"แบบนี้หมายความว่ายังไงเราต้องคุยกันให้เคลียร์ก่อนไหมสกาว" "ก็ไม่เห็นจะมีอะไรต้องเคลียร์ พี่ก็ใช้ชีวิตบนโลกนีี้ไปสิ"
View Moreเกิดอะไรขึ้น !!
เสียงเอ๊ะอะโวยวายตั้งขึ้นตรงทางเดินหนีไฟของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในต่างประเทศ "คุณทำแบบนี้ได้ยังไง!" เสียงผู้หญิงโวยวายขึ้นทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับหมอหนุ่ม "ผมทำอะไรครับ" ผมถามยัยแก่แว่นหนาเตอะด้วยความสับสน เพราะอยู่ ๆ เธอก็มาโวยวายและต้องการเจอผม "ไอ้คุณหมอ!! นี่แก แก" เสียงร้องของหญิงไวกลางคนดังขึ้นพร้อมกับเอามื้อชี้หน้าคุณหมอทักษ์ด้วยความโมโหและโกรธมาก "หึ แกอะไรครับผมอยู่ของผมดี ๆ แล้วนะ ป้าเป็นอะไรมากไหม อยู่ ๆ ก็มาเอ๊ะอะโวยวายรบกวนคนไข้และหมอคนอื่น ๆ" มนุษย์ป้าอีกแล้วสินะเจอแต่ละวันผมแทบจะอัดพารา เป็นตัน ๆ แล้วมั้ง สงสัยหน้าที่การงานผมคงยุ่งไม่พอ "ไอ้คนสารเลว แก ๆ แกทำหลานฉันท้อง!!" "นี่! ป้าถ้าจะกล่าวหากันลอย ๆ แบบนี้ผมฟ้องได้นะครับ" ผมบอกคนที่มาเรียกร้องโวยวาย ทันที ตึก ๆ ตึก หลังจากที่ผมพูดจบก็มีเด็กผู้หญิงรีบวิ่งเข้ามาทันที และำยายามลากแขนคนที่มากล่าวหาผมออกไป "ยะ..ยาย พอเถอะนะ นะคะ ถือว่ากาวขอร้อง" เธอสงสายตาอ้อนวอนไปให้ยัยป้าคนนั่น "ได้ยังไงฮะ มันทำแกท้องก็ต้องรับผิดชอบ!!" คนเป็นยายบอกกล่าวกับหลานสาวอย่างไม่ยินยอม ผมฟังบทสนทนาพวกนี้อย่างใจเย็นแม้จะโกรธและโมโหมากแค่ไหนผมก็ต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้เพื่อหน้าที่การงานในอนาคต "ยายพอเถอะนะ นะคะกาวขอร้องละ นะยายนะ เขาไม่ใช้คนทำสักหน่อยยาย ยายเข้าใจผิดแล้วเรากลับกันเถอะนะ" ผมมองเธอที่ขอร้องป้าที่มาหาเรื่องผม น้ำตาเธออาบนองเต็มสองแก้ม "อึก ขะ..ขอโทษคุณหมอด้วยนะคะยายหนูคงเขาใจผิดนะคะ" ฉันยิ้มทั้งน้ำตากล่าวขอโทษคนตรงหน้าทันทีเพราะไม่อยากยุ่งไม่อยากให้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เรื่องที่ฉันเป็นคนก่อเอาไว้เอง "ไม่เป็นไร แต่คราวหลังอย่ากล่าวหาใครมั่ว ๆ อีก" ผมบอกกับเธอ ก่อนจะหันไปจ้องมองและบอกกับป้าหรือยายของเธอที่หันมาสบตาผมโดยแววตานั้นเหมือนจะแข็งกร้าวและเคลือบแค้น "เหอะ เป็นหมอซะเปล่าแต่ไร้จรรยาบรรณน่ารังเกียจ" หลังจากที่ยายของผู้หญิงคนนี้พูดจบเธอก็เดินออกไปทันที "หนูขอโทษด้วยนะคะคุณหมอ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ" ฉันรีบกล่าวขอโทษเขาทันทีและรีบวิ่งตามคุณยายของตัวเองที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะโกรธมากด้วย บ้าน "เหอะแกก็เหมือนกันยัยกาว เป็นสาวเป็นนางปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ผู้ชายเอาจนท้อง ที่ฉันพรำสั่งพรำสอนมานี้ไม่คิดจะจำเลยใช่ไหม" คุณยายบ่นให้ฉันตั้งแต่โรงพยาบาลยันตอนนี้อยู่บ้านก็ยังว่าให้ไม่หยุด "คุณยายคะ~" ฉันเรียกยายอย่างคนสำนึกผิด "เสียงดังเอ๊ะอ่ะอะไรกันครับเนี่ย" พี่สกายเดินเข้ามาสวมกอดคุณยายที่กำลังโมโหให้ฉันอยู่ "ก็น้องสาวแกนะสิ ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว ฉันสอนมาตั้งเท่าไหร่สุดท้ายก็จนได้ ถ้ารู้ว่าโตมาจะทำตัวแบบนี้ฉันไปเสียแรงพร่ำสอนจนปากจะฉีกหรอกนะยะ" "คุณยายครับคนเราก็ผิดพลาดกันได้นิครับ อย่าไปซ้ำเติมน้องมันเลยนะครับ" พี่สกายพยายามออดอ้อนคุณยายเพื่อที่จะได้เลิกบ่นให้ฉัน "ตั้งใจนะสิไม่ว่า รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองกำลังจะแต่งงานอยู่แล้วยังจะไปเสนอตัวให้ไอ้คนไร้จรรยาบรรณนั่นอีก! เหอะ!!" เห้อสุดท้ายก็วนมาเรื่องนี้จนได้ให้ตายสิ "ก็กาวยังไม่พร้อม" ฉันบอกออกไปตามความจริง " ไม่พร้อม ไม่พร้อม แต่แกท้องนี้นะยัยสกาว!" โอเคฉันไม่ควรอธิบายอะไรสินะ "พรุ่งนี้แกเก็บของเลยเราจะกลับไปอยู่เมืองไทย!" "แต่คุณยายคะ~" "ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นแหละ ส่วนตาสกายเรียนอยู่นี้แหละใกล้จบแล้วนิ" และผู้กำหนดชีวิตเราสองคนก็คงจะมีแค่คุณยายนี้แหละ ส่วนคุณพ่อคุณแม่แทบจะไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวชีวิตของลูกอย่างพวกเราเลย โรงพยาบาล "คุณหมอคะท่าน ผอ. เรียกพบค่ะ" นางพยาบาลสาวเดินเข้ามาบอกหมอทักษ์เมื่อช่วงเวลาพักพอดี "ครับ เดี๋ยวผมไป" หลังจากรับคำคุณหมอหนุ่มก็เริ่มนวดขมับตัวเอง . . ชั้นใต้ดินของโรงพยาบาล (ห้อง ผอ.ผู้บริหารระดับสูง) แอ๊ด~ เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมองหลานชายตัวเอง "สวัสดีครับท่าน ผอ." ผมทักท้ายคุณอาไปตามมารยาท "ไงเรา นั่งก่อนสิทักษ์ อามีเรื่องจะคุยด้วยแล้วก็อยากเจอเราพอดี ทำไมไม่กลับบ้านบ้างหื้อ พ่อแม่นายคิดถึงจะแย่รู้ไหมมาบ่นให้อาฟังทุกวันเลย" ผมฟังอาที่บอกกับผม แต่ผมไม่ค่อยได้สนใจหรอกครับ ปกติพ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ผมอยู่แล้วจะมาคิดถึงอะไรเอาปานนี้ "ไหนอาบอกมีเรื่องจะคุยไงครับ ผมฟังอยู่" ผมบอกกลับไปเพราะไม่อย่างเฉไฉไปเรื่องอื่น ตอนนี้ผมโฟกัสที่เรื่องงานและเรื่องของตัวเองเป็นหลัก "โอเค ๆ อาอยากให้เราย้ายไปทำงานสาขาที่ไทยนะเราจะสะดวกหรือเปล่า ทางที่ดีลองปรึกษาพ่อกับแม่นายดูก่อนก็ได้นะทักษ์ อาไม่รีบ แต่ขอคำตอบภายในครึ่งปีนี้นะ" ผมฟังอาทิวเขา อยู่เงียบ ๆ และคิดตาม ก็ดีผมเบื่อที่นี้เต็มทนวัน ๆ มีแต่คนไข้ปราสาท มาวุ่นวายไม่เลิก "ผมโตแล้วคับอาผมตัดสินใจเองได้ ทำไมต้องให้ผมปรึกษาพ่อแม่ด้วยทำอย่างกับอยู่ให้ปรึกษาอย่างนั่นแหละ" ผมพูดจาประชดออกไป แต่มันก็คือเรื่องจริง พ่อแม่ของคนอื่นผมไม่รู้หรอกครับ แต่สำหรับผม พ่อกับแม่ไม่เคยมีเวลาให้ ช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของผมก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับพวกเขา ผมไม่โกรธไม่เกลียดที่พวกเขาไม่มีเวลาให้ ผมเลยเลือกที่จะเรียน หนัก ๆ เพื่อที่จะไม่มีเวลาว่างมาคิดวุ่นวายหรือน้อยใจพวกท่านเช่นกัน "เฮ้อ~ เรานี้นะเอาเถอะ ๆ ตามใจ ตัดสินใจอย่างไรก็บอกอาอีกทีละกัน นี้ก็จะบ่ายแล้วทานอะไรมาหรือยังละ จะออกไปกินข้าวกับอาไหม" ทิวเขาถามหลานชายด้วยความเอ็นดูแม้ว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้จะไม่ค่อยว่างตามที่หลานชายบอก จริง ๆ นั่นแหละไม่รู้จะวางมือเรื่องธุรกิจได้ตอนไหน "ไม่ดีกว่าครับผมขอตัว ผมทานมาแล้วเดียวจะมีเคสด่วนเข้ามาด้วย ผมไปทำงานก่อนแล้วกัน ไปละครับคุณอาสวัสดีครับ" พูดจบผมก็เดินออกจากห้องทันทีโดยไม่สนใจอะไรเลย เพราะมีเคสด่วนเข้ามาจริง ๆ นั่นแหละ . . ภายในห้องของทิวเขา "ไงละพี่ชาย ฮ่า ๆ ฮ่า ละเลยหน้าที่ดีนักลูกไม่สนใจเลย สมน้ำหน้า ฮ่า ๆ ฮ่า" ทิวเขาว่าและหัวเราะให้พี่ชายอย่างสะใจ เพราะเขาเคยเตือนพี่ชายกับพี่สะใภ้ตัวเองไปหลายครั้งแล้ว จนเหนื่อยจะพูดจะเตือน "เอ่อกูรู้แล้วไม่ต้องซ้ำเติมมึงนี่แม่ง สมเป็นน้อง เห-ี้ยของกูจริง ๆ นะซ้ำเติมกูเก่งเหลือเกิน" ทิวทัศน์ว่าให้น้องชายตัวเองทันที เพราะเขาได้ยินสิ่งที่ลูกชายตัวเองพูดทุกอย่าง หลังจากนี้คงวางแผนกับภรรยาเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ลูกชายให้มากกว่านี้อีกหน่อย “ถึงจะไม่ใช่คนดีมาก แต่งานนี้ผมช่วยพี่แล้วนะครับ โอนด้วยห้าล้าน” และนี้แหละคือตัวตนของ ผอ.โรงพยาบาลชื่อดังในต่างแดน หน้าเงินขูดรีดกับพี่น้อง “เป็นการขูดรีดที่เลือดเย็นมากรู้ตัวหรือเปล่าทิวเขา” พี่ชายสายเลือดเดียวกันแทน ๆ ยังขูดรีดเงินตรากันขนาดนี้ไม่อยากจะคิด ว่าใครมาขอความช่วยเหลือจากมันยอดจะไม่ทวีคูณไปเป็นสิบ ๆ เท่าเลยเหรอ “รู้น่า ก็ช่วยไม่ได้พี่ไม่ใส่ใจลูกตัวเอง อ่ะนะนี้ผมก็บวกค่าเลี้ยงดูไปแล้วนะยังไม่ถึงครึ่งเลยนะเนี่ย บวกเพิ่มอีกสักนิดดีไหมน๊า~” ทิวเขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้มและแววตาเจ้าเล่ห์ตามภาษาน้องชายใจบาป “พอ ๆ เลิกคิดล้างผลานพี่ชายตัวเองได้แแล้ว รวยก็ รวย โรงบาลก็มีตั้งสองสาขาจะเอาเงินจากพี่ทำอะไรเยอะแยะทิวเขา” เงินแค่ไม่กี่ล้านเขาไม่ได้งกหรอกนะแต่เหตุผลของน้องชายนี่สิอยากจะรู้เหมือนกัน “ถามได้ก็เอามาไว้เป็นค่าสินสอดให้น้องสะใภ้พี่ในอนาคตไง อย่าลืมละว่าผมยัังหาเมียไม่ได้เพราะใคร ชิน่าหมั่นไส้ชะมัดเลย” ทิวเขายังคงมองพี่ชายด้วยแววตาทะเล้นและเจ้าเล่ห์ตามฉบับน้องรักเหมือนเดิม อม้เรื่องราวในอดีตจะไม่สามารถย้อนกลับไปได้และก็ลืมไม่ได้เช่นกัน “ทิวเขา พี่เคยขอร้องนายแล้ววไม่ใช้เหรอว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก” ทิวทัศน์เรียกน้องชายเสียงเข้มขึ้นมาทันที แล้วใครมันจะไปรู้เล่าว่าภรรยาของเขาจะเป็นอดีตคนรักของน้องชาย “ขอโทษ ขอโทษก็คนมันลืมตัวใครบอกให้พี่ถามจี้กันเล่า โอนมาก็้พอเดียวจะไปเกลี่ยกล่อมหลานให้ละกัน” ทิวเขารีบบอกพี่ชายไปทันทีเพราะตัวเขาเองพอนึกถึงเรื่องนี้ที่ไรก็เผลอหลุดปากลืมตัวตลอดเลย “อืม ๆ ช่างเถอะเดียวพี่โอนเข้าบัญชีแกเลยละกันไปละ” ทิวทัศน์ พูดจบก็เดินออกจากห้องไปทันทีเพราะเขานัดกับ ภรรยาเอาไว้แล้ว หลังจากที่พี่ชายออกไปเพียงไม่นานข้อความแจ้งเตือนการโอนเงินก็ดังขึ้นมาทันที ทิวเขามองด้วยความพึ่งพอใจกับจำนวนเงินเกินจากที่ขอไป หระตุกพี่ชายนิด ๆหน่อย ๆ ก็ได้คาสัมมาคุณมาสองเท่าแบบเก๋ ๆ ตามสไตล์คนล่อและฉลาด บนตึกแผนกสูนติ “คุณหมอคะมาพอดีเลยมีเคสผ่าคลอดด่วนค่ะคุณหมอปากมดลูกคุณแม่เปิดแต่เด็กไม่ยอมกลับหััว ทางญาติคนไข้เซ็นเอกสารเรียบร้อยค่ะรอคุณหมอทำการผ่าคลอด” ผู้ช่วยพยาบาลรีบพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เห็็นหมอทักษ์ กลับเข้ามาในแผนกแล้ว “โอเคอุปกรณ์พร้อมแล้วใช้ไหมครับ คนไข้ต้องการผ่าแบบไหนบล็อคหลังหรือดมยา” ผมถามพยาบาลผู้ช่วยที่คุณอาส่งมาให้ค่อยช่วยงานทันทีที่กลับเข้ามาในตึกแผนกที่ประจำอยู่พอเดินเข้ามาในคาเฟ่ก็ทำให้เธอรู้สึกตะลึงไปกับความแปลกใหม่เล็กน้อย "มันสวยมากเลยค่ะ ราวกับว่าเราได้อยู่ในจักรวาลทั้ง