ค้นหา
ห้องสมุด
หน้าหลัก / รักโบราณ / คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์ / บทที่ 55 เข้าหอครั้งละสามสี่คน

บทที่ 55 เข้าหอครั้งละสามสี่คน

2025-06-25 23:29:03

“ข้าเป็นผู้ชายเหตุใดจะมองไม่ออกว่าเขาหวั่นไหวกับท่านแทบแย่ แต่พยายามเก็บอาการ ข้าไม่รู้ว่าท่านกับเขาผิดใจอันใดกัน แต่ลองพูดคุยกับเขาตรงๆ เขาย่อมต้องเข้าใจท่านอยู่แล้ว” จ้าวเหลียงให้คำแนะนำ

หลี่เฟิ่งเซียนหัวใจระส่ำไม่เป็นจังหวะ นางทำเรื่องเลวร้ายไปมากมายเช่นนั้น ยังจะมีเรื่องเข้าใจผิดอันใดอีก แต่หากเป็นดั่งที่จ้าวเหลียงพูดจริง นางควรทำเช่นไรดี อยากลองพูดคุยจริงจังกับเขาสักครั้ง แต่ก็กลัวว่าหากเขาตอบว่าชื่นชอบหญิงในชุดขาวผู้นั้น นางควรทำอย่างไร แต่หากเขาชอบนางอย่างที่จ้าวเหลียงพูดจริงๆ และนางปล่อยไปเช่นนี้ ดีแล้วแน่หรือ

“ข้าต้องไปก่อนนะ” พูดแล้วหลี่เฟิ่งเซียนก็เดินออกจากห้องพักของจ้าวเหลียงทันที อยากรีบไปหาสามีของตัวเองเพื่อพูดคุยให้รู้เรื่อง

นางไปรอเขาที่หน้าประตูจวน เพียงไม่นานก็เห็นรถม้ากำลังใกล้เข้ามา นางรอจนกระทั่งรถม้าจอด เขาเปิดประตูออกมา นางคล้ายว่าไม่ได้เห็นเขามาหลายวันมาก คิดถึงเขาจนอยากวิ่งเข้าไปกอด แต่นางไม่กล้า

หลี่เฟิ่งเซียนพบว่าเขากำลังมองมาที่นางเช่นกัน คล้ายว่าเขาจะขมวดคิ้วและทำหน้าโกรธ จู่ๆ นางก็กลัวที่จะเข้าไปหาเขา จึงเลือกที่จะหนีออกมาอย่างรวดเร็ว

ลู่มู่เฉินรู้สึกเจ็บปวดในอกอย่างบอกไม่ถูก นี่นางไม่คิดจะเจอเขาอีกแล้วตลอดชีวิตใช่หรือไม่ เขาค่อยๆ เดินลงจากรถม้าอย่างปกติ เดินเข้าจวนเช่นปกติทุกวัน แต่มือขวาที่ยังใช้การได้ กำแน่นที่ปลายแขนเสื้อ

เช้าวันต่อมา ฟ้ายังไม่สางหยวนหยวนก็ถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาช่วยหลี่เฟิ่งเซียนที่กำลังเมา จัดสินเดิมให้อาหง หยวนหยวนโมโหยิ่ง เพราะต้องรีบจัดของและยังต้องวิ่งไปต้มน้ำแกงให้ท่านเขยอีก นางอยากบอกคุณหนูใหญ่ว่านางไม่ได้มีสิบมือ!!!

สายวันนั้นหลังจากที่ท่านเขยออกไปรักษาตัวแล้ว หลี่เฟิ่งเซียนถูกท่านย่าเรียกไปทานข้าวและถูกสั่งสอนไปแล้ว ถึงนางจะยังไม่สร่างเมา แต่อย่างไรก็ต้องไปหาอาหงเสียหน่อย

วันนี้อาหงต้องเตรียมตัว ไม่มีเหล่ามาม่ามาสอนมารยาทแล้วตั้งแต่มีราชโองการลงมา พรุ่งนี้นางก็ต้องขึ้นเกี้ยวแดงเข้าวังหลวงแล้ว

“มีสาวไปเก็บดอกบัวอันงามสดใส

ดอกบัวนั้นตอนเช้าแย้มบาน

ประหนึ่งจะส่งเสียงพูดได้

ยามเย็น ดอกบัวนั้นหุบกลีบลง

มีสีแดงมัวซัวชวนให้คนรักและสงสาร

น้องสาวไปเก็บกระจับที่ลอยผลุบโผล่อยู่กลางน้ำ

เขาสองข้างของกระจับเปรียบเหมือนผมมวยแคระ

กระจับคู่หนึ่งมีเขาสี่เขาเหมือนวงล้อทั้งสี่ของรถ

น้ำในฤดูชิวเทียนเยือกเย็นมาก

จงเก็บแต่กระจับเถิด อย่าไปเก็บเอาดอกเชี่ยนเลย

เพราะดอกเชี่ยนเวลาตกลูกมักเปลี่ยนเป็นหัวไก่

ระลอกน้ำตอนเย็นใสกระจ่างสามารถส่องหน้าคนได้

จงเก็บแต่ดอกบัวเถิด อย่าไปเก็บรากดอกบัวเลย

เพราะรากบัวมีใยที่ตัดไม่ขาด และเมล็ดบัวก็มีไส้อันขมขื่น

ผลสุดท้ายนางเลิกเก็บกระจับ และเลิกเก็บดอกบัว

พอแดดอ่อนๆ นางก็ไล้เรือกลับไป

ที่ชายหาดมีนกยวนเยียงเคล้าคู่กันอยู่” [1]

