Share

พี่ชายเจ้ามิใช่รึ

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-03-26 01:05:02

นางรู้มาจากเสี่ยวเตี๋ยว่าม้าตัวเมียที่นอนอยู่ในคอกกำลังตั้งท้อง และม้าสองตัวยังเป็นม้าที่เกิดในทุ่งหญ้าแข็งแรงไม่น้อย คงเพราะถูกจับมาตอนที่แม่ม้ากำลังตั้งท้อง จึงทำให้พ่อม้าถูกจับมาด้วย

“นายท่าน ม้าสองตัวนี้พยศนัก ไม่มีผู้ใดเข้าใกล้ได้เลยขอรับ” เขาเอ่ยออกมาอย่างกังวลที่เห็นเด็กน้อยต้องการไปดูใกล้ๆ ด้วยกลัวว่านางจะเกิดอันตรายได้

แต่ซูเจินนางไม่ยอม ซูเต๋อจำต้องพานางเดินเข้าไปใกล้ เพราะรู้เรื่องความลับของบุตรสาวดี นายหน้าค้าสัตว์อยากจะเอ่ยห้าม แต่เมื่อเห็นบิดาของนางตามใจเช่นนี้ เขาจึงได้ถอยห่างออกมา เพื่อรอดูเรื่องสนุกแทน

ม้าทั้งสองตัว เมื่อเห็นซูเต๋ออุ้มซูเจินเดินเข้ามาทั้งสองก็ลุกขึ้นเดินมาหานางอย่างช้าๆ ทั้งยังยอมให้นางจับตัวอย่างว่าง่ายอีก

“คิก คิก” ซูเจินหัวเราะอย่างชอบใจ เมื่อม้าตัวเมียดันจมูกของมันกับแก้มของนาง

นายหน้าค้าสัตว์อ้าปากค้างมองภาพตรงหน้าอย่างตกใจ แต่นี่ยังไม่ใช่เรื่องประหลาดที่เขาพบเจอ เสียงสัตว์ที่อยู่ในความดูแลทั้งหมดของเขาส่งเสียงร้องออกมาด้วยความอิจฉา เมื่อเห็นม้าทั้งสองตัวได้คลอเคลียกับนายหญิงแห่งมิติพฤกษา

ซูเจินนางไม่รู้เลยว่าการที่นางซื้อม้าทั้งสองตัวและวัวอีกสองตัวกลับมาด้วยในครั้งนี้ จะทำให้มิติของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

ทูตน้อยที่อยู่ด้านในส่งเสียงร้องอย่างยินดี ที่ตอนนี้มิใช่มิติที่โล่งมีแต่ทุ่งหญ้าและดอกไม้ของนางเพียงดอกเดียวแล้ว แต่มีต้นไม้ดอกไม้งอกขึ้นมาอีกไม่น้อย

สุดท้ายซูเต๋อต้องจ่ายเงินไปมากถึงหกสิบตำลึงทอง สำหรับวัวสองตัวพร้อมเทียมเกวียน ม้าสองตัวพร้อมกับรถม้าคันใหญ่ที่ซูเจินปล้นมาได้จากนายหน้าค้าสัตว์โดยที่ไม่ต้องเพิ่มเงินเลย

นายหน้าค้าสัตว์ต้องให้ลูกน้องของเขาตามไปส่งเกวียนวัวที่หมู่บ้านในตอนหลัง เพราะม้าสองตัวยังไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้นอกจากครอบครัวของซูเจิน

สองแม่ลูกจึงได้นั่งรถม้ากลับหมู่บ้านอย่างสุขสบายโดยมีซูเต๋อบังคับรถม้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนจะกลับพวกเขาแวะซื้อซาลาเปาไว้กินระหว่างทาง ซูเต๋อยังได้เมล็ดพันธุ์ผักกลับมาด้วยอีกไม่น้อย เพราะซูเจินนางรู้จากทูตน้อยของนางว่าสามารถนำไปปลูกภายในมิติได้ นางจึงให้บิดาซื้อเยอะๆ

