Share

ถ้ำกลางป่า

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-03-24 03:40:41

ภาพตรงหน้าของซูเจินแปลกไป นางมองไปรอบๆ อย่างตื่นตระหนก แต่ตัวนางยังเป็นเด็กอยู่เช่นเดิม เพียงแต่นางสามารถเดินไปอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังพูดได้ชัดเจน

แต่ก่อนที่นางจะสงสัยไปมากกว่านี้ ก็มีทูตตัวน้อยปรากฏตรงหน้านาง

“คารวะนายหญิงแห่งมิติ”

“ข้ารึ” ซูเจินชี้ไปที่ตัวนาง

“เจ้าค่ะ ข้าคือทูตที่ดึงตัวท่านมาที่มิตินี่”

“เจ้าจะบอกว่า เจ้าคือดอกไม้ดอกนั้นรึ”

“เจ้าค่ะ”

“แล้วเจ้าพาข้ามาเพื่ออันใด”

“อีกไม่กี่ปีข้างหน้า แคว้นต้าเยี่ยนจะเกิดภัยแล้ง ต้นไม้เกือบทั้งหมดจะตายลง สัตว์ป่าไม่มีที่อยู่อาศัย ต่างล้มตาย สูญพันธุ์ จนสิ้น มีเพียงท่านที่มองเห็นข้า ข้าจึงได้พาท่านมาช่วยเจ้าค่ะ”

“แล้ว แล้วข้าจะทำได้หรือ”

“มือของท่านมีความลับมากกว่าที่ท่านรู้ ท่านไม่เพียงสื่อสารกับสัตว์ทุกชนิดได้ แต่มือของท่านจะช่วยฟื้นต้นไม้ที่ตายให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง”

“สวรรค์ นี่มันเรื่องอะไรกัน” ซูเจินก้มลงมองมือของนาง

“ท่านมี เสี่ยวเตี๋ย เสี่ยวมี่ เสี่ยวอี่อยู่ข้างกายท่าน ข้าจะอยู่ดูแลมิติของท่านให้เจ้าค่ะ”

“แล้วในมิติ คือสิ่งใด” ซูเจินยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ทูตน้อยบอกนาง

“ด้านในจะมีสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อท่าน ตอนนี้ท่านอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อท่านเติบโตขึ้น มิติจะเปลี่ยนแปลงตามช่วงอายุของท่านเจ้าค่ะ”

“เอ่อ ข้าเข้ามาด้านในเช่นนี้ แล้วด้านนอกเล่า ท่านพ่อท่านแม่ข้าคงตกใจไม่น้อย ข้าว่าข้าควรจะออกไปได้แล้ว”

“ได้เจ้าค่ะ หลันฮวาจะพาท่านออกไป”

ซูเจินรู้สึกเขินอายไม่น้อยที่นางไม่ได้ถามนางของทูตน้อย จนนางต้องพูดนามของนางออกมาเอง

“ข้าไม่ได้ตั้งใจ ที่จะลืมถามนามของเจ้า เพียงแต่ข้ายังตกใจไม่หาย”

“มิเป็นไรเจ้าค่ะ หลันฮวาเข้าใจ” นางก้มหัวลงให้ซูเจิน ก่อนจะส่งนางออกไปจากมิติ

ซูเต๋อกับจิ่วเม่ยตกใจไม่น้อยที่เห็นบุตรสาวของตนเองหายไปต่อหน้าต่อหน้า แล้วตอนนี้ทั้งคู่ยังไม่รู้ว่านางไปที่ไหน หายไปได้อย่างไร

รอเพียงชั่วจิบชา ซูเจินนางก็ปรากฏตัวออกมาด้านนอกอีกครั้ง ในตำแหน่งเดิน ซูเต๋อวิ่งเข้าไปอุ้มบุตรสาวเข้ามากอดไว้กับอกทันที

กว่าซูเต๋อและจิ่วเม่ยจะหายจากอาการตื่นตระหนกได้ก็ผ่านไปเกือบชั่วยาม ที่ทั้งสองต้องออกตามหาบุตรสาวที่หายไป

“พ่อ”

“แม่”

