Home / แฟนตาซี / ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย / ตอนที่ 41 :  ขั้วอำนาจทั้งสองในหมู่นักเรียนผู้กล้า

Share

ตอนที่ 41 :  ขั้วอำนาจทั้งสองในหมู่นักเรียนผู้กล้า

last update Last Updated: 2025-04-11 15:30:58

          หลังจากกองทหารของฮันซี่กลับมาจากภารกิจค้นหาตัวกรที่ถูกวาร์ปเข้าไปในมหาดันเจี้ยนโบราณ ก็ผ่านมาแล้วถึงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่กรชนะทศกัณฑ์และเคลียร์ดันเจี้ยนสุดหฤโหดได้พอดิบพอดี...

          หากปล่อยไว้นานนักเรียนผู้กล้าทุกคนจะยิ่งระสับระส่าย ดังนั้นพอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ฮันซี่จึงเรียกรวมตัวทุกคนแล้วประกาศเรื่องที่กรเสียชีวิตไปแล้วในดันเจี้ยนอย่างเป็นทางการในทันที

          และแน่นอนว่านั่นทำให้ทุกคนช็อคมาก แต่ไม่ได้หมายความถึงว่าตกตะลึงเมื่อเพื่อนร่วมโรงเรียนอย่างกรตาย เพราะนักเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบกรมากนัก... แต่เป็นความตกตะลึงจากการที่มีคนตายจากอุบัติเหตุในการฝึก ทำให้ตระหนักได้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในโลกที่สงบสุขอีกต่อไปแล้ว และกำลังถูกฝึกเพื่อเป็นทหารไปสู้รบกับเผ่าอื่น เนื่องจากนั่นเป็นทางเดียวที่จะได้กลับบ้าน แถมนั่นยังเป็นแค่เรื่องแต่งของพระราชาอีกต่างหาก นั่นจึงทำให้ทุกคนหดหู่ไปนานมากเลยทีเดียว แต่ฮันซี่ก็ไม่ใจร้ายไส้ระกำขนาดที่จะบังคับนักเรียนที่ไม่มีกระจิตกระใจฝึก เขาจึงปล่อยให้ทุกคนจัดการความคิดของตัวเองอยู่นานพอสมควร จนกว่าที่งานศพของกรจะจบลง...

❖❖❖❖❖

          ข้างในโลงศพมีเพียงแขนซ้ายของกรถูกพันผ้าสีขาวไว้เท่านั้น ตัวโลงวางไว้บนโต๊ะไม้คล้ายกับนั่งร้านต่ำๆ ชิดกับกำแพงห้องโถงห้องหนึ่งในราชวังตรงจุดที่อยู่ในสุด ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้มากมายหลายชนิด ด้านหน้าก็มีรูปภาพของกรเป็นสีขาวดำโดยใช้เวทย์มนต์จำลองออกมา พร้อมถึงมีกระโถนปักธูปเทียนและพวงหรีด ตามพิธีศพของไทย ดังที่พวกรินขอไว้ แล้วพอเคารพศพเสร็จในวันนี้ก็จะนำทั้งโลงไปฝังโดยที่ไม่มีการสวด และจะสร้างป้ายหลุมศพตามประเพณีทหารของกองอัศวินอาณาจักรอาลันต่อไป...

〝ริน... ไม่เป็นไรใช่ไหม?〞

〝เนย... อื้ม ไม่เป็นไรหรอก...〞

          รินคลานเข่าออกมาอย่างสุภาพหลังจากที่ทำการนำธูปไปปักพร้อมกับเพื่อนสนิทสาวอีกคนซึ่งก็คือเนย ที่ทำผมทรงทวินเทลแบบต่ำสุดๆนั่นเอง พอเห็นว่ารินดูเหนื่อยล้า เธอจึงถามออกมาด้วยความเป็นห่วง แต่รินที่บอกว่าไม่เป็นไรก็ดูไม่ค่อยหน้าเชื่อถือเท่าไหร่... แต่ก็แหงหล่ะ ผู้ชายที่ตัวเองชอบต้องมาด่วนจากไปแบบนี้ ใครหล่ะจะไม่เจ็บ... เนยคิดแบบนั้นอยู่ในใจจึงไม่ได้ซักไซ้ไล่ความต่อ แล้วเดินออกไปให้คนอื่นมาเคารพศพกรบ้าง

〝ริน มานี่แปปนึงสิ!!!〞

〝อืมชาญ! แปปนึงนะเนย เดี๋ยวฉันกลับมา!〞

〝อย่าฝืนหล่ะริน!〞

〝อื้ม!〞

          รินถูกชาญกวักมือเรียก เธอจึงรีบวิ่งไปหาโดยที่มีอลิซและโชตยืนรออยู่ด้วยเหมือนกัน

〝มีอะไรเหรอชาญ?〞

〝ริน... เธอคงไม่ได้บอกเนยใช่ไหม ว่ากรยังไม่ตายหน่ะ...〞

〝อย่าห่วงเลย... ฉันยังไม่ได้บอกใครเลย...〞

〝อื้ม ดีแล้วหล่ะ...〞

          ชาญเตือนรินอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เธอเผยความลับโดยไม่จำเป็น รินเองก็พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง โดยที่หันหน้าไปมาเพื่อระวังว่าจะมีคนได้ยินรึเปล่าด้วยเช่นกัน

เรื่องที่กรยังไม่ตาย ต้องเก็บเป็นความลับ...

ปากของชาวบ้านมันไปไวกว่าแสงเสียอีก... ถ้าเกิดแพร่งพรายออกไปแม้เพียงคนเดียว มันต้องไปถึงหูของคนที่ไม่อยากให้รู้ที่สุด... ต้องไปถึงหูของเสือแน่นอน

เพราะงั้นไม่ใช่แค่ไม่บอกใคร... แต่ต้องพยายามทำเป็นว่ากรตายไปแล้วด้วย... นี่คงจะดีที่สุดแล้ว

นี่คงเป็นเรื่องที่เราควรทำในเวลาเดียวกับแผนการตามหากรในระยะยาว

ก็รู้ว่ามันยากหล่ะนะ แต่ก็คิดวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้ว————

〝ว้าๆ!!!! นี่มันแย่จริงๆเลยแฮะ... เป็นเพราะไอ้โอตาคุแท้ๆ ทุกคนถึงสลดกันหมด...〞

〝〝〝!!!!!!〞〞〞

          เสียงของคนบางคนพูดโพล่งออกมากลางงานศพของกรขัดจังหวะความคิดของชาญอย่างหน้าระรื่นและไร้มารยาท ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นคนที่ชาญกลัวที่สุด เสือนั่นเอง...

〝ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมื่อปีที่แล้วหรือตอนนี้ ไอ้โอตาคุนี่ก็สร้างปัญหาให้พวกเราตลอดเลยน้า〞

          เพราะกรถูกดูแคลน อลิซและโชตจึงกำหมัดแน่นและเตรียมอ้าปากตะโกนกลับไปแล้ว เพียงแต่ถูกชาญจับมือไว้ และมองด้วยสายตาจริงจังว่าให้ใจเย็นๆไว้ก่อน

แล้วซักพักความไม่พอใจนั้นก็ถูกส่งต่อไปยังคนที่อยู่ในงานศพด้วย...

