Beranda / แฟนตาซี / The Light and Shadow : เงาทมิฬ / บทที่ 2 ป่าต้องห้าม

Share

บทที่ 2 ป่าต้องห้าม

Penulis: RainyStarSea
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-20 14:27:25

หลังออกจากหมู่บ้านมา พวกเขาทั้งสามเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย เพียงหวังให้ออกห่างจากหมู่บ้านให้ไกลเท่าไหร่ยิ่งดี พวกเขายิ่งเดินยิ่งเห็นต้นไม้เบียดชิดกันแน่นขนัดมากขึ้น จนตอนนี้แทบจะมองไม่เห็นแสงอาทิตย์แล้ว ดูคล้ายกับว่าเป็นเวลาพลบค่ำ มากกว่าจะเป็นยามกลางวัน ไรอันและลีอากับอาเรียน่าเดินลึกเข้าไปในป่าต้องห้ามโดยไม่รู้ตัว อากาศรอบตัวเริ่มเปลี่ยนแปลงไป กลิ่นดินหอมเข้าจมูก ความชื้นแฉะของพื้นดินทำให้พวกเขาต้องเดินอย่างระมัดระวังมากขึ้น

เมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่ที่มีแต่ความมืดครึ้ม เสียงของธรรมชาติที่เคยสดใสกลับเงียบงัน ราวกับว่าป่าทั้งป่าอยู่ภายใต้อำนาจของสิ่งลี้ลับ ดินที่พวกเขาเหยียบย่ำเย็นชืด บนพื้นมีรากไม้อยู่มากมายมองเผินๆเหมือนงูที่เลื้อยพันกันไปมา สอดสลับทับกันป่ายขวาป่ายซ้าย

”ป่านี้ไม่เหมือนที่ใดๆ ที่ข้าเคยเห็นมา” ลีอาพูดขึ้น เธอเหลียวมองไปรอบตัว อย่างระแวดระวัง

“ข้ารู้สึกว่ามันไม่เป็นมิตรเลย”

”ลูเซียสคงจะใช้พลังเงามืดครอบคลุมที่นี่ไว้” ไรอันตอบด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นเช่นเคย

แม้เขาจะพยายามรักษาความสงบ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายที่ซ่อนอยู่ในป่าแห่งนี้

ขณะที่พวกเขาเดินต่อไป เสียงแปลกๆ เริ่มดังขึ้นจากทุกทิศทาง เสียงกรอบแกรบของกิ่งไม้ที่หักและเสียงกระซิบแปลกประหลาดที่ดูเหมือนจะเกิดจากเงามืดรอบตัว ไรอันยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ลีอาและอาเรียน่าหยุดเดินและเงียบฟัง พวกเขารู้ว่าในป่านี้มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรถูกปลุกขึ้นมา

“ระวังตัว” ไรอันกระซิบบอก

ลีอาพยักหน้าอย่างเข้าใจ อาเรียน่าซึ่งถูกไรอันอุ้มอยู่กอดคอเขาแน่น ดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เด็กน้อยเหลียวมองไปรอบๆ แต่ก็เห็นเพียงต้นไม้หนาทึบและเงามืดสลัวราง เงาเหล่านั้นรูปร่างคล้ายสัตว์ประหลาดน่ากลัวที่ค่อยๆคีบคลานออกมาโอบล้อมพวกเขาไว้ แต่เด็กน้อยก็พยายามไม่ร้องไห้ออกมา ทำเพียงโอบรอบคอของไรอันแน่นขึ้น

“ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะปกป้องเจ้าเอง เจ้าเชื่อพี่ไหม”

“ข้าเชื่อค่ะ พี่ชายและพี่สาวต้องปกป้องข้าได้แน่” เด็กน้อยมองสบตากับไรอันด้วยความเชื่อมั่นและน้ำเสียงอันอบอุ่นของเขาช่วยลดทอนความหวาดกลัวของเธอลง

ในขณะที่ทั้งหมดยังไม่ทันตั้งตัว ทันใดนั้น เงามืดหนาทึบคล้ายรากไม้ก็พุ่งออกมาจากพื้นดินและพันรอบขาของไรอัน มันกระชากเขาจนล้มลง ลีอาตกใจและรีบยกมือขึ้นเพื่อเรียกพลังแห่งธรรมชาติมาช่วย แต่เงามืดนั้นกลับต้านทานพลังของเธอได้ และเริ่มพุ่งเข้ามาหาพวกเขาทั้งสาม

