นด้วยซํ้า มือหนาคอยเช็ดเหงื่อจับมือและคอยลูบหัวทุยให้กำลังใจเธออยู่ไกล้ๆไม่ยอมห่าง เพียงเห็นความทรมานของเธอเขาไม่คิดอยากจะมีลูกอีกเลยด้วยซํ้า กรี๊ดดดด! อุแว้ อุแว้! เสียงกรี๊ดเฮือกสุดท้ายดังขึ้นก่อนจะดับลงและมีเสียงเด็กน้อยดังก้องขึ้นเรียกรอยยิ้มของคนทั้งห้องรวมถึงคนที่คอยรอลุ้นอยู่หน้าห้องก็ตาม “เก่งมากเลยที่รัก… เก่งมากครับ…“ มือหนายังคงคอยลูบหัวทุยเบาๆไม่หยุด ก้มหน้าจุ๊บเหม่งเธอเบาๆก่อนผู้เป็นแม่จะหมดสติไปทั้งรอยยิ้มและคราบนํ้าตาที่เปียกชุ่มสองพวงแก้ม . . . . . ”หลานรักของปู่~” “เจ้าจิ๋วของลุงงง” “เจ้าจิ๋วของหนูต่างหาก!” เสียงเกรี้ยวกราดถกเถียงกันดังแว่วเข้ามาในหูคนที่หลับไหลอยู่บนเตียง ก่อนเปลือกตาที่หนักอื้อจะค่อยๆลืมขึ้นมองภาพตรงหน้า ซึ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้มของทั้งป๊า ซาร่าและโอท
“ที่รักตื่นพอดีเลย มาครับ ผมพาไปล้างหน้า” เซบาสเตียนเมื่อเดินเข้ามาในห้องก็กล่าวประโยคพาคนเพิ่งตื่นมึนงงอยู่บนเตียง ”วิทำเองได้ค่ะ ก็แค่ล้างหน้าเอง ทำไมต้องพาไป“ “ไม่ได้สิครับ เกิดที่รักลื่นแล้วคงตัวไม่อยู่ทำยังไง ให้ผมเฝ้าดีกว่า” ไม่พูดเปล่า เขารีบเดินแจ้นเข้ามาสอดมือเข้าไต้ขาเธอก่อนจะอุ้มพาเข้าห้องนํ้า จนคนที่ยังมึนๆจากการตื่นปฏิเสธไม่ทัน “เสร็จแล้วไปกินข้าวนะครับ ผมทำกับข้าวไว้เยอะเลย ผมไปเสริจกูเกิ้ลมาแล้วเค้าบอกว่าแต่ละอย่างดีต่อคนท้องมากๆ พอกินข้าวเสร็จแล้วเราไปฝากครรภ์กันนะครับ” วิเวียนที่ยืนแปรงฟันได้แต่ตั้งหูฟังเขาที่ยืนรออยู่ด้านหลังไปด้วย เขายืนรอเธออยู่แบบนั้นไม่ไปไหนจนเสร็จธุระแล้วลงมากินข้าว บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารอ่อนๆสารพัดที่เตรียมไว้เพื่อเธอโดยเฉพาะ จนวิเวียนต้องเงยหน้าถาม “แล้วคุณไม่กินหรอคะ” “ผมยังไม่หิวหรอก ที่รักกินให้อิ่มๆนะครับ เดี๋ยวผมกินต่อจากที่รักก็ได้” วิเวียนเงียบ ก้มหน้าตักข้าวเข้าปาก เพราะขืนมองหน้าแพรวพราวเขาต่อคงได้กลับไปเขินเหมือนตอนจีบกันแรกๆเป็นแน่ “ที่รักค่อยๆกินนะครับ เคี้ยวให้ละเอียดๆ“ เขาเหมือนพ่อที่คอยดูแลลูกสาวห้าขว
