อาเฟยมองหน้าท่านตาของภรรยาด้วยความซาบซึ้งในจิตใจ ไม่คิดว่านายท่านผู้เฒ่าฟ่านที่ใครต่างก็ต้องการอำนาจจากตระกูลนี้เพื่อเกื้อหนุนตน จะยอมรับหลานเขยเช่นเขาซึ่งเป็นเพียงชายตัดฟืน
“ขอบคุณขอรับท่านตา ท่านยาย”
อาเฟยค้อมหัวขอบคุณอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นมานั่งด้านข้าง
“ฮวาเอ๋อร์ บอกตาได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานกันแน่ ตาไม่ได้มองว่าอาเฟยเป็นคนไม่ดี แต่เรื่องนี้ตามองว่าต้องมีเบื้องหลัง”
ฟ่านจงเหิงเอ่ยถามหลานสาวแม้น้ำเสียงจะอ่อนโยน แต่สายตาที่พูดนั้นเด็ดเดี่ยวและจริงจังแถมแฝงไปด้วยความเคียดแค้น
“ท่านตาเข้าใจถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ เรื่องระหว่างหลานกับท่านพี่ ล้วนมีคนจัดฉากขึ้นเพื่อช่วงชิงตำแหน่งพระชายาจากหลานไป ทว่าเรื่องนี้หลานไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เพราะหลานมองว่าท่านพี่ของหลานดีที่สุด หลานไม่ต้องการเป็นพระชายาเจ้าค่ะ หลานต้องการสร้างครอบครัวกับท่านพี่”
เหอหลันฮวาตอบโดยไม่มีความลังเลและหันมามองอาเฟยด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก
“เมื่อไม่นานมานี้ฮวาเอ๋อร์โดนวางยาพิษจนหยุดหายใจ ไปเกือบหนึ่งเค่อขอรับท่านตา ผู้อยู่เบื้องหลังข้าคิดว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับเรื่องก่อนหน้านี้ขอรับ”
อาเฟยเลือกที่จะพูดด้วยตนเอง เขาเชื่อว่าเรื่องถูกวางยาพิษเหอหลันฮวาไม่คิดที่จะบอกท่านตาเป็นแน่
ปึก! ฟ่านจงเหิงฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะน้ำชาจนขาดสองท่อน อย่าคิดว่าเขาแก่แล้วจะไม่มีกำลังวังชา เขาเคยร่วมรบกับอดีตฮ่องเต้องค์ก่อนมาก็หลายศึก แค่โต๊ะตัวเดียวทำไมจะพังไม่ได้ด้วยฝ่ามือของเขา
“ดี ดีมาก ดีจริง ๆ ต้นสายปลายเหตุการตายของบุตรสาวของข้ายังไม่คลี่คลาย ทั้ง ๆ ที่ควรจะรู้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไรและใครอยู่เบื้องหลัง มาคราวนี้หลานสาวของข้ากลับเจอเรื่องเดียวกันอีก ตระกูลเหอเห็นตระกูลฟ่านของข้าเป็นอะไร!”
ฟ่านจงเหิงโกรธจัด เรื่องของบุตรสาวเมื่อหลายปีก่อนยังไม่มีคำตอบ เวลานี้กลับเกิดเรื่องกับฮวาเอ๋อร์หลานสาวของเขาอีก หากตาเฒ่าเช่นเขายังคงนิ่งนอนใจ คงไม่ใช่อีกแล้ว
“พ่อบ้าน ไปตามเทียนเผยมาหาข้า”
“ขอรับนายท่าน”
พ่อบ้านรีบตอบรับ ก่อนจะรีบเดินไปตามคุณชายรองมาที่นี่ตามคำสั่งของนายท่านผู้เฒ่า
“ท่านตา ใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ หลานคิดว่า...”
