Share

บทที่ 5

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
มีนางเป็นตัวอย่าง ทุกคนล้มเลิกความคิดแล้ว แต่ละคนกัดฟันเดินไปข้างหน้า

เดินออกมาอีกราวห้าลี้ กู้หว่านเยว่เห็นนางหยางเหนื่อยจนคล้ายลาแก่ ต้องการขยับขึ้นไปช่วย แต่กลับถูกนางปฏิเสธ “หว่านเยว่ เจ้า เจ้าเหนื่อย ข้าเข็น...”

“ใช่แล้วพี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเพิ่งแต่งเข้ามาก็ต้องถูกเนรเทศไปกับพวกเรา จะยังให้ท่านลำบากอีกได้เยี่ยงไร” ซูจื่อชิงรู้ความ เรียกซูจิ่นเอ๋อร์น้องสาวมาช่วยเข็นด้วยกัน

ใครรู้ซูจิ่นเอ๋อร์ตัวเล็กแต่อารมณ์ร้าย ใบหน้าเปี่ยมอารมณ์ไม่พอใจ “ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว เข็นไม่ไหว ก็ควรให้กู้หว่านเยว่เข็น ใครให้นางเป็นดาวหายนะทำให้พวกเราต้องถูกเนรเทศกันเล่า”

“น้องหญิง เจ้าพูดส่งเดชอันใด เรื่องนี้ตำหนิพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้”

ซูจื่อชิงโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เหตุใดน้องหญิงคิดเห็นเฉกเดียวกันกับบ้านเหล่านั้นได้เล่า?

สีหน้าซูจิ่นเอ๋อร์กลับเปลี่ยนไปแล้ว รู้สึกเกลียดกู้หว่านเยว่เพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งส่วนอยู่ภายในใจ

กู้หว่านเยว่คร้านจะตามใจอารมณ์ของคุณหนูใหญ่ “เจ้าเองก็รู้ว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเอ็นดูเจ้าที่สุด บัดนี้เขาหมดสติยังไม่ฟื้น ปรากฏว่าแม้แต่เข็นเกวียนของเขาสักเล็กน้อยเจ้าก็ไม่ยินดี ช่างเอ็นดูอย่างเสียเปล่าโดยแท้”

“ข้ามิได้หมายความเช่นนี้”

นางเพียงเหนื่อยแล้ว มิหนำซ้ำกู้หว่านเยว่มีแรงมากเพียงนั้น ก็สมควรเป็นนางที่เข็นสิ!

“เจ้ามิได้หมายความเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เข็นสิ”

“...เข็นก็เข็น!”

ซูจิ่นเอ๋อร์โมโหหน้าแดงขณะเข็นเกวียน ลอบบ่นพวกท่านลุงท่านอาหลายบ้านนั้นอยู่ภายในใจ เห็นนางตกระกำลำบากไฉนไม่ยื่นมือเข้าช่วย?

ปกติดีต่อนางมากมิใช่หรือ?

เพียรเดินต่ออีกห้าลี้ ซุนอู่หัวหน้านักการแห่งศาลาว่าการก็ตะโกนเสียงดังอีกครั้ง

“หยุดพักได้ เตรียมกินมื้อเย็น!”

เพียงได้ยินถ้อยคำนี้ ทุกคนก็ล้มลงกับพื้น ใบหน้าศีรษะของทุกคนล้วนเปื้อนฝุ่น รองเท้าที่สวมใส่ก็เสียดสีจนขาดแล้ว มองดูหนึ่งปราด คล้ายกับขอทานหนึ่งกลุ่มก็มิปาน

ไม่มีใครใส่ใจสภาพของตน สายตาล้วนจับจ้องอาหารที่นักการแห่งศาลาว่าการเหล่านั้นแจกจ่าย

เดินมาหนึ่งวันแล้ว พวกเขาทั้งเหนื่อยทั้งกระหายทั้งหิวตั้งแต่แรกแล้ว อยากเติมท้องให้อิ่ม

ครั้นอาหารส่งถึงมือ ทุกคนล้วนตกตะลึงเหม่อลอย

เกี๊ยวแข็งๆ คล้ายหินหนึ่งลูก ก็ไม่รู้ว่าเก็บไว้นานมากเพียงใดแล้ว กำลังส่งกลิ่นเปรี้ยวออกมา

“เกี๊ยวทั้งเหม็นทั้งแข็ง กินเข้าไปแล้วจะท้องเสียหรือไม่?”