ซูเจินตะโกนเรียกบิดากับมารดาของนาง ซูเต๋อที่ได้ยินก่อนก็รีบวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งอุ้มซูเจินเข้ามากอดไว้แน่น

“เจินเออร์ เจินเออร์ของพ่อ” เขาพึมพำออกมาด้วยความหวาดกลัว

“เจ้าหายไปที่ใดมา” เขากระซิบถามบุตรสาวด้วยเสียงที่สั่นเทา

“ติ ติ” ซูเจินไม่รู้ว่าจะสื่อสารเช่นใดพ่อของนางถึงจะเข้าใจ ซูเต๋อก็งงไม่น้อยกับคำพูดของซูเจิน

เมื่อเห็นจิ่วเม่ยกลับมาถึงที่ที่สองคนพ่อลูกอยู่แล้ว ซูเจินจึงชี้เข้าไปที่ปากถ้ำ

“เข้า เข้า” 

“ได้ แต่เจ้าต้องอยู่กับพ่อตลอดเข้าใจหรือไม่” ซูเต๋อยังกลัวเรื่องที่ซูเจินนางหายไปต่อหน้าต่อตาเขาไม่หาย ซูเจินพยักหน้าจนแก้มของนางสั่นสะเทือน

ทั้งสามเดินเข้าไปในถ้ำ ซูเต๋อนำคบไฟที่ติดมือมาจุดเพื่อเพิ่มความสว่างในถ้ำ ทำให้ทั้งสามมองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในได้ชัดเจนราวกับตอนกลางวัน

เมื่อสายตาสำรวจไปทั่วถ้ำแล้ว ซูเต๋อก็ต้องอ้าปากค้าง นอกจากเห็ดที่ยังไม่ได้เดินเข้าไปดูแล้ว ที่ผนังถ้ำยังมีบางสิ่งที่เขาบอกไม่ถูกคือสิ่งใด แต่รู้ว่าคงม่ค่าไม่น้อย

“นี่คืออันใด” ซูเต๋อลูบมือไปตามผนังถ้ำ เพราะสิ่งที่อยู่ปนกับหินของผนังถ้ำ เมื่อถูกแสงไฟจากคบไฟแล้วยิ่งเปล่งประกายต่างจากหินทั่วไป

“เหล็ก” ซูเจินตะโกนออกมา

“เจ้าหมายถึงแร่เหล็กรึ” ซูเต๋อเอ่ยถามบุตรสาวที่สายตาของนางยังจ้องแร่เหล็กตาไม่กะพริบ

“อืม จือ” นางชี้ไปที่เห็ดที่ขึ้นตามรากไม้ที่อยู่ติดกับผนังถ้ำ

“คืออันใด” ซูเต๋อ เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

“เห็ด”

“หลิน”

“จือ” เพราะลิ้นที่ยังแข็ง ซูเจินต้องใช้พลังไม่น้อยในการเปล่งคำทั้งหมดออกมา

“เห็ดหลินจือรึ!!!” ซูเต๋อตะโกนจนดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำ

“อืม เก็บ” ซูเจินดึงเสื้อของบิดาให้รีบเก็บลงตะกร้า

ซูเต๋อไม่หยุดคิดเรื่องแร่เหล็กอีกแล้ว เขารีบเก็บเห็ดหลินจือทั้งหมดเข้าตะกร้ากับจิ่วเม่ยในเวลาไม่นาน

ซูเจินนางก็มองเห็ดดอกใหญ่กว่าใบหน้าของนางอย่างตื่นเต้น นางไม่ค่อยได้พบเห็นเห็ดหลินจือที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ นอกจากจะพบในห้องทดลองในองค์กรไม่ว่าจะใหญ่ขนาดไหนก็มี

เห็ดมากกว่าสามสิบดอกจัดเรียงอย่างไรก็ไม่อาจจะวางลงในตะกร้าได้ทั้งหมด ในตอนที่ซูเต๋อกำลังจะเดินไปหาใบไม้มาห่อและทำเป็นตะกร้าใส่เห็ดกลับเรือน ซูเจินนางก็ทำสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดขึ้น

“หลันฮวา ข้าเก็บของพวกนี้เข้าไปในมิติได้หรือไม่” ซูเจินสื่อสารกับหลันฮวาที่อยู่ในมิติ

