@มหาวิทยาลัย A
พอลงจากรถฉันก็เหลือบไปเห็น นนท์กับน้องผู้หญิงสองคนเมื่อวาน นั่งคุยกันอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ตึกบริหาร ฉันเลยเดินตรงไปหาพวกเขาทันที เพราะไม่รู้จะไปหาใคร รู้จักแค่นนท์คนเดียว
“พี่โรส มาพอดีเลย นั่งๆ” มิณทักขึ้นทันทีที่เห็นฉันก่อนจะตบมือลงที่ม้าหินข้างตัวเองเป็นเชิงให้ฉันนั่งตามคำบอกของเธอ ฉันส่งยิ้มไปทักทายพวกเขาแล้วหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ มิณ ส่วนนนท์เอาแต่ก้มหน้าอยู่กับจอมือถือ เสียบหูฟังทั้งสองข้าง มือไม่มีว่างกดยิกๆ ที่หน้าจอ คิ้วชนกันยิ่งกว่าสอบมิดเทอม คงเดาไม่ยากว่าเขากำลังทำอะไร
“คุยอะไรกันอยู่เหรอ” ฉันละสายตาจากนนท์หันไปหาสองสาวนั่นทันที เพราะดูแล้วตอนนี้นนท์น่าจะไม่ได้อยู่ในโลกของความเป็นจริงสักเท่าไหร่
“เย็นนี้เราจะมีงานเลี้ยง” มิณพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและท่าทางตื่นเต้นสุดๆ ต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่ตื่นเต้นขนาดนี้
“งานเลี้ยง?”
“ช่าย วันเกิดเพลินเอง พี่โรสไปด้วยกันนะ จะได้เปิดหูเปิดตาไปด้วยไง นะ..นะ” พอฉันถามย้ำออกไปเพลินก็ตอบกลับทันควันพร้อมกับเอ่ยชวน มิณเองก็พยักหน้าทำตาปริบๆ แล้วฉันก็เป็นคนปฏิเสธคนไม่เก่งด้วยสิ เลยได้แต่พยักหน้าตอบรับกลับไป ก็ดีเหมือนกันได้ไปเที่ยวเล่นบ้างจะได้ไม่ฟุ้งซ่านแต่เรื่องของผู้ชายคนนั้น ว่าแต่พวกเขาจะไปกินที่ไหนกัน
“ที่ไหนเหรอ”
“เดี๋ยวเพลินไปรับก็ได้ พี่โรสพักอยู่ไหนอะ” เพลินรีบเสนอออกไปแบบทันควันคล้ายกับกลัวว่าฉันจะเปลี่ยนใจ
“คอนโด G” พอฉันบอกที่อยู่ไปมิณก็รีบโพล่งขึ้นมาทันที
“เห่ย คอนโดเดียวกับมิณเลย ผับเฮียดินอยู่ก่อนถึงคอนโดสองซอยเอง ชื่อ So Say Pub”
“เฮียดิน?” ฉันได้ยินชัดแหละ ว่ามิณบอกว่าผับเฮียดิน แต่ที่ฉันทวนชื่อเพราะคิดว่าน่าจะเป็นดินเดียวกับที่ฉันรู้จักแน่ๆ วันนั้นพวกเธอนั่งอยู่กับธามแสดงว่าก็ต้องเป็นดิน เพื่อนฉันอยู่แล้ว แต่ทำไมดินถึงมาเปิดผับที่นี่ ผ่านมาสี่ปี อะไรๆ เปลี่ยนแปลงไปเยอะเลยเนอะ
“อืม อ่อพี่โรสยังไม่เคยเจอเฮียดินนี้เนอะ เดี๋ยวคืนนี้มิณพาไปแนะนำ อยู่ที่นี่รู้จักเฮียเขาไว้ก็ดี จะได้ไม่มีใครกล้ามาวุ่นวาย” มิณพูดบอกฉันด้วยความที่ไม่รู้ว่าฉันกับดินเรารู้จักกันมาก่อนแล้ว แสดงว่าดินนี่ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ถึงกับไม่มีให้กล้ามาวุ่นวายเลยเหรอ ฉันได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้มิณ ถ้าน้องรู้ว่าฉันกับดินเป็นเพื่อนสนิทกัน น้องจะทำหน้ายังไงนะ