【จะ... จริงด้วย เพราะหมอนี่นั่นแหล่ะ!!!!! 】

【เดี๋ยวสิ... เขาตายแล้วนะ มาพูดถึงคนตายเสียๆหายๆแบบนี้หน่ะมัน....】

【จะ... จริงด้วย เพราะหมอนี่นั่นแหล่ะ!!!!! 】

【ใครสนกันเล่า! เป็นเพราะมัน... เป็นเพราะมันคนเดียว พวกเราถึงตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้!!!!】

【อะไรกัน... โทษเขาคนเดียวแบบนั้นมันไม่ถูกนะ!!!】

【เดี๋ยวสิ!  ใจเย็นกันหน่อยทุกคน!! 】

          เหล่านักเรียนที่ถูกปลุกปั่นด้วยคำพูดไม่กี่ประโยคของเสือ เริ่มโต้เถียงกันด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย ทั้งยังโทษว่าเป็นความผิดของกรที่ตายไปแล้วอย่างไร้แก่นสารอีกต่างหาก ด้วยคำพูดที่ทำให้ทุกคนนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมา นั่นจึงยิ่งทำให้ความเกลียดชังในตัวกรเพิ่มขึ้นในหมู่คนส่วนใหญ่เป็นอย่างมากทั้งที่กำลังอยู่ในงานศพของกรแท้ๆ

          และแน่นอนว่าคนที่กำลังกัดฟัน และได้แต่ดูอยู่เฉยก็มีแต่พวกรินเท่านั้น เหมือนกับตอนที่เสือแฉสเตตัสของกรในตอนที่มาโลกนี้ครั้งแรก พวกรินยังคงทำได้แต่ดูอยู่เฉยๆ... ทำไมงั้นเหรอ? นั่นเป็นเพราะสาเหตุของความเกลียดชังในตัวของกรนั้น มันมาจากความสัมพันธ์ของทั้งห้าคนยังไงหล่ะ

          รินและอลิซนั้นชอบกรที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กมาตั้งแต่ช่วงประถมแล้ว เพียงแต่ความรู้สึกพึ่งจะมาชัดเจนเอาก็ตอนที่พ่อแม่ของกรเสีย... พอขึ้นมา ม.ปลาย ที่เป็นช่วงวัยคะนองและหัวลิ้วหัวต่อ ทั้งอารมณ์ยังแปรปรวนง่ายจากหลายๆสาเหตุ ทั้งปัญหามากมายรุมเร้าและฮอร์โมนในตัวเปลี่ยนไปในวัยรุ่นอายุเท่านี้ และที่แน่นอนที่สุดก็คือ ปัญหาเรื่องความรักนั่นเอง…

          รินและอลิซสนิทสนมกับกรมากทั้งที่โรงเรียนและนอกโรงเรียน แต่ดูเหมือนจะสนิทมากไปหน่อย... มากเสียจนนักเรียนชายคนอื่นต่างพากันอิจฉา เพราะทั้งสองคนเป็นถึงระดับไอดอลของโรงเรียน... ในช่วงแรกก็เป็นแค่ความไม่พอใจธรรมดา แต่พอพวกผู้ชายทั้งหลายถูกปฏิเสธบ่อยๆเข้า มันก็เริ่มทับถมขึ้นจนกลายเป็นความริษยาและความเกลียดชังในตัวกรที่ไม่มีอะไรซักอย่างแต่กลับถูกห้อมล้อมไปด้วยบุปผางามที่ทุกคนหมายปอง นั่นจึงเป็นผลลัพธ์ของความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเกินไปของทั้ง 5 คน

          แม้ความจริงจะเป็นเพราะกรต้องทำตัวธรรมดา เพื่อปิดเรื่องสุดยอดการประมวลผลไว้ตามคำแนะนำของคุณหมอ เขาเลยจงใจทำให้ทั้งคะแนนสอบและความสามารถทางกีฬาอยู่ต่ำกว่ามาตรฐานเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดเรื่องที่ว่าจะเป็นจุดสนใจเพราะมีรินและอลิซมาเกาะติดแม้แต่น้อย... ครั้นจะไล่ทั้งสองคนหรือตีตัวออกห่าง กรก็ไม่อยากทำ... ไม่สิ ไม่มีวันทำต่างหาก พวกรินและอลิซเองก็พอรู้อยู่ว่าควรจะเว้นระยะห่างบ้าง... แต่เป็นเพราะกรบอกว่า ไม่ต้องแคร์เพื่อรักษาน้ำใจของทั้งสอง ที่ไม่ต้องการให้กรโดดเดี่ยว เพราะไม่มีญาติเหลืออยู่ซักคน... กรจึงบอกปัดไม่ถูก

          และแล้วเรื่องที่ทำให้ความเกลียดชังในตัวของกรทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงขึ้นแตกหัก ที่คนเกือบทั้งโรงเรียนเกลียดกร ก็มาจากเสือนั่นเอง…

          ในช่วง ม.4 เทอมสอง เสือที่เพิ่งย้ายเข้ามาในโรงเรียนด้วยวิธีสรรหานักเรียนภายนอกในเครือเดียวกัน ก็เกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับพวกรุ่นพี่ทั้งในและนอกโรงเรียนเป็นประจำ... แต่แล้ววันหนึ่งที่เสือเห็นกรในโรงเรียน อยู่ดีๆก็เข้าไปท้าตีท้าต่อยกรอย่างไม่มีสาเหตุถึง 2 ครั้ง แล้วการทะเลาะครั้งที่สามนี้เอง ที่กรจงใจพูดบางสิ่งออกไปต่อหน้าไทยมุงจำนวนมากกว่าครึ่งของโรงเรียนเพื่อพุ่งเป้าความเกลียดชังมายังตัวเองอย่างจงใจ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กรเป็นจุดเริ่มต้นของความเกลียดชัง... ดังนั้นพวกรินจึงไม่อยากสร้างความเกลียดชังมากขึ้นไปอีก เพราะหากออกตัวปกป้องกระแสต่อต้านก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น พวกเธอจึงทำได้แค่นั้นมาตลอด แม้กรจะตายไปแล้ว แต่ความเกลียดชังก็ยังคงอยู่... พวกเธอจึงยังคงทำได้แค่กัดฟันเท่านั้น

〝ฉันที่เข้าไปด้วยก็ไม่เห็นเป็นอะไรแท้ๆ... เพราะอ่อนแอนี่แหล่ะน้าถึงทำให้ทุกคนลำบากหน่ะจริงไหม?〞

【ใช่แล้ว เพราะมันนั่นแหล่ะ!!!!! 】

【ถ้าทุกอย่างไปได้สวย เราก็จะได้กลับบ้านแล้วแท้ๆเชียว! 】

          เสียงก่นด่าเริ่มรุนแรงและเห็นด้วยกับเสือมากขึ้น ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยก็ได้แต่นิ่งเงียบเพราะสู้จำนวนไม่ไหว คำพูดที่ออกมานั้นทั้งไร้สาระและเป็นคำกล่าวโทษเกินจริงทั้งสิ้น แต่สาเหตุนั่นคงเป็นเพราะทุกคนต้องการหาที่ระบายความเครียดอีกเช่นเคยนั่นแหล่ะ สำหรับนักเรียนผู้กล้าส่วนใหญ่ กรเป็นตัวตนแสนชั่วร้ายไปตั้งแต่ที่ถูกเสือชักจูงไปเรียบร้อย และเดิมทีคนส่วนใหญ่ก็ทำเป็นเมิน ไม่ก็เห็นด้วยกับที่เสือแกล้งกรเป็นประจำอยู่แล้ว สถานการณ์จึงเป็นไปในทางที่เสือได้เปรียบด้วยประการฉะนี้ แต่ว่า....