“ได้เจ้าค่ะ ของที่นำมาเก็บจะคงสภาพเช่นเดิม ไม่เน่าเปื่อยเจ้าค่ะ”

“ดีมาก ฝากเจ้าดูแลด้วย”

ซูเจินโบกมือน้อยๆ ของนาง เห็ดหลินจือทั้งหมดก็หายไปราวปาฏิหาริย์ 

“เฮ้ยยย” ซูเต๋อกับจิ่วเม่ยทั้งร้อง ทั้งกระโดดถอยออกไปอย่างตกใจ

ซูเจินตบที่อกของนาง พร้อมทั้งเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ “เก็บ”

“เจินเออร์ แล้วนำออกมาได้หรือไม่” ซูเต๋อเอ่ยถามบุตรสาวอย่างกังวล

“ได้” ซูเจินเรียกให้เห็ดหลินจือที่นางนำไปเก็บออกมาอีกครั้งต่อหน้าบิดามารดา

“ดีดี” ทั้งสองจึงได้โล่งอก ถึงอย่างไรก็ยังนำออกมาได้ อีกทั้งยังปลอดภัยจากสายตาของชาวบ้านอีกด้วย

“แล้วจะทำอย่างไรกับแร่เหล็กดี” ซูเต๋อเอ่ยถามอย่างกังวล

เขาควรจะส่งเรื่องแจ้งให้ทางการรู้ดีหรือไม่ หรือแจ้งแม่ทัพจ้าวดี

ซูเจินที่ได้ยินที่บิดาบ่นพึมพำก็เอ่ยขึ้นทันที “ซื้อ”

“ซื้ออันใดลูก”

“นี่” ซูเจินทำมือวาดกว้างๆ ว่านางให้ซื้อภูเขาลูกนี่เลย ต่อจะทำอันใดกับแร่เหล็กก็ได้

“ซื้อภูเขาอย่างนั้นรึ” ซูเต๋อเบิกตากว้างอย่างตกใจ

“แล้วจะเอาเงินมาจากไหน” จิ่วเม่ยเอ่ยออกมาอย่างกังวล ไม่ว่าเรื่องอันใดที่บุตรสาวนางพูดนางเชื่อเช่นนั้นเสมอ

“นี่” ซูเจินทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนที่นางจะเรียกเห็ดออกมาอีกครั้งให้มารดาได้ดู

“จริงด้วย” จิ่วเม่ยร้องออกมาอย่างยินดี

นางไม่รู้จะอธิบายให้บิดาได้ฟังอย่างไร หากไปแจ้งทางการอย่างที่เขาคิดตอนนี้ ทุกอย่างคงโดนทางการยึดครองไปเสียหมด ครอบครัวของนางคงไม่ได้ผลประโยชน์อันใดในเรื่องนี้เลยสักอย่าง

“เช่นนั้นก็ตามนี้ ไว้ข้าเข้าเมืองไปขาดเห็ดที่ได้มา แล้วจะไปจัดการเรื่องซื้อที่ดิน” ซูเต๋อก็ไม่มีข้อโต้แย้งในเรื่องนี้ ที่ดินเป็นของเขาเมื่อใดเคยส่งเรื่องให้แม่ทัพจ้าวก็ยังไม่สาย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ออกเดินทางอีกครั้ง(ตอนจบ)

