เมิ่งเหยียนซินอาศัยอยู่ที่จวนสกุลเมิ่งเป็นเวลาหลายวัน ระบบเสี่ยวทู่จื่อออกมาเป็นครั้งคราว และมอบภารกิจยิบย่อยให้นางทำ เช่น การจิบชาอ่านหนังสือ นี่นับเป็นภารกิจด้วยงั้นหรือ หลับไปตั้งหลายตื่นก็ยังไม่ได้กลับโลกใบเดิม ดูเหมือนเมิ่งเหยียนซินคงต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่อีกนานทีเดียว
เมิ่งเหยียนซินไม่พูดไม่จากับใครทั้งสิ้น เมิ่งเว่ยบอกว่าส่งสาวใช้คนใหม่มาให้แล้ว เท่าที่ดูพวกนางก็ยังเป็นคนของเมิ่งลี่น่า จึงกระทำการบุ่มบ่ามไม่เห็นหัวนางสักนิด กล้ากระทั่งเหิมเกริมขโมยของนางต่อหน้าต่อตา ทว่าเมิ่งเหยียนซินกลับยังแสร้งว่าตัวเองบ้าใบ้ต่อไป
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านหลบหน่อยได้หรือไม่ ข้าจะทำความสะอาด"
โอ้โห เป็นแค่คนใช้แต่ใช้วาจาแข็งกระด้างมาก แม่จะไม่ทน
[ภารกิจพิเศษ จับขโมยให้ได้คาหนังคาเขา]
"ไม่ต้องบอกก็รู้ วันนี้ข้าหมดความอดทนอยู่พอดี นั่งมองคนขโมยของไปต่อหน้าต่อตามาหลายวันแล้ว คงคิดว่าคุณหนูรองบ้าจริงงั้นหรือ พลาดเสียแล้วล่ะ"
เพราะสาวใช้คนใหม่เห็นคุณหนูรองไม่หือไม่อือก็ปีนขึ้นศีรษะ วันนี้เมิ่งเหยียนซิน
"กั๋วกง ท่านว่านี่มันประหลาดเกินไปหรือไม่"หลิวซือเหว่ยเหลียวมองอดีตศัตรูหัวใจ แต่ยามนี้เขารู้สึกว่าตนได้ปล่อยวางเรื่องของคุณหนูลี่อย่างสนิทใจไปโดยไม่ทันรู้ตัว "แปลกมาก หลังเลิกประชุม เราคงต้องตรวจสอบบัญชีสกุลเมิ่งอีกครั้ง ส่วนของสกุลมู่ และสกุลลี่ ข้าเห็นยังมีจุดบกพร่องเล็กน้อย"องค์ชายสี่พยักหน้า "อ้อ...เมื่อครู่ใต้เท้าเมิ่งบอกว่าบุตรีของเขาช่วยดูแลบัญชีอีกแรง นี่พวกนางก็มีพรสวรรค์เฉกเช่นลี่เอ๋อร์หรอกหรือ เท่าที่ข้าเคยทราบคุณหนูใหญ่เมิ่งนางชมชอบบุปผาความงาม ส่วนคุณหนูรองเมิ่งเกิดป่วยจนพูดไม่ได้""องค์ชาย ท่านล้าหลังไปหน่อยกระมัง ยามนี้คุณหนูรองเมิ่ง นางอาการดีขึ้นแล้ว งานเลี้ยงน้ำชาท่านเอาแต่ใส่ใจลี่เอ๋อร์เสียจนมิสนหน้าไหนเลยสินะ"องค์ชายสี่กระแอมแก้เก้อ เขาเอาแต่สนใจคุณหนูลี่เพียงผู้เดียวจริงดังกั๋วกงว่า "หือ..."เสียงทุ้มที่กระซิบกระซาบสงบลงแล้วเมิ่งเว่ยเอ่ยต่อ "ทูลฝ่าบาทเป็นบุตรสาวคนรองของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นผู้ช่วยตรวจสอบบัญชีทั้งหมด""หืม...ประเสริฐ ประเสริฐจริงแท้ ใต้เท้าเมิ่ง เมื่อก่อนข้าได้ยินมาว่าบุตรสาวคนรองของท่านป่