ไรอันรู้ว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้มันจู่โจมพวกเขาได้ เขาจึงรวบรวมสมาธิและปล่อยพลังน้ำออกมาจากฝ่ามือ น้ำไหลออกมาราวกับสายน้ำจากแม่น้ำใหญ่ มันหมุนวนรอบตัวไรอันก่อนที่จะพุ่งเข้าชนเงามืดอย่างแรง เงามืดนั้นสั่นสะท้านและคลายการยึดเกาะรอบขาของเขาออก

“คุ้มครองนางด้วย!” ไรอันบอกกับลีอา ในขณะที่เขาส่งตัวอารีน่าให้

เมื่อเขาลุกขึ้นและยืนเผชิญหน้ากับเงามืดที่ยังคงพุ่งเข้ามา เขาปลดปล่อยพลังธาตุน้ำออกมาเป็นคลื่นยักษ์กระแทกเข้าใส่เงามืด เงานั้นกระเด็นไปไกลหลายเมตร เปิดโอกาสให้พวกเขาได้หนี

ลีอารีบก้มตัวลงอุ้มอาเรียน่ามาแนบอก และวิ่งตามไรอันไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาวิ่งผ่านพุ่มไม้หนาทึบและรากไม้ที่ยื่นออกมาขวางทาง แม้พลังแห่งธาตุน้ำของไรอันจะช่วยกันเงามืดไว้ได้แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น พวกเขารู้ดีว่าต้องรีบหาทางออกจากป่านี้ก่อนที่พลังของลูเซียสจะเข้าควบคุมทุกสิ่ง

ขณะที่พวกเขาวิ่งผ่านแนวต้นไม้ที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด ไรอันเห็นลำธารเล็กๆ ที่ไหลอยู่ด้านหน้า ไรอันยิ้มกริ่ม เขาตัดสินใจที่จะใช้มันเพื่อหยุดยั้งเงามืด ไรอันเรียกพลังแห่งธาตุน้ำอีกครั้ง น้ำในลำธารเริ่มหมุนวนและพุ่งขึ้นมาสูงจนกลายเป็นกำแพงน้ำสูงที่ล้อมรอบพวกเขาทั้งสาม

เงามืดที่ตามหลังมาหยุดชะงักเมื่อเจอกับกำแพงน้ำ มันพยายามเจาะทะลุเข้าไปแต่ก็ถูกพลังน้ำดูดซับไว้ ไรอันใช้โอกาสนี้พาทั้งสองคนข้ามลำธารไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะปลอดภัยกว่าเมื่อพวกเขาข้ามลำธารได้สำเร็จ ไรอันก็ปล่อยกำแพงน้ำลง เงามืดนั้นถูกน้ำซัดกลับไปยังป่าลึก มันส่งเสียงคำรามเบาๆ ก่อนจะหายไปในความมืด

“ขอบใจท่านจริงๆ” ลีอาพูดอย่างเหนื่อยล้าแต่เต็มไปด้วยความโล่งอก เธอกอดอาเรียน่าแน่น เด็กหญิงตัวน้อยหลับตาอยู่ในอ้อมแขนของเธออย่างไร้เรี่ยวแรง

“เราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน ต้องหาที่หลบภัยที่ปลอดภัยกว่านี้” ไรอันกล่าวพร้อมกับมองไปรอบๆ

แม้ว่าพวกเขาจะข้ามลำธารมาได้แล้ว แต่เขารู้ดีว่าอันตรายในป่าต้องห้ามนี้ยังไม่จบลง

พวกเขาเริ่มเดินต่อไปอีกครั้ง ลึกเข้าไปในป่าที่ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายเหมือนในตอนแรก แต่ไรอันยังคงไม่ประมาท เขารู้ดีว่าลูเซียสยังคงเฝ้าติดตามพวกเขาผ่านเงามืด และมันอาจโจมตีอีกครั้งในเวลาใดก็ได้