    เยี่ยนเฟยหยางประคองซูเจินไปที่เกี้ยวแปดคนหามหลังใหญ่ ชุดเจ้าสาวที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่เมื่อต้องแสงแดดกับเปล่งประกายระยิบระยับราวกับมีดวงดาวนับล้านดวงอยู่ที่ชุดของนาง ยิ่งทำให้คุณหนูต้องไปอ้อนวอนบิดามารดาให้ไปถามจวนตระกูลซูว่าไปตัดชุดที่ใดมา แต่ก็มิได้รับคำตอบซูเจินถูกเยี่ยนเฟยหยางประคองเข้าตำหนักของเขา ทั้งคู่ข้ามกระถางไฟก่อนที่จะไปหยุดที่แท่นกราบไหว้ฟ้าดินด้านหน้ามีเสด็จพ่อ เสด็จแม่และไทเฮาของเยี่ยนเฟยหยางนั่งอยู่ เสียงสวีกงกงขันทีของเยี่ยนเฟยหยางร้องบอกให้พวกเขากราบไหว้ฟ้าดิน ไหว้บิดามารดา ก่อนจะคำนับกันเองซูเจินที่กำลังลุกขึ้น เพราะคิดว่าเสร็จสิ้นพิธีแล้ว แต่กลับถูกเยี่ยนเฟยหยางดึงรั้งมือของนางไว้ให้นั่งลงตามเดิม“ข้าเยี่ยนเฟยหยาง ขอสาบานต่อหน้าฟ้าดิน เสด็จพ่อ เสด็จแม่ และเสด็จย่า ว่าทั้งชีวิตจะมีเพียงซูเจินเป็นภรรยาแต่เพียงผู้เดียว หากผิดคำสาบานขอให้ฟ้าดินลงโทษ” ซูเจินจะร้องห้ามก็ไม่ทันเสียแล้วขุนนางที่ได้เข้าร่วมพิธีงานมงคลต่างตกตะลึง เพราะยังไม่มีเชื้อพระวงศ์พระองค์ใดที่กล้าเอ่ยสาบานเช่นนี้ออกมาสิ้นเสียงของเยี่ยนเฟยหยางท้องฟ้าที่กระจ่างใส ก็คำรามขึ้นเป็นการตอบรับคำของเขา ยิ

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   งานมงคล

    เป็นเช่นที่เยี่ยนเฟยหยางว่า เพราะซูเจินอยากให้หวังกงกงได้เดินทางไปทั่วแคว้นเพื่อท่องเที่ยวกับนาง ทั้งชีวิตเขาแทบจะอยู่เพียงในรั้ววัง หากฮ่องเต้ไม่เสด็จที่ใดเขาก็ไม่ได้ไปเช่นกันหวังกงกงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มหน้าบาน ต่างจากฮ่องเต้ที่เบ้หน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ไหนว่าจะอยู่กับเขาอีกสองปี แต่ดูเหมือนว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะทิ้งเขาไปเสียแล้วเป็นอย่างที่ฮ่องเต้คิด หนึ่งเดือนต่อมาซูเจินนางก็ขอเข้าวัง ครั้งนี้นางแลกตัวหวังกงกงกับน้ำวิเศษของนาง“เหอะ เจ้าผิดคำพูด หวังกงกงขอเวลาเจิ้นอีกสองปี แต่นี่ยังไม่ถึงหนึ่งปีเจ้าก็จะมาขโมยตัวเขาไปแล้วรึ”“เช่นนั้น พระองค์ต้องการอันใดเพคะ” นางขมวดคิ้วคิด เพราะนางคิดมาแล้วว่าจะพาหวังกงกงออกเดินทางไปด้วยกัน“เจิ้นต้องการจะเป็นผู้ฝึกตน” ซูเจินและหวังกงกงหันไปมองที่ฮ่องเต้อย่างตกใจ“พระองค์รู้หรือไม่ หากเป็นผู้ฝึกตนต้องละทิ้งบัลลังก์ พระองค์จะยินยอมหรือเพคะ” หากมีฮ่องเต้ที่มีอายุยืนยาว จะไม่สร้างเรื่องปั่นป่วนขึ้นมาอย่างนั้นรึ“เจิ้นเข้าใจเรื่องนี้ดี และคิดหาทางออกไว้แล้ว” “เสด็จพ่อ พระองค์ตัดสินพระทัยแล้วรึพ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยนเฟยหยางที่เพิ่งเรียกสติกลับมาได้เอ่ยถามออกม