“ไปก่อนนะคะ สามทุ่มเจอกัน” เพลินยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาแล้วบอกลาฉันกับนนท์พร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้และมิณก็ลุกขึ้นไปตามๆ กัน
“เคๆ เจอกัน” นนท์เงยหน้าขึ้นจากจอมือถือยกมือโบกให้น้องทั้งสองและก้มหน้าไปที่มือถือต่อ เคร่งเครียดน่าดู คิ้วขมวดยุ่งกับการตีป้อมของเขานั่น ก่อนที่เพลินและมิณจะหันหลังกำลังจะเดินออกไป แต่ฉันนึกอะไรได้พอดีเลยเรียกไว้ซะก่อน
“เพลิน”
“คะ?” เพลินหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับมาขานรับฉันอย่างไว
“ไม่ต้องมารับพี่ก็ได้ พี่ว่าพี่ไปถูก เหมือนจะเห็นแวบๆ” น้องจะได้ไม่ต้องลำบากมารับฉัน ถ้ามันอยู่ก่อนถึงคอนโดนิดเดียวก็ไม่ใช่เรื่องยาก คิดว่าน่าจะไปถูก เพลินพยักหน้าให้ฉันหงึกๆ ก่อนจะหันเดินกลับออกไปพร้อมเพื่อนของตัวเอง สองสาวนี่ดูน่ารัก น่าคบหาดีนะแล้วอีกอย่างธามและดินไม่ได้สนิทกับใครง่ายๆ แสดงว่าสองสาวนี่ต้องนิสัยดีระดับหนึ่งเลยแหละ
…
ช่วงบ่ายของวัน….
ฉันพยายามเดินสำรวจไปรอบๆ บริเวณมหาวิทยาลัย จนมาถึงห้องสมุด เท้าเรียวเล็กก้าวเข้าไปข้างในอย่างไม่ลังเลเลย กว้างขวาง ใหญ่โต สมกับเป็นห้องสมุดของมหาวิทยาลัยชั้นนำจริงๆ ฉันเดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ จนมาเจอมุมที่ฉันโปรดปราน ไขปริศนา สืบสวน ลี้ลับ แนวนี้แหละ ฉันอ่านได้ทั้งวี่ทั้งวัน นิ้วเล็กกรีดไล่ดูสันหนังสือไปเรื่อย เท่าที่ดูฉันอ่านมันมาแทบหมดแล้ว
อ๊ะ!
ฉันผงะถอยพลางเอามือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองเมื่อชนเข้ากับแผนหลังของใครก็ไม่รู้อย่างจัง เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาดูหนังสือบนชั้นจนไม่เห็นว่ามีคนยืนอยู่
“ขอโทษนะคะ พอดะ..” ฉันรีบเอ่ยขอโทษขอโพยคนตรงหน้าทันที แต่ยังไม่ทันได้อธิบายว่าทำไมฉันถึงชนเขา ร่างหนาก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับฉัน และคำพูดต่างๆ นานา ก็เลือนหายไปจนหมด ใจเต้นโครมครามไม่หยุด แต่พอคนตรงหน้าเห็นว่าเป็นฉัน เขาก็รีบหันหลังและกำลังจะก้าวเท้าออกไป
“ธาม” ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเอ่ยเรียกชื่อเขา ชื่อที่ฉันไม่ได้เรียกมาตั้งนาน ชื่อของคนที่ฉันโคตรจะคิดถึงเขา แต่ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ร่างหนาหยุดฝีเท้าแต่ยังคงยืนหันหลังให้ฉันอยู่แบบนั้นและไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากเขาเหมือนเดิม
“โรสขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” สิ้นเสียงฉันเขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาเสียงเรียบแล้วเดินออกไปแบบไม่ไยดีสักนิด
