공유

บทที่ 3

last update 최신 업데이트: 2024-11-13 19:30:48

แคว้นต้าเฉินสถาปนาขึ้นหลังจากพระเจ้าเฉินไท่จูซึ่งในสมัยนั้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ฝูกั๋ว[1] จับดาบต่อต้านจักรพรรดิราชวงศ์ก่อนที่ไม่สนใจบริหารราชกิจบ้านเมือง มัวเมาสุรานารี ปล่อยให้เหล่าขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง แบ่งพรรคแบ่งพวกกันรีดนาทาเร้นประชาชนจนราชสำนักฟอนเฟะ ราษฎรอดอยากยากแค้น ชนเผ่าต่างแคว้นรุกราน เกิดภัยแล้งและภัยสงครามขึ้นทุกหย่อมหญ้า ประชาชนจึงลุกฮือขึ้นต่อต้านเหล่าขุนนางกังฉินจนแผ่นดินลุกเป็นไฟ

ตอนนั้นพระเจ้าเฉินไท่จูได้รับคำสั่งให้ไปปราบจลาจลชาวบ้าน เพราะทนเห็นความอยุติธรรมไม่ไหวจึงรวบรวมไพร่พลใต้บังคับบัญชาเข้าร่วมกับชาวบ้านร่วมกันต่อต้านราชวงศ์ มุ่งหน้าทำศึกยึดเมืองต่างๆ จับกุมขุนนางกังฉินทั่วแผ่นดินตัดศีรษะแขวนศพประจานไว้หน้าประตูเมืองให้เป็นเยี่ยงอย่าง รวบอำนาจเบ็ดเสร็จมุ่งหน้ากรำศึกสุดท้ายที่ผิงอานเมืองหลวงของแคว้น จับจักรพรรดิโฉดชั่วผู้นั้นสังหาร แล้วปราบดาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่แห่งแคว้นต้าเฉิน เริ่มรัชสมัยอันรุ่งเรืองเฟื่องฟู สืบทอดเชื้อสายเรื่อยมาจนถึงสมัยของจักรพรรดิเฉินหย่งเล่อ

ในสมัยของจักรพรรดิเฉินหย่งเล่อ พระองค์ไม่ได้สร้างคุณูปการโดดเด่นในด้านใด เพราะลุ่มหลงกับการเสาะหายาอายุวัฒนะ ใฝ่ฝันถึงชีวิตอันเป็นนิรันดร์ จึงไม่ยอมแต่งตั้งองค์รัชทายาท และไม่ได้ตรัสว่าผู้ใดเหมาะสมกับการขึ้นครองราชย์ ทำให้เกิดการแย่งชิงบัลลังก์ในหมู่องค์ชายอย่างดุเดือด ราชสำนักเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายขึ้นอีกครา องค์ชายผู้เข้าร่วมศึกชิงบัลลังก์ในครั้งนั้น หากไม่สิ้นพระชนม์ก็ถูกลอบทำร้ายจนกลายเป็นผู้ไร้ความสามารถ เหลือเพียงองค์ชายใหญ่เฉินเทียนมิ่งกับองค์ชายสามเฉินเทียนคงที่ต่อสู้ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด

ด้วยความที่องค์ชายสามเฉินเทียนคงเป็นบุตรอันเกิดจากหลี่ฮองเฮา ขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายฝ่ายให้การยอมรับ จึงเป็นผู้ที่คู่ควรกับบัลลังก์มังกรมากที่สุด

องค์ชายใหญ่เฉินเทียนมิ่งเจ็บแค้นที่ขุนนางส่วนใหญ่ไม่ให้การสนับสนุนตนจึงกรีธาทัพบุกวังหลวงหมายช่วงชิงบัลลังก์ในวันสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิเฉินหย่งเล่อ องค์ชายใหญ่อาศัยช่วงชุลมุนในระหว่างการจัดพิธีบรมศพของอดีตจักรพรรดิ ลอบบุกเข้าพระราชวังชั้นในสังหารองค์ชายสามที่อีกเพียงก้าวเดียวก็จะได้รับแต่งตั้งเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่จนสิ้นชีพ

ขณะที่องค์ชายใหญ่กระจายกำลังทหารเข้าควบคุมบรรดาขุนนางทั้งหลายในวังหลวง 'หลี่เหยียนเจี๋ย' พระเชษฐาของ 'หลี่ย่าเสียง' ฮองเฮา ได้ยกกองกำลังทหารรักษาพระองค์เข้าโอบล้อมโจมตีกลับ ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันอย่างดุเดือดสามวันสามคืนจนกำแพงเมืองหลวงแทบพังครืนลงมา หลี่เหยียนเจี๋ยสบโอกาสช่วงที่กองทัพฝ่ายตรงข้ามเพลี่ยงพล้ำยิงเกาทัณฑ์สำเร็จโทษโจรกบฏชิงบัลลังก์อย่างเฉินเทียนมิ่งจนสิ้นชีพ ณ ประตูเสวียนอู่ แล้วตามกวาดล้างสมัครพรรคพวกที่เข้าร่วมการก่อกบฏในครั้งนั้นจนสิ้น