〝ทุกคน สงบสติอารมณ์กันหน่อย!!!!〞

          เสียงของหญิงสาวที่ดูเคร่งขรึมตะโกนออกมาขัดจังหวะจนนักเรียนเกือบ 500 คนเงียบกริบ แต่เธอไม่ใช่ทั้งรินและอลิซ

          เธอใส่ชุดลำลองที่เป็นชุดสำหรับฝึกคล้ายชุดรัดรูปเหมือนกับทุกๆคน แต่ออร่าที่แผ่ออกมานั้น คือราศีของผู้สูงศักดิ์ ผมสีดำ เกล้าผมเป็นมัดไว้ด้านหลังศีรษะอย่างเรียบร้อย และติดกิ๊บไว้ที่ศีรษะด้านหน้าข้างขวาด้วย

〝โห๋! แม้แต่ประธานนักเรียนยังออกตัวปกป้อง... ไอ้โอตาคุนี่มันน่าอิจฉาจริงๆนะให้ตายสิ〞

〝เลิกเล่นลิ้นได้แล้วเสือ... นายกำลังทำให้ทุกคนแตกแยก!〞

          เธอคนนี้ก็คือ『อรัญญา  จรัสบวรกุล』หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนามประธานนักเรียน 2 สมัยตั้งแต่ที่อยู่ชั้น ม.4 เลยทีเดียว... เป็นคนที่ได้ชื่อว่าเคร่งครัดเรื่องระเบียบวินัยมากกว่าครูเสียอีก แถมว่ากันว่าสายตาของเธอที่ดูดุดันและเคร่งขรึมนั่นหนาวเย็นยิ่งกว่าแอร์ห้องปกครองเสียอีก

          อนึ่ง เธอเป็นคนส่วนน้อยที่รู้ว่ากรทำลงไปเพื่อให้ตัวเองตกเป็นเป้าความเกลียดชังเสียเอง เธอจึงไม่ได้เกลียดกร ทั้งยังชื่นชมอีกด้วย แต่ที่ไม่ออกตัวปกป้องตั้งแต่ที่กรโดนแฉก็ด้วยเหตุผลเดียวกับพวกริน... แต่เรื่องที่ว่าร้ายคนตายแบบนี้ ยังไงก็ยอมให้ไม่ได้ ด้วยคุณธรรมที่อยู่ในใจนี้เองที่ทำให้เธอกล้าเถียงกลับไป ทั้งในฐานะมนุษย์และในฐานะประธานนักเรียนอย่างองอาจ

〝แล้วมันยังไงกันหล่ะหืม? แตกแยกงั้นเหรอ? พวกเราเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่งั้นเหรอ?〞

〝อะ อะไรนะ!〞

〝เรื่องที่ทางนี้ต้องการหน่ะ คือ การกลับโลกเดิม ซึ่งจุดนี้เรามีเป้าหมายเดียวกัน... แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องร่วมมือกันนี่นาจริงไหม?〞

〝นาย!!! พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง!!!!〞

          ประธานตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจที่เสือพูดแบบนั้นออกมา แต่ก็พยายามใจเย็นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วจึงกอดอกตัวเองพร้อมกับวางท่าเหนือกว่าอีกครั้ง

〝นายคิดจะจัดการเรื่องนี้คนเดียวรึไง!!! คิดว่าจะทำได้รึไงกัน!!!〞

〝แน่นอนอยู่แล้ว!!! เดิมทีฉันไม่เคยคิดเชื่อใจอาณาจักรนี้แต่แรกแล้วด้วยซ้ำ!!!〞

〝ว่าไงนะ!!!〞

〝อย่าโลกสวยไปหน่อยเลยน่าคุณประธาน!!! คิดจริงๆเหรอว่าอาณาจักรนี้จะคุ้มครองเราได้... กรณีของไอ้โอตาคุก็เป็นตัวอย่างแล้วนี่!〞

〝อย่าอวดดีไปหน่อยเลย!!!  ที่นี่ไม่ใช่โลกเดิม... เราไม่รู้อะไรซักนิด คิดง่ายไปแล้วที่จะเอาตัวรอดในโลกนี้เองหน่ะ!〞

〝ก็ยังดีกว่าเป็นเบี้ยถูกใช้แล้วทิ้งก็แล้วกัน!〞

〝คนอย่างนายนี่มัน!!!〞

          ทั้งสองคนยังคงต่อล้อต่อเถียงกันไม่หยุด จากเรื่องที่กรเป็นต้นเหตุให้เส้นทางของทุกคนสั่นคลอน จนตอนนี้เรื่องบานปลายไปจนถึงความแตกแยกในหมู่คณะไปแล้ว ถึงขนาดที่ว่า มีคนคิดว่าสิ่งที่เสือพูดนั้นถูก แต่ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้ผิดเสียทีเดียว...

〝ทุกคนหล่ะว่ายังไง!!!! คิดจริงๆเหรอว่าถ้าอยู่ในความคุ้มครองของอาณาจักรแล้วจะปลอดภัย!!!〞

〝เดี๋ยว! หยุดนะ คิดจะทำให้กลุ่มแตกรึไง!!!〞

〝เรื่องนั้นไม่สำคัญอีกแล้ว!!! พวกนายคิดจริงๆเหรอว่าถ้าเป็นแบบนี้จะหาทางกลับบ้านได้หน่ะหา!!!〞

〝ทุกคนอย่าไปฟังนะ!!! ในอาณาจักรหน่ะมีพลังอำนาจเหนือกว่าข้างนอกนั่นนะ ยังไงต้องปลอดภัยกว่าอยู่แล้ว〞

〝อาณาจักรที่ไร้ความสามารถ  แถมยังหวังใช้เราเป็นเบี้ยหน่ะเหรอ หืม?〞

〝ฮึ่ย!!!〞

          เสือยังคงกดดันประธานนักเรียนต่อไป แถมยังพูดประโยคเชิญชวนพลางมองไปมาซ้ายขวาราวกับกำลังรับสมัครพรรคพวกอยู่ยังไงอย่างงั้น