หลังจากที่พวกเขาเดินทางมาได้สักระยะ ลีอาที่กำลังพยายามเปิดทางผ่านพุ่มไม้หนาทึบก็สะดุดเข้ากับรากไม้ที่ยื่นออกมาโดยไม่ทันระวัง เธอล้มลงกับพื้นอย่างแรง ทำให้ข้อเท้าของเธอพลิก ไรอันรีบเข้ามาช่วยพยุงเธอขึ้นมา แต่ลีอารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมาจากข้อเท้าของเธอ

“เจ้าต้องนั่งพักก่อน” ไรอันกล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย

เขาประคองลีอาไปนั่งลงที่ใต้ร่มไม้ที่ใกล้ที่สุด

“ข้าจะดูแผลให้”

“ข้าไม่เป็นไร” ลีอาพูดพยายามยิ้มกลบเกลื่อนความเจ็บปวด

แต่ไรอันสังเกตเห็นคิ้วเธอขมวดแน่นและรู้ว่าเธอฝืนตัวเองมากเพียงใด

“เจ้าไม่ต้องแกล้งแข็งแกร่ง ลีอา พวกเราต้องดูแลตัวเองให้ดี ถ้าหากเราจะปกป้องอาเรียน่า”

ไรอันยืนยันคำเดิม พร้อมกับตรวจดูข้อเท้าของเธอซึ่งบวมเล็กน้อย

อาเรียน่าซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดค่อยๆ เดินเข้ามาหาเธอด้วยความเป็นห่วง

“พี่สาวไม่เป็นไรใช่ไหม?” เด็กหญิงเอ่ยถามด้วยเสียงใสไร้เดียงสา

เธอยื่นดอกไม้เล็กๆ ที่เธอพบระหว่างทางให้ลีอา

“นี่ค่ะ พี่สาวจะหายเร็วขึ้นถ้าพี่รับมันไว้”

ลีอายิ้มออกมาทั้งน้ำตา เธอรับดอกไม้จากอาเรียน่าและกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนจะหันมามองไรอันที่กำลังใช้ผ้าพันแผลมัดข้อเท้าของเธออย่างระมัดระวัง

“ขอบคุณนะไรอัน ข้า...ไม่เคยมีใครดูแลข้าแบบนี้มาก่อน”

ไรอันไม่ตอบ แต่ยิ้มบางๆ ในใจเขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง มันคันยุบยิบในหัวใจขณะที่มองใบหน้าด้านข้างของลีอา ไรอันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั่งยิ้มอยู่

พวกเขาพักอยู่ใต้ร่มไม้จนลีอารู้สึกดีขึ้นพอที่จะเดินต่อได้ แม้จะยังมีอาการเจ็บอยูบ้าง แต่เธอก็สามารถก้าวเดินต่อไปได้ด้วยความช่วยเหลือของไรอัน เขาใช้มือซ้ายโอบประคองเอวเล็กของหญิงสาว

“ขอโทษด้วย ล่วงเกินเจ้าแล้ว”ไรอันพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ลีอาเอียงคอมองใบหน้าด้านข้างของไรอัน และเห็นใบหูของเขาเป็นสีแดงก่ำ เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

“ช่วยไม่ได้นี่ ประคองข้าให้ดีๆแล้วกัน” ลีอาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา พร้อมแก้มที่ซับสีเลือด ใบหน้าร้อนผ่าว ตั้งแต่เกิดมานอกจากท่านพ่อ ยังไม่มีผู้ชายคนไหนเข้ามาใกล้ชิดเธอขนาดนี้มาก่อน เธอยื่นมือขวาไปโอบรอบคอของไรอัน และค่อยๆเดินกะโผลกกะเผลกไปตลอดทาง

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อพวกเขาเดินต่อไปไม่นาน สัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของป่าก็ปรากฏตัวขึ้น มันคือหมาป่าตัวใหญ่ที่มีขนสีดำสนิท ขนหยาบหนาลุกชัน ดวงตาสีแดงฉานของมันจ้องมองพวกเขาอย่างดุร้าย มันแสยะเขี้ยวขาวและส่งเสียงขู่ออกมา ทำท่าเตรียมพร้อมจะกระโจนเข้าใส่ ไรอันไม่รอช้ารีบดึงดาบออกมาทันที แต่ก็ยังช้าเกินไป เมื่อหมาป่านั้นพุ่งเข้ามาโจมตีเขาก่อนที่เขาจะทันได้เงื้อมือ