“อีก อีก” นางร้องบอกบิดา เพราะจำนวนที่ได้มายังไม่มากเท่าที่นางต้องการ

ซูเต๋อก็ล้วนแต่ตามใจบุตรสาว เพราะราคาเมล็ดผักก็ไม่ได้แพงมากมายนัก

“ม้าของท่านจะบรรทุกไหวหรือไม่” เจ้าของร้านเอ่ยถามอย่างกังวล แม้จะเห็นว่ารถม้ามีขนาดใหญ่ก็จริง แต่ม้าสองตัวก็ดูอ่อนแรงไม่น้อย

“ไม่เป็นอันใด ขนขึ้นไปเถิด” เมื่อเห็นสีหน้าที่เรียบเฉยของซูเต๋อเขาก็ให้คนงานขนกระสอบทั้งหมดนับสามสิบกระสอบขึ้นไปเรียงไว้บนรถม้า

ในตอนแรกเขามองตามไปอย่างเป็นห่วง แต่พอรถม้าเคลื่อนตัวออกไปจากร้านไม่นาน ม้าก็ดูเหมือนเดินอย่างสบายราวกับไม่ได้ขนสิ่งใดในรถม้า นอกจากคนทั้งสามที่นั่งอยู่

“ข้าคงจะกังวลไปเอง” เขาเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้านเช่นเดิม

รถม้าของซูเต๋อกำลังวิ่งออกจากประตูเมือง เสียงเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ห่างก็เอ่ยถามเด็กหนุ่มอีกคนที่อยู่ข้างกายเขาทันที

“อาฟง ผู้นั้นพี่ชายเจ้าไม่ใช่หรือ แล้วนั่นรถม้าของผู้ใด เรือนเจ้าซื้อรถม้าแล้วหรือ ไม่เห็นขับมาให้พวกข้าดู” ชุยฟงเขามองตามรถม้าของพี่ชายต่างมารดาไปด้วยสายตาที่ครุ่นคิด

เขาไม่ได้กลับหมู่บ้านมานาน เพราะเรื่องที่แมลง สัตว์เลื้อยคลาน ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดมากมายจนเขานึกรังเกียจที่จะกลับไปนอนที่เรือน

เรื่องที่มารดาเขาไล่พี่สะใภ้ออกไปจากเรือน เขาย่อมรับรู้ ทั้งยังช่วยออกความคิดให้ท่านน้าของตนมารังแกสองแม่ลูกอีกด้วย

ในเมื่อพี่ชายเขากลับมาแล้ว ย่อมต้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่มากก็น้อย แต่ไม่รู้ว่าเขากลับมาจากกองทัพจะมีเงินมามากพอถึงขั้นซื้อรถม้าไว้ใช้เลยรึ

“ใช่พี่ชายต่างมารดาของข้า จะมีปัญญาที่ใดไปซื้อ คงเช่าขับกลับหมู่บ้าน เพื่อเย้ยมารดาข้ากระมัง” เขายกยิ้มที่มุมปากราวกับกำลังยิ้มเยาะพี่ชายของตนเอง

“แต่ที่รถม้า ไม่มีตราของร้านเช่า ไม่ใช่ว่าเป็นของเขาหรอกรึ” สหายของชุยฟงจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย

“หึ ไว้ข้าจะกลับไปตรวจสอบเรื่องนี้ก่อน หากเป็นของเขาจริง ข้าจะให้มารดาข้ายึดมาเสีย” ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างเจ้าเล่ห์

ไม่ว่าเรื่องอันใด หากชุยฟงต้องการ เขาเชื่อว่ามารดาของเขาจะหาทุกหนทางเพื่อช่วยเหลือเขา ยิ่งไปบังคับเอาสิ่งของมาจากพี่ชาย ยิ่งเป็นเรื่องง่ายดายนัก

ครอบครัวตระกูลซูทั้งสามคนไม่รู้เรื่องที่ชุยฟงพบเห็นพวกตนเข้าแล้ว ซูเต๋อยังบังคับรถม้าไปจนถึงหมู่บ้าน ซูเจินนางบอกให้หลันฮวาจัดการนำเมล็ดผักที่นางซื้อมาปลูกภายในมิติ โดยให้เหลือไว้อย่างละกระสอบ ท่านพ่อของนางจะนำไปปลูกที่ข้างเรือน