          พวกนักเรียนผู้กล้าคนอื่นที่อยู่ในช่วงร้อนรน บางคนที่คิดว่าคำพูดของเสือมีเหตุผลก็เริ่มก้มหน้าครุ่นคิด และเห็นด้วยมากขึ้นอยู่ในใจ ส่วนพวกที่เห็นว่าอยู่ในอาณาจักรปลอดภัยกว่าก็ทำได้แค่เหงื่อตกเท่านั้น

          พวกที่เห็นด้วยเดินไปข้างหลังของเสือ ส่วนพวกที่เห็นด้วยกับประธานก็เดินเข้ามาด้านหลังของประธานนักเรียนด้วยเช่นกัน

〝นาย... คิดจะสร้างกองกำลังของตัวเองรึไงกัน!!!?〞

〝หึ! ก็แค่กำลังเอาชีวิตรอดอยู่เท่านั้นเองแหล่ะ!〞

          เหล่านักเรียนผู้กล้าเกือบ 500 คนถูกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายโดยที่ไม่มีการพูดจาอะไรทั้งสิ้น เพราะทุกคนต่างรู้ดีอยู่แล้วจากภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า

          ด้านหลังของเสือมีนักเรียนถึง 2 ใน 3 ของโรงเรียน หนึ่งในนั้นแน่นอนว่ามีลินดาและเชษฐ์ที่เป็นอดีตปาร์ตี้ของกรอยู่ด้วย

          ส่วนด้านหลังของประธานนักเรียนมีนักเรียนอยู่เพียงหนึ่งในสามเท่านั้น โดยที่พวกริน อลิซ โชต ชาญ รวมถึงเนยนั้นอยู่ในกลุ่มนี้

          กลุ่มของเสือมีความเป็นเอกเทศจากตัวอาณาจักร และคิดใช้พลังผู้กล้าของพวกตนหาทางกลับบ้านเองอย่างลำพอง ส่วนกลุ่มของประธานตั้งใจอยู่กับอาณาจักร เพื่อที่พอเป้าหมายสำเร็จจะได้กลับบ้านตามเป้าหมายตั้งต้น ด้วยเหตุนี้เหล่านักเรียนผู้กล้าจึงได้แตกแยกเป็นสองกลุ่มโดยมีเสือและประธานเป็นผู้นำตั้งแต่เวลานี้

❖❖❖❖❖

          หลังจากพิธีศพของกรจบลง ฮันซี่มีประกาศว่าหลังจากนี้สองสัปดาห์ เพื่อทดสอบความสามารถครั้งสุดท้าย เขาจะทำการปล่อยให้นักเรียนผู้กล้าทุกคนเดินทางด้วยตัวเอง เพื่อทำการฝึกฝนด้วยตัวเองในสายต่างๆตามที่ตัวเองต้องการอย่างอิสระ และหากต้องการก็สามารถทำงานในอาณาจักรนี้ได้ด้วยเช่นกัน แถมเวลานัดรวมตัวก็คืออีก 1 ปีให้หลังอีกต่างหาก ราวกับรู้ถึงความขัดแย้งในกลุ่มของนักเรียนผู้กล้าอยู่แล้วยังไงอย่างงั้น.... 

          นั่นจึงเป็นโอกาสดีที่กลุ่มของเสือจะแยกออกไปหาทางกลับบ้านเองแล้วไม่กลับมาที่อาณาจักรนี้อีกเลย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนกังวลขนาดนั้น เพราะดูเหมือนเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์บวกกับสเตตัสที่มากกว่าคนทั่วไปโขจะสร้างความชินในตัวนักเรียนผู้กล้าส่วนใหญ่ไปแล้ว จึงไม่มีใครบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจเลยจนกระทั่งพิธีฝังจบลง...

ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!———

          หลังจากพิธีฝังศพของกรจบลง พวกเสือและลูกกระจ๊อกทั้งสองต่างก็เดินไปที่ห้องพักก่อน เพื่อพักผ่อนตามคำสั่งของฮันซี่ ผ่านทางเดินหอพักชายชั้น 2

〝!!!〞

          แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเจอกับชายคนนึงที่ยืนกอดอกพิงกับผนังไม้ พลางยกแว่นขึ้นเล็กน้อยในตอนที่ทั้งสามคนเดินมาถึง

〝จะไฝว้เหรอว่ะ! อย่ามายืนขวางนะโว้ย!!!〞

〝พวกแกไปรอที่ห้องก่อน〞

〝แต่ว่าลูกพี่!!!〞

〝อย่าให้พูดซ้ำ ไปซะ!!!〞

〝ดะ ได้ครับ!!!〞

          ลูกกระจ๊อก A และ B ต่างพากันโกยแนบเมื่อเสือตะโกนบอกด้วยเสียงเย็นชา แล้วพอหายออกไปจากสายตาจนแน่ใจแล้ว เสือก็เป็นฝ่ายเริ่มถามคนที่พิงกำแพงอยู่... ถามชาญออกมาในทันที

〝คุณรองประธานมีธุระอะไรงั้นเหรอ?〞

〝นั่นน่าจะเป็นคำพูดของผมมากกว่า... นายคิดจะทำอะไร?〞

          ชาญเดินออกมาจากจุดที่พิง และยืนเผชิญหน้ากับเสือตรงๆ อนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำแบบนี้ ทั้งเสือและชาญต่างค่อนข้างไม่ตระหนกเมื่อยืนจ้องตากันหลังเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเป็นปกติอยู่แล้ว แต่หนนี้เสือกลับตอบชาญกลับไปตามตรงราวกับไม่สนใจอะไรว่า...

〝เป้าหมายของฉันไม่มีอีกแล้ว... เพราะงั้นก็ต้องกลับบ้านไม่ใช่รึไง〞

〝เป้าหมายที่ว่า.... กรใช่ไหม?〞

〝!〞

          เสือแสดงอาการตกใจเล็กน้อย แต่ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆครั้งนึงก่อนที่จะทำเป็นเมิน แล้วก็เดินเข้าหาชาญ แล้วก็เดินผ่านไปราวกับไม่สนใจ แต่แล้วคำพูดของชาญก็ดึงความสนใจของเสือกลับมาที่ตัวเองอีกครั้งจนได้…

〝ที่คิดคุมคนด้วยปากแบบนี้มันไม่ดีเท่าไหร่นะ... ผมว่าอำนาจของพ่อนายมันไม่ได้คุมกะลาหัวถึงต่างโลกนะเสือ〞

〝.......หืม? ตกใจจริงๆนะเนี่ย ไม่คิดว่าจะรู้ไปถึงขั้นนี้...〞

          เสือที่เดินผ่านไปแล้ว หันควับกลับมาในทันทีด้วยความสนอกสนใจ แต่ชาญก็ไม่ได้พูดต่อเพราะคิดว่าเสือคงเข้าใจดีอยู่แล้วว่าชาญหมายถึงอะไร...