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ถึงเวลากลับเมืองหลวง

    “เรื่องนี้...” นางคิดว่าอย่างไร การแต่งงานในวัยเพียงสิบห้าหนาวก็ดูเหมือนจะเร็วไป“เจ้ากลัวอันใด”“ข้าคิดว่ามันเร็วเกินไป ที่จะแต่งงานในวัยสิบห้าหนาว”“เจินเจิน สตรีแคว้นต้าเยี่ยนวัยเท่านี้นับว่าไม่เร็วแล้ว” เขาเริ่มจะไม่สบอารมณ์แล้ว ที่นางไม่ยอมตอบรับเสียที“เอาเถิดอย่างไรก็ยังมีเวลาอีกหลายเดือน” นางบอกปัดไป ก่อนจะไล่เขาให้ไปที่ห้องพัก“ไม่ ข้าจะเข้าไปในมิติของเจ้า” เยี่ยนเฟยหยางคิดจะเข้าไปฝึกในมิติต่อ“เจ้าค่ะ” ซูเจินพาเข้าไปด้านใน สุดท้ายนางก็ต้องอยู่ฝึกด้วยกันกับเขา“นายหญิง ดอกไม้ที่ข้าปลูกไว้ รู้ว่าท่านทั้งสองกำลังจะเข้าสู่ขั้นเซียนจึงยอมสละสองดอกมาให้ท่านเจ้าค่ะ” ซูเจินมองดอกหลันฮวาที่นางเคยสัมผัสตอนที่มาที่นี่“ข้าจับมันได้ใช่หรือไม่” นางไม่รู้ว่าหากจับแล้วจะได้กลับไปที่โลกเดิมหรือไม่ นางก็ตอบไม่ได้ว่าอยากกลับไปหรือเปล่าแต่ก่อนที่หลันฮวาจะเอ่ยตอบ เยี่ยนเฟยหยางที่เห็นท่าทางของซูเจินดูไม่สบายใจ ที่นางต้องจับดอกไม้ที่หลันฮวานำมา ก็อดที่จะเอ่ยถามออกมาไม่ได้“เหตุใดเจ้าถึงไม่กล้าจับมัน”นางถอนหายใจออกมา ในเมื่อเขาอยากรู้นางก็ไม่คิดจะปิดบัง ก่อนจะเล่าเรื่องราวความเป็นมาของนาง จนได้ม

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ต้าเยี่ยนมีผู้ฝึกตน

    ในตอนแรกที่คิดว่านับเดือนกว่าจะถึง แต่เอาเข้าจริง นางเดินทางเพียงยี่สิบวันเท่านั้น จากหนานไห่จนถึงเขตชายแดนเหนือ ด้วยการนำทางของเสี่ยวมี่ ที่หาเส้นทางที่ใกล้ที่สุดให้นางนางแวะที่เมืองหน้าด่านของชายแดนเหนือ เพื่อนำเสบียงอาหารออกมาแจกจ่ายให้กับค่ายผู้อพยพเพราะจำนวนคนที่นางมองเห็นคร่าวๆ ก็นับเกือบแสนคนเห็นจะได้ เช่นนี้ไม่เท่ากับว่าสงครามกำลังเกิดขึ้นจริงรึซูเต๋อเข้าไปพบเจ้าเมือง ที่รู้จักกับเขาดี เพื่อแจ้งเรื่องที่ทางการให้นำเสบียงออกมาแจกจ่าย ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดคิดหาที่มาของเสบียงอีกแล้วเพราะจำนวนคนที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน เสบียงที่มีเพียงพอให้พวกเขากินวันหนึ่งมื้อเท่านั้น ยิ่งได้เสบียงมาเพิ่มก็สามารถต่อชีวิตชาวบ้านไปได้อีกวันครั้งนี้ซูเจินนำเสบียงออกมามากกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งยังต้องนำออกมาเกือบทุกวัน ถึงจะเพียงพอให้ทุกคนได้กินอิ่มท้องนางอยู่ที่เมืองด่านหน้าของชายแดนเหนือได้สามวัน จึงออกเดินทางไปหัวเมืองอื่นต่อ สามหัวเมืองหลักที่อยู่ด่านหน้าล้วนแต่มีคนอพยพนับแสนคน ซูเจินจึงต้องอยู่จัดการเรื่องเสบียงหลายวันเกือบหนึ่งเดือนที่นางต้องจัดการเรื่องเสบียง โดยที่ไม่รู้เลยว่าทางชายแดนเหนือที่