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากของหลันฮวา เพียงแค่นางโบกมือไม่กี่ครั้งที่ดินที่เคยโล่งเตียนตรงหน้า ก็ปรากฏแปลงผักนับร้อย พร้อมให้นำเมล็ดผักลงไปปลูกแล้ว

เมื่อเมล็ดผักถูกนำไปปลูกจนครบทุกแปลง เหล่าแมลงหน่อยใหญ่ก็ถือกำเนิดขึ้นในมิติของนาง หลันฮวาบินไปรอบๆ อย่างชอบใจ นางจะได้มีสหายไว้ค่อยพูดคุยเสียที

ขากลับเมื่อมีรถม้าจึงใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ชาวบ้านที่พบเห็นรถม้าได้แต่ชะเง้อคอมองอย่างสนใจ ยิ่งเข้ามาใกล้แล้วพบว่าเป็นซูเต๋อบังคับก็ตะโกนถามกันจนฟังไม่รู้เรื่อง

“อาเต๋อ เจ้าซื้อรถม้าอย่างนั้นรึ” 

“ขอรับ”

“สวรรค์ เจ้ามีเงินมากเพียงใด ถึงได้ซื้อรถม้าเช่นนี้” ชาวบ้านหลายคนมองมาที่ซูเต๋ออย่างสงสัย

เพราะบุรุษจำนวนไม่น้อยที่เดินทางไปชายแดนพร้อมกับเขา ได้เงินกลับมาเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้น

“ข้าได้รางวัลมาจากท่านแม่ทัพ จึงพอจะเหลือเงินซื้อรถม้าขอรับ” เรื่องนี้เขาไม่คิดจะปิดบัง เพราะคนที่ไปร่วมรบกับเขาทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ดี เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาได้รับสิ่งใดเป็นการตอบแทน

“เช่นนั้นรึ ดีแล้ว ดีแล้ว” ชาวบ้านต่างเปิดทางให้ซูเต๋อบังคับรถม้ากลับเรือน สายตาที่มองตามไปได้แต่อิจฉาในวาสนาของเขา

เมื่อถึงเรือน จิ่วเม่ยก็พาซูเจินนางเข้าไปไว้ในห้องโถง ส่วนตัวนางออกมาช่วยซูเต๋อยกของเข้าไปเก็บ เพราะกำแพงที่สูงพ้นสายตา ทำให้ชาวบ้านที่อยากรู้ว่าทั้งสามซื้อสิ่งใดกลับมาบ้างก็ได้แต่ชะเง้อคอแต่ไม่ได้สิ่งใดกลับไป

ลุงหวงกับป้าหวงเมื่อรู้เรื่องก็มาพบทั้งสามที่เรือน ด้วยอยากรู้ว่าสิ่งที่ชาวบ้านพูดเป็นจริงหรือไม่

“เพ้ย ชาวบ้านเอาแต่พูดเรื่องของพวกเจ้า บอกว่าขนของมาเสียม้าแทบเดินไม่ไหว ข้าก็หวงกลัวพวกเจ้าจะใช้จ่ายสิ้นเปลือง” ป้าหวงเอ่ยตำหนิอย่างเป็นห่วง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ออกเดินทางอีกครั้ง(ตอนจบ)

