"แบบนี้หมายความว่ายังไงเราต้องคุยกันให้เคลียร์ก่อนไหมสกาว" "ก็ไม่เห็นจะมีอะไรต้องเคลียร์ พี่ก็ใช้ชีวิตบนโลกนีี้ไปสิ"
View Moreเกิดอะไรขึ้น !!
เสียงเอ๊ะอะโวยวายตั้งขึ้นตรงทางเดินหนีไฟของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในต่างประเทศ "คุณทำแบบนี้ได้ยังไง!" เสียงผู้หญิงโวยวายขึ้นทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับหมอหนุ่ม "ผมทำอะไรครับ" ผมถามยัยแก่แว่นหนาเตอะด้วยความสับสน เพราะอยู่ ๆ เธอก็มาโวยวายและต้องการเจอผม "ไอ้คุณหมอ!! นี่แก แก" เสียงร้องของหญิงไวกลางคนดังขึ้นพร้อมกับเอามื้อชี้หน้าคุณหมอทักษ์ด้วยความโมโหและโกรธมาก "หึ แกอะไรครับผมอยู่ของผมดี ๆ แล้วนะ ป้าเป็นอะไรมากไหม อยู่ ๆ ก็มาเอ๊ะอะโวยวายรบกวนคนไข้และหมอคนอื่น ๆ" มนุษย์ป้าอีกแล้วสินะเจอแต่ละวันผมแทบจะอัดพารา เป็นตัน ๆ แล้วมั้ง สงสัยหน้าที่การงานผมคงยุ่งไม่พอ "ไอ้คนสารเลว แก ๆ แกทำหลานฉันท้อง!!" "นี่! ป้าถ้าจะกล่าวหากันลอย ๆ แบบนี้ผมฟ้องได้นะครับ" ผมบอกคนที่มาเรียกร้องโวยวาย ทันที ตึก ๆ ตึก หลังจากที่ผมพูดจบก็มีเด็กผู้หญิงรีบวิ่งเข้ามาทันที และำยายามลากแขนคนที่มากล่าวหาผมออกไป "ยะ..ยาย พอเถอะนะ นะคะ ถือว่ากาวขอร้อง" เธอสงสายตาอ้อนวอนไปให้ยัยป้าคนนั่น "ได้ยังไงฮะ มันทำแกท้องก็ต้องรับผิดชอบ!!" คนเป็นยายบอกกล่าวกับหลานสาวอย่างไม่ยินยอม ผมฟังบทสนทนาพวกนี้อย่างใจเย็นแม้จะโกรธและโมโหมากแค่ไหนผมก็ต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้เพื่อหน้าที่การงานในอนาคต "ยายพอเถอะนะ นะคะกาวขอร้องละ นะยายนะ เขาไม่ใช้คนทำสักหน่อยยาย ยายเข้าใจผิดแล้วเรากลับกันเถอะนะ" ผมมองเธอที่ขอร้องป้าที่มาหาเรื่องผม น้ำตาเธออาบนองเต็มสองแก้ม "อึก ขะ..ขอโทษคุณหมอด้วยนะคะยายหนูคงเขาใจผิดนะคะ" ฉันยิ้มทั้งน้ำตากล่าวขอโทษคนตรงหน้าทันทีเพราะไม่อยากยุ่งไม่อยากให้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เรื่องที่ฉันเป็นคนก่อเอาไว้เอง "ไม่เป็นไร แต่คราวหลังอย่ากล่าวหาใครมั่ว ๆ อีก" ผมบอกกับเธอ ก่อนจะหันไปจ้องมองและบอกกับป้าหรือยายของเธอที่หันมาสบตาผมโดยแววตานั้นเหมือนจะแข็งกร้าวและเคลือบแค้น "เหอะ เป็นหมอซะเปล่าแต่ไร้จรรยาบรรณน่ารังเกียจ" หลังจากที่ยายของผู้หญิงคนนี้พูดจบเธอก็เดินออกไปทันที "หนูขอโทษด้วยนะคะคุณหมอ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ" ฉันรีบกล่าวขอโทษเขาทันทีและรีบวิ่งตามคุณยายของตัวเองที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะโกรธมากด้วย บ้าน "เหอะแกก็เหมือนกันยัยกาว เป็นสาวเป็นนางปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ผู้ชายเอาจนท้อง ที่ฉันพรำสั่งพรำสอนมานี้ไม่คิดจะจำเลยใช่ไหม" คุณยายบ่นให้ฉันตั้งแต่โรงพยาบาลยันตอนนี้อยู่บ้านก็ยังว่าให้ไม่หยุด "คุณยายคะ~" ฉันเรียกยายอย่างคนสำนึกผิด "เสียงดังเอ๊ะอ่ะอะไรกันครับเนี่ย" พี่สกายเดินเข้ามาสวมกอดคุณยายที่กำลังโมโหให้ฉันอยู่ "ก็น้องสาวแกนะสิ ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว ฉันสอนมาตั้งเท่าไหร่สุดท้ายก็จนได้ ถ้ารู้ว่าโตมาจะทำตัวแบบนี้ฉันไปเสียแรงพร่ำสอนจนปากจะฉีกหรอกนะยะ" "คุณยายครับคนเราก็ผิดพลาดกันได้นิครับ อย่าไปซ้ำเติมน้องมันเลยนะครับ" พี่สกายพยายามออดอ้อนคุณยายเพื่อที่จะได้เลิกบ่นให้ฉัน "ตั้งใจนะสิไม่ว่า รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองกำลังจะแต่งงานอยู่แล้วยังจะไปเสนอตัวให้ไอ้คนไร้จรรยาบรรณนั่นอีก! เหอะ!!" เห้อสุดท้ายก็วนมาเรื่องนี้จนได้ให้ตายสิ "ก็กาวยังไม่พร้อม" ฉันบอกออกไปตามความจริง " ไม่พร้อม ไม่พร้อม แต่แกท้องนี้นะยัยสกาว!" โอเคฉันไม่ควรอธิบายอะไรสินะ "พรุ่งนี้แกเก็บของเลยเราจะกลับไปอยู่เมืองไทย!" "แต่คุณยายคะ~" "ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นแหละ ส่วนตาสกายเรียนอยู่นี้แหละใกล้จบแล้วนิ" และผู้กำหนดชีวิตเราสองคนก็คงจะมีแค่คุณยายนี้แหละ ส่วนคุณพ่อคุณแม่แทบจะไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวชีวิตของลูกอย่างพวกเราเลย โรงพยาบาล "คุณหมอคะท่าน ผอ. เรียกพบค่ะ" นางพยาบาลสาวเดินเข้ามาบอกหมอทักษ์เมื่อช่วงเวลาพักพอดี "ครับ เดี๋ยวผมไป" หลังจากรับคำคุณหมอหนุ่มก็เริ่มนวดขมับตัวเอง . . ชั้นใต้ดินของโรงพยาบาล (ห้อง ผอ.ผู้บริหารระดับสูง) แอ๊ด~ เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมองหลานชายตัวเอง "สวัสดีครับท่าน ผอ." ผมทักท้ายคุณอาไปตามมารยาท "ไงเรา นั่งก่อนสิทักษ์ อามีเรื่องจะคุยด้วยแล้วก็อยากเจอเราพอดี ทำไมไม่กลับบ้านบ้างหื้อ พ่อแม่นายคิดถึงจะแย่รู้ไหมมาบ่นให้อาฟังทุกวันเลย" ผมฟังอาที่บอกกับผม แต่ผมไม่ค่อยได้สนใจหรอกครับ ปกติพ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ผมอยู่แล้วจะมาคิดถึงอะไรเอาปานนี้ "ไหนอาบอกมีเรื่องจะคุยไงครับ ผมฟังอยู่" ผมบอกกลับไปเพราะไม่อย่างเฉไฉไปเรื่องอื่น ตอนนี้ผมโฟกัสที่เรื่องงานและเรื่องของตัวเองเป็นหลัก "โอเค ๆ อาอยากให้เราย้ายไปทำงานสาขาที่ไทยนะเราจะสะดวกหรือเปล่า ทางที่ดีลองปรึกษาพ่อกับแม่นายดูก่อนก็ได้นะทักษ์ อาไม่รีบ แต่ขอคำตอบภายในครึ่งปีนี้นะ" ผมฟังอาทิวเขา อยู่เงียบ ๆ และคิดตาม ก็ดีผมเบื่อที่นี้เต็มทนวัน ๆ มีแต่คนไข้ปราสาท มาวุ่นวายไม่เลิก "ผมโตแล้วคับอาผมตัดสินใจเองได้ ทำไมต้องให้ผมปรึกษาพ่อแม่ด้วยทำอย่างกับอยู่ให้ปรึกษาอย่างนั่นแหละ" ผมพูดจาประชดออกไป แต่มันก็คือเรื่องจริง พ่อแม่ของคนอื่นผมไม่รู้หรอกครับ แต่สำหรับผม พ่อกับแม่ไม่เคยมีเวลาให้ ช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของผมก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับพวกเขา ผมไม่โกรธไม่เกลียดที่พวกเขาไม่มีเวลาให้ ผมเลยเลือกที่จะเรียน หนัก ๆ เพื่อที่จะไม่มีเวลาว่างมาคิดวุ่นวายหรือน้อยใจพวกท่านเช่นกัน "เฮ้อ~ เรานี้นะเอาเถอะ ๆ ตามใจ ตัดสินใจอย่างไรก็บอกอาอีกทีละกัน นี้ก็จะบ่ายแล้วทานอะไรมาหรือยังละ จะออกไปกินข้าวกับอาไหม" ทิวเขาถามหลานชายด้วยความเอ็นดูแม้ว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้จะไม่ค่อยว่างตามที่หลานชายบอก จริง ๆ นั่นแหละไม่รู้จะวางมือเรื่องธุรกิจได้ตอนไหน "ไม่ดีกว่าครับผมขอตัว ผมทานมาแล้วเดียวจะมีเคสด่วนเข้ามาด้วย ผมไปทำงานก่อนแล้วกัน ไปละครับคุณอาสวัสดีครับ" พูดจบผมก็เดินออกจากห้องทันทีโดยไม่สนใจอะไรเลย เพราะมีเคสด่วนเข้ามาจริง ๆ นั่นแหละ . . ภายในห้องของทิวเขา "ไงละพี่ชาย ฮ่า ๆ ฮ่า ละเลยหน้าที่ดีนักลูกไม่สนใจเลย สมน้ำหน้า ฮ่า ๆ ฮ่า" ทิวเขาว่าและหัวเราะให้พี่ชายอย่างสะใจ เพราะเขาเคยเตือนพี่ชายกับพี่สะใภ้ตัวเองไปหลายครั้งแล้ว จนเหนื่อยจะพูดจะเตือน "เอ่อกูรู้แล้วไม่ต้องซ้ำเติมมึงนี่แม่ง สมเป็นน้อง เห-ี้ยของกูจริง ๆ นะซ้ำเติมกูเก่งเหลือเกิน" ทิวทัศน์ว่าให้น้องชายตัวเองทันที เพราะเขาได้ยินสิ่งที่ลูกชายตัวเองพูดทุกอย่าง หลังจากนี้คงวางแผนกับภรรยาเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ลูกชายให้มากกว่านี้อีกหน่อย “ถึงจะไม่ใช่คนดีมาก แต่งานนี้ผมช่วยพี่แล้วนะครับ โอนด้วยห้าล้าน” และนี้แหละคือตัวตนของ ผอ.