“ทำไมยังไม่กลับ…” คนรอก็ลุกรอนั่งรอยืนรอเดินรอวนอยู่แบบนั้นทั้งวันจนฟ้าเริ่มมืดก็ยิ่งใจคอไม่ดีเมื่อภรรยายังไม่ยอมกลับมาสักที หากจะไปตามก็กลัวเธอจะโกรธยิ่งกว่าเก่า แกร๊ก… เสียงประตูเปิดเหมือนหัวใจที่กระวนกระวายเมื่อครู่เลือนหายทันทีที่เห็นหน้าวิเวียน เซบาสเตียนรีบอมยิ้มแป้นเดินแจ้นเข้าไปรับคนที่เดินเข้ามา “ที่รัก“ ”เอ่อ… ที่รักเหนื่อยมั้ยครับ มานั่งก่อน“ รอยยิ้มดีใจกลายเป็นยิ้มเจื่อนทันทีเมื่อเห็นสายตานิ่งเรียบที่มองมาไม่เปลี่ยนสักที ”เดี๋ยวผมไปเอานํ้ามาให้นะ ที่รักนั่งรอก่อนนะครับ“ พูดแล้วรีบเดินแจ้นเข้าไปเอานํ้าในครัวดั่งว่ารีบร้อนกลัวเมียคอแห้งยังไงอย่างนั้น ส่วนวิเวียนนั้นได้แต่มองตามเงียบๆ เธอหนักใจอยู่ใช่เล่นกับสิ่งที่ตัดสินใจกำลังจะทำ ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นหรือยังโกรธ แต่เพียงเพราะอยากจะมั่นใจเท่านั้น… “นํ้าครับ” แก้วนํ้าใสถูกยื่นให้กับคนบนโซฟา หญิงสาวรับมันมาอย่างว่าง่ายทว่าแทนที่เธอจะดื่มสักหน่อย กลับวางมันลงบนโต๊ะ คนมองก็เกิดน้อยใจก้มหน้างุดพร้อมรอยยิ้มที่หายไป “ฉันยังไม่หิวน่ะ” แต่พอได้ยินเสียงหวานของเธอเท่านั้นแหละ รีบเงยหน้ากลับมามองภรรยาตัวน้อยพร้อ
(สำหรับเมนูอาหารนี้นะคะ เราจะมาเริ่มจากการต้มนํ้าให้เดือดก่อน…) เสียงคริปทำอาหารในยูทูปดังแว่วออกมาจากโทรศัพท์มือถือของเซบาสเตียนที่ยืนตั้งหน้าตั้งตาทำตามอยู่ในครัว เป็นเวลาสามวันที่เขาหาข้ออ้างสารพัดมาต่อรองกับภรรยาเพื่ออยู่กับเธอต่อเพื่อดำเนินภารกิจง้อเมีย แล้วเช้านี้ชายหนุ่มก็วุ่นอยู่ในครัวคนเดียว ไม่รู้ว่านิ้วโดนมีดไปกี่ครั้ง เลือดซึมกี่ที่ เขาตั้งใจทำตามคลิปที่สอนจนเวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมง “ที่รักต้องชอบแน่ๆ” รอยยิ้มอิ่มใจปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อ เขายืนชื่นชมชามข้าวต้มฝีมือตัวเองที่ทำออกมาเป็นครั้งแรกในชีวิตสีหน้าภูมิใจ หากเธอเห็นต้องชอบแน่ๆ เพราะวิเวียนชอบกินข้าวต้มหมูสับมาก ”เอ๊ะ.. แต่ว่าเหมือนลืมบางอย่าง“ เซบาสเตียนขมวดคิ้วเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ ลืมอะไรไม่ลืม แต่เขาลืมทำข้าวต้มเผื่อตัวเอง!! “แต่ช่างเถอะ ที่รักอิ่มก็พอ” ชายหนุ่มหันกลับมาสนใจชามข้าวต้มตรงหน้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอิ่มใจ ก่อนจะยกไปวางบนโต๊ะ เป็นเวลาที่วิเวียนเดินออกมาจากห้องนอนพอดี “ที่รัก ผมทำข้ามต้มที่คุณชอบไว้ให้ กำลังร้อนๆเลย” เสียงทุ้มรีบเอ่ยเรียกภรรยาด้วยความตื่นเต้นอย่างลืมตัว ลืมไปว่