เหอหลันฮวาพยายามหว่านล้อมให้ท่านตาของนางใจเย็นลง ประจวบกับฟ่านเทียนเผยหลานชายคนรองเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบพอดี
“ท่านปู่ให้พ่อบ้านไปตามข้า ท่านปู่มีเรื่องอันใดหรือขอรับ”
“เจ้านี่ ตาไม่ดีหรือยังไง น้องสาวเจ้าพาสามีมาเยี่ยมเยียนเจ้ากลับมองผ่านหรือว่าสายตาของเจ้าเห็นเพียงแค่ตัวเลขในบัญชีการค้าเท่านั้น”
ฟ่านจงเหิงเอ็ดหลานชายที่มองข้ามเหอหลันฮวาและสามี
“โอ๊ะ! ข้าไม่ทันมอง ฮวาเอ๋อร์มานานแล้วหรือยัง แล้วนี่ใช่สามีของน้องหรือไม่”
“ใช่แล้วพี่รองฟ่าน นี่คือสามีของข้าเอง ว่าแต่ท่านไม่เปลี่ยนไปเลยนะเจ้าคะ ไม่สนใจสิ่งใดนอกจากตัวเลขและผลกำไรของตระกูล”
เหอหลันฮวากล่าวล้อเล็กน้อย นางพอจะรู้นิสัยลูกพี่ลูกน้องคนนี้ดี หลานชายตระกูลฟ่านมีเพียงสองคน คนโตเจริญรอยตามท่านลุงใหญ่เข้ากองทัพ พร้อมกับพี่ชายทั้งสองของนางซึ่งเป็นหลานชายต่างแซ่ จึงเหลือเพียงพี่รองฟ่านคนนี้ที่ดูแลกิจการทั้งหมดของตระกูลด้วยอายุเพียงยี่สิบกว่าหนาว
“เจ้าว่าแต่ข้า กิจการของเจ้าที่อาหญิงให้ไว้มีน้อยเสียเมื่อไหร่ ตอนนี้เจ้าออกมาจากตระกูลเหอแล้ว ควรที่จะดูแลเองเสียที สามีเจ้าหน่วยก้านดีข้าว่าเหมาะแก่การทำงานแทนเจ้านัก”
ฟ่านเทียนเผยเดินมายืนข้างอาเฟยก่อนจะใช้สายตาสำรวจน้องเขยคนนี้ ก่อนจะพยักหน้าพอใจ
“เจ้าอ่านออกเขียนได้หรือไม่”
“ได้ขอรับ”
“ดีมากจริง ๆ ต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะเป็นคนสอนงานเจ้า เจ้าจะได้ช่วยฮวาเอ๋อร์ของข้าดูแลกิจการทั้งหมด จริงสิว่าแต่ท่านตาเรียกข้ามาทำไมขอรับ”
ฟ่านเทียนเผยคิดจะสอนงานให้กับอาเฟยเมื่อรู้ว่าน้องเขยคนนี้อ่านออกเขียนได้ ก่อนจะหันมาถามท่านตาของตนว่าเรียกเขามาด้วยเรื่องอันใด
ฟ่านจงเหิงเอือมระอากับหลานชายคนนี้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดคนภายนอกจึงเกรงกลัวไม่น้อย ทั้ง ๆ ที่เมื่ออยู่ในเรือนเขาคล้ายจะเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง จากนั้นจึงเล่าทุกอย่างให้หลานชายฟังอีกครั้ง
เมื่อได้ฟังฟ่านเทียนเผยเปลี่ยนมาเป็นคนเคร่งขรึมและเย็นชาขึ้น เขาไม่มีวี่แววว่าจะล้อเล่นเหมือนเช่นก่อนหน้านี้
“คนพวกนั้นเห็นตระกูลฟ่านเป็นเช่นไร คิดจะรังแกกันง่ายเพียงนี้หรือ ท่านปู่ขอรับเรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง ในเมื่ออยู่เฉยกันไม่เป็น ก็รอดูว่าข้าจะโต้ตอบเช่นไร”
“อืม เจ้าอย่ารุนแรงนักเล่า ยังไงพ่อและพี่ชาย น้องชายเจ้าอยู่ในกองทัพ แต่ถ้าไม่จัดการอะไรเลย ข้าเชื่อว่าคนพวกนั้นย่อมต้องย้อนกลับมาเล่นงานฮวาเอ๋อร์และอาเฟยเป็นแน่”
“ขอรับท่านปู่ เช่นนั้นหลานขอตัวก่อน ในเมื่ออาเฟยคือส่วนหนึ่งของครอบครัว ข้าจะทำให้คนพวกนั้นเห็นเองว่าตระกูลฟ่านของพวกเรายอมรับเขยคนนี้แล้วเช่นกัน”
เมื่อพูดจบเขาจึงลากแขนอาเฟยออกมาโดยไม่สนใจสีหน้าของอาเฟยเลย
เหอหลันฮวาส่งสายตาและยิ้มให้สามีก่อนจะพยักหน้าให้เขา นางเชื่อว่าพี่ชายคนนี้ย่อมต้องไม่ทำอันตรายสามีนางเป็นแน่ ยังมีจื่อหลงและจื่อกวงตามไปด้วย โดยทิ้งจื่อโหวและจื่อหูไว้กับนาง
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านตา ที่ท่านตาและทุกคนไม่รังเกียจท่านพี่ของหลาน”
“ทำไมตาต้องรังเกียจด้วยเล่า ตาไม่เคยต้องการให้หลานใช้ชีวิตอยู่ในรั้วในวัง ซึ่งเต็มไปด้วยการแก่งแย่ง มิเช่นนั้นตาคงให้แม่ของหลาน...”