นักการแห่งศาลาว่าการยิ้มเย็นทีหนึ่ง “ไม่อยากกินเกี๊ยวก็จ่ายเงินซื้อ บะหมี่หมั่นโถวห้าร้อยอีแปะ ซาลาเปาเนื้อลูกละหนึ่งตำลึง”

ปกติแล้วหมั่นโถวก็แค่หนึ่งอีแปะ

กู้หว่านเยว่ : เห็นชัดว่าเขาสามารถแย่งเงินโดยตรงได้เลย กลับยังมอบหมั่นโถวให้เจ้าหนึ่งลูก

เพราะเหตุนี้งานของนักการแห่งศาลาว่าการลำบากเพียงนั้น แต่กลับมีคนแย่งกันสมัคร

ความสุขของนักการแห่งศาลาว่าการ เจ้าจินตนาการไม่ถึงหรอกนะ!

ทุกคนไม่กล้าตอบโต้ เพื่อเติมท้องให้อิ่ม รีบหยิบตั๋วเงินออกมาแลกหมั่นโถว

หลี่ซือซือเพื่อเอาใจทุกคน ตั้งใจออกเงินไปซื้อซาลาเปาเนื้อกลับมาเล็กน้อย เพียงแต่ รอถึงยามแจกจ่ายซาลาเปา ทุกคนล้วนไม่แบ่งให้บ้านสามอย่างรู้ใจกัน

ซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อร์เป็นคุณชายคุณหนูสูงศักดิ์ เพียงกัดเกี๊ยวหนึ่งคำ สีหน้าก็เปลี่ยนแล้ว

มองเห็นซูจิ่นเอ๋อร์ร้องไห้อ้าปากกว้าง ฟันหนึ่งซี่เปื้อนเลือดหลุดลงบนฝ่ามือนาง

“ท่านแม่ ฟันข้าหลุดแล้ว...”

นางหยางสมองไม่ดี แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ นางหยิบเกี๊ยวสีดำของเด็กทั้งสองไป จูงพวกเขาไปหาบ้านสกุลซู

กู้หว่านเยว่ไม่ห้าม ทั้งยังมิได้ตามไป นางอยากดูว่าบ้านสามจะทำอันใดกันแน่

หากพวกเขายังกล้ำกลืนฝืนทน ถ้าอย่างนั้นรีบชิ่งหนีจะดีกว่า นางกู้หว่านเยว่ไม่สามารถเข้ากับคนเช่นนี้ได้

ทางฝั่งนี้หลังนางหยางจูงลูกทั้งสองไปแล้ว ก็พูดติดขัดถึงเป้าหมายในการมาจนกระจ่าง ทั้งยังไม่ลืมกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง พูดว่าต้องการซาลาเปาเนื้อห้าลูก

“ซาลาเปาเนื้อลูกละหนึ่งตำลึง เจ้าพูดว่าต้องการห้าลูก เจ้าเสียสติไปแล้วกระมัง? ฟันหลุดก็หลุดไปเถอะ งอกขึ้นใหม่ก็ใช้ได้แล้ว”

นายท่านรองซูหัวหลินไม่ยอมปล่อยโอกาสโยนหินลงบ่อซ้ำเติมเป็นอันขาด

นางเฉียนและชายของนางล้วนคิดเห็นเฉกเดียวกัน ช่วยพูด “พวกเจ้าบ้านสามตบแต่งดาวหายนะเข้ามา ซูจิ่งสิงยังทำให้ทั้งตระกูลต้องถูกเนรเทศ มีเกี๊ยวดำกินก็ไม่เลวแล้ว”

“พี่หญิงซือซือพูดแล้วมิใช่หรือ เหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือกู้หว่านเยว่ ไม่เกี่ยวอันใดกับพี่ใหญ่ ไม่ให้ซาลาเปานางก็พอแล้วนี่”

ซูจิ่นเอ๋อร์รีบพูด นางอยากกินซาลาเปาเนื้อจริงๆ

“น้องหญิงเจ้าหุบปาก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับพี่สะใภ้ใหญ่ ภายภาคหน้าหากข้าได้ยินเจ้าพูดถึงพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ดีอีก ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนพี่ใหญ่

ท่านย่า ก่อนนี้ยามพี่ใหญ่มีอำนาจบารมี ทุกคนล้วนรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ เหตุใดบัดนี้ตกลำบากแล้ว แม้แต่ซาลาเปาก็ไม่ยอมแบ่งให้บ้านสามของพวกเรา?”