โรงพยาบาลชื่อดังในต่างแดน หน้าเงินขูดรีดกับพี่น้อง “เป็นการขูดรีดที่เลือดเย็นมากรู้ตัวหรือเปล่าทิวเขา” พี่ชายสายเลือดเดียวกันแทน ๆ ยังขูดรีดเงินตรากันขนาดนี้ไม่อยากจะคิด ว่าใครมาขอความช่วยเหลือจากมันยอดจะไม่ทวีคูณไปเป็นสิบ ๆ เท่าเลยเหรอ “รู้น่า ก็ช่วยไม่ได้พี่ไม่ใส่ใจลูกตัวเอง อ่ะนะนี้ผมก็บวกค่าเลี้ยงดูไปแล้วนะยังไม่ถึงครึ่งเลยนะเนี่ย บวกเพิ่มอีกสักนิดดีไหมน๊า~” ทิวเขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้มและแววตาเจ้าเล่ห์ตามภาษาน้องชายใจบาป “พอ ๆ เลิกคิดล้างผลานพี่ชายตัวเองได้แแล้ว รวยก็ รวย โรงบาลก็มีตั้งสองสาขาจะเอาเงินจากพี่ทำอะไรเยอะแยะทิวเขา” เงินแค่ไม่กี่ล้านเขาไม่ได้งกหรอกนะแต่เหตุผลของน้องชายนี่สิอยากจะรู้เหมือนกัน “ถามได้ก็เอามาไว้เป็นค่าสินสอดให้น้องสะใภ้พี่ในอนาคตไง อย่าลืมละว่าผมยัังหาเมียไม่ได้เพราะใคร ชิน่าหมั่นไส้ชะมัดเลย” ทิวเขายังคงมองพี่ชายด้วยแววตาทะเล้นและเจ้าเล่ห์ตามฉบับน้องรักเหมือนเดิม อม้เรื่องราวในอดีตจะไม่สามารถย้อนกลับไปได้และก็ลืมไม่ได้เช่นกัน “ทิวเขา พี่เคยขอร้องนายแล้ววไม่ใช้เหรอว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก” ทิวทัศน์เรียกน้องชายเสียงเข้มขึ้นมาทันที แล้วใครมันจะไปรู้เล่าว่าภรรยาของเขาจะเป็นอดีตคนรักของน้องชาย “ขอโทษ ขอโทษก็คนมันลืมตัวใครบอกให้พี่ถามจี้กันเล่า โอนมาก็้พอเดียวจะไปเกลี่ยกล่อมหลานให้ละกัน” ทิวเขารีบบอกพี่ชายไปทันทีเพราะตัวเขาเองพอนึกถึงเรื่องนี้ที่ไรก็เผลอหลุดปากลืมตัวตลอดเลย “อืม ๆ ช่างเถอะเดียวพี่โอนเข้าบัญชีแกเลยละกันไปละ” ทิวทัศน์ พูดจบก็เดินออกจากห้องไปทันทีเพราะเขานัดกับ ภรรยาเอาไว้แล้ว หลังจากที่พี่ชายออกไปเพียงไม่นานข้อความแจ้งเตือนการโอนเงินก็ดังขึ้นมาทันที ทิวเขามองด้วยความพึ่งพอใจกับจำนวนเงินเกินจากที่ขอไป หระตุกพี่ชายนิด ๆหน่อย ๆ ก็ได้คาสัมมาคุณมาสองเท่าแบบเก๋ ๆ ตามสไตล์คนล่อและฉลาด บนตึกแผนกสูนติ “คุณหมอคะมาพอดีเลยมีเคสผ่าคลอดด่วนค่ะคุณหมอปากมดลูกคุณแม่เปิดแต่เด็กไม่ยอมกลับหััว ทางญาติคนไข้เซ็นเอกสารเรียบร้อยค่ะรอคุณหมอทำการผ่าคลอด” ผู้ช่วยพยาบาลรีบพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เห็็นหมอทักษ์ กลับเข้ามาในแผนกแล้ว “โอเคอุปกรณ์พร้อมแล้วใช้ไหมครับ คนไข้ต้องการผ่าแบบไหนบล็อคหลังหรือดมยา” ผมถามพยาบาลผู้ช่วยที่คุณอาส่งมาให้ค่อยช่วยงานทันทีที่กลับเข้ามาในตึกแผนกที่ประจำอยู่จนเวลาล่วงผ่านไปเกือนยี่สิบนาที