Share

บทที่ 19

Penulis: มู่อวิ๋นเฉิง
เมิ่งจิ่นเหยาและกู้จิ่งซีไม่ได้อยู่กินข้าวเที่ยง เมิ่งตงหย่วนแค่รั้งให้อยู่ต่อพอเป็นพิธีและพูดคุยไม่กี่คำก่อนจะปล่อยไป พาพวกเขามาส่งที่ประตูใหญ่ แล้วถึงจะโล่งอก

แม้ว่ากู้จิ่งซีจะเป็นลูกเขย แต่สถานะและตำแหน่งยังคงอยู่ สกุลเมิ่งที่กำลังเสื่อมถอยไม่สามารถเทียบได้กับสกุลกู้ที่ฮ่องเต้กำลังโปรดปราน คับข้องใจก็ต้องทนรับไว้

ด้วยเหตุนี้ เมิ่งตงหย่วนจึงอดไม่ได้ที่จะตำหนิบุตรสาวคนโตที่สร้างความยุ่งยาก กู้จิ่งซีที่ควรจะได้เป็นบิดาของสามีของครอบครัวที่ลูกหลานเกี่ยวดองกันกลับกลายมาเป็นบุตรเขย สร้างความกดดันให้เขาอย่างไม่รู้ตัว ซ้ำร้ายสกุลเมิ่งยังถูกคนอื่นหัวเราะเยาะอีก

แม้ว่ากู้ซิวหมิงจะหนีงานแต่ง แต่สกุลกู้ก็ยังคงจัดงานแต่งตามกำหนดเดิม หากบุตรสาวคนโตไม่โวยวายที่จะเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าว ทำแบบนี้สกุลกู้จะผิดต่อสกุลเมิ่ง ติดหนี้สกุลเมิ่ง หนี้ก้อนนี้ยังสามารถนำมาใช้แสวงหาผลประโยชน์บางอย่างได้

โถงหรงฝู

ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งโมโหจัด ด่าทออย่างโกรธเกรี้ยว “ให้ตายสินังเด็กชั้นต่ำ! ไต่เต้าขึ้นสูงจนลืมกำพืดของตัวเองไปแล้ว!”

นางซุนจะไม่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้หรือ?

เหตุการณ์ในวันนี้ ทำให้นางรู้สึกอับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซ้ำยังถูกบุตรเขยที่สวมตัวกะทันหันคนนี้พูดจากำกวมใส่ด้วย กู้จิ่งซีบอกว่าเมิ่งจิ่นอวี้เป็นคนอ่อนโยน มีความรู้ สง่าภูมิฐาน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทำอะไรแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่มากไม่น้อยพอประมาณเหมือนมารดาผู้ให้กำเนิด นั่นไม่ใช่เป็นการพูดอ้อม ๆ ว่านางไม่อ่อนโยน ไม่มีความรู้ ไม่สง่างาม ไม่มีน้ำใจ ทำอะไรจิตใจคับแคบหรอกหรือ?

เมื่อเห็นมารดาของสามีหน้าเขียวบูดบึ้ง ดวงตาของนางก็มีประกายวูบวาบ พลางปลอบใจด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่อย่าโมโหเลย อาเหยาอาจจะกำลังถือโทษโกรธพวกเราที่ในวันวิวาห์รู้ทั้งรู้ว่ากู้ซิวหมิงไม่ได้ส่งเกี้ยวไปรับเจ้าสาวด้วยตัวเอง แต่กลับบังคับให้นางขึ้นเกี้ยว เฮ้อ เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากู้ซิวหมิงหนีการวิวาห์ไปแล้ว?”

โชคดีที่นางไม่ได้ปลอบโยน หากไปปลอบฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งก็จะยิ่งโมโหมากขึ้น “พวกเราบังคับให้นางขึ้นเกี้ยวเพราะหวังดีต่อนาง งานมงคลดี ๆ แบบนี้ของสกุลกู้ ต่อให้จุดโคมก็ตามหาไม่เจอ พลาดไปก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว คนอกตัญญูตัวนี้ได้อำนาจแล้ว จึงกลับไปอวดเบ่งบารมีที่บ้านพ่อแม่ หากรู้แบบนี้แต่แรก ช่วยเหลือนางให้ล่มการวิวาห์ในวันนั้นเสียดีกว่า!”

นางซุนปลอบใจอีกครั้ง ในที่สุดก็ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งสงบลง ก่อนจะออกจากโถงหรงฝู กลับมาถึงเรือนของตัวเอง หลังจากเข้าไปในห้อง สีหน้าของนางก็ควบคุมไม่อยู่ทันที

เมิ่งจิ่นอวี้เห็นดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกสงสารมารดา ก่อนจะพูดอย่างหัวเสีย “ท่านแม่ พี่ใหญ่ทำเกินไปจริง ๆ! ร้ายดีอย่างไรท่านก็เป็นแม่ของนาง ตอนนางเด็ก ๆ ท่านก็เคยอุ้มชูนาง แต่มาปฏิบัติกับท่านเช่นนี้”

นางซุนถอนหายใจอย่างไม่ยอมจำนน “คนคนนี้น่ะหรือ หลังจากไต่เต้าขึ้นสูงก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ฉางซินโหวมีตำแหน่งสูงและทรงอำนาจ นางได้เป็นฮูหยินของฉางซินโหวแล้ว แม้แต่คนที่อยู่ในฐานะมารดาอย่างข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านางก็ยังต่ำเตี้ยกว่านางอยู่มาก”