หมาป่ากระแทกไรอันลงกับพื้น ทำให้ดาบของเขากระเด็นหลุดจากมือออกไป

“อั่ก” หลังของเขาไถลไปกับพื้น

ลีอารีบใช้พลังของเธอเรียกหนามแหลมออกมาจากพื้นดินเพื่อต่อสู้กับหมาป่า แต่หมาป่าตัวนั้นกลับเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเกินกว่าจะรับมือได้ อาเรียน่าที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังพวกเขาเริ่มร้องไห้ออกมา แต่ไรอันไม่สามารถลุกขึ้นมาปกป้องเธอได้เพราะบาดแผลที่เกิดจากการโจมตีของหมาป่า

ในขณะที่หมาป่าก้าวย่างเข้ามาใกล้ไรอันมากขึ้นมันแสยะเขี้ยวและเตรียมจะฝังเขี้ยวลงบนตัวของไรอันอยู่นั้นแล้ว

ทันใดนั้น ลีอาก็ใช้พลังเฮือกสุดท้ายเรียกไม้เลื้อยออกมาพันรอบขาหมาป่าทำให้มันล้มลงและตรึงมันไว้ เธอรีบเข้าไปหยิบดาบของไรอันและโยนให้เขา “เร็วเข้า! มันกำลังจะหลุดออกมาแล้ว!”

ไรอันคว้าดาบมาและลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาใช้ดาบแทงไปที่หมาป่า สัตว์ร้ายส่งเสียงร้องดังลั่น

“บรู๊วววววว” ก่อนจะสลายกลายเป็นเงามืดที่ค่อยๆ จางหายไป

หลังจากนั้น ไรอันนั่งลงหอบเหนื่อย ใบหน้าของเขาซีดเผือดจากบาดแผลที่เขาได้รับ แม้จะไม่ถึงขั้นร้ายแรง แต่มันก็ทำให้เขาเสียเลือดไม่น้อย ลีอารีบเข้ามาประคองเขาไว้

“เราต้องรีบไปจากที่นี่ ไม่แน่ว่าหมาป่าตัวอื่นอาจได้ยินเสียงของเจ้าตัวนี้และตามมาก็ได้”ไรอันกัดฟันพูดและอดกลั้นต่อความเจ็บปวดจากบาดแผล

ทั้งสามเดินทางต่อไปจนได้พบกับถ้ำแห่งหนึ่ง เธอประคองไรอัน และพาเขาเข้าไปพักในถ้ำเพื่อจะได้ทำการรักษาให้เขา

เธอบอกให้เขาถอดเสื้อออก ไรอันรู้สึกเจ็บแผลจึงต้องให้ลีอาช่วยถอดให้ หลังจากถอดออกหมดแล้วลีอารู้สึกใบหน้าผ่าวร้อน เมื่อสายตาเจอกับรูปกายของชายหนุ่ม ไล่มาตั้งแต่แผงอกเปล่าเปลือยนั้น ลงมาถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรง เรียบเรื่อยไปถึงสะดือ และ ณ จุดนั้นมีขนบางๆไล่ลงไปและหายลับไปตรงที่กางเกงปิดทับ เธอรีบเสมองไปทางอื่น

“หึๆ” ไรอันหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ

“แผลของข้าอยู่ที่แผ่นหลังนะ” เขาพูดพลางค่อยๆขยับมานั่งหันหลังให้ลีอา

เธอค่อยๆหันกลับมา สลัดความเขินอายและความคิดอื่นๆออกไปและเริ่มลงมือใช้พลังรักษาให้เขา

อาเรียน่ามองดูพวกเขาทั้งสองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“พี่ชายจะหายดีไหมคะ?” อาเรียน่าถามไรอันด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ และจับมือเขาไว้แน่น ไรอันมองหน้าเด็กหญิงเล็กๆ คนนี้ที่แม้จะกลัวแต่ก็พยายามให้กำลังใจเขา เขายิ้มให้เธออย่างอบอุ่น

“ข้าจะไม่เป็นไร เจ้าก็ต้องเข้มแข็งเหมือนกันนะอาเรียน่า”

เด็กหญิงพยักหน้าแล้วล้วงกระเป๋าเสื้อคลุมของเธอออกมา เธอหยิบขนมปังชิ้นเล็กๆ ที่เหลืออยู่ในกระเป๋าแล้วยื่นให้ไรอัน