ๆ ที่อยู่บนโลกมนุษย์แท้ ๆ" สกาวมองไปรอบร้านที่ตกแต่งร้านได้สวยงามรวมพวกสิ่งประดับเกี่ยวกับกาแล็กซี่ต่าง ๆ ของจักรวาลอยู่ในร้าน "ผมว่าเจ้าของคาเฟ่คงต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้วยแน่เลย" ความคิดของเขาไปในทางนั้นจริง ๆ ไม่แน่ใจว่าเจ้าของคาเฟ่เก่งเรื่องวิทย์ - คณิตด้วยหรือเปล่า "แต่กาวไม่น่าจะใช่นะคะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ เจ้าของร้านคงต้องเรียงพวกดาวเคราะห์ถูกสิ ไม่ใช่ให้เรียงตามใจชอบแบบนี้" เธอมองไปที่ผนังร้านที่มีกลุ่มดาวเคราะห์หลายดวงที่เรียงกันสับสนไปหมด "จริงด้วยสินะ หรืออาจจะเป็นลูกค้าที่มาสลับสับเปลี่ยนพวกกลุ่มดาวพวกนี้เองหรือเปล่าก็ไม่รู้ดูสิเห็นไหมว่ามันขยับได้" หมอทักษ์ ชี้ไปที่ดาวเคราะห์ต่าง ๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนผนังคาเฟ่ "มันขยับได้จริง ๆ ด้วยค่ะ" สกาวพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นสิ่งแปลกตาและมหัศจรรย์ ภายในร้านคาเฟ่เล็ก ๆแห่งนี้ "ขอโทษนะคะลูกค้า ลูกค้าต้องการดื่มอะไรดีคะ" พนักงานของร้านที่ตอนแรกไม่เห็นว่ามีลูกค้ารีบเดิน
เขามองริมฝีปากเธออยู่อย่างนั้นก่อนที่จะค่อย ๆ เอามือของตัวเองไปโอบศรีษะของเธอให้ริมฝีปากของเธอเข้ามาใกล้กับริมฝีปากของเขาอีกครั้ง "คะ..คุณ อืม~" 'หมอคะ' เธอไม่ทันได้พูดเรียกสติของชายหนุ่มก็ถูกริมฝีปากของเขาประกบจูบเข้ามาทันทีโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งสองคนกำลังจบกันอย่างโดดดื่มทำให้การสัมผัสของทั้งคู่เกิดความเร่าร้อนขึ้นมาทันที ชุดนอนผ้าลื่นเนื้อบางถอดง่ายใส่สบายทำให้สกาวต้องเผลอไผไปกับรสจูบของคุณหมอหนุ่ม "อืม~" จ๊วบ ๆ จ๊วบ เสียงจูบและลิ้นพันกันอย่างเร่าร้อนยังคงไม่จบลงทำให้สกาวเริ่มหายใจติดขัด เมื่อเขารู้ว่าเธอเริ่มจะหายใจไม่ออกและดิ้นรน จึงค่อย ๆ ถอดริมฝีปากของตัวเองออกจากปากของหญิงสาว "คุณสงสัยเหมือนผมไหมครับ ว่าทำไมเวลาผมอยู่กับคุณทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษ และต้องการที่จะสัมผัสคุณมากขึ้นทุกครั้ง" เขาจับคางของหญิงสาวขึ้นมาเผชิญหน้ากับตัวเองที่ตอนนี้ใบหน้าของเธอเริ่มมีอาการแดงกล่่ำเพราะความเขินอายจากรสจูบแสนหวาน ที่เขามอบให้เธอ "ทะ..ทำไปคุณหมอพูดอย่างนี้ล่ะค่ะคงไม่มีอะไรหรอกมั้งคะ" สกาวที่ไม่ยอมบอกอะไรกับเขา ทำให้เขาต้องเป็นคนดิ้นร
