共有

บทที่ 6

作者: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
ซูจิ่งสิงไม่รู้ว่าตนตื่นตั้งแต่เมื่อไร

“ดีเหลือเกิน พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว”

ซูจื่อชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

พี่ใหญ่ตื่นแล้ว ในที่สุดเรื่องพี่สะใภ้ใหญ่ก็มีกำลังหนุนแล้ว

“พยุงข้าหน่อย” ซูจิ่งสิงยื่นมือออกมาอย่างอ่อนแรง พอนั่งพิงหัวเตียงได้แล้ว เขาก็มองดูกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่คนเดียวด้วยสายตารู้สึกผิด

“ขอโทษนะ”

ไม่เพียงแต่ทำให้นางเดือดร้อน แต่ยังทำให้นางถูกตระกูลซูหยามเหยียด

กู้หว่านเยว่สบตาเขา ตกตะลึงไปเล็กน้อยแล้วรีบร้อนพูดว่า “ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”

ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ไม่สนใจวาจาของพวกคนขยะ

แต่นางไม่คิดว่า ซูจิ่งสิงจะปกป้องนาง

ทว่ากลับเป็นคนอื่นๆ ในห้องที่อดกลั้นไว้ไม่ไหว และไม่สนว่าบาดแผลของซูจิ่งสิงเป็นอย่างไร กระโจนเข้ามาถามว่า

“จิ่งสิง เจ้าขอโทษนางมันหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าพวกเราเหล่าผู้เฒ่าทำผิดหรือ?”

หากไม่หย่าภรรยา หรืออยากเห็นนางทำลายตระกูลหรือ?!

“รีบหย่ากับนางเสีย ขอเพียงเจ้าหย่ากับนาง พวกเรายังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน”

“...”

ครอบครัวเดียวกัน?

ฮะๆ... ช่างเป็นครอบครัวเดียวกันที่แสนประเสริฐ

ยามเขายังเป็นเจิ้นเป่ยอ๋อง ไม่เคยลืมที่จะช่วยเหลือท่านลุงและเหล่าพี่น้อง ให้พวกเขาได้อาศัยอยู่ในวังด้วยกัน รุ่งโรจน์รับพร

ตอนนี้เขาตกระกำลำบาก มารดาและพี่น้องอยากกินซาลาเปาสักลูกยังไม่ให้ ทั้งยังบังคับให้เขาหย่าภรรยา

นี่เรียกว่าครอบครัวเดียวกันหรือ?

ซูจิ่งสิงยิ้มหยัน กวาดมองใบหน้าของทุกคนทั้งบ้านใหญ่ บ้านรอง และบ้านสี่แห่งตระกูลซู

สายตาเย็นชาคู่นั้น ทำให้ทุกคนตัวสั่นด้วยความรู้สึกผิด หุบปากฉับลงโดยไม่รู้ตัว

แม้ว่าเขาจะตกต่ำ แต่รัศมีที่แผ่ออกมายังคงมีกลิ่นอายของเทพสงคราม

จากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็หลับตา เกียจคร้านเกินกว่าจะมองคนเหล่านี้อีกต่อไป และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า

“ท่านลุงทุกท่านต้องบังคับให้ข้าหย่าภรรยาให้ได้ใช่หรือไม่?”

ทุกคนกลัวเกินกว่าจะพูดอะไรอีก รีบมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นตาเดียว

ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวว่า “จิ่งสิง พวกเราหาได้บังคับเจ้า ปัญหาของตระกูลซูในปัจจุบันก็เกิดจากคุณเช่นกัน"

“หากข้ายืนกรานไม่หย่าภรรยาเล่าขอรับ?”

ฮูหยินผู้เฒ่ามองมาอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เช่นนั้นก็อย่าได้โทษที่ข้าโหดเหี้ยม ไม่สนใจบ้านสามของเจ้าแล้วกัน!”

“เฮ้อ...”