“ขอโทษนะ ฉันไม่รู้จักเธอ”
คำตอบของเขาทำเอาใจฉันแตกสลายแบบไม่มีชิ้นดี ชาวาบไปทั้งตัว สมองไม่ตอบสนองหรือประมวลผลอะไรได้ทั้งนั้น มันอื้อไปหมด ลมตีขึ้นมาจุกอยู่ที่อกจนพูดไม่ออก ฉันทำได้แค่กลั้นน้ำตาที่มันเอ่อล้นออกมาเอาไว้ แล้วมองตามแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆ ห่างออกไป...ห่างออกไปจนสุดสายตา ไกลจนฉันไม่อาจเอื้อมถึงอีกแล้ว สมควรแล้วไหม...สมน้ำหน้า อยากทิ้งเขาไปเอง แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ
“อื้อออ เจ็บบ”“อ่าาา ซี๊ดดด”ร่างบางผวากอดพร้อมทั้งจิกเล็บไปบนแผ่นหลังกว้างเพื่อระบายความเจ็บ ผมเองก็ไม่ต่างจากเธอหรอก ร่างกายเธอรัดผมจนแทบจะขาดอยู่แล้ว ผมก้มลงจูบปากเล็กเพื่อเรียกความสนใจมาจากด้านล่าง ก่อนจะค่อยๆ ขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ และเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ของเราทั้งคู่“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ธะ...ธาม อื้อออ”เสียงครางกระเส่าดังก้องไปทั่ว น้ำกระเพื่อมออกมาตามแรงกระแทกจนแทบไม่เหลือในอ่าง โหมกระหน่ำใส่ร่างบางไม่หยุดหย่อน“อ๊ะ ธามม แรงไป โรสเจ็บ อื้อออ”ผมชะงักไปนิดนึงก่อนดึงร่างบางขึ้นมาอยู่บนตัวผมแทนทั้งๆ ที่ร่างกายยังสอดประสานกันอยู่แบบนั้น“งั้นโรสทำ จะได้ไม่เจ็บ”“ตะ...แต่โรสทำไม่เป็น” โรสเอ่ยบอกผมพลางก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย แก้มนวลขึ้นสีระเรื่อ ยิ่งทำให้อารมณ์ผมพลุ่งพล่านเข้าไปใหญ่ อาจเพราะผมคุมตัวเองไม่อยู่ เผลอใสเธอแบบไม่ยั้ง จนลืมไปว่านี่ไม่ใช่บนที่นอนนุ่ม เพราะงั้นถ้าเธออยู่ข้างบนเธอจะไม่เจ็บและผมคงจะมีความสุขมากด้วย ผมเลยให้เธอเป็นคนคุมเกมเองซะ
“อยากฉลองทะเบียนสมรสวะเมีย”หื้มม..บ้าไปแล้ว ทั้งสายตาและน้ำเสียงเขาบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาต้องการอะไร ริมฝีปากหนาเลื่อนเข้ามาเรื่อยๆ และมันต้องสัมผัสกับปากฉันแน่ๆ ถ้าไม่ติดว่าฉันยกมือขึ้นปิดปากเขาแล้วเบือนหน้าหนีซะก่อน“ไม่เอา นี่มันเพิ่งบ่ายเองนะ” ฉันพูดบอกคนตรงหน้าเสียงแผ่วและยังกล้าไม่หันมามองเขา เพราะถ้าเราสบตากัน ฉันต้องพลาดท่าเสียทีให้เขาอีกแน่ๆ ทำทุกวันทุกเวลาแบบนี้ก็ไม่ไหวป่ะ ฉันตายก่อนพอดี ธามจับมือฉันออกจากปากเขาแล้วพูดประโยคที่โคตรจะตรง โคตรจะห่าม แต่กลับทำให้ฉันร้อนวูบวาบได้เฉย >/////<“ถ้าอยาก เวลาไหนก็ไม่เกี่ยว”“นี่! พูดบ้าอะไรเนี่ย ไม่คุยด้วยแล๊ว!” ฉันต่อว่าคนตรงเสียงแข็งเพื่อกลบเกลื่อนอาการประหม่าของตัวเองและตีเนียนทำท่าจะลุกออกจากอ่างอาบน้ำ แต่มือหนาคว้าเอวฉันไว้ให้นั่งลงที่เดิมซะก่อน พร้อมกับยึดร่างไว้แน่นจนขยับไปไหนไม่ได้ ก่อนเขาจะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้“รู้ไหม ทำไมถึงต้องจดทะเบียนวันนี้เท่านั้น” เขาถาม แน่นอนนั่นเป็นคำถามที่ดึงความสนใจฉันได้ดีมาก ฉันลืมเรื่องก
