แต่จี้เยว่ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของสกุลซุน ไม่ได้รับความสำคัญมากเพียงพอ อีกทั้งยังไม่สามารถตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรงได้นางหยางกวาดตามอง “ดูเด็กคนนี้น่ารักมากเพียงใด ข้าอายุปูนนี้แล้ว ว่างงานยิ่งนัก ชอบให้เด็กรายล้อมรอบกาย หากไม่สะดวกเลี้ยงดูในวัง ก็สามารถส่งมาที่จวนข้าได้”“เด็กคนนี้งดงามดุจหยก ขาวๆ นุ่มๆ มองดูแล้วเป็นคนมีวาสนาคนหนึ่ง กินอิ่มแล้วก็นอน นิสัยเองก็ดี ภายภาคหน้าจ้านจ้านโตแล้ว ก็ช่วยคลายเหงาให้จ้านจ้านได้”ซูจิ่งสิงไม่รับสนม วังหลังคล้ายไม่มีอยู่จริง กู้หว่านเยว่เองก็ไม่มีลูกในตอนนี้ภายในวังมีเพียงจ้านจ้านเป็นเด็กคนเดียว เหงาอยู่บ้างจริงๆมีเด็กคนอื่นอยู่เป็นเพื่อน ก็เป็นเรื่องดีสองสามคนปรึกษากันและตัดสิน ให้จี้เยว่อยู่ภายในวังก่อนอย่างน้อยทางฝั่งสกุลซุนนั้น ซูจิ่งสิงย่อมส่งคนไปแจ้งข่าว คาดว่าสกุลซุนเองก็ไม่มีวันคัดค้านขณะเดียวกันดรุณีน้อยนอนหลับฝันหวานภายในอ้อมกอดของชิงเหลียนยังไม่รู้เลยว่าบัดนี้ชะตาชีวิตของตนกำลังจะเปลี่ยนไปแล้วนับตั้งแต่นี้ไป จะผูกติดกับองค์ชายน้อยที่มอบขนมให้ตนเองกินสองสามคนพูดคุยกันขณะรอ กู้หว่านเยว่เล่าเรื่องที่ได้พบเห็นในที่ราบแห่งความโกลาหล
ห้องเครื่องของวังหลวงทำอาหารเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว เหล่าญาติฝ่ายหญิงที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงภายในวังหลวงล้วนถูกกระจายออกไปแล้วชิงเหลียนมองกู้หว่านเยว่ที่ไม่ได้พบหน้านานมาก ตื่นเต้นจนน้ำตาไหล“ฮูหยิน นับว่ารอจนท่านกลับมาแล้ว”นางปาดน้ำตา พูดยิ้มๆ อย่างเก้อกระดาก “หงซิ่งเด็กคนนั้นแต่งงานแล้ว ตอนนี้จึงไม่ได้อยู่ภายในวัง วันหน้าบ่าวจะพานางเข้ามาโขกศีรษะให้ท่านให้ได้เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้าง“เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก หงซิ่งเด็กคนนั้นแต่งงานแล้วหรือนี่”นางนึกถึงก่อนหน้านี้เตรียมสินเดิมให้เหล่าสาวใช้ รอได้พบหงซิ่ง จะต้องมอบสินเดิมให้นางชิงเหลียนพยักหน้ายิ้มๆ “พวกเขาสองสามีภรรยาเปิดร้านขายผ้าแห่งหนึ่งในเมืองหลวง การค้านับว่าไม่เลว ไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง”กู้หว่านเยว่นึกดีใจแทนพวกเขาภายในก้นบึ้งของหัวใจ“ใช่แล้ว นี่เป็นลูกของใคร เหตุใดไปอยู่ในตำหนักบรรทมของจ้านจ้านได้?”จู่ๆ กู้หว่านเยว่ก็นึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่หลบใต้โต๊ะของจ้านจ้านขึ้นมาได้ ดวงตากลมโตดุจหยก กลับเป็นเด็กน่ารักคนหนึ่งชิงเหลียนรีบเล่าฐานะของเด็กหญิงให้กู้หว่านเยว่ฟัง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงชะงักไป เงียบ