อาหงกำลังร้องเพลง และเขียนบางอย่างลงไปในกระดาษแผ่นเล็ก

“เป็นเพลงที่ไพเราะมาก” หลี่เฟิ่งเซียนเอ่ยชม

“หึ แค่เพลงที่หญิงคณิกาขับบาน” อาหงตอบ

“บทเพลงไพเราะเช่นนี้ กลับต้องร้องอยู่ในหอนางโลมเถื่อน น่าเสียดายยิ่งนัก เจ้าร้องให้ข้าฟังอีกได้หรือไม่” คุณหนูใหญ่พูดคล้ายพวกชายเจ้าชู้ทั่วไป

“คุณหนูใหญ่เป็นสตรีที่ดี ฟังเพลงที่ร้องกันในหอนางโลมเช่นนี้ ดีที่ไหนกัน”

“เฮ้อ สตรีที่ดีอะไรกัน อีกไม่นานเจ้าก็จะเป็นสตรีที่ดีได้เช่นกัน แล้วนั่นเจ้ากำลังเขียนสิ่งใดอยู่หรือ?” หลี่เฟิ่งเซียนถาม

“ตั้งแต่ข้าถูกจับไปขาย จนต้องทำงานเป็นคณิกาขายตัว ข้าไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้แต่งงานอีก เจ้าพูดถูก ข้าสามารถเป็นสตรีที่ดีในสายตาผู้คนได้ หากข้ามีสามีเป็นโอรสสวรรค์! ใครหน้าไหนจะกล้าพูดว่าข้าเป็นสตรีไม่ดี

ถือว่าข้าเป็นสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ แต่หากไม่สามารถทำให้เสือพึงพอใจในตัวข้า แอบอ้างบารมีอันใดก็อย่าได้พูดถึง ดีไม่ดีชีวิตก็จะไม่เหลือ ข้าจึงต้องหาทางทำให้เสือชอบข้าให้ได้สักทางหนึ่ง และข้าเลือกเส้นทางที่ข้าเชี่ยวชาญที่สุด ด้วยเรื่องในห้องหอ” อาหงยกพู่กันพูดยาวเหยียดถึงความตั้งใจของตน

“ถือว่าเจ้าเรียนรู้ได้เร็ว เจ้าตั้งใจจะทำอย่างไร” หลี่เฟิ่งเซียนตื่นเต้นกับความเด็ดเดี่ยวของอาหง

“เจ้าสิต้องบอกข้าว่าข้าควรทำอย่างไร เพราะเจ้ารู้จักฮ่องเต้มากกว่าข้า” ประโยคหลังอาหงใช้มือป้องปากกระซิบ

“อ้อ ถ้าเจ้าหมายถึงเรื่องนั้น ข้าคิดว่าไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เขาพึงพอใจได้ ท่านอาของข้า ตั้งแต่หนุ่มๆ สมัยที่เขายังเป็นเพียงองค์รัชทายาท เขาท่องอยู่ในยุทธภพหญิงงามมานับไม่ถ้วน มีเรื่องเช่นใดที่เขายังไม่เคยลอง เขาคือผู้เชี่ยวชาญการเกี้ยวหญิงงาม ที่ข้าชอบบุรุษรูปงามข้าล้วนเรียนรู้มาจากเขาทั้งสิ้น เรื่องในห้องหอ ไม่มีอะไรที่เขายังไม่เคยลอง เขาเป็นผู้บอกข้าด้วยตัวเองเลย” หลี่เฟิ่งเซียนเอ่ยชมท่านอาของนางอย่างภูมิใจ

“ข้าไม่เชื่อ คนเราไม่มีทางรู้ทุกสิ่ง เอ๊ะ เจ้าว่า..เขาเคยลองเข้าหอครั้งละสามถึงสี่คนพร้อมกับชายอื่นหรือไม่”

หลี่เฟิ่งเซียนนึกไปถึงคืนนั้นในตรอกที่นางเจออาหงครั้งแรก

‘สามสี่คนเลยหรือ’ นางคิดอย่างตื่นตะลึงและส่ายหัวเป็นคำตอบ

“เจ้าไม่กลัวท้องแล้วไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นบิดาหรือ” หลี่เฟิ่งเซียนถาม

“ไม่ ข้าไม่ท้อง” อาหงตอบเรียบๆ

“ไม่ท้อง?”

“ใช่ ข้าจะไม่มีวันมีลูก” อาหงเงยหน้าตอบ นัยน์เต็มไปด้วยความเศร้า หลี่เฟิ่งเซียนไม่กล้าถามเรื่องสาเหตุ เพราะรู้ว่าจะต้องเป็นเรื่องเลวร้ายแน่ๆ

“กับชายครั้งละหลายคนเจ้าสามารถทนได้ แต่จ้าวเหลียงคนเดียว เจ้ากลับทนไม่ได้เลยหรือ” นางเปลี่ยนคำถาม ในหัวของหลี่เฟิ่งเซียนยังเห็นภาพที่จ้าวเหลียงยกมือปกปิดเจ้านั่นแล้ว แต่มันก็ยังโผล่ออกมาให้นางเห็น


[1] ชื่อเพลงพี่สาวน้องสาว จากหนังสือต้องห้าม จินผิงเหมย (ดอกเหมยในแจกันทอง) ฉบับ กู๋เปิ่นจินผิงเหมย์ (Xiaoxiaosheng, 1926a, p. 40)

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป