ดวงตากลมโตที่ตอนนี้เบิกโพลงกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชินบอกกับเสื้อยืดตัวใหญ่แถมเธอก็ไม่ได้ใส่กางเกงขาสั้นเหมือนเมื่อคืน ณัชชารีบลุกขึ้นสำรวจตัวเองอย่างตกใจ
"ห้องใครกันล่ะเนี้ย!" เมื่อรับรู้ว่าสภาพชุดชั้นในยังคงอยู่ก็เบาใจไปเปราะนึงก่อนจะกวาดสายตามองพร้อมยีหัวที่ปวดหนึบของตนเอง
"ตื่นแล้วเหรอ?" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขณะถือแก้วน้ำและยาแก้ปวดมาให้พร้อมกับโจ๊กกระป๋องที่พึ่งไปซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อใต้หอด้านล่าง
"พะ พี่วิน" ณัชชายิ่งทำตัวไม่ถูกไปใหญ่ บ้าไปแล้วนะเมื่อคืนเธอไม่ได้กลับกับใคร แต่เป็นพี่กวิน และนี่คือห้องของเขางั้นเหรอ...?
"อื้ม เห็นเมามาก หลับตลอดทางไม่บอกว่าบ้านอยู่ไหนฉันเลยพาเธอมาที่นี่ กินโจ๊กแล้วก็ยาซะจะได้ไม่ปวดหัว" เขาพยักหน้าก่อนจะวางของทั้งหมดลงที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ข้างเตียงเหล็กที่มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดเมื่อขยับตัว
"พี่วินไม่ได้อยู่กับเพื่อนหรอกเหรอคะ?" ณัชชาขยับลุกขึ้นเมื่อรู้ว่าเสื้อยืดสีครามของเขาตัวใหญ่พอที่จะปกปิดท่อนขาขาวไว้เกือบถึงเข่า
"ไม่ เธอกินเสร็จก็กลับบ้านได้แล้ว พ่อเธอโทรตามเป็นสิบๆสาย" ชายหนุ่มบอกด้วยสีหน้ายากจะคาดเดาความรู้สึก
"เอ๊ะ จริงสิ หนูลืมบอกป๊าว่ามานอนกับพิมพ์" ณัชชาฉีกยิ้มแห้งกดจะกดโทรศัพท์หาเพื่อนรักเพื่อนัดเล่าความเท็จกับบิดา
"จะสายแล้ว เธอก็รีบกินแล้วกลับไปแต่งตัวไปเรียนซะ ฉันไม่ว่างมานั่งอยู่นี่ด้วยนะ" กวินหอบเอาชุดเมื่อคืนที่ฉีดน้ำตากไว้มาโยนให้
“นี่พี่อย่าบอกนะ ว่าเห็นของหนูไปหมดแล้ว!” หญิงสาวเบิกตากว้าง เมื่อเห็นเสื้อผ้าตนเอง
“ไม่ได้อยากดู แล้วก็ไม่ได้ดูสาบานเลย” เขาบอกหน้าตาย
“แล้วหนูมาอยู่ชุดนี้ได้ไงล่ะคะ?” ณัชชายังคงแคลงใจเมื่อตื่นมาเจอสภาพตนองแบบนี้
“เธออ้วก ดีนะที่เข้ามาในห้องแล้ว ไม่งั้นคงแย่ตามเช็ดให้เขาที่บันได” กวินเตรียมสะพายกระเป๋าพอมองดูดีๆตอนนี้เขาอยู่ในชุดที่สุภาพ เหมือนเตรียมความพร้อมจะไปที่ไหนสักแห่ง
“ขอบคุณนะคะที่ดูแลหนู” ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างจนน่าเอ็นดู
“ไม่เป็นไร ถ้าจะออกก็ล็อกห้องให้ฉันด้วยแล้วกัน” เขาพูดพร้อมกับหยิบรองเท้าคู่เก่ามาสวม
“พี่จะไปไหนคะ?”