"ฮื่อ...ท่านพ่อ นี่ท่านทำอะไรเจ้าคะ เหตุใดต้องเอาของเหล่านี้ไปบริจาคจนแทบหมดจวน" เมิ่งลี่น่ามองตามหีบสมบัติตาละห้อยอยู่ ๆ บิดาของนางก็รื้อเอาทรัพย์สินในคลังออกไปเกินกว่าครึ่ง "น่าเอ๋อร์ ร้องไห้เป็นเด็ก พ่อบริจาคไปครึ่งเดียว ใช่ว่าทั้งหมดเสียหน่อย เราก็ยังมีกินมีใช้ไม่ใช่หรือ"คำว่ามีกินมีใช้ของเมิ่งเว่ยทำให้เมิ่งลี่น่ายิ่งแผดเสียงร้อง เริ่นอี้หร่านเห็นเช่นนั้นก็เข้ามาปลอบใจบุตรสาว "น่าเอ๋อร์ใจเย็น ๆ""ท่านแม่ดูสิเจ้าคะ ไข่มุกราตรีนั่น ล้ำค่าเพียงใด ท่านพ่อก็ยังจะ ฮึก ยังจะบริจาค"เริ่นอี้หร่านก็จนใจ ถึงนางจะเป็นบุตรีขุนนางสกุลใหญ่ ครั้นออกเรือนแล้วก็นับเป็นคนนอก สามีตัดสินใจหรือคิดอ่านเช่นใดนางก็คร้านจะปราม ใช่ว่านางไม่เสียดายสมบัติเหล่านั้น กว่าจะมั่งมีได้ถึงทุกวันนี้มิใช่จากน้ำพักน้ำแรงของเมิ่งเว่ยหรอกหรือ ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่อาจขัดแย้งยามที่เขาตัดสินใจจะนำทรัพย์สินไปบริจาคเมิ่งเหยียนซินยืนมองลี่น่าการละครอยู่นานก็รู้สึกเอือมระอา ร่างระหงลุกยืนเต็มความสูง "นี่... พี่สาว ทรัพย์สมบัติของนอกกาย ไม่ตายหาใหม่ได้ แต่ถ้าต
ณ จวนกั๋วกงหลังเกิดเรื่องในคืนนั้นหลิวซือเหว่ยไม่อาจสงบใจได้เลย คุณหนูรองเมิ่งนางช่วยคลายกำหนัดให้เขาจริง ทว่านางใช้วิธีการดูดเลียประหนึ่งกำลังทานของหวานแสนอร่อย ยิ่งหวนนึกถึงก็ยิ่งใจเต้นระส่ำ ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำดั่งป่วยไข้"นายท่าน""...""นายท่านขอรับ""...""ท่านกั๋วกง"หลิวซือเหว่ยหลุดจากภวัง เขากระแอมเล็กน้อยเพื่อคลายความเก้อกระดาก"มีอะไร""เอ่อ...นายท่านยังรู้สึกไม่สบายตัวหรือขอรับ" โจวฉีเองก็ประดักประเดิดไม่ต่างกัน เขาไม่รู้ว่าภายในห้องเกิดสิ่งใดขึ้นบาง ต่อให้คุณหนูรองบอกว่านางไม่คิดว่าเสื่อมเสียใด และยังไม่ได้มอบความบริสุทธิ์ให้กั๋วกง โจวฉีกลับไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียวหนำซ้ำตั้งแต่นายของเขาหายจากอาการคลุ้มคลั่งใคร่อยากจนขาดสติก็ทำตัวประหลาดไปราวกับคนละคน"ข้าหายดีแล้ว""...นี่เป็นหยกของท่านขอรับ" โจวฉียื่นหยกลายวิจิตรไปเบื้องหน้า"อืม" หลิวซือเหว่ยรับอย่างขอไปที เขาหย่อนมันลงลิ้นชักใต้โต๊ะทำงานโจวฉีงุนงง เดิมทีนายของเ
"ท่านพ่อหากท่านไม่เชื่อท่านก็มาดูให้เห็นกับตาเลยเจ้าค่ะ"เมิ่งลี่น่าพาบรรดาบ่าวไพร่ พร้อมบิดาและมารดาของตนแห่แหนมายังเรือนเล็ก เลี่ยงหรงเห็นเมิ่งเว่ยก็เบิกตาโต"เอ่อ นายท่าน คุณหนูยังไม่ตื่นเลยเจ้าค่ะ""หึ ก็แหงล่ะ นังเด็กบ้านั่นกำลังจะทำตระกูลเมิ่งเสื่อมเสีย" เมิ่งลี่น่ายังไม่หยุดปากตั้งแต่ขามาเลี่ยงหรงนิ่วหน้า "คุณหนูใหญ่หมายความว่าอย่างไรเจ้า""เจ้าก็อย่ามาทำเป็นไขสือ คุณหนูของเจ้ากำลังกกอยู่กับพวกนายโลมโคมเขียว เจ้าเองก็รู้เห็นไม่ใช่หรือไง""ไม่จริงนะเจ้าคะ""เอาล่ะน่าเอ๋อร์ เจ้าก็พอได้แล้ว น้องทำหรือไม่เดี๋ยวก็รู้เอง" เมิ่งเว่ยเหลียวมองเบื้องหลัง