“ร้องไห้ทำไม? โตเพียงนี้แล้วยังเสียน้ำตาอีก”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว สั่งสอนอย่างเข้มงวดภายในสายตานางหยางเจือประกายน้ำตา สบมองกู้หว่านเยว่ ทั้งยังหันมองซูจิ่งสิง“ตอนเจ้าไม่อยู่ จื่อชิงเด็กคนนี้สุขุมมากนัก”“มีเพียงได้เห็นพวกเจ้า เขาถึงตื่นเต้นมากถึงเพียงนี้”ซูจื่อชิงไม่ตื่นเต้นได้หรือ เขาทำงานหนักเพื่อพี่ใหญ่พี่สะใภ้ทุกวัน ดูแลบ้านเมืองงานยิ่งใหญ่นี้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด นอนดึกยิ่งกว่าสุนัข ตื่นเช้ายิ่งกว่าไก่ เหนื่อยแทบตาย“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว ฮือฮือๆ...” ซูจื่อชิงกอดขาทั้งคู่ ร้องไห้โฮ“รีบปล่อยเร็วเข้า อย่าทำให้ข้าขายหน้า”ซูจิ่งสิงสบถด่าเสียงเยียบเย็นทั้งคู่ทำความเคารพนางหยางพร้อมกัน “ท่านแม่ พวกเรากลับมาแล้ว ช่วงนี้ทำให้พวกท่านกังวลแล้ว”จ้านจ้านขาวขาวเนียนเนียน สุขภาพแข็งแรงร่าเริง นางหยางย่าคนนี้ใส่ใจไม่น้อย กู้หว่านเยว่รู้สึกซาบซึ้งอยู่ภายในก้นบึ้งของหัวใจ“ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน พูดจาห่างเหินเพียงนี้ทำอันใด”นางหยางปาดน้ำตาที่หางตา มองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงอย่างชื่นชม“ขอเพียงพวกเจ้าสองคนกลับมาได้อย่างปลอดภัย แม่ก็วางใจแล้ว”“ใ
ในสายตาเจ้าเด็กบ้ามีเพียงมารดา ไม่มีบิดา!ซูจิ่งสิงอยากตีก้นเจ้าเด็กคนนี้สักที แต่เห็นใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของเขา ยังตัดสินใจปล่อยไปก่อนจ้านจ้านเงยหน้า เหลือบมองบิดาของเขาแวบหนึ่ง พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด “เสด็จพ่อ ท่านไม่ใช่พูดว่าจะพาเสด็จแม่กลับมาในสองเดือนหรือ?”เขากำหมัดแน่นถูกบิดาหลอกแล้ว!ตอนบิดาจากไปยังพูดว่าสองเดือนก็กลับมา เขาถึงดีใจพูดว่าอยากได้น้องสาวสักคน ขอให้พาน้องสาวกลับมาพร้อมกันใครรู้เล่าว่าบิดาไปครั้งนี้นานถึงหนึ่งปี!“เกิดความเปลี่ยนแปลง กลับมาช้าไปแล้ว”ซูจิ่งสิงลูบศีรษะเต็มไปด้วยเส้นผมของลูกชาย “แต่ครั้งนี้ข้าและแม่เจ้าได้รับมาไม่น้อย รอภายภาคหน้าค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟังดีหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ฟังออก ซูจิ่งสิงนี่คือต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของจ้านจ้านนางพยักหน้าให้ความร่วมมือ “ใช่แล้วจ้านจ้าน พวกเราผ่านป่าซิงโตวมาด้วย นั่นคือสถานที่กว้างใหญ่เท่าต้าฉีสองแห่งเลยทีเดียว”จ้านจ้านกระพริบตา เขาอ่านหนังสือมาไม่น้อย นึกถึงระยะห่างภายในสมองภายในหนังสือพูดว่าอาณาเขตเหนือใต้ของต้าฉีมีระยะห่างราวหนึ่งพันห้าร้อยลี้ ต้าฉีสองแห่ง นั่นไกลมากเหลือเกิน“ภายใ