          เรื่องที่กรถูกแกล้ง ไม่มีทางที่จะไม่ถึงหูครูแน่นอน... แล้วทำไมถึงไม่เกิดการลงโทษขั้นรุนแรงเสียที สาเหตุสำคัญนั่นก็เป็นเพราะ ความลับสุดยอดของเสือนั่นเอง ซึ่งก็คือความจริงแล้วเขา....  เป็นถึงลูกของนายกรัฐมนตรีเลยนั่นเอง และแม้จะเป็นลูกนอกสมรสก็ตามที แต่ยังไงก็ได้อำนาจของพ่อคุมกะลาหัวตามที่บอกอยู่ดี(คุณก็รู้ที่นี่ประเทศไ*ย) ส่วนเรื่องที่ไม่มีใครรู้นั่นก็เป็นเพราะเรื่องนี้เพิ่งถูกพิสูจน์เมื่อตอนเสืออยู่ ม.3 แถมตอนนี้ยังใช้นามสกุลของแม่อีกต่างหาก เลยทำให้มีเพียงอาจารย์ใหญ่และคณะบริหารบางคนเท่านั้นที่รู้...

          แต่วิธีแก้มันก็ไม่ได้มีวิธีเดียว... โซเชียลเน็ตเวิร์คเองก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้เรื่องที่เสือแกล้งถูกเปิดโปง พอมีหลักฐานออกสู่สาธารณะแบบนี้ ต่อให้ใหญ่มาจากไหนก็หนีไม่พ้นกระแสสังคมแน่นอน

          แต่น่าเสียดายที่กรทำแบบนั้นไม่ได้... นั่นเพราะหากทำแบบนั้น ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยสู่โลก... ความสามารถของกร สุดยอดการประมวลผลนั้นไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป หากออกสู่สาธารณะก็มีโอกาสที่ความลับจะถูกเปิดเผยสูง นั่นคือสิ่งที่คุณหมอของกรบอกและห้ามทำเป็นอันดับหนึ่ง  กรจึงไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกเสียจากยอมเป็นกระสอบทรายชั่วคราวนั่นเอง....

〝ผมหน่ะรู้เป้าหมายของนายอยู่แล้ว... เพียงแต่ไม่เข้าใจเหตุผล...〞

〝หืม? ไงต่อ〞

〝แล้วผมก็รู้ด้วยว่า... คนที่เป็นต้นเหตุให้กรติดอยู่ในดันเจี้ยนก็คือนาย〞

〝อ๋อเหรอ? แล้วไงต่อหล่ะ?〞

          เสือยังคงพูดกวนประสาทอยู่เรื่อยๆ แต่ชาญก็ยังใจเย็นพลางขยับแว่นอีกครั้ง แล้วชำเลืองมองเสือจากข้างหลังก่อนที่จะพูดต่อ

〝นายรู้มากกว่าที่ผมคิดไว้... แล้วคงรู้เรื่องความสามารถของกรด้วยสินะ... ถึงมีเป้าหมายแปลกๆแบบนั้น〞

〝หึ! แปลกงั้นเหรอ? เพราะงั้นแหล่ะ แกถึงได้ไม่เข้าใจ...〞

〝ใช่... ไม่เข้าใจ!〞

〝อ๋อเหรอ? งั้นเรื่องที่จะพูดก็มีเท่านี้ใช่ป่าว!〞

          เสือหันกลับไปทางเดิม แล้วก็รีบเดินเพื่อกลับไปที่ห้องของตัวเองโดยเมินคำพูดสุดท้ายของชาญที่บอกเขาว่า

〝นายต้องเสียใจทีหลังแน่ ที่ตัดสินใจแบบนี้...〞

เพราะกรหน่ะ... ยังไม่ตายยังไงหล่ะ

          ชาญคิดแบบนั้นก่อนที่จะเดินจากไปในทิศตรงกันข้ามกับเสือ...

❖❖❖❖❖

〝มีอะไรรึเปล่าครับลูกพี่!〞

〝ไม่มีอะไร! มันแค่มากวน〞

          เมื่อกลับมาถึงห้องลูกน้องก็ถามออกมาทันทีทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นปนเป็นห่วง เสือเองก็ตอบกลับไปอย่างไม่มีอารมณ์ ราวกับกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่

〝ลูกพี่น่าจะซัดมันให้เข็ดไปเลยนะครับแหม!〞

〝ใช่แล้ว! ลูกพี่ไม่เคยแพ้ใครเลยนี่นา น่าจะจัดมันซักดอก... เอาให้หงอไปเลย ฮ่าๆๆ!〞

          แล้วพวกลูกกระจ๊อกทั้งสองก็พากันหัวเราะขำก๊าก ในขณะที่ยกยอปอปั้นลูกพี่ตัวเอง แต่เสือกลับคิ้วกระตุกในจังหวะที่หนึ่งในลูกน้องของเขาบอกว่า 『ไม่เคยแพ้ใคร』 และนั่นก็ได้ทำให้เสือนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตขึ้นอีกครั้งนึง พร้อมกับเรียกชื่อหนึ่งออกมา...

〝.......ยักษ์สวมฮู้ด

〝〝!!!!〞〞

          ลูกน้องทั้งสองคนเบิกตาโพลงทันที ที่ได้ยินชื่อฉายานั้นออกมาจากปากของเสือที่เป็นลูกพี่อย่างกระทันหัน

〝มะ ไม่เอาน่า ลูกพี่! อันนั้นไม่นับสิครับ ฮะฮ่ะ ฮะฮ่ะ〞

〝ไอ้หมอนั่นมันสัตว์ประหลาดชัดๆเลยนะครับ〞

〝...............〞

          เสือยังคงนิ่งเงียบต่อคำบอกปัดของทั้งสองคน ซึ่งก็ไม่แปลก... เพราะในวงการนักเลงหรือพวกช่างกล รวมถึงพวกนอกกฏหมายหลายต่อหลายกลุ่มแล้วชื่อนี้ คือตัวตนที่มีชื่อเสียงถึงขนาดที่ไม่มีซักคนในวงการนี้ที่ไม่รู้จัก ในช่วงที่เขาอยู่ ม.2-ม.3

          『ยักษ์สวมฮู้ด』..... หนึ่งในตำนานประจำเมืองของพวกกร... มีพละกำลังมหาศาลราวกับยักษาสมชื่อ รวดเร็วดุจดั่งสายลม ทั้งยังมีความคล่องตัวสูง แถมยังสามารถหลบการโจมตีได้ทุกอย่างไม่แม้แต่กระสุนปืนตามคำเลื่องลือ... บ้างก็ว่าเป็นอดีตมาเฟีย บ้างก็ว่าเป็นอมนุษย์ที่มีตัวตนจริงๆ... แต่ทั้งหมดนั่นคือข่าวลือ... เพราะความจริงแล้วเขาก็คือมนุษย์เท่านั้นแหล่ะ เพียงแต่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้นเอง