แต่ถ้าหากว่าเขายอมให้บุตรสาวแต่งเข้าวังในครานั้น เวลานี้บุตรสาวของเขาอาจจะมีชีวิตอยู่
“ทุกอย่างล้วนผ่านมาแล้ว ไม่ว่าผู้ใดย่อมไม่มีทางกลับไปแก้ไขอดีตได้อีก หลานเลือกที่จะเป็นเพียงภรรยาของท่านพี่ หลานคิดเพียงจะสานต่อกิจการและการค้าที่ท่านแม่มอบไว้ให้และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเท่านั้นเจ้าค่ะ
หลานไม่ต้องการแก่งแย่งกับใครหรือว่าต้องการใช้สามีร่วมกับผู้ใด หลานมองท่านแม่มาตั้งแต่เด็ก หลานรับรู้ความเจ็บปวดของการที่ต้องมาดูสามีคอยเอาใจหญิงอื่นดีเจ้าค่ะ”
นางไม่ต้องการใช้สามีร่วมกับผู้ใดเหมือนท่านแม่ ครอบครัวฟ่านล้วนมีคู่ครองคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นท่านตาหรือท่านลุง นางเชื่อว่าอาเฟยย่อมไม่ทำให้นางเจ็บช้ำน้ำใจในเรื่องนี้
สองผู้เฒ่าส่งยิ้มให้กันเมื่อได้ยินคำของหลานสาว
“ตาก็หวังไว้เช่นนั้น แล้วนี่หลานจะส่งข่าวให้ซือหมิงกับซือเหวินหรือไม่ ตาคาดว่าเรื่องนี้ไม่แน่อาจจะไปถึงชายแดนแล้วก็เป็นได้ ตามองว่าเทียนเผยคล้ายกับไม่แปลกใจเรื่องของสามีหลาน”
“นั่นสิเจ้าคะ หลานยิ่งแปลกใจเมื่อพี่เทียนเผยพาท่านพี่ไปด้วย”
เหอหลันฮวาคิดว่าการที่นางย้ายออกมาจากจวนเหอร่วมเดือน ลูกพี่ลูกน้องของนางผู้นี้ย่อมต้องรู้ข่าวและรู้ว่านางกับท่านพี่ไปตรวจตรากิจการหลายครั้ง ดังนั้นจึงพาสามีของนางไปด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าทั้งสองไปที่แห่งใด
จากนั้นเหอหลันฮวาจึงนั่งถามสารทุกข์สุกดิบของท่านตาและท่านยายของนางต่อ ก่อนจะไปทานอาหารว่างด้วยกัน
ฟ่านเทียนเผยหลังจากที่ออกมาจากจวนตระกูลฟ่าน ชายหนุ่มพาอาเฟยมาที่เหลาอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าห้องส่วนตัวชั้นบน เพียงแต่เข้ามาแล้วจึงได้รู้ว่าเหลาอาหารแห่งนี้เป็นของตระกูลฟ่าน
“มาแล้วเหรอเทียนเผย แล้วนี่คงเป็นน้องเขยของเจ้าสินะ”
ชายผู้ที่มานั่งรออยู่ก่อนเมื่อได้ยินเสียงประตูจึงเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดจึงเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
“คารวะองค์ชายสาม นี่คือน้องเขยของกระหม่อม สามีของหลันฮวา”
อาเฟยเมื่อรู้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้ใด จึงคุกเข่าคารวะด้วยความเคารพ
“คารวะองค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ”
“ลุกขึ้นเถอะ ไม่ต้องมากพิธี ข้ามาในนามของสหายเจ้านี่ ส่วนเจ้าเป็นน้องเขยของเทียนเผย ดังนั้นไม่ต้องมีพิธีอะไรให้วุ่นวาย”
“พ่ะย่ะค่ะ” อาเฟยลุกขึ้นแล้วกลับมานั่งข้างฟ่านเทียนเผย
“ท่านเรียกข้ามามีเรื่องอันใดหรือ ไม่รู้หรือไรสหายเช่นข้ามีงานรัดตัว”
ด้วยเพราะเป็นสหายมาตั้งแต่วัยเยาว์ ทำให้องค์ชายสามผู้นี้และฟ่านเทียนเผยสนิทสนมจนคบหากันเป็นสหาย เพียงแต่ต่อหน้าผู้อื่นทั้งสองทำเหมือนไม่รู้จักกัน เพราะทุกคนทราบดีว่าตระกูลฟ่านไม่เข้ากับฝ่ายใด