    เยี่ยนเฟยหยางประคองซูเจินไปที่เกี้ยวแปดคนหามหลังใหญ่ ชุดเจ้าสาวที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่เมื่อต้องแสงแดดกับเปล่งประกายระยิบระยับราวกับมีดวงดาวนับล้านดวงอยู่ที่ชุดของนาง ยิ่งทำให้คุณหนูต้องไปอ้อนวอนบิดามารดาให้ไปถามจวนตระกูลซูว่าไปตัดชุดที่ใดมา แต่ก็มิได้รับคำตอบซูเจินถูกเยี่ยนเฟยหยางประคองเข้าตำหนักของเขา ทั้งคู่ข้ามกระถางไฟก่อนที่จะไปหยุดที่แท่นกราบไหว้ฟ้าดินด้านหน้ามีเสด็จพ่อ เสด็จแม่และไทเฮาของเยี่ยนเฟยหยางนั่งอยู่ เสียงสวีกงกงขันทีของเยี่ยนเฟยหยางร้องบอกให้พวกเขากราบไหว้ฟ้าดิน ไหว้บิดามารดา ก่อนจะคำนับกันเองซูเจินที่กำลังลุกขึ้น เพราะคิดว่าเสร็จสิ้นพิธีแล้ว แต่กลับถูกเยี่ยนเฟยหยางดึงรั้งมือของนางไว้ให้นั่งลงตามเดิม“ข้าเยี่ยนเฟยหยาง ขอสาบานต่อหน้าฟ้าดิน เสด็จพ่อ เสด็จแม่ และเสด็จย่า ว่าทั้งชีวิตจะมีเพียงซูเจินเป็นภรรยาแต่เพียงผู้เดียว หากผิดคำสาบานขอให้ฟ้าดินลงโทษ” ซูเจินจะร้องห้ามก็ไม่ทันเสียแล้วขุนนางที่ได้เข้าร่วมพิธีงานมงคลต่างตกตะลึง เพราะยังไม่มีเชื้อพระวงศ์พระองค์ใดที่กล้าเอ่ยสาบานเช่นนี้ออกมาสิ้นเสียงของเยี่ยนเฟยหยางท้องฟ้าที่กระจ่างใส ก็คำรามขึ้นเป็นการตอบรับคำของเขา ยิ

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   งานมงคล

    เป็นเช่นที่เยี่ยนเฟยหยางว่า เพราะซูเจินอยากให้หวังกงกงได้เดินทางไปทั่วแคว้นเพื่อท่องเที่ยวกับนาง ทั้งชีวิตเขาแทบจะอยู่เพียงในรั้ววัง หากฮ่องเต้ไม่เสด็จที่ใดเขาก็ไม่ได้ไปเช่นกันหวังกงกงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มหน้าบาน ต่างจากฮ่องเต้ที่เบ้หน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ไหนว่าจะอยู่กับเขาอีกสองปี แต่ดูเหมือนว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะทิ้งเขาไปเสียแล้วเป็นอย่างที่ฮ่องเต้คิด หนึ่งเดือนต่อมาซูเจินนางก็ขอเข้าวัง ครั้งนี้นางแลกตัวหวังกงกงกับน้ำวิเศษของนาง“เหอะ เจ้าผิดคำพูด หวังกงกงขอเวลาเจิ้นอีกสองปี แต่นี่ยังไม่ถึงหนึ่งปีเจ้าก็จะมาขโมยตัวเขาไปแล้วรึ”“เช่นนั้น พระองค์ต้องการอันใดเพคะ” นางขมวดคิ้วคิด เพราะนางคิดมาแล้วว่าจะพาหวังกงกงออกเดินทางไปด้วยกัน“เจิ้นต้องการจะเป็นผู้ฝึกตน” ซูเจินและหวังกงกงหันไปมองที่ฮ่องเต้อย่างตกใจ“พระองค์รู้หรือไม่ หากเป็นผู้ฝึกตนต้องละทิ้งบัลลังก์ พระองค์จะยินยอมหรือเพคะ” หากมีฮ่องเต้ที่มีอายุยืนยาว จะไม่สร้างเรื่องปั่นป่วนขึ้นมาอย่างนั้นรึ“เจิ้นเข้าใจเรื่องนี้ดี และคิดหาทางออกไว้แล้ว” “เสด็จพ่อ พระองค์ตัดสินพระทัยแล้วรึพ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยนเฟยหยางที่เพิ่งเรียกสติกลับมาได้เอ่ยถามออกม