“จองตั๋วกลับบ้าน”
“ไม่จริงอ่ะ!” ณัชชารีบเดินเข้าไปใกล้ กลับบ้านงั้นเหรอ กลับไปตอนนี้อะนะ
“จริงสิ จองไว้ก่อน แต่เดินทางสิ้นเดือนหน้า เตรียมตัวไว้จะได้ไม่รน” กวินพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งอีกที ทำไมถึงดูตกใจขนาดนั้นกัน
“พี่วิน ให้ตายเถอะ พี่เป็นผู้ชายจริงๆไหมเนี่ย?” ณัชชาเอามือเท้าเอวมองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาแต่ซื่อบื้อจนเธออยากจะลากเขาลงบนเตียงให้รู้แล้วรู้รอด
“เป็นสิ ทำไม?” ดวงตาดุดันมองมาที่เธอจนอยากจะวูบทำไมใบหน้านี้ถึงได้นิ่งขรึมขนาดนี้นะ
“หนูนอนอยู่ห้องพี่ทั้งคืน แต่พี่ไม่ทำอะไรเลยเนี่ยนะ?” คิ้วสวยขมวดเข้ากัน
“ทำสิ”
“ทำ... อะไรคะ?” ใบหน้าขาวมีสีแดงปนขึ้นทันทีที่ได้คำตอบ
“ซักเสื้อให้เธอ ลากเธอขึ้นไปนอน แล้วก็ตื่นมาไปซื้อโจ๊กให้เธอกิน” ณัชชาอ้าปากหว๋อแทนจะเขิน
“พี่วิน พี่เคยมีแฟนบ้างไหมคะ?” เป็นคำถามที่เธอเองก็อยากรู้สุดๆ ทำไมเขาถึงไม่ใช้โอกาสนี้ล่ะ ทำไมต้องมาสุภาพบุรุษหรือว่าเขาเองก็ไม่เคย
“เคย” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยสั้นๆ ดวงตาดุดันแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าชั่วครู่ก่อนจะหันหน้าหนีแล้วเดินไปยังหน้าประตู
“พะ พี่วิน” ณัชชาเรียกเขาเสียงแผ่ว รู้ตัวว่าตอนนี้ไปกระตุ้นต่อมอะไรบางอย่างจนคนตัวสูงมุ่งหน้าจะออกจากห้องอย่างเดียว
“เลิกมาสนใจฉันเถอะ ฉันไม่ใช่คนที่เธอคู่ควรหรอก” เขายืนนิ่งสักครู่ก่อนจะหันมาพูด พอพูดจบก็เดินออกไปพร้อมกับปิดประตูเสียงดัง ปัง!
มือเล็กกุมหัวตัวเองพร้อมกับยีแรงๆจนผมยาวฟูฟ่องไปหมด ตอนนี้เธออยากจะย้อนเวลาไปแก้ไขคำพูดเมื่อครู่เสียจริง หรือไม่ก็ตบปากเสียๆตอนนี้ซะ แต่ยังก่อน เธอต้องตั้งสติ แล้วสืบสาวเรื่องราวความรักของกวินมาให้ได้
ณัชชา Talk
“ฮัลโหลปิ่น มึงอยู่กับพี่เตไหม?” ฉันรีบกดโทรศัพท์หายัยเพื่อนตัวดีที่สรรหาทุกวิธีการเข้าหาพี่วินมาให้
‘อยู่คร่า’ น้ำเสียงเหมือนประชดประชัน แต่ความเป็นจริงก็ไม่ได้มีอะไรเพียงแต่เป็นเพราะสันดาน
“รอกูก่อน เดี่ยวรีบไปหา” ฉันรีบกดวางโทรศัพท์ก่อนจะถอดเสื้อตัวใหญ่ของพี่วินออก จากที่ฉันมองดูตัวเองแล้วไม่มีอะไรผิดปกติแม้แต่นิดเดียว ขนาดหน้าที่แต่งเครื่องสำอางยังโดนลบออกจนหมดสงสัยว่าเมื่อคืนพี่วินจะล้างหน้าล้างตาให้ ฉันต้องเมาขนาดไหนถึงจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง พึ่งจะรู้วันนี้เองแหละว่าเมาภาพตัดมันเป็นยังไง แต่เสื้อพี่เขาก็หอมจนไม่อยากถอดเลยแฮะ หลังจากที่ฉันเปลี่ยนเป็นชุดตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใครจะยอมเอาเสื้อตัวนี้ทิ้งไว้ที่นี่เฉยๆกัน