ร่างบางของสกาวก็ขึ้นมาพร้อมกับหมอหนุ่ม "เอาขึ้นมาตรงนี้ ตอนนี้น่าจะขาดอากาศหายใจ ผมต้องทำ CPR ด่วน" หมอทักษ์บอกกับสกายอย่างร้อนรน ความเป็นมืออาชีพเลยสั่นเล็กน้อยแต่เขาจะไม่ยอมเสียเธอไปอีกครั้งแน่ ๆ "ได้ครับ หมอช่วยน้องผมด้วยนะ" สกายเริ่มเป็นกังวลเมื่อเห็นน้องสาวขึ้นมาจะน้ำลึกด้วยร่างกายที่อ่อนแอ "ทางสโมสรมีหน่วยแพทย์ฉุกเฉิกไหมครับ เรียกให้ผมที" หมอทักษ์รีบถามอย่างร้อนรน มือกดลงรัหว่างอกของหญิงสาว เพื่อกระตุ้นหัวใจ "มีครับ ๆ ผมจะรีบไปกดเรียกให้เดี๋ยวนี้เลย" สกายรีบวิ่งไปกดปุ่มเรียกทีมแพทย์ฉุกเฉินที่เจ้าของสโมสรให้สแตนบายอยู่ทุกชั้น ต้องเรียกว่าขอบคุณความรอบครอบของคนก่อตั้งสโมสร "ฟื้นสิกาว เรายังไม่ได้เคลียร์กันเลยนะ" หมอทักษ์ ฝาดลมผ่านริมฝีปากเล็กเข้าไปเพื่อให้เธอมีออกซิเจนในร่างกาย มือก็วนมากระกระตุ้นหัวใจ เขาทำซ้ำ ๆ อย่างนี้เกือนสามนาที "แค่ก ๆ แค่ก" สกาวสำลักน้ำออกมาก่อนที่สติจะดับวูบไป ทีมแพทย์รีบเข้ามารับเอาตัวหญิงสาว ซึ่งหมอทักษ์ก็ตามไปด้วย "พวกคุณช่วยเตรียมออกซิเจนให้ผมด้วย" หมอทักษฺ์ รีบบอกกลับเหล่าแพทย์ฉุกเฉิ
"ที่สโมสรมีร้านขายชุดว่ายน้ำค่ะคุณลุงหมอมาเล่นลิงชิงบอลกับพวกเรานะคะ" ซีเฟียพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "เดี๋ยวกาวพาไปซื้อค่ะถ้าจะลงไปเล่นกับเด็ก ๆ" สกาวมองอย่างเป็นห่วงทั้งความรู้สึกของคุณหมอและความรู้สึกของลูกแฝดของเธอ "ได้ครับเดี๋ยวลุงเล่นด้วยแต่ตอนนี้ลุงต้องไปซื้อชุดว่ายน้ำก่อน" หมอทักษ์บอกทั้งเด็กสาวก่อนจะยิ้มละพยักหน้าให้เด็กชายที่ชูนิ้วโป้งยกขึ้นมาให้เขาทั้งสองข้าง "ยอดเยี่ยมมากเลยครับคุณลุงหมอ" เฟียสชื่นชมอย่างดีใจที่ในที่สุดเขาก็หาคนเข้าทีมได้ "กาวไปเป็นเพื่อนค่ะ" สกาวรีบเดินตามออกมาอย่างเป็นห่วง 'เธอห่วงเขามากเกินไปแล้ว' แปดปีที่ห่างหายแต่ทุกสัมผัสและความทรงจำยังคงวนเวียนอยู่ในจิตใจและหัวสมอง"คุณหมอมาทางนี้เลยค่ะ ความจริงคุณหมอปฏิเสธเด็ก ๆ ไปก็ได้นะคะ" สกาวพูดออกมาอย่างรู้สึกหนักใจ "ไม่เป็นไรครับ ผมก็อยากเล่นน้ำกับเด็ก ๆ แล้วอีกอย่างนาน ๆ ที่จะได้แสดงความสามารถของตัวเอง" หมอทักษ์มองยิ้ม ๆ ก่อนจะจับมือเธอเดินเข้าไปในร้านขายชุดกีฬาว่ายน้ำ ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงหมอทักษ์ก็ถือถุงชุดกีฬาว่ายน้ำออกมา "เด็ก ๆ คงรอนานแล้ว ไปกันเถอะเดี๋ยวพี่ไป