ในต้นฉบับ เว้นเสียแต่ซูจิ่งสิงแล้ว ซูจื่อชิงก็คือคนมีความสามารถที่สุด

หลังซูจิ่งสิงพิษกำเริบตาย เขารวบรวมผู้อยู่ใต้อาณัติต้องการล้างแค้นให้พี่ชาย หากมิใช่เพราะร่างกายถูกทรมานจนย่ำแย่ระหว่างเดินทางเนรเทศ ท้ายที่สุดก็อาจทำสำเร็จจริงๆ

ซูจื่อชิงเผยความสามารถออกมาเป็นคำรบแรกยามเอ่ยถ้อยคำนี้ รัศมีทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าชะงักงัน หลังดึงสติกลับมาได้ ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้วแน่น

“ไม่รู้กาลเทศะ นี่เจ้ากำลังเค้นถามข้ากระนั้นหรือ?”

ดวงตาซูจื่อชิงทอประกายวูบหนึ่ง “หลานไม่กล้า เพียงแต่หลานไม่เข้าใจ เหตุใดล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน มีเพียงบ้านสามไม่มีซาลาเปากินขอรับ”

ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจหนึ่งเฮือก สายตาทอดมองทางซูจิ่งสิงที่อยู่ไม่ไกล ลอบตัดสินใจอย่างเด็ดขาดภายในใจ ครู่ต่อมานางพูดเสียงหนัก

“ให้ซาลาเปาบ้านสามของพวกเจ้าก็ได้ เว้นเสียแต่ว่าพวกเจ้าจะต้องหย่ากู้หว่านเยว่”

บางทีซูจิ่งสิงอาจยังมีหนทางอื่น ไม่สามารถล่วงเกินบ้านสามได้

แต่กู้หว่านเยว่ไม่เหมือนกัน นางเป็นดาวหายะคนหนึ่ง ทั้งยังตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว รีบทิ้งจะได้สะอาดหมดจดโดยไว

“ข้าเห็นด้วย!”

ซูจิ่นเอ๋อร์รีบแย่งตอบ ขอเพียงหย่าขาดกู้หว่านเยว่แล้ว ก็สามารถกินซาลาเปาเนื้อได้ เรื่องดีเช่นนี้ไฉนเลยจะไม่ทำ?

ซูจื่อชิงกัดฟัน “น้องหญิง อย่าไร้สาระ!”

หญิงออกเรือนแล้วถูกหย่าร้างระหว่างถูกเนรเทศ จุดจบเอน็จอนาถอย่างมาก

พี่สะใภ้ใหญ่เพิ่งแต่งเข้ามา สกุลกู้เป็นผู้บริสุทธิ์ก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย น่าสงสารมากพอแล้ว เช่นนั้นจะหย่านางเพียงเพื่อซาลาเปาไม่กี่ลูกได้อย่างไร?

“ข้ามิได้ไร้สาระ”

เห็นว่าซูจื่อชิงตำหนินางอยู่หลายครั้งเพราะกู้หว่านเยว่ ซูจิ่นเอ๋อร์เองก็มีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว ขอบตาแดงเค้นถามออกไป

“ไม่หย่ากับนาง พวกเราจะกินอะไร เหตุใดพี่รองท่านมักปกป้องนาง ข้าต่างหากคือน้องหญิงของท่าน นางเป็นเพียงคนนอกคนหนึ่ง!”

หลี่ซือซือพูดผสมโรง “จิ่นเอ๋อร์พูดไม่ผิด หรือว่าเจ้าจะให้ครอบครัวทนหิวเพราะกู้หว่านเยว่? ยิ่งไปกว่านั้น นางเป็นดาวหายนะคนหนึ่ง อยู่กับนางก็มีแต่อับโชคไปด้วยกัน หรือเจ้าไม่กลัวทั้งครอบครัวล้วนต้องอับโชคเพราะนางกระนั้น?”

ซูจิ่นเอ๋อร์ได้รับการสนับสนุนแล้ว รีบยืนข้างกายหลี่ซือซือ

ทุกคนของสกุลซูต่างพากันเปิดปาก

“ใช่ หย่ากู้หว่านเยว่!”