“ขอโทษนะคะพี่วิน หนูชอบพี่จนจะคลั่งอยู่แล้ว” ฉันยัดเสื้อตัวใหญ่ลงในกล่องข้างคนขับ แน่นอนว่าเดินออกมาถึงรถเรียบร้อยแถมขโมยเสื้อผู้ชายมาอีกด้วยค่ะ
ฉันขับรถคันโปรดของตัวเองมุ่งหน้ามายังคาเฟ่เล็กๆที่นัดดันไว้กับยัยปิ่นและพี่เตก่อนจะรีบจัดระเบียบตัวเองโดยใส่เสื้อไหมพรมแขนยาวลงจากรถ
“รอนานไหมคะ พี่เต?” ฉันไม่สนใจเพื่อนที่นั่งดูดชาเขียวข้างๆผู้ชายที่ต้องการเจอเท่าไหร่
“ไม่นานครับ รอปิ่นแต่งหน้ายังนานกว่า” พี่เตยิ้มให้พร้อมกับหันมามองตาขวางของยัยปิ่นก่อนจะสะดุ้ง
“ให้มันน้อยๆหน่อยค่ะ ปิ่นไม่แต่งนานเหมือนพี่อาบน้ำสักหน่อย” สองคนนี้ชอบปะทะฝีปากทั้งๆที่ตกลงปลงใจคบกันมาหลังจากพูดคุยกันไม่กี่อาทิตย์
“เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ” ฉันตัดบทสนทนาของสองคนตรงหน้า มองพี่เตพร้อมกับสีหน้าจริงจังจนเขาเริ่มระแวง
“ขะ ครับ น้องน้ำชามีอะไรถามพี่มาเลย”
“พี่วินเคยมีแฟนมาก่อนเหรอคะ?” ฉันถามเรื่องที่อยากรู้ทันทีไม่มีอ้ำอึ้งเพียงแต่มีพี่เตที่สีหน้าดูตกใจนิดหน่อย
“น้ำชา ถามไอ้วินมาเหรอ?”
“ค่ะ น้ำถามแต่พี่เขาดูแปลกไป จนน้ำอยากรู้ว่าพี่เขามีแผลใจอะไรรึเปล่า”
“น้ำชาถามอะไรที่ไม่ควรถามที่สุดเลยก็ว่าได้”
“ทำไมคะ?” ยัยปิ่นแทรกขึ้น ตอนนี้ฉันกับมันสองคนยื่นหน้าตั้งใจฟังพี่เตอย่างสุดตัว
“ไอ้วิน มันเคยหลงรักลูกสาวปั๊มน้ำมันมาก่อน แต่เพราะเศรษฐกิจช่วงนี้แย่มากทำให้พ่อของแฟนต้องจับคู่ให้ลูกสาวเขาได้แต่งกับลูกชายของเพื่อนที่มีบ่อน้ำมันเหมือนกัน แบบนี้เขาเลิกกันทั้งที่ยังรักอยู่ หรือมันจะเรียกว่าเลิกได้ไหมล่ะ?” พี่เตเล่าซะละเอียดจนฉันสะอึกไปที แท้จริงแล้วพี่วินมีแผลใจที่ฉันเองก็ไม่สามารถที่จะสมานได้เหมือนกันเองหรอกเหรอ
“น้ำยังเห็นหน้าแฟนเก่าพี่เตจังค่ะ” ฉันรีบถามเมื่อความสอดรู้มันวิ่งเข้ามาในหัว
“อ่า ได้สิ เดี่ยวพี่เปิดให้ดู” พี่เตรีบควักมือถือข้างๆมาเปิดรูปโปรไฟล์แฟนเก่าพี่วินให้ดู
พระเจ้าช่วยเธอเป็นคนที่สวยมากแถมเป็นลูกครึ่งเหมือนกันกับพี่วินอีก ถึงว่าเขาไม่สนใจสาวหมวยแนวเอเชียจ๋าอย่างเธอเลยเพราะสเป๊กเขาคงจะเป็นแนวลูกครึ่งเหมือนกันนี่เอง
“เห็นว่าเป็นดาวคณะของมหาลัยไม่ไกลนี่เองนะ” ยัยปิ่นหันมากระซิบฉัน
“กูสวยบ้างไหมวะ” ตอนนี้ฉันก็ไม่มั่นใจในตัวเองแล้วหันไปถามยัยปิ่นที่สบตาอยู่
“มึงสวยสิ สวยที่สุดแล้วเพื่อน แค่แฟนเก่าเขามีคู่หมั้นแล้ว ดูมึงสิ สวย สด ซิง แถมรวยอีกเอ้า เฮียตี๋ยังตามใจสุดๆเอาอะไรมาแพ้ สู้สิวะอีหญิง!” ยัยปิ่นตบที่ไหล่ฉันอย่างแรงโดยที่พี่เตเองก็แอบขำ
“โอเคๆ พี่อยู่ข้างน้ำชา” พี่เตยกมือขึ้นเหมือนยอมแพ้สายตาของยัยปิ่นอย่างราบคาบ
“อ้อ อีกเรื่องที่น้ำอยากรู้ค่ะ พี่วินจะกลับบ้านจริงๆเหรอคะ?”