@คอนโดพรึบบบ“เฮ้ออ! เหนื่อยฉิบ”พอเปิดประตูเข้ามาในคอนโด ร่างหนาเดินไปทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนโซฟาอย่าแรง เปลือกตาบางค่อยๆ ปิดลง ดูเหมือนเขาจะเหนื่อยอย่างปากว่าจริงๆ ฉันเดินไปหย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันซึ่งมีที่เหลืออยู่นิดหน่อยเหนือศีรษะเขา“ไปอาบก่อนไหมจะได้สบายตัว” ฉันเอ่ยขึ้นพลางยกมือลูบผมเขาเบาๆ ธามหรี่ตาขึ้นมอง ก่อนจะเขยิบตัวเอาศีรษะมาหนุนบนตักฉัน คว้ามือเล็กไปหอมแล้วกุมไว้อยู่แบบนั้นไม่ยอมปล่อย มืออีกข้างของฉันถูกยกขึ้นเกลี่ยผมเขาเล่นอย่างอ่อนโยนฟอดดดด//“อยากสระผม”“แล้ว?” ฉันเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย คืออยากสระผมก็สระสิ มาบอกฉันทำไม“มือเจ็บ” เขาว่าพลางชูมือข้างที่มีผ้าพันอยู่ขึ้น กะพริบตาปริบๆ ให้ฉัน เหอะ…! โมเมนต์แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ น่ารักชะมัด ฉันอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปบีบจมูกโด่งเขาเบาๆ ก่อนเขาจะดีดตัวลุกขึ้นยืนแล้วร่างก็ลอยลิ่วขึ้นกลางอากาศมาอยู่ในอ้อมแขนของเขาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว แขนเล็กเลื่อนขึ้นโอบรอบคอเขาทันทีเพื่อหาที่ยึดเ
วันต่อมา….“หนูแน่ใจแล้วใช่ไหม”คุณพ่อถามขึ้นพลางวางมือบนหัวทุยเล็กแล้วโน้มตัวลงมาให้อยู่ระดับเดียวกับฉัน เหลือบตามองธามที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยนิดหนึ่ง ท่านคงหมายถึงเรื่องที่เราจะมาจดทะเบียนสมรสกันวันนี้“ค่ะ...” ฉันตอบคุณพ่อเสียงหนักแน่น เพราะฉันมั่นใจมาก ไม่ว่าต่อไปจะเป็นยังไง เขาจะยังรักฉันแบบนี้เหมือนเดิมรึเปล่า แต่ฉันก็ยังจะรักเขาอยู่ดี ที่ผ่านมามันทำให้ฉันยิ่งแน่ใจว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจไปจากเขาได้เลยจริงๆแล้วพวกเราก็พากันเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้ามนายทะเบียน ที่เตรียมเอกสารไว้ตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้าที่เราจะพากันมาอำเภอ คุณพ่อกับคุณแม่ของธามก็เข้าไปเจรจาต่อรองเรื่องสินสอดทองหมั้นกับคุณพ่อฉันเรียบร้อยแล้ว ธามก็อยู่ดีๆ ทำไมรีบก็ไม่รู้ ใจนางอยากแต่งเลยด้วยซ้ำแต่คุณพ่อฉันบอกรอให้เรียนจบก่อน ไม่งั้นคงได้แต่งวันพรุ่งวันมะรืนแน่ๆ….“เดี๋ยว! ไอ้เสือ!” คุณพ่อของธามออกปากห้ามพลางจับมือลูกชายที่กำลังจะเซ็นชื่อลงในทะเบียนสมรส ฉันเองก็ชะงักไปเช่นเดียวกัน“....?” ธามห