หลังจากออกเวรสกาวรู้สึกอ่อนเพลียมาก เธอกลับมาทำงานตามปกติ พอนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนที่ทางเธอและหมอเทพพิทักษ์ได้ไปเป็นตัวแทนของโรงพยาบาลเพื่อมอบ เงินสมทบทุนให้กับเด็ก ๆ ที่ขาดแคลน .หลังจากที่ขับรถมาถึงที่พักก็เข้าเช็คอินทันที "ทำไมจองไว้ห้องเดียวล่ะคะ" จะกล่าวถามด้วยใบหน้าที่ตกใจและมองสบตากับคุณหมอที่เคยเป็นอาจารย์แพทย์สอนเธอ "ห้องมันเต็มครับผมถามไปแล้วกว่าจะได้ห้องก็คงอีก สองวันนู้นพอถึงตอนนั้นเราก็เช็คเอาท์ออกกันพอดี แต่ห้องนี้เป็นห้องใหญ่ไม่ต้องกังวลหรอกครับผมไม่ทำอะไรคุณหรอก" หมอทักษ์ มองคนที่เขารู้สึกคุ้นเคยแต่ก็คับคล้ายคับคลายังจำไม่ค่อยได้ ในหัวสมองของเขามีอาการสับสนกับความเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าหญิงสาวของเขาจนแปลกใจ "อ่อ เป็นห้อง สองเตียงใช่ไหมคะ" สกาวหันกลับไปถามพนักงานที่คอยต้อนรับและให้ลูกค้ามาเช็คเอาท์อยู่หน้าเคาน์เตอร์ "ใช่ค่ะลูกค้าต้องขออภัยจริง ๆ นะคะที่ทางเราไม่สามารถจำหน่ายห้องแยกได้เพราะช่วงนี้เป็นช่วง ที่ทางที่พักได้ทำการโปรโมทไปด้วยเลยทำให้ห้องพักไม่เพียงพอต่อการเข้าพักค่ะ" พนักงานตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและพูดด้วยถ้อยคำอ่อนโยนกล
ร้านอาหารทะเล ในช่วงเวลา 19:30 ทั้งสี่คนได้มานั่งสั่งอาหารและตอนนี้อาหารทะเลเติมโต๊ะ "ลุงแกะให้หนูรอกินอย่างเดียว" สกายอาสาแกะปูแกะกุ้งให้หลานชายหลานสาว และ ภรรยา เป็นภาพที่น่ารักมากหากมองจากบุคคลภายนอก "ขอบคุณค่ะคุณลุง" ซีเฟียตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย "อันนี้ของเฟียสครับ" สกายว่างกุ้งตัวใหญ่ในจานหลานชาย"ขอบคุณครับ" "พี่ก็กินของตัวเองได้แล้ว เด็ก ๆ ก็แกะกุ้งแกะปูกันเป็นนะคะ" คนเป็นภรรยาเมื่อเห็นว่าสามียังไม่ได้แตะอาหารของตัวเองก็ท้วงขึ้นมาทันที"ใช่ครับคุณลุงพวกเราแกะเป็นพวกเราโตแล้ว" น้องชายฝาแฝดของซีเฟีย พูดขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นว่าจานอาหารของคุณลุงยังไม่ลดลง มื้ออาหารเติมไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ในค่ำคืนที่ผ่านมา 07:00น.ช่วงเวลาของเช้าวันถัดมาชั่งผ่านมาวัยเหลือเกิน "ทำไมตื่นเช้าจังเลยคะ" เธอเดินตามสามีออกมาเมื่อมองบนเตียงนอนแล้วไม่พบผู้เป็นสามีนอนอยู่ "วันนี้พี่ต้องเตรียม ฉากและพื้นที่ให้กับหลานน่ะเลยจะลองออกไปขออนุญาตทางเจ้าของหาดดูก่อน" สกายหันกลับมามองตามเสียงคำถามของภรรยา เขาก็รีบตอบทันที"หันหม่อนไปถามให้ดีไหมคะ