          ส่วนสูงพอๆกับเด็ก ม.ต้นขึ้น ม.ปลาย ไม่รู้ทั้งเพศและชื่อ ไม่มีใครรู้อายุที่แท้จริง... ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีตัวตนจริงๆหรือไม่... แต่สำหรับคนที่เคยพบเห็นและเข้าไปปะทะนั้นยังคงตราตรึงใจในรูปของความเจ็บปวดอยู่เสมอ ซึ่งพวกเสือเองก็เป็นหนึ่งนั้นด้วย เรื่องที่รู้ก็มีเพียงแค่ มันสามารถหลบการโจมตีได้ทุกแบบแม้จำนวนคนจะมากกว่าสิบหรือสามสิบเท่าก็ตามที แถมยังไม่เคยได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าจะโดนรุมด้วยหมัด มีดพร้า ปืนปากกาก็ไม่เคยมีแผลเลยซักครั้ง... ทั้งยังไม่มีใครเคยเห็นหน้า จะรู้ว่าเป็นมันได้ก็ต่อเมื่อเห็นคนที่ว่าสวมเสื้อกันหนาวสีดำคลุมฮู้ดไว้ที่ศีรษะจนเห็นแค่ปากอยู่ตลอดเวลา ที่กลางหลังมีรูปหน้ายักษ์สีเขียวสะท้อนแสงเป็นเงาเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเลียนแบบได้เอาไว้เท่านั้น

          วีรกรรมของมันเป็นที่โจษจันมาก จนกระทั่งช่วงที่พวกกรก่อนจะขึ้น ม.ปลาย เทอมนึง มันก็ได้หายตัวไปอย่างลึกลับและไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย จนตอนนี้ได้กลายเป็นตำนานประจำเมืองไปจริงๆเสียแล้ว... และแน่นอนว่าจนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า『ยักษ์สวมฮู้ด』ที่ว่าเป็นใครมาจากไหน... หากแต่คนที่รู้ ต้องเป็นคนที่รู้เรื่องของบุคคลที่มีความสามารถจำเพาะแบบที่ว่านี้เท่านั้น ซึ่งคงมีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง...

〝ไม่จำเป็นต้องคิดถึงมันหรอก....〞

〝ลูกพี่?〞

          เสือเดินไปนั่งไขว่ห้างที่เก้าอี้ช้างหน้าต่าง มองออกไปยังท้องฟ้าที่อยู่แสนไกล พลางทำหน้าเสียดายบางอย่าง เท้าคางด้วยมือขวาก่อนที่จะพูดออกมาว่า...

〝『ยักษ์สวมฮู้ด』นั่น... ฉันฆ่ามันไปแล้ว〞

〝〝!!!!?〞〞

          ลูกน้องทั้งสองตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้นออกมาจากปากของเสืออย่างเย็นชา แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมห้องนั้นไปพักนึง ก่อนที่จะถึงเวลาฝึกซ้อมประจำวันของเหล่านักเรียนผู้กล้า...

❖❖❖❖❖

【สำเร็จจนได้นะไอ้หนู! 】

          เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นในสติของกรอีกครั้ง ทั้งยังพูดจาด้วยความสนิทสนมอีกต่างหาก แต่กรก็กลับไม่ได้ตระหนก และตอบกลับไปด้วยเสียงโมโนโทน...

นายมัน... คนที่โผล่มาในหัวฉันตอนที่จุติครั้งที่ 3....

【ใช่แล้ว!!! น่าดีใจจริงๆที่ยังจำกันได้...】

แล้วมีธุระอะไรกัน.... ว่าแต่ที่แสดงความยินดีนี่... แสดงว่าฉันยังไม่ตายใช่ไหม?

【ที่จะพูดคือเรื่องนั้นนั่นแหล่ะ! สุดยอดไปเลยนะที่สามารถจุติครั้งที่ 4 ได้... ทั้งที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนแท้ๆเชียว 】

อืม... ก็ไม่เกินความคาดหมายเท่าไหร่

【ไม่ตกใจเท่าไหร่เลยนะไอ้หนู】

ไม่มีอะไรจะเหนือความคาดหมายไปกว่านรกนั่นอีกแล้วหล่ะ....

【งั้นเหรอ... คงลำบากมาเยอะมากสินะ... ขอโทษด้วยจริงๆ... 】

ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องขอโทษ... หรือไม่งั้นคงต้องเคลียร์กันหน่อยถ้านายมีเอี่ยวกับเรื่องนี้หน่ะนะ

【หน้ามือเป็นหลังมือเชียวนะไอ้หนู... แต่ถ้าถามว่าข้าเกี่ยวไหมหล่ะก็ ต้องบอกว่าเกี่ยวเต็มๆเลยหล่ะนะ... 】

ถ้าเจอกันฉันอัดแกแน่...

【ฮะฮ่ะฮ่า! เจ้านี่ยังน่าสนุกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย... คึกคักแบบนี้ค่อยวางใจหน่อย】 

อย่าเปลี่ยนเรื่อง...

【ไม่ต้องห่วง... บอกไปแล้วนี่ ว่าอีกไม่นานเจ้าจะรู้เอง... 】

แล้วจะโผล่มาทำไม?

วูม!

        เหมือนกับเหตุการณ์ที่กรจุติครั้งที่ 3 ระหว่างการสนทนาก็ได้มีแสงสว่างสะท้อนเข้ามาในทัศนวิสัยของเขา เป็นอีกครั้งที่บ่งบอกว่ากรกำลังจะตื่นขึ้นจากภวังค์สู่โลกความเป็นจริง

【เฮ้อ! น้อยชะมัด ทั้งที่ข้ายังอยากคุยกับเจ้าอีกหน่อยแท้ๆ... 】

ถามสุขภาพกันบ้างเหอะตาแก่…

【โห๋! เรียกข้าแบบเดียวกับเมื่อก่อนเลยงั้นรึเนี่ย... ช่างเป็นความบังเอิญที่น่ากลัวจริงๆ... 】

ไม่ชอบเลยแฮะ ที่ตกเป็นรองในด้านข้อมูลแบบนี้เนี่ย

【ก็บอกแล้วไงว่าอีกไม่นานเจ้าจะรู้เอง... แล้วที่ข้ามานี่ก็มาเพื่อจะแสดงความยินดีเท่านั้นไอ้หนู... 】

กวนประสาทนี่ นับเป็นการแสดงความยินดีงั้นเหรอ?

【เจ้าเองก็กวนเหมือนกันนั่นแหล่ะ.... 】

วูม!

          แสงสว่างเริ่มจ้าขึ้น จนสติเริ่มเด่นชัด พร้อมๆกับเสียงของชายวัยกลางคนที่เริ่มเบาบางลง ชายกลางคนคนนี้จึงรีบตัดเข้าประเด็นสำคัญในทันที

【ไอ้หนู... ข้ารู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรขอให้เชื่อใจ... แต่เจ้าควรจะไว้ใจฟรังซ์ ออลเดล 】

หืม? เอาเถอะ... นั่นค่อยคิดหลังจากตื่นก็ได้... ว่าแต่รู้จักไอ้เด็กนั่นด้วยงั้นเหรอ?