เอ่ยต่อด้วยความละเหี่ยใจ "แล้วนั่น ไยต้องให้บ่าวไพร่ยกโขยงกันมาด้วยเล่า""ทุกคนจะได้เห็นกระจะตาไงเจ้าคะ ว่าคุณหนูรองทำงามหน้าเพียงใด บุตรสาวไม่ทำตัวให้อยู่ในกรอบ ท่านพ่อว่าควรลงโทษหรือไม่ หรือว่าท่านก็จะลำเอียงอีก"เหตุการณ์ครั้งนี้หาใช่เรื่องบังเอิญ เมื่อคืนนางลอบเห็นเมิ่งเว่ยตั้งหน้าตั้งตาทำน้ำแกงรากบัวด้วยสีหน้าแช่มชื่น กระทั่งสอบถามบ
"ไม่ต้องร่ำไรแล้ว เอาเขานอนลง" เมิ่งเหยียนซินตะเบ็งเสียงโจวฉีพยักหน้า เลี่ยงหรงมาช่วยยื้อยุดร่างกำยำอีกแรง แขนล่ำสันถูกกางออกทั้งสองฝั่ง โจวฉีกดแขนนายของตนติดเสาหัวเตียงด้านขวา ส่วนเลี่ยงหรงพยายามจับไว้ทางด้านซ้าย ใบหน้าของนางแดงก่ำน้ำตาพานจะไหลอยู่รอมร่อ"ฮื่อ...คุณหนู ข้าจะไม่ไหวแล้ว"เมิ่งเหยียนซินคลี่เชือกที่พันกันเสร็จก็เร่งเข้ามัดแขนของหลิวซือเหว่ยทางด้านซ้ายก่อน จากนั้นเร่งย้ายไปทางด้านขวา หลิวซือเหว่ยดิ้นรนขลุกขลัก กายของเขาราวถูกเพลิงโลกันตร์แผดเผาก็ไม่ปาน"ปล่อยข้า โจวฉี นี่เจ้าก็กล้าทำกับข้าอย่างนี้รึ""นายท่าน อภัยข้าน้อยด้วย หากท่านหายแล้วจะลงทัณฑ์ข้าอย่างไรก็ได้ ขอเพียงท่านปลอดภัยเป็นพอ"เมิ่งเหยียนซินจิ๊ปาก คนที่ไม่ปลอดภัยคือนางต่างหาก นางเกือบถูกหลิวซือเหว่ยปู้ยี่ปู้ยำแล้วไม่เห็นหรืออย่างไร"กั๋วกง ท่านไม่ตายง่าย ๆ หรอกน่า"หลิวซือเหว่ยขบฟันแน่นเสียจนสันกรามนูนเด่น เขาพยายามควบคุมสติ ลมหายใจของเขาหอบถี่ดังฟึดฟัด "ข้าต้องตายแน่แท้ นี่เป็นแผนการของเจ้าใช่หรือไม่""เอ๊ะ ท่านนี่อย่างไร ยังจะกล่
เสียงโครมครามดังอยู่ภายในห้องคุณหนูรองเมิ่ง เลี่ยงหรงและโจวฉีไม่มีเวลาให้คิดหน้าคิดหลังแล้ว พวกเขาจึงช่วยกันพังประตูเข้าไปปัง!เมิ่งเหยียนซินผงะ มืออีกด้านก็ผลักใบหน้าหล่อเหลาออกห่างจากตน ทั้งยังต้องเบี่ยงหลบจมูกโด่งเป็นสันจ้าละหวั่น หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีดึงดันประหนึ่งเกิดสงครามขนาดย่อมเสียจนเหงื่อโทรมกายด้วยกันทั้งคู่"เสียงอะไร!?กั๋วกง นี่ท่าน ข้าบอกให้ใจเย็น ๆ อย่างไรเล่า ออกไปนะ"เมิ่งเหยียนซินอยากตีเขาให้สลบตอนนี้เสียจริง ติดตรงที่เรือนร่างของนางและเขาช่างต่างกันลิบลับ แค่อีกฝ่ายโอบรัดกายของนางก็จมเข้าไปยังแผงอกหนั่นแน่นแทบรวมร่างกันอยู่แล้ว"ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าร้อน"อร๊าย...หมอนี่เป็นสุนัขจอมตะกละหรือยังไง เสี่ยวทู่จื่อ ช่วยด้วย...เมิ่งเหยียนซินกู่ก้องร้องตะโกนขอความช่วยเหลืออยู่ในใจ ประหนึ่งว่าระบบที่ตนเรียกหาจะปรากฏ แต่แล้วเสี่ยวทู่จื่อก็โผล่พรวดขึ้นมาจริง ๆ ทุกอย่างหยุดนิ่ง ทว่าเมิ่งเหยียนซินไม่อาจคลายอ้อมกอดของหลิวซือเหว่ยได้"เสี่ยวทู่จื่อเ