ซูจิ่งสิงเศร้าระทมอยู่ในใจ ไม่พูดอะไรออกมาอยู่นาน และในตอนที่ทุกคนคิดว่าเขาถูกบังคับจนไร้ทางเลือก ต้องยอมหย่าภรรยาแน่แล้วนั้น เขาก็ลืมตาขึ้น พูดอย่างเฉยเมย

“หย่าภรรยา ข้าไม่มีทางยินยอม

ในเมื่อทุกท่านไม่อยากสนใจบ้านสามของข้า เช่นนั้นก็ตัดสัมพันธ์กันเถอะขอรับ”

ตัดสัมพันธ์แล้ว บ้านสามของข้าก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกท่านอีก ภรรยาของข้าแน่นอนว่าไม่มีทางเดือดร้อนไปถึงพวกท่าน”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนก็ตกตะลึง แม้แต่กู้หว่านเยว่เองก็นิ่งอึ้งไป

นางย่อมไม่คิดว่าชายผู้นี้ยอมตัดความสัมพันธ์เพื่อนางเพียงอย่างเดียว คงเป็นเพราะโดนตระกูลซูเหยียบย่ำหัวใจ

แต่เพียงความกล้าหาญนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้นางประทับใจไม่รู้ลืม

นางกู้หว่านเยว่ไม่ได้ช่วยผิดคน

เมื่อฟื้นคืนจากความตกใจ บ้านอื่นๆ ก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมา

บ้านสามทั้งครัวมีห้าคน ไร้เงินเลี้ยงตัว กินอยู่ล้วนพึ่งพาพวกเขาบ้านอื่นทั้งสิ้น คิดดูแล้วย่อมไม่สมดุล

ตัดสัมพันธ์?... ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้าย

แม้ว่าบรรพบุรุษของตระกูลซูจะเคยกำหนดกฎตายไม่อาจตัดสัมพันธ์ บอกว่าเคยมีผู้ทำนายทายชะตาว่าหากตัดสัมพันธ์ บางบ้านจะมีชีวิตที่น่าสังเวช

แต่ครั้งนี้เป็นซูจิ่งสิงเสนอตัดสัมพันธ์ หาใช่พวกเขาไม่ พวกเขาไม่ได้ละเลยกฎของบรรพบุรุษแต่อย่างใด

อีกทั้งซูจิ่งสิงบาดเจ็บสาหัส ใครใดจะน่าสังเวชไปกว่าเขาอีก?

ซูหัวหลินผู้ขึ้นมาเป็นคนแรก “ข้าอยากตัดสัมพันธ์มานานแล้ว ในเมื่อครั้งนี้เจ้าพูดออกมาเอง เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าลุงรองโหดเหี้ยม ข้ายินยอมตัดสัมพันธ์”

นางเฉียนเองก็กล่าวสมทบ “ข้าก็ยินยอมตัดสัมพันธ์!”

“ไม่ได้!” ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงยึดยื้อ

ซูหัวหลินรีบโน้มน้าว “ท่านแม่ เก็บบ้านสามไว้มีแต่จะเดือดร้อนพวกเรา ทั้งซูจิ่งสิงเองบาดเจ็บสาหัส ดีไม่ดีว่าวันสองวันนี้ก็...”

ซูจื่อชิงเบิกตากว้าง “ก็อะไร? เจ้าพูดมาให้กระจ่างนะ!”

“เหอะ พูดก็พูด อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสสากรรจ์ อากาศเองก็ร้อนเสียปานนี้ ข้างทางไร้หมอยาคอยตระเวนดูแล ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้บาดแผลก็อาจเป็นหนองตายได้! ถึงตอนนั้น ก็ต้องให้พวกเราเสียเงินจัดงานอาลัยอีก”

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” ซูจื่อชิงโกรธมากจนตัวสั่น โมโหกับคำพูดชั่วร้ายของเขา รุดพุ่งไปข้างพร้อมง้างหมัด

“พอแล้ว! ซูจื่อชิง ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ เจ้าจะทำร้ายผู้อาวุโสของตนเองหรือไร?”