【ใช่แล้ว รู้จักดีเลยหล่ะนะ... แล้วก็เรื่องสุดท้ายไอ้หนู ข้าขอแสดงความยินดีแก่เจ้าอีกครั้ง——— 】

          ก่อนที่แสงสว่างจะเข้าโอบล้อมสติจนกรตื่นขึ้นมา ชายวัยกลางคนก็ปรับเปลี่ยนน้ำเสียงจนฟังดูเป็นทางการและจริงจัง ก่อนที่จะกล่าวยินดีกับกรว่า...

【———เจ้าสามารถเคลียร์หนึ่งในมหาดันเจี้ยนโบราณทั้ง 8 ได้สำเร็จจริงๆด้วย เก่งมากไอ้หนู… ยินดีด้วย!!!  】

          แล้วกรที่ยังไม่ทันได้ตอบกลับชายวัยกลางคน ก็ฟื้นชีพจากความตายอีกเป็นครั้งที่ 4 แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ...

          ตอนนี้กร ได้กลายเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก... ไม่สิ เป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลไปแล้ว…

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 225 : ความสำเร็จเกิดจากการยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง (จบบทที่ 4)

    ช่วงหลังมานี้... หลังจากที่เหล่าภรรยาของฉันได้รู้ทุกอย่างและยอมรับสิ่งที่ฉันเป็นหรือเจอมา จำนวนครั้งที่ฝันร้ายก็ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดใช่ มันไม่ได้หายไปหรอก... ฉันรู้ตัวดี และสัมผัสได้ก็เพราะความกังวลยังมีอยู่นั่นแหละนะแต่ก็ต้องขอบคุณความอ่อนโยนของทุกคน มันถึงไม่ได้เลวร้ายเหมือนเมื่อก่อนเพราะมีพวกเธออยู่เคียงข้าง ฉันเลยไม่ได้กลัวจนสติแตกเหมือนเมื่อก่อนแล้วใช่... ต่อให้ฝันร้ายถึง ‘เรื่องในอดีต’ ฉันก็ไม่ได้กลัวหรือว่าเศร้าอีกแล้วเพราะงั้น... ความรู้สึกปั่นป่วนในอกนี่ จึงใกล้เคียงกับความกังวลมากกว่า กรรู้สึกชื่นชมความใจเย็นของตัวเอง มั่นใจว่าอย่างน้อยมันก็ดีขึ้นกว่าก่อนแน่ ไม่อย่างนั้น... ภาพของชายหาดที่เต็มไปด้วยซากศพรอบกายของเขา คงทำเอารู้สึกผิดจนทรมานตัวสั่นไปแล้วเป็นฝันร้ายที่ไร้รสนิยมซะจริง กรรู้สึกขนลุกจนหน้าเหยเกแม้จะรู้ว่าทั้งหมดเป็นแค่ความคิด ด้วย ‘สุดยอดการประมวลผล’ มันไม่ยากอยู่แล้วที่จะรู้ตัวขณะหลับ ...มันสุดยอดจนถึงกับรู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นสาเหตุของการฝัน ชายหาดนี้ไม่ใช่ที่ที่กรรู้จัก แต่จำนวนศพที่มากขนาดนี้ เดาได้เลยว

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 224 : ผีเสื้อกระพือปีก สะเทือนถึงผืนฟ้าแลสะท้านถึงอเวจี

    ————สามวันต่อมา, ทวีปอีเดน - ใจกลางเมืองหลวงแอสการ์ด ใจกลางทวีปอีเดนนั้น ปกติแล้วคือสวนอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่าเทพผู้ปกครอง ซึ่งมีไว้ใช้เพื่อกำหนดทิศทางของสรวงสวรรค์หรือหมายรวมถึงโลกมนุษย์เบื้องล่าง ถนนสายหลักของตระกูลทั้งเจ็ดล้วนแล้วแต่เข้ามาบรรจบ ณ ที่สวนพฤกษานี้ เมื่อไรก็ตามที่มีหัวหน้าตระกูลมาเยือน ทางเข้าของสวนจากถนนเส้นนั้นจะมีมือขวาข้ารับใช้เฝ้าถนนเส้นนั้นไว้เป็นปกติ ...ทว่าในวันนี้กลับแตกต่างเป็นพิเศษ เพราะจำนวนข้ารับใช้ของทั้งหกตระกูลที่มานั้นมีจำนวนกว่าร้อยคน แถมทางเข้าสวนจากถนนแต่ละเส้นยังติดธงประดับตราประจำตระกูลอีก ซ้ำร้าย... ธงที่ว่ายังเป็นลักษณะเดียวกับที่ใช้ในสงคราม มันเคยถูกใช้ทั้งกับจอมมารในอดีตกาลหรือกับราชาปีศาจในปัจจุบัน นั่นแลคือสัญญาณบ่งบอกความรุนแรงของสถานการณ์ในตอนนี้ โดยเฉพาะใจกลางสวนพฤกษา ที่ตั้งของโต๊ะกลมทำจากหินอ่อนซึ่งเป็นสถานที่ประชุมของเหล่าหัวหน้าตระกูลยกเว้นกาบริเอล สีหน้าทุกคนนั้นอยู่ไม่สุข ทั้งกังวลและโกรธเกรี้ยวบ้าง สับสนบ้าง ...และสาเหตุของเรื่องนั้น ก็คือกระดาษแผ่นน

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 223 : ความหวังและสิ้นหวัง คือสองด้านของเหรียญที่ชื่อศรัทธา

    หลังจากที่อัพเดทข้อมูลกับเหล่าสหายภาคีโต๊ะจัตุรัส กรก็ต้องกลับไปแต่งชุดเพื่อเข้าพิธีรับมอบรางวัลต่อ เพราะตัวเอกของงานคือพวกกรทั้ง 4 ฝ่าย และมีเหล่าราชาจากอาณาจักรในสังกัดสภาโลกเป็นผู้มอบรางวัล นั่นหมายความว่าเหล่าภรรยาของกรที่เป็นกำลังหลักในการปราบอาร์เคมีดีสก็ต้องร่วมงานรับรางวัลด้วย ไม่สิ... ‘ดาร์คไนท์ซิริอุส’ ที่เป็นกำลังหลักนี่แหละคือตัวเอกหลักของงาน ไม่ร่วมเห็นทีคงจะไม่ได้เพราะงั้นพวกเราก็เลยได้ห้อง VIP ไว้แต่งตัว ต้องขอบคุณแอนดรูว์เลยแหละแล้วระหว่างที่รอสาว ๆ เขาแต่งองค์ทรงเครื่องกัน ฉันก็ไปอัพเดทข้อมูลรอถึงจริง ๆ จะอยู่ในห้องตอนสาว ๆ แต่งตัวได้แบบไม่เป็นไรก็เถอะ (ก็เห็นกันทุกซอกทุกมุมแล้วนี่นา)แต่ในแง่ของความรู้สึก... ขืนจ้องของสวย ๆ งาม ๆ ขนาดนั้นนานเข้า พูดตามตรงว่ามันจะของขึ้นจนไม่เป็นอันทำงานเอาน่ะสิฉันก็รู้นิสัยตัวเองดีอ่ะนะ เลยขอป้องกันไว้ก่อนดีกว่า กรอมยิ้มแห้งกับขีดจำกัดของตัวเองเหมือนทำใจ ก่อนเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เขากับสาว ๆ เช่าพัก“อ๊ะ! กรกลับมาแล้ว!”“เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหมกร?” มีอากับรินเดินเข้ามารับกรก่อนใคร