หลังเหตุการณ์วุ่นวายสิ้นสุดลง แผ่นดินไม่อาจขาดผู้นำแม้เพียงวันเดียว หลี่ย่าเสียงฮองเฮาจำต้องแต่งตั้งฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ซึ่งโชคก็ไปหล่นทับองค์ชายเก้า 'เฉินเทียนอี้' ซึ่งตอนนั้นมีพระชนมายุเพียง 10 ชันษา

องค์ชายเก้าผู้นี้เดิมทีเกิดจากนางสนมตำแหน่งไฉหนี่ว์[2] เล็กๆ คนหนึ่งที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อย ชีวิตในวังหลังขององค์ชายไร้คนเหลียวแลจึงไม่ใคร่สุขสบายนัก ในศึกชิงบัลลังก์ระหว่างพี่น้อง เขาที่เป็นองค์ชายปลายแถวก็ถูกผู้คนลืมเลือนไปสิ้น แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต ผู้ใดเล่าจะคิดว่าองค์ชายอ่อนแอไร้ผู้คนสนใจกลับมีวาสนาสูงส่งได้เป็นถึงผู้ครองบัลลังก์มังกรแห่งแผ่นดินต้าเฉิน

ในตอนนั้นหลี่ย่าเสียงฮองเฮาเล็งเห็นแล้วว่าไม่อาจมีผู้ใดเหมาะสมไปมากกว่านี้อีกแล้ว จึงแต่งตั้งเฉินเทียนอี้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ โดยมีบรรดาขุนนางใหญ่ในราชสำนักเป็นผู้ให้การรับรอง และอัญเชิญหลี่ย่าเสียงผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งไทเฮาขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทน

หลังจากเฉินเทียนอี้ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ก็ไม่ได้ประกอบราชกิจของผู้เป็นฮ่องเต้ จนเวลาล่วงเลยผ่านไป 4 ปี ถึงได้มีโอกาสสร้างคุณงามความดี โดยการเป็นผู้นำทัพออกศึกกำราบเผ่าซยงหนู[3] ที่เข้ามารุกรานแถบชายแดนแคว้นเฉิน หลังจากเสร็จศึกในครั้งนั้นเฉินเทียนอี้ฮ่องเต้นำทัพกลับเมืองหลวงพร้อมชัยชนะเหนืออริราชศัตรูอย่างยิ่งใหญ่ ว่ากันว่าฮ่องเต้น้อยผู้ปรีชาสามารถตั้งแต่วัยเยาว์ผู้นี้จะนำพาแคว้นต้าเฉินให้รุ่งเรืองเฟื่องฟูยิ่งกว่าฮ่องเต้พระองค์ใด แต่ชาวประชากลับต้องผิดหวังไปตามๆ กัน เพราะหลังจากนั้นฮ่องเต้น้อยกลับเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับสุรานารี จัดงานเลี้ยง บรรเลงสังคีต ละครงิ้วทุกวี่วัน ผลาญเงินท้องพระคลังเป็นว่าเล่นจนเหล่าขุนนางต่างเอือมระอา ซึ่งฮ่องเต้ที่ทุกคนต่างก่นด่าสาปแช่งอยู่นั้น ก็คือผู้ที่กำลังนั่งอ่านฎีกาอย่างคร่ำเคร่งอยู่เบื้องหน้าเขาผู้นี้

“ถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ขอเสด็จพ่อทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี”

เฉินเทียนอี้ในฉลองพระองค์สีนิลลายมังกรห้าเล็บ นั่งสะสางราชกิจอยู่บนโต๊ะไม้หนานมู่[4] ขนาดใหญ่ในตำหนักเฉียนชิง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับหยกสลักเย็นชาแลดูเคร่งขรึมเงยหน้าขึ้นจากกองฎีกา สบเข้ากับร่างกลมป้อมสูงไม่ถึงโต๊ะทรงงานของบุตรชาย ประกายอ่อนโยนผุดวาบขึ้นในดวงตาคู่คม ความเย็นชาแทบจะแช่แข็งคนให้ตายได้กลายเป็นความอบอุ่นดุจลมวสันต์ หลอมละลายให้บรรยากาศในห้องทรงพระอักษรอุ่นร้อนขึ้นมาทันใด

[1] แม่ทัพฝูกั๋ว (福国) หรือแม่ทัพสงบแผ่นดิน เป็นตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ ขุนนางฝ่ายบู๊ลำดับหลักขั้นสอง