“นี่ค่ะ พี่ชายต้องกินนะ จะได้มีแรงต่อไป”

ไรอันหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เขารับขนมปังจากเธอและกัดกิน แม้ขนมปังจะแข็งและเย็น แต่ความอ่อนโยนและความใส่ใจของอาเรียน่าทำให้มันกลายเป็นมื้ออาหารที่อบอุ่นที่สุดที่เขาเคยได้รับ

หลังจากทำแผลเสร็จ ไรอันจึงออกไปล่าสัตว์เพื่อนำมาทำอาหารให้ลีอาและอาเรียน่า

“ท่านระวังตัวด้วย” ลีอาพูดด้วยน้ำเสียงกังวล

“พี่ชายต้องรีบกลับมาไวๆนะคะ” อารีน่าพูดพร้อมเข้าไปกอดแขนไรอันเขย่าเบาๆ

“ได้ ข้าจะรีบไปรีบกลับ พวกเจ้าหลบอยู่ในนี้ให้ดี ได้ยินเสียงอะไรก็อย่าออกไปเด็ดขาด” ไรอันกำชับ

จากนั้นเขาก็ออกไปอย่างเร่งร้อน แต่ก็ระมัดระวังไม่นานไรอันก็กลับมาพร้อมกระต่ายป่าสองตัวที่จัเดารถลกหนังและชำแหละมาจากในป่าแล้วเขาจัดการนำมันมาเสียบไม้และย่างกับไฟ

ทั้งสามนั่งล้อมรอบกองไฟ และกินไปเงียบๆ แต่ละคนต่างอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง

หลังจากมื้ออาหารก็ได้เวลาพักผ่อน ลีอากับอาเรียน่าช่วยกันหาหญ้าแห้งเท่าที่จะหาได้มากองสุมกัน และวางใบไม้ทับไว้ ขนาดพอให้นอนได้ทั้งสามคน

ขณะกำลังจัดแจงที่นอนอยู่นั้น ลีอาก็ร่ายเวทย์เพื่อป้องกันสัตว์มีพิษไม่ให้มารบกวน

ไรอันเลือกนอนทางซ้าย ขณะที่ลีอากำลังลังเลว่าจะนอนอย่างไร อาเรียน่าก็ดึงมือลีอาให้นอนลงข้างไรอัน และตัวเธอเองก็มุดเข้าไปนอนแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่

“อื้มมม อบอุ่นดีจังเลย” อาเรียน่าพูดอย่างมีความสุขพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“แต่จะอบอุ่นกว่านี้ถ้าหากว่า…” เด็กน้อยพูดพลางจับมือไรอันและมือของลีอาให้จับกันไว้ พาดลงตรงลำตัวของเธอ แต่ลีอาชักมือออก

“เอ่อ…ข้าว่าไม่ค่อยเหมาะกระมัง”เธอพูดในขณะที่สายตาเผอิญไปสบกับไรอันที่มองมาพอดี

อาเรียน่าก้มหน้าลง เปล่งเสียงแผ่วเบาสั่นเครือออกมา “ข้าขอโทษที่ทำให้พี่ลีอาไม่สบายใจ แต่ข้าแค่คิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่ เวลานอนพวกท่านจะนอนกอดกันและกอดข้าไว้” น้ำตาเด็กน้อยหยดลงมาเป็นสาย

ใจของลีอาอ่อนยวบ เธอก็นึกถึงท่านพ่อและท่านแม่ของเธอเช่นกัน แต่ตอนนี้ไม่มีพวกเขาแล้ว อาเรียน่าอายุเพียงแค่นี้ จะทุกข์ใจขนาดไหนหนอ

เช่นเดียวกับไรอัน เขาเศร้าใจอย่างยิ่ง ภาพของคนที่นอนตายเกลื่อนกลาดและซากปรักหักพังย้อนขึ้นมาให้เห็น เขาสลัดภาพเหล่านั้นออกไป และหันไปเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อย

“วันนี้เราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ชายจะพาไปเล่นน้ำตก” เชาพูดพลางขยิบตาให้ลีอา