ฮูหยินผู้เฒ่ากระแทกไม้เท้า ดวงตาชราขึ้นฝ้าทอแววประกาย คำพูดของเจ้าสองกระทบใจนาง

นางยังไม่ตัดสัมพันธ์ เพราะกังวลว่าซูจิ่งสิงจะยังมีทางออก

แต่เมื่อมองดูสภาพของซูจิ่งสิงในตอนนี้ ก็เห็นชัดแล้วว่ามีเคราะห์มากกว่าโชค เช่นนั้นไม่สู้...

“จิ่งสิง เจ้าแน่ใจหรือว่าจะตัดสัมพันธ์?”

“ไม่ผิด” สายตาของซูจิ่งสิงเฉยเมย ถือเสียว่าไม่มีครอบครัวเช่นนี้อีกต่อไป

ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่คิดเสแสร้งอีกต่อไป เจ้าสาวแต่เล็กก็ห่างออกจากอกนาง โตขึ้นมาก็ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนม ต่อมาก็แต่งงานกับนางหยางที่สติไม่สมประกอบ สำหรับบ้านสาม แต่เดิมนางก็หาได้ผูกพัน

นางพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ว่า

“ก็ได้ เช่นนั้นก็ตัดสัมพันธ์กัน แต่ก็ขอพูดน่ารังเกียจให้ฟังเสียก่อน วังหลวงถูกรื้อค้น เงินทั้งหมดของพวกเราต่างก็ได้มาจากบ้านมารดารับบริจาคมาให้ พวกเจ้าบ้านสาม ไม่อาจเอาไปได้แม้แต่แดงเดียว”

สิ้นเนื้อประดาตัว

ช่างเป็นหญิงชราที่โหดเหี้ยมนัก!

ซูจื่อชิงพูดอย่างวิตกว่า “ไม่มีเงิน จากนี้พวกเราจะอยู่กันอย่างไรเล่า?”

นางหลิวยิ้มและพูดว่า “ขุนนางของศาลาว่าการจะแจกโมโม[footnoteRef:1]ทุกวัน มีโมโมกิน ย่อมไม่หิวตาย” [1: เป็นเกี๊ยวหรือขนมจีบที่มีต้นกำเนิดในทิเบต เดิมกินกับเนื้อจามรี ต่อมาได้กลายเป็นอาหารพื้นเมืองของทิเบต ภูฏาน สิกขิม เนปาล และลาดัก ตัวเกี๊ยวเป็นชิ้นกลมแบนขนาดเล็ก ห่อเป็นรูปกระเป๋าหรือดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว ทำให้สุกด้วยการนึ่ง การทอดในกระทะ หรือการทอดอีกครั้งหลังจากนึ่งแล้ว กินกับซอสหรือน้ำจิ้มหลายแบบ โดยปกติจะมีพริก มะเขือเทศ และกระเทียม]

“ท่านป้าสี่ ท่าน!”

“จื่อชิง” ซูจิ่งสิงหยุดเขาไว้ก่อน “ไปหาเจ้าหน้าที่ ยืมกระดาษปากกามาเขียนหนังสือตัดสัมพันธ์เถอะ”

ซุนอู่พาเจ้าหน้าที่ออกมากินข้าวเย็นกันอยู่ไม่ไกล ได้ยินเสียงทะเลาะนี้ดังอยู่นานแล้ว

บนเส้นทางที่ถูกเนรเทศ ครอบครัวกลายเป็นปรปักษ์กันหาใช่เรื่องแปลก

พวกเขาดูเรื่องน่าสนใจอยู่พักหนึ่ง แต่ก็คร้านจะเข้ามาห้ามปราม

กระดาษปากกาไม่มีค่า ไม่พูดอะไรสักคำ พวกเขาก็มอบมันออกมาให้

“หึ ตัดสัมพันธ์แล้ว จากนี้บ้านสามของพวกเจ้าคงได้ทุกข์ทรมานน่าดู!”