"สวยมากเลยค่ะคุณลุง" ซีเฟียมองดูชุดคอลเลชั่นใหม่อย่างตื่นเต้น "ไหนคุณลุงบอกว่าอีกสองสามวันถึงจะได้ทำงานไงครับ" เฟียสมองชุดตาเป็นประกายเพราะเขาเองก็อยากหาเงินช่วงวันหยุด "ลุงกะว่าจะเอามาเซอร์ไพรส์หลาน ๆ แต่ได้ยินตอนที่กำลังพูดคุยกันพอดีเลยบอกเลยดีกว่า" สกายยื่นชุดให้หลาน ๆ ไปลองใส่มาให้ดูก่อน ซึ่งเขาก็นั่งรออยู่ในห้อง "ที่รักอาหารมาส่งแล้ว เอะแล้วเด็ก ๆ ไปไหนกันหมดคะ" ใบหม่อนภรรยาสาวที่ปลีกตัวออกไปรับอาหารที่สั่งไว้ เพราะมีพนักงานมากดกริ่งเรียกที่หน้าบ้านพักพอดี หลังจากรับอาหารเสร็จพอเดินกลับเข้ามาก็ไม่เห็นหลาน ๆ แล้ว "ลองชุดว่ายน้ำอยู่ในน้ำห้องครับ" สกายส่งสายตามองไปยังประตูห้องน้ำสองห้องที่ติดกัน "คุณลุงหนูใส่ได้พอดีเลยค่ะ" ซีเฟียเปิดประตูออกมาและหมุนตัวอวด ลุงของเธอ "ชุดเฟียสก็เท่ห์มากเลยครับคุณลุง" เด็กชายเดินออกมาหลังจากเห็นพี่สาวหมุนตัวราวกับเป็นนักบัลเล่ต์ "ไหนขอลุงถ่ายรูปหน่อยเดี๋ยวจะส่งให้แม่พวกหนูดู" สกายหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดถ่ายภาพหลาน ๆ และส่งเข้าไปในแชทน้องสาว "อาหารมาแลเวนะเด็ก ๆ
เช้าวันต่อมา 08:30น. สกาวมองนาฬิกาข้อมือ ปากก็หาวออกมาเนื่องจากเมื่อคืนเธอรอดูละครที่ลูกสาวแสดง จนทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่ค่อยเพียงพอ แม้ว่าปกติเธอก็นอนไม่เพียงพออยู่แล้ว "มารอเช้าจังนะเลยนะครับ" รถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาประชิดริมฟุตบาท "ความจริงก็อยากจะมาสายกว่านี้เหมือนกันคะ แต่ติดที่เป็นคนตรงต่อเวลาเลยต้องมากก่อนเวลาเสมอ" สกาวตอบกลับคนที่ทักทายก่อนที่เขาจะเดินลงจากรถมายกกระเป๋าให้เธอ "ขอบคุณที่ช่วยค่ะ" สกาวเดินเข้ามานั่งในรถรอให้หมอทักษ์เอากระเป๋าเธอไปเก็บทายรถ พอเขาเดินกลับมาก็เอ่ยขอบคุณตามมารยาท "หืม ทำไมคุณหมอมีนิตยสารแฟชั่นเด็กเยอะจังเลยคะ" เมื่อสกาวเห็นว่านิตยสารที่อยู่ในรถของหมอทักษ์ ล้วนแต่เป็นลูกชายเธอที่ค่อยถ่ายแบบให้กับแบรนด์เสื้อผ้าของพี่ชาย "อ่อ คุณพ่อผมเป็นหุ้นส่วนกับแบรนด์นี้ ก็ไม่แปลกหรอกครับที่ผมจะมีนิตยสารทุกคอลเลคชั่น" หมอทักษ์หันมามองหญิงสาวที่สนใจนิตยสารของเขาที่อยู่ในรถ แม้ว่าความจริงเขานั้นจะพึ่งรู้ว่าคุณพ่อของเขาก็มีหุ้นส่วนกับแบรนด์แฟชั่นเด็กไม่กี่วันนี้เอง "จริงเหรอคะ" พอหมอทักษ์พูดขึ้นสกาวจึงพ
Comments