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 222 : แก้โจทย์ได้เมื่อใด ปัญหาใหม่ย่อมตามมาเสมอ

    หลังจากที่เมอร์ลินบอกว่าเครื่องเคลื่อนย้ายออกแบบเสร็จแล้ว พวกเราก็ทำตัวเอื่อยเฉื่อยกันอีกแปปนึงก่อนจะกลับบ้านพวกเราแจ้งข่าวเรื่องนี้กับทุกคน โดยเฉพาะรินกับอลิซพวกเธอดีใจเข้ามากอดแล้วก็ร้องไห้โฮใหญ่เลยแต่ก็ช่วยไม่ได้หรอก ก็จากบ้านมากตั้ง 5 เดือนแล้วนี่นาไหนจะทั้งคุณลุง คุณน้าที่รออยู่ที่บ้าน... ชีวิตประจำวันที่ผ่านมาตลอด 17 ปีมันทดแทน 5 เดือนไม่ได้หรอก (ถ้าไม่นับเรื่องที่ได้คบกันล่ะนะ)เพราะงั้นจะอยากกลับไปก็คงไม่แปลกเราเองก็เถอะ... ถึงกลับบ้านไปจะไม่มีใครอยู่แล้ว แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยความทรงจำที่ทำให้เราเป็นอย่างทุกวันนี้เป็นสถานที่ให้กำเนิดความฝันของเรา ...และเราก็ไม่ได้รังเกียจมันอีกแล้วด้วยเพราะงั้นเราจะกลับไปให้ได้! เครื่องมือมีพร้อมหมดแล้วที่เหลือก็มีแต่การจัดแจงสถานการณ์ ให้กลับไปได้โดยที่โลกเดิมไม่มีปัญหา...แต่เรื่องนั้นแหละที่ยากที่สุด❖❖❖❖❖————สองวันต่อมา, โรงแรมเดอะกลอรี่ ณ สหพันธ์แห่งความรุ่งโรจน์ หลังจากวันหยุดของกรและครอบครัวสิ้นสุด แผนการขั้นถัดไปของภาคีโต๊ะจัตุรัสก็เสร็จสมบูรณ์ด้วย ...และก็เป็นการเริ่มแผนด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนั้น ก

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 221 : สาวน้อยธรรมดา?แค่อยากใช้เวลาด้วยกัน ตอนจบ (Mia and Merlin have a Date)

    “โดนแกล้งอีกแล้วอ่า!”“น่า ๆ ไม่เป็นไรนะกร”“แล้วจะโทษใครได้ล่ะหืม?” ได้ยินแฟนหนุ่มเดินบ่นกลางป่า มีอากับเมอร์ลินจึงได้ลูบหัวปลอบใจไปคนละกรุบ ...ถึงต้นเหตุจะเป็นเพราะพวกเธออยู่แล้วก็เถอะว่าแต่ นี่เดจาวูป่ะเนี่ย?ไหงรู้สึกเหมือนเรื่องคล้าย ๆ กันเพิ่งเกิดขึ้นเลย“!!!?” ระหว่างที่คิดอะไรไร้สาระอยู่ มีอากับเมอร์ลินก็เข้ามาควงแขนกรเหมือนกับตอนที่มาถึง กรเลยคิดว่า ‘โอเค ช่างมันละกัน’ แล้วหันไปสนใจกับการเที่ยวลมชมวิวกับภรรยาทั้งสองดีกว่า จากก่อนหน้านี้... หลังจากพักผ่อนในตึกกลางสำหรับติดต่อ พวกกรก็ออกเดินเท้าไปตามทางที่ทำไว้ เห็นว่าหากเดินตามทางนี้จะสามารถชมวิวได้ครบทุกแห่งและวนไปยังกระท่อมที่จองไว้ได้พอดี“กรดูสิ! มีแม่น้ำด้วย!”“ตื้นพอให้ลงไปเล่นได้ด้วยแฮะ” มีอากับเมอร์ลินดูจะสนใจแม่น้ำทางขวาที่ทั้งสามกำลังเดินเลียบผ่าน ความใสของมันทำให้เห็นดินและกรวดก้นแม่น้ำได้ แถมความสูงของมันยังแค่ครึ่งแข้งเอง เรียกว่าเหมาะกับการเล่นสุด ๆ มีอากับเมอร์ลินจึงไม่รอช้า พวกเธอถอดรองเท้าแล้วจูงมือกรลงไปในแม่น้ำ“ไปกันเถอะกร! น่า

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 220 : สาวน้อยธรรมดา?แค่อยากใช้เวลาด้วยกัน ตอนต้น (Mia and Merlin have a Date)

    หลังจากถ่ายรูปกันอย่างหวานแหวว เวลาก็ยังเหลืออีกนิดหน่อย พวกเราเลยจะไปเดินเล่นกันต่อ...และแน่นอน คุณรินกับอลิซก็ยังคงตามแกล้งฉันเหมือนเดิมช่างใจร้ายเหลือร้าย ตั้งแต่ในโรงหนังแล้วนะ!มาปลุกเร้ากันขนาดนี้ในสถานการณ์ที่ทำได้แค่อดทน นี่มันการทรมานประเภทไหนกันเนี่ย!?เหมือนเอาเนื้อสเต็ก A5 มาจ่อลิ้นแต่ไม่ยอมให้กินเลยนะเฮ้ย!จะทั้งชาลอตกับซาช่าที่ขยันเซอร์วิสให้ตอนช่วงเช้า หรือรินกับอลิซที่มาแกล้งกันทั้งช่วงบ่ายฉันเลยต้องกัดฟันทนน้ำตาไหลเป็นโลหิตไปจนถึงตอนกลางคืนโน่นเลย!พอถึงเวลาหม่ำ ๆ ฉันก็เลยล้างแค้นด้วยการกินพวกเธอเกือบทั้งคืนจนแทบไม่ได้หลับได้นอนทำกันยังกับเป็นกระต่ายเลยเชียวล่ะ!...ก็ พอมานึกดู ฉันอาจจะหนักมือไปหน่อยแต่พวกเธอมาแกล้งฉันก่อนนี่หว่า! จะโดนเอาคืนมันก็ไม่แปลกนี่นา!!!เหมือนที่เคยมีใครบางคนพูดไว้นั่นแหละ‘ผู้ที่จะเขมือบได้ก็มีแต่คนที่เตรียมใจจะโดนเขมือบเท่านั้น’ อื้ม ๆ! กรตื่นเช้ามาก็พยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองใหญ่ทั้งที่ไม่จำเป็น แต่ก็ต้องขอบคุณศึกอันหนักหน่วงเมื่อวานด้วย ความงุ่นง่านในตัวกรเลยลดลงไปมากจนระบบความคิดปกติเริ่มกลับมาทำงาน เขา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status