หลังจากเขียนจดหมายตัดสัมพันธ์แล้ว ทั้งคู่ก็ประทับลายนิ้วมือ ไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของบ้านสามอีกต่อไป พากันกลับไปกินซาลาเปาเนื้ออย่างชื่นบาน

ทิ้งไว้เพียงซูจิ่นเอ๋อที่ยังสับสน

นางก็แค่อยากกินซาลาเปาเนื้อเท่านั้นเอง เหตุใดถึงได้ตัดสัมพันธ์กันได้?

ไม่กล้าเข้าทางพี่ใหญ่และพี่รอง จึงทำได้เพียงดังแขนเสื้อของนางหยางแล้วเรียกนางเบาๆ

“ท่านแม่ ข้าไม่อยากตัดสัมพันธ์ ทั้งๆ ที่หย่ากับกู้หว่านเยว่ก็สิ้นเรื่อง เหตุใดต้องตัดสัมพันธ์กันด้วย?”

แต่ไม่คิดว่านางหยางจะหันมาดุด่านางแทน

“เจ้า ไม่รู้จักรักดี โตมาผิดเพี้ยนแล้ว...”

แม้แต่แม่แท้ๆ ที่สติไม่ดีก็ยังด่านาง ตอนนี้ซูจิ่นเอ๋อทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว น้ำตาไหลอาบหน้า แล้ววิ่งหนีไปด้วยความโกรธ

แต่หาได้ไปทางตระกูลซูไม่ แม้ว่านางจะยโสแต่ไม่ได้โง่ เมื่อครู่ลุงใหญ่ด่าพี่ใหญ่อย่างไร นางได้ยินอยู่เต็มหู

นางก็แค่รับไม่ได้ ครอบครัวใหญ่ครัวหนึ่ง อยู่ดีๆ เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้กัน?

ทางด้านตระกูลซู หลี่ซือซือเองก็มีสีหน้าจริงจังเช่นกัน “ท่านแม่ เหตุใดเมื่อกี้นี้ท่านต้องห้ามข้าด้วย?”

ซูหวู่อวิ๋นขมวดคิ้ว “ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ซูจิ่งสิงไม่ใช่เจิ้นเป่ยอ๋องอีกต่อไปแล้ว เจ้าดูที่สองขาของเขาสิ มันไร้ประโยชน์แล้ว!

พวกเราตอนนี้ยากจะปกป้องตนเอง เจ้าไม่สู้ใส่ใจผู้อื่นให้มาก อย่างญาติผู้พี่ซูเช่อของบ้านลุงใหญ่ของเจ้าก็ดีไม่น้อย

หลี่ซือซือเหลือบมองไปยังซูเช่อที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงหน้าซูหัวหยางอยู่ไม่ไกล พลันเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรสักคำ

“ท่านแม่ ข้าจะไปดูญาติผู้น้องจิ่นเอ๋อเจ้าค่ะ”

นางคิดในครู่นั้น แล้วเดินไปหาซูจิ่นเอ๋อทันที...
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
コメント (5)
goodnovel comment avatar
Jaruayporn Kliengkhaw
สนุกคะหน้าติดตาม
goodnovel comment avatar
อนงนารถ บุญทวี
เริ่มมาก็ตัดกันแล้ว
goodnovel comment avatar
จีรพันธ์
อ่าน ๆๆๆๆๆๆๆๆๆต่อ
すべてのコメントを表示