บทส่งท้าย ชีวิตที่สงบอย่างที่ต้องการเว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรชายทั้งสองกลับมาถึงเมืองหลวงของแคว้นเว่ย เขาก็ได้รับพระราชทานให้ไปอยู่ที่ตำหนักบูรพา ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จมารับหลานทั้งสองและได้เจอลูกสะใภ้ ด้วยความเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่มาก่อน กิริยาของเหอหลันฮวาก็เพียบพร้อม ไม่มีใครกล้ามาตำหนินางได้ผู้เป็นใหญ่ทั้งสองรักและหลงหลานชายเป็นอย่างมาก ฮ่องเต้ประกาศราชโองการสละราชสมบัติ ให้เว่ยเฟยหลงขึ้นครองราชย์ต่อจากเขา จากที่ฮองเฮาเตรียมจัดงานแต่งตั้งพระชายาเอกขององค์รัชทายาท กลับกลายมาเป็นงานเฉลิมฉลองขึ้นครองราชย์ของเว่ยเฟยหลงเหอหลันฮวาถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮา บุตรชายทั้งสองได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์ชาย อดีตฮ่องเต้และอดีตฮองเฮา ยังคงอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง มีตำหนักเป็นของตนเอง สิ่งที่ทั้งสองโปรดปรานในตอนนี้คือการเลี้ยงดูหลานทั้งสองในตอนนี้ เหอหลันฮวากำลังนั่งสนทนากับพี่ชายอยู่ตำหนักของนาง“พี่รองคิดดีแล้วหรือ?”นางกล่าวถามพี่ชายอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หลังจากที่เหอซือเหวินบอกกล่าวกับนางเรื่องที่เขาต้องการจะลาออกจากราชการมาอยู่ใกล้นาง เพื่อปกป้องนางและหลานน้อยทั้งสอง เหอหลันฮวารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่
บทที่ 64 กบฏแคว้นหลานหลังจากที่เหอหลันฮวาคลอดบุตรชายทั้งสองครบสามเดือน เว่ยเฟยหลงก็ตัดสินใจพานางและบุตรชายกลับไปที่แคว้นเว่ย เนื่องจากทางฮ่องเต้และฮองเฮาเร่งรัดมาเพื่ออยากเจอหน้าหลานชายทั้งสองและก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นในแคว้นหลาน ฮ่องเต้สวรรคตเนื่องจากฝีมือขององค์ชายรองเป็นผู้กระทำ องค์ชายรองต้องการแต่งตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้ แต่เพราะไม่มีราชโองการแต่งตั้ง และตอนนี้เขากำลังหาตราประทับของฮ่องเต้จึงยื้อเวลาเอาไว้หลานหยางคุนให้เว่ยเฟยหลงพาทุกคนกลับแคว้นเว่ยไป เพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์ในครั้งนี้เหอหลันฮวาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้นสักวัน นางจึงวางแผนไว้ล่วงหน้า พร้อมกับเตรียมการตั้งรับ“องค์ชายสาม ท่านพาคนบุกเข้าไปในวังหลวงเถิด”เหอหลันฮวาที่นั่งฟังองครักษ์ขององค์ชายสามรายงานเสร็จ นางก็หันไปกล่าวกับองค์ชายสามที่นั่งกำหมัดอยู่ด้วยดวงตาแดงก่ำ“เขากำเริบเสิบสานยิ่งนัก” หลานหยางคุนกัดฟันเอ่ยขึ้นด้วยความเคียดแค้น“พวกท่านควรกลับไปก่อน” เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคนในที่นี้ เพราะกลัวว่าจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะหลานทั้งสองที่เพิ่งลืมตาดูโลก จึงเร่งให้เว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรกลับไปก่อน“ข้าจะออ