“นางเป็นดาวหายนะ ไม่หย่านาง พวกเจ้าบ้านสามก็อย่าคิดจะได้กินซาลาเปา”

“รีบหย่านาง หย่านาง...”

นางหยางถูกทุกคนถ่มน้ำลายตกใจกลัวจนกอดศีรษะแน่น ซูจื่อชิงขมวดคิ้วแน่นอย่างสับสน หันมองกู้หว่านเยว่ที่อยู่ไม่ไกล

ขอร้องล่ะ มองพี่หญิงทำไม? อยากหย่าก็หย่า พี่หญิงไม่ใส่ใจ

กู้หว่านเยว่กอดอก ท่าทีคล้ายกำลังดูละครสนุก พยายามมองข้ามไอเย็นน้อยๆ ภายในหัวใจ

ตอนนี้เอง เสียงแหบพร่าแผ่วเบาแต่หนักแน่นดังขึ้นจากเกวียน

“ข้าไม่มีวันหย่าภรรยา”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (5)
goodnovel comment avatar
เจนนา ผู้หญิง คลั่งรักหนุ่มตี๋
สนุกดีค่ะ คสโบราณ​ไร้สาระดี
goodnovel comment avatar
จีรพันธ์
ยิ่งอ่านยิ่งสนุก
goodnovel comment avatar
Chayapa Sompaiboon
สนุกสุดๆสนุกมากกกก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1916

    ถึงแม้ข้างกายข้าจะไม่ขาดคน แต่ในเมื่อองค์หญิงน้อยเป็นผู้แนะนำ เช่นนั้นก็รับไว้ ให้เขาอยู่ทำงานกับข้าก็แล้วกันถูซื่อดีใจจนเนื้อเต้น “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ขอบคุณองค์หญิงน้อย”ฮั่วหยุนกล่าว “เจ้าตามข้ามา”ถูซื่อพยักหน้า รีบเดินตามหลังอีกฝ่าย และจากไปพร้อมกันเมื่อเห็นฮั่วหยุนพาชาวบ้านเหล่านั้นจากไป กู้หว่านเยว่ก็มองไปยังซูจิ่งสิง “ท่านพี่ ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกัน?”“ข้ามีค่ายทหารอยู่ใกล้ ๆ พวกเราไปพักผ่อนที่นั่นกันก่อน”ซูจิ่งสิงกล่าวพลางหันไปสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่เบื้องหลัง ให้นำคบเพลิงมาจุดไฟเผาอุโมงค์เหมือง“ไปกัน”เมื่อเห็นเปลวไฟลุกโชนอยู่ด้านหลัง ซูจิ่งสิงก็ยื่นมือให้กู้หว่านเยว่ โอบนางขึ้นบนหลังม้าแล้วทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว“นี่ พวกท่านรอข้าด้วยสิ” หนานโย่วตะโกนไล่หลัง รีบปีนขึ้นม้าอย่างทุลักทุเล จากนั้นตามพวกเขาไปทั้งสองคนขี่ม้าเร็วสีเงินขาวตัวเดียวกัน กู้หว่านเยว่ไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจเช่นนี้มาก่อน นางเอนกายพิงอกของซูจิ่งสิงอย่างเกียจคร้าน หรี่ตามองไปข้างหน้า สัมผัสถึงเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ด้านหลังนางหันกลับมายิ้มอย่างสดใส ประกอบกับชายหนุ่มผู้เย็นชาและ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1915

    อย่างไรเสีย เขามายังที่ราบแห่งความโกลาหลก็เพื่อกู้หว่านเยว่ ย่อมไม่ทำร้ายสหายของนางอย่างแน่นอน“เก็บอาวุธทั้งหมดขึ้นมา”ซูจิ่งสิงออกคำสั่ง ทหารที่อยู่เบื้องหลังก็รีบเก็บธนูในมือ และถอยกลับไปอย่างพร้อมเพรียงกันหนานโย่วกลืนน้ำลาย รีบมายืนอยู่ข้างกายกู้หว่านเยว่เมื่อเห็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรของซูจิ่งสิง เขาก็หัวเราะฮ่า ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม สมกับที่เป็นหัวหน้าของกองทัพซินเยว่ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริง ๆ ”ซูจิ่งสิงละสายตากลับ “องค์ชายรองเกรงใจเกินไปแล้ว”เขามองไปยังกู้หว่านเยว่ “น้องหญิง เรื่องวุ่นวายใหญ่โตเพียงนี้ ตลาดมืดจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอนที่นี่ไม่ควรอยู่นาน พวกเรารีบไปจากที่นี่กันก่อนเถิด”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “หนานโย่ว ท่านจะกลับไปก่อนพร้อมกับแม่ทัพฮั่ว หรือว่าจะไปกับข้า?”จุดประสงค์หลักของพวกเขาในครั้งนี้คือการช่วยชาวบ้านที่ถูกหลอกมา ตอนนี้ชาวบ้านได้รับการช่วยเหลือแล้ว ภารกิจก็ลุล่วง ถึงเวลากลับไปรายงานแล้วฮั่วหยุนวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว “องค์ชายรอง ขุมกำลังทางใต้นั้นเป็นแหล่งรวมคนสารพัดประเภท ไม่ใช่สถานที่ที่ควรจะอยู่นาน พวกเรารีบกลับกันเถิดพ่ะย่ะค่