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ศึกนอกศึกใน

    หวังกงกงรีบเดินเข้าไปจับตัวนางกำนัลไว้ แล้วค้นตัวจนได้ยาหุ่นเชิดมาทันที เขานำมาส่งให้เยี่ยนเฟยหยางเพื่อตรวจสอบ แล้วออกไปจัดการนางกำนัลที่ตำหนักของไทเฮาแต่เยี่ยนเฟยหยางกลับเดินเข้าไปหาทั้งสองคนแล้วนำยากรอกเข้าไปในปากแทน“เมื่อพวกท่านกล้าทำร้ายเสด็จพ่อและเสด็จย่าก็จงมีชีวิตอยู่เช่นพวกเขาเถิด” ดวงตาแข็งกร้าวของเยี่ยนเฟยหยาง ทำให้ทั้งสองอดที่จะหวาดกลัวออกมาไม่ได้ทั้งคู่ไม่คิดว่าเยี่ยนเฟยหยางจะเดินทางกลับมาถึงรวดเร็วเพียงนี้ คิดว่าเรื่องทั้งหมดที่วางแผนไว้จะแล้วเสร็จก่อนที่เยี่ยนเฟยหยางจะเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงแต่คนคำนวณ มิสู้ฟ้าลิขิต เพราะเยี่ยนเฟยหยางเดินทางกลับมาถึงเร็วทำให้สิ่งที่พวกเขาคิดไว้ไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจเมื่อจัดการทั้งสองคนเรียบร้อย เยี่ยนเฟยหยางรีบเดินทางไปที่ตำหนักของฮองเฮาและพี่ใหญ่ของตนทันทีพอไปถึงจึงพบว่าทั้งสองอาการไม่ต่างจากเสด็จย่าของตนนัก เมื่อช่วยทั้งสองให้พ้นอันตรายเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไปพูดคุยกับเสด็จพ่อ เรื่องภูเขาแร่ที่เว่ยอ๋องส่งคนไปทันที“เรื่องนี่เห็นทีเสนาบดีตู้ก็คงรวมมือด้วย หากเจ้ากลับมาไม่ทัน ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้น” ฮ่องเต้ให้หวังกงกงนำยาที่ใช้

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   หุ่นเชิด

    เยี่ยนเฟยหยางแทบไม่อยากจะเชื่อ เพราะพระองค์ยังดูแข็งแรง แทบไม่เคยเปรยเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนสักครั้ง ส่วนเรื่องให้ผู้ใดขึ้นเป็นรัชทายาทเขามิได้สนใจ“ย่าให้องครักษ์เงาไปสืบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ยังมิทัน ที่จะรู้เรื่องราวดี ย่าก็ล้มป่วยจนมิอาจลุกจากเตียงได้ ว่าแต่เจ้าเอาอะไรให้ยาดื่ม” นางอดที่จะสงสัยไม่ได้“หลานได้น้ำวิเศษมาจากเจินเจิน และในตอนนี้หลานก็เป็นผู้ฝึกตนแล้ว แต่ขอท่านย่าอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป จนกว่าหลานจะหาตัวคนร้ายได้พ่ะย่ะค่ะ”“ย่า เข้าใจแล้ว เจ้ารีบไปดูเสด็จพ่อของเจ้าเถิด พี่ชายเจ้าย่าก็มิได้เห็นมาสักพักแล้ว” ไทเฮาตบที่หลังมือของหลานชายเบาๆ“เสด็จย่า พระองค์ทรงแสร้งป่วยต่อไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ หลานเห็นนางกำนัลของท่านดูมิน่าไว้ใจนัก”“เรื่องนี้ย่าก็พอจะรู้ว่าบ้าง แต่ยังมิอาจทำอันใดได้ ด้วยกลัวว่าคนร้ายจะรู้ตัวเสียก่อน”“หลานเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จย่าพักผ่อนก่อนเถิด” เยี่ยนเฟยหยางประคองไทเฮาให้นอนลงเช่นเดิมเขาคลายลมปราณที่ปิดกั้นเสียงเอาไว้ แล้วเดินออกจากห้องบรรทมไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น หวังกงกงที่ยืนรออยู่หน้าตำหนักก็เดินเข้ามาหาทันที“องค์ชายห้า กระหม่อมมิรู้ว่าสมควรพู

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status