最新チャプター

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1844

    กู้หว่านเยว่เกือบหลุดหัวเราะขอร้องล่ะ ก่อนที่เจ้าจะใส่ร้าย ช่วยดูก่อนได้หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้หญิงนะลวนลาม? พระสนมโจวก็อุตส่าห์คิดได้เนาะจะเล่นงานคนอื่น กลับย้อนเข้าตัวเองนางในฐานะนางสนม ถ้าหากข่าวโดนหมอลวนลามเผยแพร่ออกไป นางก็จะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนเช่นกัน ก่อนจะพูดอะไรไม่คิดเลย“เจ้ายิ้มอะไร?” สีหน้าพระสนมโจวเปลี่ยนฉับพลัน นางขมวดคิ้วแน่น‘เผยหยวน’ คนนี้ไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้ความตายอยู่ตรงหน้ายังสามารถยิ้มได้อีก“พระสนมโจวอยากพูดเหลวไหล ก็ต้องดูด้วยว่าตัวเองสามารถพูดคำพูดที่เหลวไหลออกมาได้หรือไม่?”กู้หว่านเยว่ขี้เกียจเถียงกับนาง จึงลุกขึ้นเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”สีหน้าพระสนมโจวเปลี่ยนฉับพลัน นางพบว่าตัวเองพูดไม่ออก เสียงหายไปในพริบตาแล้ว“อืมๆๆ…” นางมองไปทางนางกำนัล นางกำนัลก็ทำหน้าตกใจ ชี้ไปที่คอของตัวเองเช่นกัน“พระสนมโจวโปรดระวังคำพูดด้วย ครั้งต่อไปไม่ใช่แค่พูดไม่ออกเช่นนี้แล้ว ถ้าหากข้าอารมณ์ไม่ดี อาจจะเอาชีวิตของพวกท่านก็ได้”กู้หว่านเยว่พูดจบก็เดินจากไปโดยตรงทิ้งพระสนมโจวที่ทำหน้าหวาดกลัวไว้คนเดียว“อืมๆๆ…”“อืมๆๆ!”พระสน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1843

    ฉีเยว่: นี่ข้าเป็นอะไร เหมือนกำลังโดนหลอกนางกำนัลเดินเข้ามากะทันหัน “องค์หญิง คุณชายชุยเข้าวังแล้วเพคะ”ดวงตาฉีเยว่เป็นประกาย และลืมเรื่องของพี่รองไปในพริบตาแล้ว“ชุยอวี้มาแล้ว? อยู่ไหน รีบพาข้าไปพบเขา!”นางยกชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่ได้เดินย้อนกลับไปทางเดิมแล้ว“คุณชายเผยโปรดรอสักครู่” มีเสียงดังขึ้นจากข้างหลังกู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า หันกลับไปมอง พบว่าเป็นนางกำนัลแปลกหน้าคนหนึ่งนางเลิกคิ้ว “มีอะไร?”นางกำนัลเดินมาที่ตรงหน้ากู้หว่านเยว่ และคำนับด้วยท่าทีที่ยังถือว่าสุภาพ “คุณชายเผย ได้ยินมาว่าท่านเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาเผย คิดว่าท่านคงเชี่ยวชาญวิชาแพทย์เหมือนหมอเทวดาเผย ไม่ทราบว่าช่วยไปตรวจดูอาการพระสนมของพวกเราได้หรือไม่เจ้าคะ?”ภายในห้องอันอบอุ่น ผู้หญิงแต่งกายหรูหราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะ นางมีรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาน่ารักน่าเวทนา น่าจะเป็นพระสนมโจวกู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างระมัดระวัง “ข้าน้อยจะเทียบกับอาจารย์ได้อย่างไร ข้าน้อยยังเรียนวิชาแพทย์ของอาจารย์ได้ไม่ถึงครึ่งเลย”“ถ้าหากพระสนมไม่สบาย เหตุใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1842