“นั่นสินะ พรุ่งนี้พีสาวก็จะพาเธอไปเก็บดอกไม้สวยๆด้วยล่ะ” ลีอายิ้มอย่างเอาใจ

อาเรียน่าหยุดร้องไห้ทันใด และหันมาส่งยิ้มสดใสให้กับพวกเขา

“สัญญานะคะ” เด็กน้อยยื่นนิัวก้อยเล็กๆออกมา

“จ๊ะ สัญญา” ลีฮาเกี่ยวก้อยกับอาเรียน่า และหันไปทำท่าให้ไรอันทำด้วย

คนตัวโตทำหน้าปูเลี่ยนๆ แต่ก็จำใจยื่นนิ้วออกมาเกี่ยวก้อยกับเด็กน้อย ทำให้อาเรียน่ายิ้มทั้งปากทั้งตา

ในที่สุด ลีอาก็จำต้องนอนโดยให้ไรอันจับมือตน ส่วนอาเรียน่านอนอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา ไรอันสอดนิ้วมือประสานกับมือเธอ ทำให้เธอสะดุ้งจะชักมือกลับ

“ชู่ว มือจะได้ไม่หลุดจากกันไง” ไรอันกระซิบ

ลีฮาจึงทำได้เพียงปล่อยให้เขาประสานนิ้วมือเกาะเกี่ยวกับมือนุ่มของเธอไว้อย่างนั้น ทั้งสามหลับไปในท่านั้นเอง

ภายนอกถ้ำอันอบอุ่นและอบอวลไปด้วยความรักนั้น ปรากฎเงาร่างสายหนึ่ง มองเข้าไปในถ้ำอย่างเงียบงัน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   ตอนพิเศษ หัวใจทมิฬ

    ลูเซียสยืนนิ่งอยู่ในความมืดที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง ความมืดนี้ไม่ใช่แค่เงาหรือความมืดธรรมดา แต่มันคือพลังที่อยู่ในตัวเขามาตั้งแต่เกิด มันเป็นพลังที่ทำให้เขาถูกตัดสินและขับไล่ออกไปจากครอบครัวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขาเงยหน้าขึ้นมองลีอาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าและความแค้นที่ถูกฝังลึกในใจมาเนิ่นนาน”ข้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนั้น” ลูเซียสเริ่มเล่า น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา แต่ทุ้มลึก “ข้าเกิดมาในตระกูลสูงส่งแห่งแอสทารา ข้าเคยมีทุกสิ่งที่เด็กคนหนึ่งต้องการ...มีบ้านที่อบอุ่น มีพ่อแม่ที่ข้าเคารพรัก แต่พวกเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อพวกเขารู้ว่าข้ามีพลังเงามืดในตัว” ลีอานั่งฟังด้วยความตั้งใจ หัวใจของเธอหนักอึ้งเมื่อได้ยินความเจ็บปวดในคำพูดของเขา เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลูเซียสต้องทนทุกข์กับอดีตเช่นนี้”ข้าจำได้ชัดเจน ตอนที่ข้ายังเป็นเด็กแค่ 7 ขวบ ข้าคิดว่าพลังนี้เป็นสิ่งพิเศษ ข้ารู้สึกแตกต่าง แต่ข้ากลับไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงทำให้คนอื่นๆ กลัว ข้าพยายามใช้มันเพื่อแสดงให้พ่อแม่เห็นว่า ข้าสามารถปกป้องพวกเขาได้ แต่สิ่งที่ข้าได้รับกลับเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและรังเกียจ” ลูเซียสหยุดไปช