มันไม่ตอบแต่ยกยิ้มให้ผมอย่างกวนตีน ไอ้เหี้ยนี้มันคงอยากตายจริงๆ ส่งแม่งไปลงนรกเลยดีม่ะ ผมง้างมือขึ้นเตรียมจะต่อยมันเต็มทีแต่โรสเข้ามารั้งแขนผมไว้ก่อน และตามด้วยมิณ หนูดา พลอยใสที่พากันเดินออกมาจากห้องนั่นด้วยท่าทางตื่นตระหนก“เฮียธาม ใจเย็น มิณ พี่หนูดา พี่พลอยก็อยู่ในห้องด้วย”สิ้นเสียงมิณผมก็ชะงักไปนิดนึง โล่งใจที่มันไม่ได้อยู่กับเมียผมแค่สองคน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันมาทำส้นตีนอะไร ผมปล่อยมือจากคอเสื้อมันแต่ก็ไม่วายที่จะผลักอกมันอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ หน้าแม่งกวนตีนฉิบหาย“เข้าไปทำไรกัน!” ผมเอ่ยถามเสียงเข้มพลางโอบไหล่เล็กเข้าแนบอกแน่นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ“คุณพ่อ วานให้พี่ซันมาดูว่าโรสเป็นไงบ้าง โรสก็แค่มาบอกพี่ซันว่าทุกอย่างโอเครแล้วแค่นั้นเอง พลอยใส มิณ พี่หนูดาก็อยู่ด้วย ธามอ่ะ ใจร้อน เห็นไหมเนี่ย เลือดออกอีกแล้ว” โรสอธิบายให้ผมฟังพลางจับมือข้างที่เจ็บขึ้นมาพินิจดูด้วยความเป็นห่วง“นี่ขนาดมือมันเจ็บนะเนี่ย แม่ง!” ไอ้ซันบ่นพึมพำขึ้นพลางยกมือขึ้นแตะที่มุมปากตัวเอง ตวัดตามองผมอย่างเคืองๆ ก็ช่
พรึบบบบบผมตกใจเล็กน้อยก่อนจะผละออกจากโรสแต่ยังคงโอบไหล่เล็กไว้แนบกาย เมื่อจู่ๆ ไฟในห้องก็ดับวูบลงจนมืดสนิทแทบมองไม่เห็นอะไร“แฮปปี้ เบิร์ดเดย์ ทูยู~ ~โอ้วๆ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู~ ~โอ้วๆ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์~”บรรดาเพื่อนตัวดีที่อยู่ด้านนอกพากันเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเสียงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์อย่างสนุกสนานและเค้กก้อนโตที่มีแสงไฟสลัวจากเทียนไม่กี่เล่ม ส่วนคนตัวเล็กข้างๆ ก็ดูสนุกไปกับเขาด้วย เอาจริงๆ ว่าเวลาแบบนี้มันไม่ควรไหม คือผมก็ค่อนข้างจะยิ้มไม่ออก ยังปรับอารมณ์ไม่ทัน เสียงร้องของพวกมันก็ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผมทำได้แค่โคลงศีรษะไปมาน้อยๆ เท่านั้น“ยิ้มหน่อย” โรสพูดขึ้นพลางเอื้อมมือมาจับที่มุมปากสองข้างของผมแล้วออกแรงยกขึ้นนิดหนึ่งพร้อมกับที่เจ้าตัวก็ฉีกยิ้มกว้างมาให้ผมด้วยเช่นกัน ผมเลยยกยิ้มให้เธอเล็กน้อยทำไมเธอถึงดูไม่เจ็บปวด ไม่เศร้า ไม่เหมือนคนที่จมอยู่กับทรมานแสนสาหัสมาตั้งหลายปีเลย ผมเคยมองว่าโรสอ่อนแอ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ผมต่างหากที่อ่อนแอ ผมต่างหากที่ต้องมีเธอคอยดูแลปกป้อง ปกป้องผมจากควา