[2] ตำแหน่งสตรีฝ่ายในของวังหลังมีทั้งหมด 8 ขั้น 19 ตำแหน่ง รองจากฮองเฮา ได้แก่ หวงกุ้ยเฟย กุ้ยเฟย เฟย ผิน กุ้ยเหริน ฉางจ้าย และต๋าอิ้ง โดยไฉหนี่ว์เป็นตำแหน่งพระสนมระดับล่างขั้น 8 (ต๋าอิ้ง) ชั้นเอกในองค์จักรพรรดิ แต่งตั้งได้ 27 คน ทั้งนี้ตำแหน่งสตรีฝ่ายในอาจเปลี่ยนแปลงแล้วแต่ยุคสมัย

[3] หนึ่งในชนเผ่าเร่ร่อนที่เป็นชนกลุ่มน้อยทางตอนเหนือของจีนประกอบด้วย เผ่าซยงหนู เผ่าเซียนเป่ย เผ่าตี เผ่าเจี๋ย และเผ่าเซียง รวมเป็นห้าเผ่าคนเถื่อน

[4] ไม้หนานมู่ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Phoebe zhennan S. Lee เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ไม่ผลัดใบ เนื้อไม้มีสีทอง เป็นไม้มงคลของชาวจีน นิยมนำมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูปหรือสร้างพระราชวังในสมัยก่อน
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 244

    ‘เปิดตำหนักลับฉบับวายป่วง’ สำนักข่าวเถียนเถียนรายงานสดจากตำหนักจินหลวน นักข่าวนิรนาม : “มีคนบ่นว่าพระเอกเรื่องนี้ไม่เหมือนพระเอกจริงหรือไม่ขอรับ” สวีจิ้งเฟิ่ง : “ผู้ใดบอกให้นักเขียนผู้นั้นให้บทเด่นกับท่านพ่อมากเกินไปเล่า” สวีจิ้งเฟิ่งแบมืออย่างช่วยไม่ได้ นักเขียน : “C £ C

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 243

    "หยางหยาง! เจ้าไปไหน..." ไป่ชิงถงยังไม่ทันซักไซ้ไล่เลียง สวีจิ้งเฟิ่งก็ตรงดิ่งเข้าหาภรรยาด้วยความยินดี "ชีชี เจ้าอยู่นี่เอง ข้าตามหาเจ้าเสียทั่ว มากับข้าเร็วเข้า" สวีจิ้งเฟิ่งอุ้มสวีชิงเทียนให้ท่านย่า จูงมือภรรยาออกไปท่ามกลางเสียงโวยวายอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของไป่ชิงถง "หยางหยางเจ้า

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 242

    "เจ้าชอบแบบนี้เองหรอกหรือ" สวีจิ้งเฟิ่งขยับกายเข้าออกเนิบช้า บดคว้านโพรงรักจนถ้วนทั่วสลับกับตอกตรึงหนักเน้นลึกจนถึงแก่น "เปล่านะ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อ...ย อ่ะ" ไป่ชิงถงส่ายหน้าไม่อยากจะยอมรับเลยว่าสวีจิ้งเฟิ่งทำแบบนี้เขายิ่งเสียวซ่านมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก "งั้นหรือ แล้วแบบนี้เล่า" สวีจิ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 241

    "อย่าว่าลูก! จ้ำม่ำแบบนี้สิดี กอดแล้วนุ่มนิ่มจะตาย แล้วที่ว่าไม่เหมือนเจ้า ไม่เหมือนตรงไหน ดูผมนี่สิ หน้าก็เหมือนกันแทบจะถอดเค้ามาจากเจ้า มีแค่ตาสีมรกตคู่นี้ที่เหมือนข้า" ไป่ชิงถงประท้วง มองสามีตาเขียว ลูกเหมือนสวีจิ้งเฟิ่งขนาดนี้ เขาไม่เห็นจะว่าอะไรเลย แค่ชอบกินเหมือนเขานิดหน่อยทำมาเป็นโวยวาย

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 240

    ด้วยความเพียรพยายามมุมานะอุตสาหะกกไข่แทนภรรยาของสองพ่อลูกแซ่สวี ในที่สุดไข่ใบน้อยก็เริ่มกะเทาะเปลือกออกมาแล้ว "อีกนิด ลูกทำได้ เจาะเปลือกบนหัวออกก่อนแบบนั้นแหละ" เสียงพ่อลูกแซ่สวีให้กำลังใจลูกน้อยดังขึ้นเป็นระยะ ไม่นานหงส์ทองตัวน้อยกับมังกรเหมันต์ก็โผล่ศีรษะเล็กๆ ออกมา ดวงตาใสแจ๋วสองคู่มองคนน

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 239

    "ไม่ค่อยดี" สวีเฟยหลงมีสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด "ข้าจะเข้าไปดูหน่อย" "หยางเอ๋อร์..." สวีเฟยหลงห้ามไม่ทัน ร่างสูงของบุตรชายหายเข้าไปในห้องเสียแล้ว "ท่านตาเสร็จหรือยัง ชีชีจะคลอดแล้วเหมือนกันนะ" "รอก่อน ข้าทำคลอดมารดาเจ้าอยู่ อย่ามาวุ่นวาย" หลินไท่หน้าซีด ถ่ายพลังให้หลินเส

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status