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทสุดท้าย เงาที่เหลืออยู่

    ชีวิตของไรอันและลีอาเดินหน้าไปสู่ความสงบสุขที่พวกเขาเคยฝันถึง หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานและการสูญเสียที่ทำให้หัวใจของพวกเขาต้องบอบช้ำ พวกเขาก็ได้สร้างครอบครัวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น หมู่บ้านที่เคยถูกครอบงำด้วยเงามืดกลับมาสดใสอีกครั้ง และชีวิตใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับงานแต่งงานเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความยินดีและความหวังลีอาและไรอันมีลูกแฝดชายหญิงที่เปรียบเสมือนดวงดาวสว่างไสวในชีวิตของพวกเขา เด็กทั้งสองคนเปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสาและความสดใสที่ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านรู้สึกถึงความหวังและความสุขที่แท้จริง ครอบครัวของพวกเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความรัก ไรอันเป็นพ่อที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและปกป้องลูกๆ ด้วยชีวิต ขณะที่ลีอาเป็นแม่ที่อบอุ่นและอ่อนโยน คอยดูแลทุกคนด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักในขณะเดียวกัน เอลเลียตและเฟนิกซ์ก็ออกเดินทางไปผจญภัยในดินแดนใหม่ๆ เพื่อฝึกฝนตนเองและค้นหาความหมายใหม่ในชีวิต พวกเขาเลือกที่จะไม่หยุดอยู่กับที่ แต่ออกเดินทางเพื่อค้นหาประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆ ที่จะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นในทุกด้านอาเรียน่าเองก็เลือกทางเดินที่แตกต่างออกไป เธอตัดสินใจออกเดินทาง

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 11 อดีตที่เจ็บปวดและการเริ่มต้นใหม่ (1)

    ลูเซียสหายใจลึก รู้สึกถึงน้ำหนักที่ถูกยกออกจากบ่าของเขา แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่าย และแม้ว่าความมืดในจิตใจของเขายังคงหลงเหลืออยู่ แต่ความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงและหาความสงบสุขในตัวเองก็มีมากกว่าลีอาที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างไรอันก็ยิ้มให้ลูเซียสด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเห็นใจ “ข้ายังเชื่อในตัวเจ้า ลูเซียส ข้ารู้ว่าลึกๆ แล้วเจ้าไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร เจ้าก็แค่ต้องการคนที่จะเชื่อมั่นและอยู่เคียงข้างเจ้า”อาเรียน่าก้าวเข้ามาสมทบ “เราเป็นครอบครัว... ครอบครัวที่ยอมรับกันได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว”ลูเซียสมองดูพวกเขาทั้งสี่คน น้ำตาที่เก็บกดไว้ตลอดหลายปีเริ่มไหลลงมาอาบแก้ม เขารู้สึกถึงความโล่งใจและความหวังที่เคยสูญเสียไปนานแล้ว“ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ข้าเคยทำ” ลูเซียสกล่าวทั้งน้ำตา “ข้าขอโทษที่ข้าเคยเลือกทางที่ผิด และข้าขอโทษที่ข้าพยายามจะทำร้ายพวกเจ้า”“เจ้าไม่ต้องขอโทษอะไรอีกแล้ว” ไรอันกล่าวขณะที่เขาเข้ามาใกล้ลูเซียสและยื่นมือออกไป “สิ่งสำคัญคือเจ้าได้กลับมา และเราจะผ่านทุกสิ่งไปด้วยกัน” ไ

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 11 อดีตที่เจ็บปวดและการเริ่มต้นใหม่

    "ในคืนหนึ่ง... ข้าจำได้ว่าแม่ของข้าไม่ได้มาร่ำลาข้า ข้าเพียงเห็นแผ่นหลังของพ่อที่หันมาเอ่ยคำสุดท้ายกับข้า 'เจ้าต้องไป...เพื่อปกป้องตระกูล' คำพูดเหล่านั้นยังคงก้องอยู่ในหัวข้าตลอดมา ข้าถูกขับไล่ออกจากบ้าน ถูกส่งไปในป่าลึก โดยไม่มีแม้แต่ใครสักคนที่จะมาอธิบายว่าเหตุใด ข้าเป็นแค่เด็ก แต่ข้ากลับถูกทิ้งไว้ในความมืด โดยไม่มีที่พึ่งพิง ไม่มีความอบอุ่นของครอบครัว" เขาก้มหน้า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น"ตอนที่ข้าจากไป ไรอันยังไม่เกิด พ่อและแม่ของเราคิดว่าเมื่อข้าไม่อยู่แล้ว พวกเขาจะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ข้าถูกลบออกจากความทรงจำของครอบครัว...และไรอัน เขาเกิดขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เลยว่าข้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา"ลีอาหันไปมองลูเซียสอย่างตกตะลึง เธอไม่เคยได้ยินเรื่องราวนี้มาก่อน ลูเซียส...พี่น้องร่วมสายเลือดของไรอัน ถูกผลักไสออกจากครอบครัวในวัยเด็ก เพียงเพราะพลังที่เขาไม่ได้เลือกที่จะมี"ข้าเร่ร่อนอยู่ในป่า เดียวดายและเต็มไปด้วยความกลัว ข้าไม่รู้ว่าข้าควรทำอย่างไร ข้ารอคอยวันที่ครอบครัวจะมารับข้ากลับ แต่วันนั้นไม่เคยมาถึง ข้าโตขึ้นมาท่ามกลางความโดดเดี่ยวและความเกลียดชัง ข้าเรียนรู้ที่จะใช้พ