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1914

    อาจเป็นเพราะว่า พวกเขาทั้งสองคนเหมาะสมกันมากเกินไปทุกคนต่างรู้จักกาลเทศะ ไม่มีใครก้าวเข้าไปรบกวนกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงโอบกอดกันต่อหน้าผู้คนเนิ่นนานเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชา พวกเขาต่างดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ได้เป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์จนกระทั่งสติสัมปชัญญะกลับคืนมา ทั้งสองจึงคลายอ้อมกอดออกจากกัน แต่ก็ยังคงไม่ปล่อยมือ ทั้งสองยังคงจ้องมองอีกฝ่าย เพื่อค้นหาความเปลี่ยนแปลงของกันและกันในช่วงเวลาที่ไม่ได้พบเจอ“น้องหญิง เจ้าผอมลงแล้ว”ซูจิ่งสิงยื่นมือออกไป ปัดปอยผมข้างหูให้กู้หว่านเยว่อย่างอ่อนโยน สัมผัสได้ชัดเจนว่านางดูผอมลงไปไม่น้อย“ท่านพี่”กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างเขินอาย น้ำเสียงออดอ้อน “ท่านก็เปลี่ยนไปบ้างเช่นกัน”ดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งยังแผ่กลิ่นอายของการต่อสู้ที่โชกเลือดออกมาเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเขามาถึงที่ราบแห่งความโกลาหลโดยไม่มีที่พึ่งพิง แต่กลับอาศัยเพียงตนเองจนกลายเป็นหัวหน้าของกองทัพซินเยว่ได้ในเวลาอันสั้น ในช่วงเวลานั้นคงต้องประสบความยากลำบากมาไม่น้อยกู้หว่านเยว่ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ น้ำเสียงก็อ่อนโยนลงไปอีกสองส่วน“แต่ก็ยังคงเป็นสามีของข้า”แม้ว่

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1913

    กู้หว่านเยว่ในยามนี้ ลืมไปแล้วว่าตนเองกำลังอยู่ในอุโมงค์เหมืองทางทิศใต้ นางลืมไปแล้วว่ารอบกายอาจมีอันตรายซ่อนอยู่ ในวินาทีที่ได้เห็นชายผู้นั้น ดวงตาของนางก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งอื่นใดได้อีก ราวกับว่าทั่วทั้งฟ้าดิน เหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นในนัยน์ตาสีดำของนางฉายแววสงสัย ตกตะลึง ยินดี และสุดท้ายก็ถูกความรู้สึกอุ่นใจเข้ามาทำให้ทุกอย่างสงบลง“ซูจิ่งสิง ใช่ท่านหรือไม่?”นางขยับริมฝีปากแดงระเรื่อ เอ่ยชื่อที่ซ่อนลึกอยู่ในใจ และไม่กล้าแตะต้องมาโดยตลอดออกมาดวงตาทั้งสองจ้องมองชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างแน่วแน่ น้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเพียงภาพลวงตา และถ้านางส่งเสียงดังขึ้นอีกนิด ภาพลวงตานี้ก็จะแตกสลายไปแม้ว่าหลายวันที่ผ่านมา นางจะคิดอยู่ตลอดว่า หัวหน้าของกองทัพซินเยว่จะเป็นเขาหรือไม่แต่เหตุผลกลับคอยย้ำเตือนว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไร?เขายังคงยุ่งอยู่กับการดูแลราษฎรในต้าฉีและปกครองบ้านเมือง จะมาหานางได้อย่างไร จะข้ามผ่านป่าซิงโตวมาได้อย่างไร?อาจเป็นเพราะรับรู้ได้ถึงความตกตะลึงของกู้หว่านเยว่ ชายที่อยู่ตรงหน้าจึงไม่ได้รีบร้อน แต่กลับยกมือขึ้น ปลายนิ้วเรียวยาววางลงบน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1912