ทั้งสองคนเดินเข้ามาตรงโซนอาหารของสโมสร "คุณหมอแลกคูปองก่อนนะคะที่นี้เขาไม่รับเงินสดค่ะ" สกาวพาคุณหมอหนุ่มเดินมาตรงเคาน์เตอร์แลกตูปอง ก่อนที่ทั้งสองต่างก็มองหาร้านอาหารที่ตัวเองอยากกิน "พี่หมออยากกินอะไรคะ เดี๋ยวกาวไปสั่งให้ไปนั่งจ้องโต๊ะรอก่อนได้เลย" สกาวหันกลับมาถามคนที่เดินตามหลังเธอมาหลังจากแลกคูปองเสร็จ "พี่เอาข้าวผัดโบราณนะครับ" หมอทักษ์ยืนมองร้านอาหารที่อยู่ตรงหน้า พอสั่งเสร็จเขาก็มองหาโต๊ะที่นั่งสำหรับสองคน "เดียวพี่ไปซื้อน้ำให้แล้วกันนะ" หมอทักษ์พูดขึ้นมาพร้อมกับรับคูปองที่สกาวยื่นมาให้โดยไม่ถามสักคำว่าเธอจะกินน้ำอะไร เมื่อทั้งสองคนได้ในสิ่งที่ต้องการสกาวยกถาดอาหารมาวางไว้บนโต๊ะมองน้ำเปล่าสองขวดที่ว่าอยู่ก่อน "ได้แล้วเหรอไวจังเลย หมดหรือยังให้พี่ไปช่วยยกมาให้ดีกว่านะ" เมื่อหมอทักษ์เห็นอย่างนั้นก็เตรียมที่จะลุกไปช่วยเธอ "ไม่มีแล้วค่ะ กาวสั่งเป็นอาหารจานเดียวมาเลยไม่เยอะร้านก็มีถาดใส่อาหารมาให้" สกาวยกจานข้าวผัดสองจานวางลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้สำหรับตัวเอง "ครับงั้นเดี๋ยวพี่เป็นคนเอาไปเก็บเองโอเคไหม" หมอทักษ์รีบเสนอตัวเองเขามาเพื่
โรงพยาบาลห้องทำงานที่กำลังวุ่นวายกับคนไข้ที่พร้อมปะทะกับหมอตลอดเวลา สกาวทำได้แต่ท่องนะโมในใจ ก่อนจะส่งยิ้มให้คนไข้หัวดื้อของตัวเอง "เดือนหน้าถ้าคุณแม่ยังไม่ชัวร์ ก็ต้องเข้ามาอัลตราซาวด์อีกครั้งนะคะ คนไข้ไม่ได้เป็นถุงน้ำในรังไข่แต่คนไข้ตั้งครรภ์ได้ 14สัปดาร์แล้วค่ะ" สกาวอธิบายคนไข้ไปเป็นรอบที่สามของวัน "คุณหมอตรวจผิดหรือเปล่าคะ คือหนูเลิกกับแฟนไปสามเดือนแล้วนะคะ จะท้องได้ยังไง" คนไข้วัยสาวประท้วงขึ้นมา เธอเชื่อวันไม่สามารถที่ตัวเองจะตั้งครรภ์ในช่วงนี้ได้ "อะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะคนไข้ เดี๋ยวหมอเขียนใบนัดให้อีกทีนะคะ" สกาวจดทุกอย่างลงในคอม และส่งเอกสารเข้าไปในห้องยาของโรงพยาบาลหนึ่งฉบับ "เดียวคนไข้ไปรอบรับยาบำรุงครรภ์ที่ห้องยานะคะ ก่อนรับยาช่วยไปชำระค่าใช้จ่ายที่ห้องการเงินก่อนรับยานะคะ เดียวให้พี่พยายาบพาไปนะคะ" สกาวบอกคนไข้ยังสาวของที่ไม่อาจจะยอมรับความจริงเรื่องการตั้งครรภ์ได้ "คุณหมอคะถ้าหนูไม่อยากเก็บเด็กไว้ละคะ โรงพยาบาลพอจะมีวิธีช่วยหนูได้ไหมคะ" หญิงสาวถามอย่างมีความหวัง "ตามหลักความเป็นจริงมันก็สามารถทำได้ค่ะ แต่คุณหมออยากลองให้คุณแม่กลับไปคิดทบท