    กู้หว่านเยว่ยิ้มแล้วยิ้มอีก ไม่ได้โกรธองค์หญิงผู้ไร้เดียงสาท่านนี้“เชิญองค์หญิงหลบไปก่อน ข้าขอตรวจชีพจรให้องค์ชายรองก่อน” กู้หว่านเยว่วางกล่องยาลง ฉีเยว่พยักหน้า รีบหลบไปที่ด้านข้างกู้หว่านเยว่ยื่นมือออกไปจับชีพจรขององค์ชายรองสีหน้าเป่ยหมิงฉีอวี้ดูสับสน ลืมไปแล้วว่ากู้หว่านเยว่เป็นใครแม้แต่ฉีเยว่ที่อยู่ตรงหน้าก็เกือบจำไม่ได้“เหมือนองค์ชายรองจะถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ” กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างจริงจังก็ต้องถูกพิษอยู่แล้วและนางนี่แหละที่เป็นคนวางยาพิษเมื่อฉีเยว่ได้ยินก็ประหม่าทันที “พี่รองถูกพิษอะไร? อันตรายหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายศีรษะ “เท่าที่ดูจากสัญญาณชีพจร พิษนี่ไม่ได้ร้ายแรงมากนัก แค่ทำให้คนลืมเรื่องบางเรื่อง และไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย”ที่จริงเมื่อคืนนางสามารถฆ่าเป่ยหมิงฉีอวี้ทิ้งโดยตรงแต่คำนึงถึงเป่ยหมิงฉีอวี้ไม่ใช่คนเลว และมีส่วนร่วมในเรื่องของแคว้นโยวหลานน้อยมาก เป็นเพียงองค์ชายเจ้าสำราญคนหนึ่ง จึงไม่ได้ลงมือฆ่าเขา“ยังดีๆ” ฉีเยว่โล่งอกก่อน แต่หลังจากนั้นก็ขมวดคิ้ว “แต่ลืมหลายสิ่งหลายอย่างเช่นนี้มันก็ผิดปกติอยู่นะ ตอนนี้พี่รองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นใคร คุณชายเผย ท่า

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1841

    กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดพระสนมโจวเป็นแค่นางสนมคนหนึ่ง ถ้าหากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนางจริงๆ สามารถสั่งให้ทำการสืบสวนอย่างละเอียด แต่ผู้คนในวังต่างก็พูดถึงเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง จะเห็นได้ว่าไม่อยากให้ตรวจสอบพระสนมโจวประกอบกับสิ่งต่างๆ ที่เห็นในห้องบรรทมของฮองเฮา และความรังเกียจในแววตาของเป่ยหมิงเต๋อเซิ่ง จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนกับที่เห็นไม่แน่ สามีที่ดีของฮองเฮา เป่ยหมิงเต๋อเซิ่งก็เป็นหนึ่งในตัวละครที่ขาดไม่ได้เช่นกันแล้วหันมาดูกล้วยไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างดีในสวน ก็อดรู้สึกถากถางไม่ได้“เป่ยหมิงโยวหลานรู้เรื่องนี้หรือไม่?”หมอเทวดาเผยส่ายหัว“เรื่องนี้เป็นความลับของพระราชวัง ข้าเองก็รู้ความจริงเพียงผิวเผิน จากการสืบหาความจริงหลายทาง”“แม้ฝ่าบาทเอาใจใส่ฮองเฮามาก ถึงขั้นมาขอร้องข้าเพราะเรื่องของฮองเฮา”“แต่มีเรื่องมากมายที่เขาไม่รู้”กู้หว่านเยว่หรี่ตาเป่ยหมิงโยวหลานนะเป่ยหมิงโยวหลาน ถ้าหากเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้ามีชีวิตที่สุขสบายในมือของเจ้า วันข้างหน้าข้าจะบอกความจริงกับเจ้า อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ต้องเป็นคนโง่ตลอดไป“พอแล้ว ท่านอย่ายุ่งกับเรื่องนี้มากนักเลย และ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1840