บทที่ 63 รับภรรยากลับบ้านราชสำนักออกมาประกาศความผิดของตระกูลไช่ ตระกูลหม่า ตระกูลจงอย่างชัดเจน และยังมีการแห่นักโทษก่อนประหารเพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังหลังเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หลังจากประหารนักโทษเสร็จสิ้น ก็มีการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมาอีกครั้งสงครามกลางเมืองที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก ไม่นานชาวเมืองก็กลับมาค้าขาย และบรรยากาศที่ครึกครื้นก็กลับมาองค์ชายสามที่ตอนนี้กลายเป็นคุณชายเว่ย และไช่ฮูหยิน อดีตเสียนเฟยก็ได้เดินทางไปที่แดนเหนือ เพื่อปกครองเมืองหน้าด่านเล็ก ๆ ตามราชโองการของฮ่องเต้เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เว่ยเฟยหลงก็ขอพระราชทานอนุญาตเดินทางไปที่แคว้นหลาน เพื่อไปรับเหอหลันฮวามาที่แคว้นเว่ยทางด้านฮองเฮาก็เตรียมตัวที่จะจัดงานแต่งตั้งชายาเอกของโอรสด้วยความตื่นเต้น ยิ่งรู้ว่าเหอหลันฮวากำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่กำลังจะเป็นปู่ย่าก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักเนื่องจากอยากเจอหน้าหลานโดยเร็วเว่ยเฟยหลงและเว่ยอิ้งเหมยออกเดินทางจากแคว้นเว่ยมาที่แคว้นหลานก็ใช้เวลาหลายวัน และเมื่อมาถึงจวน เขาก็พบว่าตอนนี้ทั้งจวนกำลังตกอยู่ในความโกลาหล จนเขาเห็นแล้วก็ตกใจ รีบคว้าคอบ่าวคนหนึ่ง
บทที่ 62 ลงโทษเมื่อดาบขององค์ชายสามกระทบพื้น ทุกคนก็รู้ในทันทีว่าศึกในครานี้ที่เพิ่งจะเริ่มต้น ฝ่ายองค์ชายสามได้แพ้พ่ายแล้ว“องค์ชาย!!” แม่ทัพฝ่ายเสนาบดีไช่เห็นดังนั้นก็จะเข้ามาหาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขายอมแพ้“จับกุมตัวให้หมด ใครขัดขืน ฆ่า!!!”แต่เว่ยเฟยหลงไม่ยอมให้ใครได้ขยับตัว เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ผู้ใต้บังคับบัญชาก็รีบทำตามจับกุมเหล่ากบฏ หากมีใครกล้าขัดขืนก็ฆ่าได้ในทันทีเว่ยเฟยหลงละสายตาจากทหารเหล่านั้น หันมามองน้องชายที่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมในตอนนี้อยู่“เจ้าตามข้ามาเถิด”เขาบังคับม้าให้นำไปที่ประตูเมือง องค์ชายสามเงยหน้าขึ้นเห็นแผ่นหลังที่องอาจของพี่ชายที่ควบม้านำหน้าเขาไปเดิมทีเขานึกว่าพี่ชายจะสั่งให้คนมาจับตัวเขาเสียอีก แต่พอคิดว่าพี่ชายไม่มีความแค้นอันใดกับเขา เว่ยหนิงเฉิงก็รีบควบม้าตามเว่ยเฟยหลงไปทันที“เสด็จพี่” เขาเรียกองค์รัชทายาทเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“???” ทำให้เว่ยเฟยหลงหันมามองเขาอย่างตั้งคำถาม“เสด็จแม่ของข้า”“นางกระทำสิ่งใดไว้ ก็ต้องได้รับโทษ ข้าไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ เจ้าไปร้องขอเสด็จพ่อเถิด”เว่ยเฟยหลงย่อมรู้ว่าเว่ยหนิงเฉิงอยากจะร้องขอสิ่งใด เพียงแต่เ