    “ระบบ ช่วยข้าตรวจนับสมบัติที แล้วนำของที่ดูออกว่าเป็นของโจรชัด ๆ ไปลงในแพลตฟอร์มซื้อขาย”กู้หว่านเยว่สั่งการ คนของหนานโย่วน่าจะมาถึงแล้ว“ขอรับ” น้ำเสียงของระบบพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างน่าประหลาดทหารม้าของกองทัพซินเยว่แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ เพียงครู่เดียว ก็สามารถกำจัดหน่วยลาดตระเวนที่ปากถ้ำได้ทั้งหมด ขณะนี้ ชาวบ้านที่อยู่ข้างในก็เพิ่งหาทางออกเจอและวิ่งออกมา เมื่อเห็นศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่นอกถ้ำ ต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด “คนตายแล้ว คนตายแล้ว!”“รีบหนีเร็ว!”ทุกคนต่างพยายามวิ่งออกไปข้างนอกหนานโย่วหายใจติดขัด เขามองไปยังคนของกองทัพซินเยว่ ที่สำคัญคือเขาไม่รู้ว่าคนเหล่านี้มาที่นี่เพื่ออะไร หากพวกเขามาเพื่อสังหารชาวบ้าน ก็คงไม่ดีแน่ยังดีที่ชายผู้เป็นหัวหน้าโบกมือ คนของกองทัพซินเยว่ก็ถอยออกไปอย่างพร้อมเพรียง เปิดทางให้ชาวบ้านเหล่านี้“กลับไปยังมาตุภูมิของพวกเจ้าเถิด ต่อไปอย่าได้ถูกหลอกอีก”ชายผู้นั้นเอ่ยปาก น้ำเสียงทุ้มลึกน่าฟังเป็นพิเศษเหล่าชาวบ้านเพิ่งจะตระหนักได้ว่า แท้จริงแล้วชายผู้นี้มาเพื่อช่วยพวกเขา ต่างก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที“ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ช่วยชีวิตพวกเร

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1911

    วันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทีแรกเหล่าสหายที่อยู่นอกอุโมงค์เหมืองก็หมดสติไปครึ่งหนึ่งโดยไร้สาเหตุ จากนั้นก็มีกองทัพหนึ่งกองทัพมาอีก หรือว่าพวกเขาไปล่วงเกินใครเข้าโดยไม่ตั้งใจ?หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนคิดไปในทิศทางเดียวกับหนานโย่วอย่างรวดเร็ว เขาคาดเดาว่าที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะพวกเขาลักพาตัวคนที่ไม่ควรลักพาตัวหรือไม่ จึงทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้“เฮ้ย!”หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนโบกมือทั้งสองข้าง พยายามจะเจรจา“อย่าเพิ่งวู่วาม มีอะไรก็พูดคุยกันดี ๆ พวกท่านต้องการอะไรก็บอกมาดูก่อนหากพวกเราพอจะทำให้ได้ ก็จะพยายามอย่างเต็มที่”เขาคิดว่า หากพลาดพลั้งจับคนของอีกฝ่ายมาผิด ก็แค่ปล่อยตัวไป ไม่จำเป็นต้องล่วงเกินกองทัพทั้งกองทัพ เพื่อคนเพียงคนเดียวหากเป็นที่รังเก่าของพวกเขาอย่างตลาดมืด แน่นอนว่าย่อมไม่กลัวกองทัพเพียงกองทัพเดียวทว่าวันนี้ในอุโมงค์เหมืองของพวกเขาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมากเกินไป เขาจึงกังวลว่าอีกฝ่ายจะมีไม้ตายอยู่อีกสู้จับมือเป็นมิตรอาจจะดีกว่า ไม่แน่ว่าอาจได้สหายเพิ่มขึ้นมาอีกคนชายที่อยู่บนหลังม้าสีเงินขาวพลันยกมือซ้ายขึ้นเล็กน้อย ทหารม้าที่อยู่ด้านหลังก็หยุดลงอย่าง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status