นางพูดจบก็มองไปที่บุตรสาวที่งามดั่งบุปผาและหยก ซึ่งมีอายุน้อยกว่าเมิ่งจิ่นเหยาเพียงสองปี ถ้าไม่ใช่เพราะบิดาของสามีป้องกันเอาไว้ การวิวาห์ครั้งนี้ต้องจำกัดอยู่แค่บุตรสาวคนของภรรยาเอกสกุลเมิ่งเท่านั้น หากไม่ใช่บุตรสาวคนโตของภรรยาเอกสกุลเมิ่ง การวิวาห์ก็จะถูกยกเลิกไป นางก็มีทุกวิถีทางที่จะให้บุตรสาวของตัวเองเข้ามาแทนที่ กลายเป็นฮูหยินของซื่อจื่อให้ได้

ท้ายที่สุดแล้ว ในตอนนั้นบิดาของสามีระวังนาง ถึงได้ป้องกันเอาไว้ ก่อนตายก็ได้วางแผนการวิวาห์ดีให้กับเมิ่งจิ่นเหยา เมื่อมีการวิวาห์ครั้งนี้ เมิ่งจิ่นเหยาจึงมีคุณค่าในการใช้สอย ต่อให้พวกเขาจะไม่ชอบเมิ่งจิ่นเหยามากเพียงไร ก็ต้องลองชั่งน้ำหนักดู

เมิ่งจิ่นอวี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “นางคงไปกุเรื่องจริงเท็จต่อหน้าฉางซินโหวไว้แน่ ฉางซินโหวถึงได้มีท่าทีเช่นนี้ ท่านย่าก็ยังโกรธไม่น้อยเลย”

นางซุนแสยะยิ้มเยาะเย้ย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสุขุม “ปล่อยให้นางดื่มด่ำกับความสำเร็จไปสักพักก่อน นางภูมิใจได้ไม่นานหรอก”

เมิ่งจิ่นอวี้ถามด้วยความสงสัย “ท่านแม่ รู้ได้อย่างไร?”

นางซุนหรี่ตาเล็กน้อย พูดด้วยจังหวะพอดิบพอดี “ฉางซินโหวป่วยด้วยโรคที่ไม่อาจเปิดเผยได้ เมิ่งจิ่นเหยาจะต้องอยู่แบบเป็นม่ายไปตลอดชีวิต จะเป็นสาวพรหมจารีไปจนตาย และไม่สามารถมีลูกของตัวเองได้ ผู้หญิงที่ไม่มีลูก หากสามีจากโลกนี้ไป หรือไม่ได้รับความโปรดปรานอีกต่อไป ก็จะตกอยู่ในสภาพเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เมิ่งจิ่นอวี้ก็เผยรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาเนิ่นนาน ยิ้มแย้มดีใจบนความทุกข์ของผู้อื่น แล้วพูดว่า “อดีตคู่หมั้นของนางก็คือฉางซินโหวซื่อจื่อ นางวิวาห์กับพ่อของอดีตคู่หมั้น ทำให้อดีตคู่หมั้นเสียหน้าเช่นกัน ซื่อจื่อต้องเกลียดชังนางแน่ คงจะไม่ยอมให้นางอยู่ดีมีสุขหรอก”

นางซุนพยักหน้า พลางยิ้มอย่างไม่แยแส “วิวาห์กับกู้จิ่งซีเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ข้าคิดว่านางชอบอวดฉลาดจนถูกความฉลาดนำโทษมาให้ ต่อให้ไปเลือกจากพี่น้องของกู้ซิวหมิง ก็ยังดีกว่าไปแต่งกับกู้จิ่งซี”

พอพูดจบนางก็มองไปที่บุตรสาวอีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนโยนลงทันที ราวกับว่ากำลังเล่นไปตามแผน “แต่ว่า การที่นางวิวาห์กับฉางซินโหวก็จะมีประโยชน์กับอาอวี้ของเรา พี่สาวคนโตของเจ้าเป็นฮูหยินของฉางซินโหว เมื่อมีความสัมพันธ์ระดับนี้ ถึงตอนนั้นเมื่อเจ้าเกริ่นเรื่องการวิวาห์มันก็จะง่ายดายขึ้นมาก อาอวี้ของพวกเราเป็นแก้วตาดวงใจของสกุลเมิ่ง ควรค่าแก่การได้สามีที่ดีที่สุด และจะไม่วิวาห์กับใครที่ด้อยไปกว่าของนาง”

แก้มของเมิ่งจิ่นอวี้แดงเรื่อ ก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ก่อนจะพูดกระเง้ากระงอด “ท่านแม่ ข้ายังเด็กอยู่เลย ยังไม่อยากออกเรือนเสียหน่อย”

นางซุนลูบหัวของบุตรสาวด้วยความเอ็นดู รอยยิ้มอ่อนโยนเปี่ยมด้วยความรัก “อาอวี้ไม่รีบร้อนวิวาห์ แต่ก็ยังต้องมองหาสามีดี ๆ กำหนดเรื่องการวิวาห์ให้เรียบร้อยไว้ก่อน”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status