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ถึงเวลากลับเมืองหลวง

    “เรื่องนี้...” นางคิดว่าอย่างไร การแต่งงานในวัยเพียงสิบห้าหนาวก็ดูเหมือนจะเร็วไป“เจ้ากลัวอันใด”“ข้าคิดว่ามันเร็วเกินไป ที่จะแต่งงานในวัยสิบห้าหนาว”“เจินเจิน สตรีแคว้นต้าเยี่ยนวัยเท่านี้นับว่าไม่เร็วแล้ว” เขาเริ่มจะไม่สบอารมณ์แล้ว ที่นางไม่ยอมตอบรับเสียที“เอาเถิดอย่างไรก็ยังมีเวลาอีกหลายเดือน” นางบอกปัดไป ก่อนจะไล่เขาให้ไปที่ห้องพัก“ไม่ ข้าจะเข้าไปในมิติของเจ้า” เยี่ยนเฟยหยางคิดจะเข้าไปฝึกในมิติต่อ“เจ้าค่ะ” ซูเจินพาเข้าไปด้านใน สุดท้ายนางก็ต้องอยู่ฝึกด้วยกันกับเขา“นายหญิง ดอกไม้ที่ข้าปลูกไว้ รู้ว่าท่านทั้งสองกำลังจะเข้าสู่ขั้นเซียนจึงยอมสละสองดอกมาให้ท่านเจ้าค่ะ” ซูเจินมองดอกหลันฮวาที่นางเคยสัมผัสตอนที่มาที่นี่“ข้าจับมันได้ใช่หรือไม่” นางไม่รู้ว่าหากจับแล้วจะได้กลับไปที่โลกเดิมหรือไม่ นางก็ตอบไม่ได้ว่าอยากกลับไปหรือเปล่าแต่ก่อนที่หลันฮวาจะเอ่ยตอบ เยี่ยนเฟยหยางที่เห็นท่าทางของซูเจินดูไม่สบายใจ ที่นางต้องจับดอกไม้ที่หลันฮวานำมา ก็อดที่จะเอ่ยถามออกมาไม่ได้“เหตุใดเจ้าถึงไม่กล้าจับมัน”นางถอนหายใจออกมา ในเมื่อเขาอยากรู้นางก็ไม่คิดจะปิดบัง ก่อนจะเล่าเรื่องราวความเป็นมาของนาง จนได้ม

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ต้าเยี่ยนมีผู้ฝึกตน

    ในตอนแรกที่คิดว่านับเดือนกว่าจะถึง แต่เอาเข้าจริง นางเดินทางเพียงยี่สิบวันเท่านั้น จากหนานไห่จนถึงเขตชายแดนเหนือ ด้วยการนำทางของเสี่ยวมี่ ที่หาเส้นทางที่ใกล้ที่สุดให้นางนางแวะที่เมืองหน้าด่านของชายแดนเหนือ เพื่อนำเสบียงอาหารออกมาแจกจ่ายให้กับค่ายผู้อพยพเพราะจำนวนคนที่นางมองเห็นคร่าวๆ ก็นับเกือบแสนคนเห็นจะได้ เช่นนี้ไม่เท่ากับว่าสงครามกำลังเกิดขึ้นจริงรึซูเต๋อเข้าไปพบเจ้าเมือง ที่รู้จักกับเขาดี เพื่อแจ้งเรื่องที่ทางการให้นำเสบียงออกมาแจกจ่าย ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดคิดหาที่มาของเสบียงอีกแล้วเพราะจำนวนคนที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน เสบียงที่มีเพียงพอให้พวกเขากินวันหนึ่งมื้อเท่านั้น ยิ่งได้เสบียงมาเพิ่มก็สามารถต่อชีวิตชาวบ้านไปได้อีกวันครั้งนี้ซูเจินนำเสบียงออกมามากกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งยังต้องนำออกมาเกือบทุกวัน ถึงจะเพียงพอให้ทุกคนได้กินอิ่มท้องนางอยู่ที่เมืองด่านหน้าของชายแดนเหนือได้สามวัน จึงออกเดินทางไปหัวเมืองอื่นต่อ สามหัวเมืองหลักที่อยู่ด่านหน้าล้วนแต่มีคนอพยพนับแสนคน ซูเจินจึงต้องอยู่จัดการเรื่องเสบียงหลายวันเกือบหนึ่งเดือนที่นางต้องจัดการเรื่องเสบียง โดยที่ไม่รู้เลยว่าทางชายแดนเหนือที่