บทที่ 61 ศึกพี่น้ององค์ชายสามกลับมาถึงตำหนักของตนเอง ก็เข้าไปขลุกตัวอยู่ในห้องหนังสือ เขาขบคิดอย่างหนักถึงความต้องการของตนเองในเวลานี้บัลลังก์นั่นเขาไม่ได้ต้องการ และเขาก็ไม่ได้มีความแค้นกับองค์รัชทายาท อีกฝั่งคือพี่ชาย ส่วนอีกฝั่งคือมารดาผู้ให้กำเนิด และท่านตา ที่คอยสนับสนุนเขาเสมอมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาย่อมรู้ว่ามารดาและท่านตากระทำสิ่งใดลงไปบ้างแต่เพราะมองว่าพวกเขาทำเพื่อให้เขามีชีวิตรอด และมีความมั่นคงในชีวิต จึงยอมปิดตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเหตุใด เขาจึงไม่อยากกระทำตามที่มารดาและท่านตาสั่งให้ทำเลยสักนิด“องค์ชาย” องครักษ์ที่เดินตามเว่ยหนิงเฉิงเข้ามาเห็นเจ้านายมีสีหน้าที่คิดไม่ตก และนั่งเหม่อลอยอยู่นาน จึงร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง“ข้าจะทำเช่นไรดี” เว่ยหนิงเฉิงพึมพำขึ้นเสียงเบา แต่สำหรับคนที่ฝึกวรยุทธ์ย่อมได้ยินเพียงองครักษ์เช่นเขาจะสามารถให้คำแนะนำองค์ชายที่ได้รับคำสั่งจากเสียนเฟยมาแล้วได้อย่างไร ถ้าเกิดเขากล่าวอันใดที่ขัดพระทัย จะไม่เป็นการฆ่าตนเองหรอกหรืออีกทั้งเรื่องนี้ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขององค์ชายทั้งสิ้นเว่ยหนิงเฉิงไม่ได้สนใจใคร เขาเพียงแค่พึม
บทที่ 60 หลังชนฝาข่าวการกลับมาขององค์รัชทายาท ทำให้ตระกูลไช่ และเสียนเฟยเริ่มร้อนตัวถึงการกระทำของตนเองไช่เสียนเฟยเมื่อทราบเช่นนั้น นางแทบจะทรุดลงอีกครั้ง เรื่องมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าองค์รัชทายาทตายไปแล้วหรอกหรือ แล้วนี่เขายกทัพมาประชิดเมืองหลวงได้ทำไมคนของสกุลไช่ถึงไม่รู้เรื่องกันล่ะ หรือสายข่าวของท่านพ่อจะมีปัญหา“ท่านพ่อไม่ใช่สกุลไช่หละหลวมหรอกหรือ ทำให้คนพวกนั้นมาประชิดเมืองหลวงได้ แล้วคนของเราล่ะเจ้าคะ ทำไมถึงไม่มีใครส่งข่าว พี่ใหญ่เช่นกัน ท่านบอกว่าจะให้บุตรสาวของท่านตีสนิทกับคุณชายเหวินคนดูแลหอมู่ตาน หรือว่าบุตรสาวของท่านไม่มีความสามารถ”นางหันไปกล่าวกับบิดาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ออกแนวจะตำหนิที่เขาไม่รอบคอบ อีกทั้งแผนการง่าย ๆ เรื่องให้สาวงามไปล่อลวงคุณชายเหวิน เรื่องแค่นี้เขายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางอดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างดูแคลน“พระสนมกล่าวเช่นนั้นก็มิถูกนะพ่ะย่ะค่ะ มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าคุณชายเหวินมีสัญญาหมั้นหมายกับบุตรีของอดีตแม่ทัพจง เรื่องนี้สกุลจงมิอาจก้าวก่ายได้เช่นกัน”เสนาบดีไช่ส่งสายตาบุตรสาว ที่ตนส่งเข้าวังหลวงด้วยตนเอง อีกทั้งยังหนุนหลังนางจนได้ตำแหน่งเ