"ห้ะ สองทุ่มแล้วเหรอ" สกาวมองนาฬิกาบนหัวเตียงอีกครั้ง "ครับ หิวหรือยังความจริงพี่มีเรื่องอยากรู้จากปากของเธอหลายเรื่องแต่ตอนนี้ควรหาอะไรทานได้แล้วนะครับ ลุกขึ้นมา" หมอทักษ์จ้องสบตาคนที่ไม่ยอมขยับตัวออกจากเตียงทั้งที่ตื่นแล้ว "อีกสิบนาทีนะคะ" สกาวรีบหลับตาลงเพื่อหลบสายตาจริงจังที่หมอทักษ์พูดขึ้นมาเพื่อสืบสานความกระจ่างระหว่างความสัมพันธ์ของเรา"ไม่เนียนครับลุกขึ้นมาแล้วเราค่อยคุยกัน" หมอทักษ์จ้องมองคนที่ทำท่าทีเหมือนหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปช้อนตัวเธอขึ้นมาจากเตียงนอน "ว๊าย คุณหมอปล่อยกาวลงเดี๋ยวนี้เลยนะคะกาวเดินเองได้ค่ะ" สกาวตกใจจนกว่าเสียเมื่ออยู่ ๆ คุณหมอหนุ่มก็ตื่นเข้ามาช้อนตัวอุ้มเธอออกจากที่นอนอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว "ไม่ปล่อยครับ ไปหาอะไรทานกันเถอะตอนนี้ สองทุ่มกว่าแล้วไม่หิวหรือไง" หมอทักษ์ไม่ได้สนใจเสียงร้องของหญิงสาวพาเดินออกจากห้องนอนไปเดินผ่านโซนห้องรับแขกและวางเธอลงตรงหน้าโต๊ะอาหาร"คุณหมอทำเองเหรอคะ" สกาวที่มองพินิจดูอาหารเบื้องหน้าอย่างพิจารณา "หน้าตาหล่อ ๆ แบบนี้ต้องทำเองด้วยเหรอ" คำพูดที่ชมตัวเองและหลงตัวเองของคุณ
แกนกายใหญ่ค่อย ๆ หลุดออกจากร่องสาวของสกาว "มีอะไรอยากเล่าให้พี่ฟังไหมครับ เราควรคุยกันตั้งนานแล้ว" หมอทักษ์ที่ยังคงนอนคร่อมรางของสกาวอยู่ไม่ยอมลุกออกไปไหน "ไม่มีไม่คุยไม่อยากคุย" สกาวรีบหันหน้าหนีเพราะไม่อาจจะสบตาชายหนุ่มได้หัวใจเธอยังคงหวั่นไหว และเจ็บปวดกับภาพบาดตาบาดใจในวันนั้นได้เป็นอย่างดี "แต่พี่มีตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่างนอนหลับต่อได้เลยนะครับถ้าง่วง" หมอทักษ์พลิกตัวลงนอนบนเตียง แขนยื่นไปโอบกอดตัวเธอเอาไว้จากด้านหลังมือไม่รักดีก็เผลอเอาไปบีบขย้ำหน้าอกสาว "หมอเอามือออกนะคะ แบบนี้กาวนอนไม่หลับ" สกาวพูดพร้อมหันมาสบตากับชายหนุ่ม"นอนไม่หลับก็ไม่ต้องนอนครับ ของพี่มันแข็งอีกแล้วพอมือได้สัมผัสเนื้อตัวหนูมันก็พร้อมรบเลย" หมอทักษ์ ค่อย ๆ จับมือของสกาวมาลูบลำเอ็นใหญ่ของเขาช้า ๆ "หมอหยุดนะคะ" สกาวรัองเสียงหลงเพราะมือเธอดันไปเผลอกอบกำเอ็นรักของหมอทักษ์ "พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แค่เอามือหนูวางไว้เฉย ๆ แต่หนูก็ยอมจับมันนะครับ" หมอทักษ์ก้มมองแกนกายที่ถูกมือของสกาวจับรูดขึ้นลงอยู่ ทั้งที่เขาก็ปล่อยมือตัวเองจากเธอแล้ว "ไม่ต้องพูดเลยค่ะ พี่หมอเริ่มก่อนแค่เล่นด
Comments