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 10 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย (2)

    แต่ลีอากลับก้าวออกมาจากเงามืดนั้นอย่างช้าๆ เธอหยุดอยู่ตรงหน้าไรอันและอาเรียน่า น้ำตาของเธอไหลลงมาเมื่อเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากพวกเขา “ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษที่ข้าเคยละทิ้งพวกเจ้า...”ไรอันยิ้มอย่างอ่อนโยนและก้าวเข้ามากอดเธอไว้ “ไม่เป็นไร ลีอา เจ้ากลับมาแล้ว นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” แสงสว่างที่เปล่งออกมาจากตัวอาเรียน่าเริ่มส่องประกายอย่างแรงกล้าอีกครั้ง ลูเซียสรู้สึกถึงพลังที่ถอยห่างจากตัวเขา ความมืดที่เคยทำให้เขาแข็งแกร่งกลับกลายเป็นภาระที่หนักอึ้ง เขารู้สึกถึงความอ่อนแอที่เข้ามาครอบงำ ร่างกายของเขาเริ่มสั่นไหวและอ่อนแรงลง “ไม่... ไม่!” ลูเซียสตะโกนด้วยความสิ้นหวัง แต่พลังที่เขาเคยยึดมั่นกลับหายไปทีละน้อย เงามืดที่เคยล้อมรอบตัวเขาเริ่มจางหายไป ราวกับว่ามันถูกดูดกลืนเข้าสู่แสงสว่างที่พวกเขาสร้างขึ้นมา ลีอายังคงมองไปทางลูเซียสที่ยืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความสับสน ดวงตาของเธอที่เต็มไปด้วยความสงสารและความเห็นใจสะท้อนถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนที่เธอมีต่อลูเซียส แม้ว่าเธอจะถูกสะกดจิตในช่วงเวลาที่อยู่กับเขา แต่เธอก็สามารถจดจำทุกเรื่องราวท

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 10 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย (1)

    พลังเงามืดของลูเซียสถูกต้านทานด้วยบาเรียน้ำของไรอันและแสงสว่างของอาเรียน่า แต่ลูเซียสก็ไม่ยอมแพ้ เขารวบรวมพลังทั้งหมดที่มีและปล่อยคลื่นพลังมืดออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันรุนแรงและน่ากลัวกว่าครั้งก่อน มันเป็นพลังที่ถูกหล่อหลอมจากความแค้นและความโดดเดี่ยว คลื่นพลังมืดที่เขาปล่อยออกมานั้นไม่เพียงแต่รุนแรง แต่ยังเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ลูเซียสไม่มีเจตนาที่จะยอมแพ้หรือยอมให้ใครเข้ามาขวางทางเขาได้อีก เอลเลียตที่เป็นด่านแรกของการป้องกัน ยังคงยืนหยัดไม่ถอย เขาใช้กระบองเหล็กของเขาฟาดลงไปที่พื้นอีกครั้งเพื่อสร้างแรงกระแทกที่พุ่งตรงเข้าไปปะทะกับพลังเงามืด แต่ความรุนแรงของพลังมืดนั้นกลับทำให้พื้นดินแตกออกเป็นรอยแยก ลมพายุจากพลังมืดกวาดเอาเศษซากและฝุ่นผงขึ้นมาหมุนวนรอบตัวเอลเลียต ทำให้การมองเห็นของเขาเริ่มพร่ามัว อย่างไรก็ตาม เอลเลียตยังคงยืนอยู่ได้ด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวเพื่อนร่วมทางของเขา “พวกเจ้ารีบทำสิ่งที่ต้องทำ!” เขาตะโกนด้วยเสียงที่ยังเต็มไปด้วยพลัง “ข้าจะยืนหยัดตรงนี้ ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!” ไรอันรู้ดีว่

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status