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เขารู้จักจี้เยว่ สายตามองไปที่หน้าอกของนาง ก็เห็นคราบน้ำลายเต็มไปหมดจริง ๆ นางยังหลบอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเขา ที่มุมปากก็ยังมีเศษขนมติดอยู่พอมองขึ้นไปบนโต๊ะ ขนมที่วางไว้เมื่อเช้าก็หายไปแล้วจริง ๆ เจ้าเด็กโง่คนนี้หลบอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเขาเพื่อแอบกินขนม! มุมปากของจ้านจ้านกระตุกจี้เยว่ดูสีหน้าคนไม่ออก ยังไม่รู้ตัวว่าทำให้องค์ชายน้อยโกรธแล้ว ยังคงจ้องมองดวงตาแดง ๆ ของเขาอย่างสงสัย“ท่านพี่ ท่านร้องไห้ทำไมหรือ? กินขนมสักคำก็จะไม่ร้องไห้แล้วนะ ขนมที่นี่อร่อยมาก เยว่เอ๋อร์ไม่เคยกินขนมที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”เจ้าแมวน้อยตะกละกินจนท้องกลม ก็พูดเยอะขึ้นแล้ว “ข้าไม่ได้ร้องไห้”จ้านจ้านกล่าวอย่างดุดัน“ถ้ากล้าพูดว่าข้าร้องไห้อีก ข้าจะต่อยเจ้า!”จี้เยว่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มองไปที่กำปั้นของจ้านจ้าน แล้วก็เบะปาก ดวงตาที่ดูโตเป็นพิเศษคู่นั้นก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาในทันที“ฮือ ๆ ๆ ...” นางถูกขู่จนร้องไห้จ้านจ้านตกตะลึง เขากลัวผู้หญิงร้องไห้ที่สุด จึงรีบเอามือปิดปากของจี้เยว่ แก้มของเด็กหญิงทั้งกลมทั้งนุ่ม แถมยังเด้งอีกด้วยเขาก็เผลอใช้แรงหยิกไปทีหนึ่งโดยไม่รู้ตั
ก็ไม่แปลกที่กู้หว่านเยว่จะลังเลตอนที่นางจากไปครั้งแรก ได้ให้สัญญากับซูจิ่งสิงไว้ว่าจะกลับมาภายในหนึ่งปีแต่ตอนนี้ ผ่านมาสองปีเต็มแล้วตอนนั้นจ้านจ้านยังเดินเตาะแตะ พูดได้แค่คำสองคำง่าย ๆ แต่ตอนนี้กลับขยับขาสั้น ๆ ของตนวิ่งได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็วหากไม่เอ่ยปากก็แล้วไป แต่หากเอ่ยปากพูดเมื่อใดก็สามารถทำให้คนโกรธจนแทบกระอักเลือดได้ดังนั้น ตอนแรกที่กู้หว่านเยว่เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งมา นางก็เพียงแค่รู้สึกตามสัญชาตญาณว่านั่นคือจ้านจ้านจนกระทั่งเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด นางถึงกล้าตัดสินจากท่าทางของเด็กคนนั้นได้ว่า นั่นคือจ้านจ้านลูกชายสุดที่รักของนาง!“เป็นลูกชายจริง ๆ ด้วย!” กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้าตื่นเต้นนางเร่งฝีเท้า เดินตรงไปยังทิศทางของจ้านจ้านซูจิ่งสิงเองก็จ้องมองเด็กคนนั้นไม่วางตา เขาจากไปช้ากว่ากู้หว่านเยว่เล็กน้อย ตอนนั้นจ้านจ้านก็สามารถพูดคุยกับเขาได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว“จ้านจ้าน!”ทั้งสองคนร้องเรียกออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ตั้งใจจะเข้าไปกอดลูกชายจ้านจ้านที่วิ่งมาได้ครึ่งทางพลันหยุดนิ่ง เขามองทั้งสองคน ก่อนจะเช็ดที่หางตาของตนเองอย่างแรงจากนั้น ก็หันหลังกลับแล้