“ใช่ เห็นว่างานทุกอย่างเคลียร์เสร็จแล้วตอนนี้มันก็กำลังเตรียมตัวจะกลับ”
“งั้นน้ำไปก่อนนะคะ เช็คชื่อให้กูด้วยนะเพื่อนรัก” ฉันตบไหล่ยัยปิ่นคืนก่อนจะวิ่งออกมาขึ้นรถ
กวินเดินกลับมายังห้องพัก มือหนายกโทรศัพท์เครื่องหรูที่ณัชชาซื้อให้ออกมาใช้งาน
(พี่วินอยู่ไหนคะ?) มีข้อความค้างไว้ที่หน้าจอเมื่อเขาเปิด พอเห็นข้อความก็กดเข้าไปอ่านนิ้วเรียวกดพิมพ์บอก
(ถึงห้องแล้ว กำลังจะพักผ่อน เพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนเท่าไหร่) เขาพิมพ์บอกไป
(โอเคค่ะ หนูไปหาได้ไหมคะ?)
(ไม่ เธอกลับบ้านไปเถอะ) กวินชะงักสักครู้เมื่อเห็นคำว่าอ่านแล้วแต่ไม่ตอบกลับมา ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆล้มตัวลงนอนที่นอนที่ไม่ใหญ่มากนักแต่พอเรียงรับตัวของเขาได้อยู่ ใบหน้าคมหันไปซุกที่หมอนหนุนที่ได้กลิ่นผมของหญิงสาวตัวเล็กนอนเมื่อคืน ณัชชาเป็นเด็กที่เขาสนอกสนใจตั้งแต่เดินเข้ามาเรียนในรั้วมหาลัยเดียวกัน เพียงแต่คนอย่างเขามันมีเส้นบางๆกั้นอยู่นั้นก็คือสถานะทางการเงิน และทางบ้าน มันทำให้คนที่เขารักตีตัวออกห่าง ด้วยความที่หน้าตาดีจนทำให้คุณหนูบ้านรวยหลายคนมาสนใจ แต่เขากลับลองคบหาดูใจแค่กับอลิษาคนเดียว
“วิน พ่อลิซต้องการให้เราเลิกกันค่ะ” อลิษาพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ต้องการเขา เธอต้องการแค่คู่ควงที่มีหน้าตาพอไปอวดชาวบ้านหรือเพื่อนเธอได้ แต่พอไปเจอเพื่อนๆอลิษาก็ชอบบอกว่าเขาเป็นลูกผู้ดีมีสกุล
“แล้วยังไง ลิซจะเลิกกับวินจริงเหรอ?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเป็นปม ตอนนี้เขามั่นใจว่ารักอลิษาแล้วจริงๆแต่เธอกลับบ่ายเบี่ยงความสัมพันธ์
“ที่จริง ลิซว่าจะบอกวินนานแล้ว ว่ายังไงเก็ไปกันต่อไม่ได้ เพราะเรามันห่างชนชั้นกันเกินไป” อลิษาพูดเรียบๆแต่เหมือนมันจะคมจนปาดขั้วหัวใจของกวิน
“ลิซ ไหนเราบอกว่าสถานะมันไม่ได้วัดความรักของเราไง?” กวินคว้าเอามือบางของอลิษาเข้ามากอบกุม
“ตอนนี้รักของวินลิซใช้ไม่ได้เหมือนเงินนี่คะ ลิซขอโทษนะคะที่ทำให้วินคิดว่าคุณอย่างลิซจะลดตัวมาชอบวิน” มือบางสะบัดออกก่อนจะเดินออกจากประตูห้องเช่าของกวินไปอย่างไร้เยื่อใย ปล่อยให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับมาร่วมสามเดือน
ดวงตาคมข่มตาให้หลับลงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ครั้งเก่าก่อน มือหนาคว้าเอาผ้าห่มขึ้นมาปกคลุมกายเพื่อหาความอบอุ่นก่อนจะบอกตนเองให้หลับไหลไปกับกลิ่นหอมที่ติดหมอนเขาไว้