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ศึกนอกศึกใน

    หวังกงกงรีบเดินเข้าไปจับตัวนางกำนัลไว้ แล้วค้นตัวจนได้ยาหุ่นเชิดมาทันที เขานำมาส่งให้เยี่ยนเฟยหยางเพื่อตรวจสอบ แล้วออกไปจัดการนางกำนัลที่ตำหนักของไทเฮาแต่เยี่ยนเฟยหยางกลับเดินเข้าไปหาทั้งสองคนแล้วนำยากรอกเข้าไปในปากแทน“เมื่อพวกท่านกล้าทำร้ายเสด็จพ่อและเสด็จย่าก็จงมีชีวิตอยู่เช่นพวกเขาเถิด” ดวงตาแข็งกร้าวของเยี่ยนเฟยหยาง ทำให้ทั้งสองอดที่จะหวาดกลัวออกมาไม่ได้ทั้งคู่ไม่คิดว่าเยี่ยนเฟยหยางจะเดินทางกลับมาถึงรวดเร็วเพียงนี้ คิดว่าเรื่องทั้งหมดที่วางแผนไว้จะแล้วเสร็จก่อนที่เยี่ยนเฟยหยางจะเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงแต่คนคำนวณ มิสู้ฟ้าลิขิต เพราะเยี่ยนเฟยหยางเดินทางกลับมาถึงเร็วทำให้สิ่งที่พวกเขาคิดไว้ไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจเมื่อจัดการทั้งสองคนเรียบร้อย เยี่ยนเฟยหยางรีบเดินทางไปที่ตำหนักของฮองเฮาและพี่ใหญ่ของตนทันทีพอไปถึงจึงพบว่าทั้งสองอาการไม่ต่างจากเสด็จย่าของตนนัก เมื่อช่วยทั้งสองให้พ้นอันตรายเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไปพูดคุยกับเสด็จพ่อ เรื่องภูเขาแร่ที่เว่ยอ๋องส่งคนไปทันที“เรื่องนี่เห็นทีเสนาบดีตู้ก็คงรวมมือด้วย หากเจ้ากลับมาไม่ทัน ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้น” ฮ่องเต้ให้หวังกงกงนำยาที่ใช้

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   หุ่นเชิด

    เยี่ยนเฟยหยางแทบไม่อยากจะเชื่อ เพราะพระองค์ยังดูแข็งแรง แทบไม่เคยเปรยเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนสักครั้ง ส่วนเรื่องให้ผู้ใดขึ้นเป็นรัชทายาทเขามิได้สนใจ“ย่าให้องครักษ์เงาไปสืบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ยังมิทัน ที่จะรู้เรื่องราวดี ย่าก็ล้มป่วยจนมิอาจลุกจากเตียงได้ ว่าแต่เจ้าเอาอะไรให้ยาดื่ม” นางอดที่จะสงสัยไม่ได้“หลานได้น้ำวิเศษมาจากเจินเจิน และในตอนนี้หลานก็เป็นผู้ฝึกตนแล้ว แต่ขอท่านย่าอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป จนกว่าหลานจะหาตัวคนร้ายได้พ่ะย่ะค่ะ”“ย่า เข้าใจแล้ว เจ้ารีบไปดูเสด็จพ่อของเจ้าเถิด พี่ชายเจ้าย่าก็มิได้เห็นมาสักพักแล้ว” ไทเฮาตบที่หลังมือของหลานชายเบาๆ“เสด็จย่า พระองค์ทรงแสร้งป่วยต่อไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ หลานเห็นนางกำนัลของท่านดูมิน่าไว้ใจนัก”“เรื่องนี้ย่าก็พอจะรู้ว่าบ้าง แต่ยังมิอาจทำอันใดได้ ด้วยกลัวว่าคนร้ายจะรู้ตัวเสียก่อน”“หลานเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จย่าพักผ่อนก่อนเถิด” เยี่ยนเฟยหยางประคองไทเฮาให้นอนลงเช่นเดิมเขาคลายลมปราณที่ปิดกั้นเสียงเอาไว้ แล้วเดินออกจากห้องบรรทมไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น หวังกงกงที่ยืนรออยู่หน้าตำหนักก็เดินเข้ามาหาทันที“องค์ชายห้า กระหม่อมมิรู้ว่าสมควรพู

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status