“ที่รัก…ฮึกก.. ผม——“ ”ไม่ต้องพูดแล้ว ฮึกก.. ไปโรงพยาบาล“ คนตัวเล็กโน้มตัวลงพยุงเขาลุกขึ้นจากพื้นทั้งนํ้าตา เสียงสะอื้นเบาๆสองคนประสานกันราวกับบทเพลงแห่งความเจ็บปวดที่ไม่มีใครได้ยิน “มีอะไรก็ค่อยๆคุยกันล่ะโยม“ ส่วนหลวงตาที่ยืนมองอยู่เงียบๆก็พอจะเข้าใจถึงสถานการณ์บ้างแล้วจึงกล่าวตักเตือนไปในทางที่ดีแล้วก้าวจากไป “ฮึกก..ที่รักหายโกรธผมแล้วใช่มั้ย” แววตาเขาที่มองเธอเต็มไปด้วยความหวัง เสียงที่ถามก็สั่นเครือเฝ้ารอคำตอบจากเธอ “บอกว่าอย่าเพิ่งพูดไง” “ครับ.. ฮึกก ผมจะฟังที่รัก” หญิงสาวเม้มปากแน่น เวลานี้เขาเหมือนเด็กที่กลัวแม่จะจากไปจึงยอมเชื่อฟังทุกคำพูด ภายในอกเกิดรู้สึกผิดที่แอบตำหนิเขาไปนิดๆ . . . . . “รบกวนคนไข้นอนลงก่อนนะครับ หมอต้องทำการฆ่าเชื้อให้ก่อน ดูแล้วน่าจะติดเชื้อแรงเลยล่ะครับ มีทั้งหินทั้งทรายเต็มไปหมด” เซบาสเตียนยอมนอนราบลงกับเตียงคนไข้ พื้นที่ที่เขาไม่ชอบที่สุด เงยหน้ามองวิเวียนที่ยืนดูอยู่ข้างเตียงตาแป๋วจนอีกคนต้องหลุบตาหนี “ที่รัก…” แต่แล้วเขาก็ยื่นมือไปจับชายเชื้อเธอเบาๆด้วยเสียงเรียกที่แผ่วเบาดั่งว่าเด็กน้อยที่กำลังอยากร้องขออะไรสักอ
“ไปเลยค่ะ” เสียงสั่นสะท้านเอ่ยบอกคนขับแท็กซี่ สองมือกำกันแน่นหวังให้หัวใจที่เริ่มอ่อนระทวยไม่พังทะลายลงง่ายๆ วิเวียนหลับตาลงเพื่อปิดกั้นตัวเองจากภาพในกระจกที่สะท้อนถึงเงาของเขาที่กำลังวิ่งตามรถเธอด้วยเท้าเปล่า “อย่าทิ้งผม.. ฮึกก” เขาตะโกนตามหลังเธอซํ้าๆจนแรงเสียงแทบเลือนหายกลับเข้าไปในหลอดคอ เซบาสเตียนวิ่งตามหลังออกมาด้วยเท้าเปล่าไม่สนเศษหินเศษทรายที่ทะลุผิวเนื้อ เลือดไหลซึมออกมาเป็นทางยาว ทว่าเขายังวิ่ง… วิ่งด้วยหัวใจที่ปวดร้าวยิ่งกว่าเท้าที่กำลังฉีกขาด “ฮึกก… ที่รักอย่าไป ฮึกกก“ เซบาสเตียนแทบจะทรุดอยู่กลางทาง แต่หัวใจกลับสู้ไม่ยอมลดละความพยายาม เขาจะมานั่งร้องไห้อยู่กลางถนนแบบนี้ไม่ได้ เมื่อนึกขึ้นได้ก็รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายที่มีทั้งใจแล้วลุกขึ้นโบกแท็กซี่รีบตามหลังเธอไปอย่างไม่ยอมถอย รถแท็กซี่คันสีฟ้าที่นำหน้าอีกคนเข้ามาจอดเทียบท่าหน้าบ้านวิเวียนก่อนจะมีอีกคนที่ตามหลังเข้ามาไม่นานหลังจากนั้น วิเวียนรีบเดินเข้าบ้านในขณะที่มีเขาตามหลังมาด้วยเสียงเรียกเบาแผ่วสิ้นเรี่ยวแรง ”ที่รัก… ได้โปรดฮึกกก“ เท้าที่เจ็บแสบจนเดินได้ไม่ถนัด แต่เขาก็ยังดึงดันเดินตามเธอมาจนถึงเส้นทา