    หมอเทวดาไอกระแอมหนึ่งเสียง “ไว้ข้าค่อยจ่ายยาช่วยปรับจิตใจให้สงบก็แล้วกันเขาต้องรีบเผ่นแนบก่อน ไม่อยากได้ยินความลับอะไรจากที่นี่กู้หว่านเยว่ดูเหตุการณ์ไม่นาน ก็นำแผ่นกระเบื้องกลับมาวางตามเดิมอย่างเบามือที่สุด จากนั้นก็ลงจากหลังคาอย่างเงียบเชียบที่สุดหลังจากกลับมายังเส้นทางปกติแล้ว ก็บังเอิญเจอกับนางกำนัลน้อยสองสามคนกำลังจับกลุ่มคุยกันพอดีกู้หว่านเยว่เดินออกมาจากดงดอกไม้ สร้างความตกใจให้พวกนางไม่น้อย“ใครกัน?”“ข้าคือลูกศิษย์ของหมอเทวดาเผย ออกมาชมแสงจันทร์ แต่กลับหลงทาง ไม่รู้ว่าพวกพี่สาวจะช่วยนำทางข้าได้หรือไม่” กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างสุภาพและอ่อนโยนนางกำนัลเหล่านี้ต่างรู้จักหมอเทวดาเผย ครั้นได้ยินกู้หว่านเยว่บอกว่านางคือลูกศิษย์ของหมอเทวดาเผย ก็วางใจ“ที่แท้ก็ศิษย์เอกของหมอเทวดาเผยนี่เอง เป็นพวกเราเองที่มีตาหามีแววไม่”นางกำนัลหนึ่งในนั้นเอ่ยว่า “ข้ารู้ที่อยู่ของหมอเทวดาเผย เชิญคุณชายตามข้ามาเถอะ”“เช่นนั้นคงต้องรบกวนพี่สาวแล้วล่ะ”นางกำนัลทั้งสองคนเดินนำทาง กู้หว่านเยว่พูดคุยกับพวกเขาไปเรื่อยเปื่อย“ข้ามาแคว้นโยวหลานเป็นครั้งแรก ในแคว้นโยวหลานแห่งนี้มีดอกไม้มากมายจริง ๆ”

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1839

    เพียงแต่ทันทีที่บุรุษวัยกลางคนเดินรุดหน้าเข้าไปถึง สตรีผู้นั้นก็ยกมือตบอย่างเต็มแรง“อย่าเข้ามา บอกว่าอย่างเข้ามา......”“อ๊าก!”เล็บมือของสตรีผู้นั้นยาวมาก บนหน้าของบุรุษจึงเกิดเป็นบาดแผลเลือดซิบเขาร้องโอดครวญเสี่ยงต่ำน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “ข้าให้พวกเจ้าตัดเล็บให้ราชินีแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงยังไว้ยาวเช่นนี้อยู่อีก?”“ฝ่าบาททรงระงับโทสะ”เหล่านางกำนัลต่างตัวสั่นงันงก พากันคุกเข่าลงพื้นเวลานี้ กู้หว่านเยว่ที่มองเหตุการณ์อยู่ด้านบนก็เข้าใจสถานะของคนเหล่านั้นในทันที ที่แท้สตรีที่กำลังคลุ้มคลั่งผู้นี้ก็คือราชินีแห่งแคว้นโยวหลาน ส่วนบุรุษที่ยืนอยู่ด้านข้างก็คือราชาแห่งแคว้นโยวหลาน“มิน่าล่ะ พวกเขาถึงไม่อยากให้หมอผีของแคว้นโยวหลาน แต่ไปตามหมอเทวดาจากข้างนอกมาแทน”กู้หว่านบ่นงึมงำเหมือนอาการป่วยนี้ ต่อให้อยู่ในยุคปัจจุบันก็ยังไม่มีวิธีการรักษาที่ดี นับประสาอะไรกับยุคโบราณที่การแพทย์ยังล้าหลังเช่นนี้คาดว่าหมอผีของแคว้นโยวหลานคงจะหมดหนทางกับอาการป่วยของราชินีแล้ว ภายใต้ความจนปัญญาของเขา คงทำได้แค่เรียกหมอเทวดาเผยที่เลื่องลือว่าเป็นหมอแห่งปาฏิหาริย์เข้ามาแทนกู้

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status