“เอาเด็ก ๆ ลงก่อน” ซูอวี่พูดเรียบ ๆ ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
หว่างตันขึ้นมารับซูไป๋ฮวาไปก่อน แล้วกลับมาอุ้มซูไป๋จื้อไปอีกคน เด็กทั้งสองยังคงหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ เมื่อร่างเล็กทั้งสองหายลับไปแล้ว ซูอวี่จึงค่อย ๆ โน้มตัวลงไปอุ้มหญิงสาวที่ยังหลับอยู่ขึ้นมาในอ้อมแขนแทนการปลุกให้นางตื่นขึ้นมา “อือ..” เธอครางเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมา แสงไฟจากโคมหน้าประตูโรงเตี๊ยมสะท้อนใบหน้าของเขาในผ่านความมืด ขณะที่สายตากำลังจ้องมองใบหน้าของเธอที่แนบอกเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากของเธอขยับเบา ๆ ราวกับละเมอ เขารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดแผ่นอกตนผ่านเนื้อผ้าบาง ๆ หัวใจที่คิดว่าชาไปแล้วกลับกระตุกแปลบขึ้นมาอีกครั้ง “อย่าทำให้ข้ารักเจ้าไปมากกว่านี้ได้หรือไม่ เฉาซี..” เขาเคยพูดประโยคนี้กับเธอในคืนที่พายุฝนพัดผ่านราวกับโลกทั้งใบจะถล่ม และในคืนนั้นเธอก็หัวเราะเบา ๆ ออกมาราวกับคนที่กำลังสนุกก่อนจะซุกหน้าลงกับอกเขา “ไม่ได้หรอกท่านพี่.. ข้าชอบเวลาท่านรักข้า ยิ่งท่านรักข้ามากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งชอบท่านมากเท่านั้น” ชายหนุ่มยืนมองใบหน้าของเฉาซีพร้อมความทรงจำในอดีต นึกถึงคืนนั้น คืนที่เธอครางชื่อเขาอย่างออดอ้อน ร่างกายที่เคยแนบสนิท เสียงกระซิบ ความอบอุ่นยามเธอเอื้อมมือมาจับปลายนิ้วเขาไว้ไม่ให้ขยับหนี แต่ภาพนั้นก็ดับวูบไปในพริบตาเดียว ถูกแทนด้วยภาพของเธอในหอนางโลม ยามที่เขาเปิดประตูเข้าไปและพบว่าเฉาซีกำลังอยู่ในอ้อมกอดของชายแปลกหน้า เสื้อผ้าที่ถูกรูดลงเผยให้เห็นไหล่เนียนขาวที่เคยเป็นของเขา กลับเปื้อนรอยจูบของคนอื่น หัวใจของเขาเคยแตกสลายตรงนั้น และแม้ตอนนี้อ้อมแขนเขาจะกอดเธอไว้อีกครั้ง แต่ในใจเขากลับเหมือนยังถูกแทงซ้ำทุกครั้งที่หวนคิด “เจ้านี่มัน.. ตายยากตายเย็นเสียจริงเฉาซี” เขาพึมพำเบา ๆ น้ำเสียงแฝงด้วยความขมขื่นและอ่อนโยนในคราวเดียวกัน เมื่อเดินมาถึงห้องพัก เขาวางเธอลงอย่างเบามือราวกับกลัวว่าเธอจะแตกสลาย สองเท้ายยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงมองหญิงสาวในยามหลับไหลอยู่อย่างนั้น ร่างกายของเธอดูบางเบาและอ่อนแรงกว่าที่เคยเห็น เดิมทีเขาคิดว่าตนเองนั้นเกลียดเธอเข้าไส้ จนสามารถฆ่าเธอให้ตายได้อย่างไม่ลังเล แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก เหตุใดต้องส่งเธอให้กลับมาเจอกับเขาอีกครั้ง “ทำไมต้องกลับมา..” เขาแทบไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ต่อไป จะให้นางใช้ชีวิตเสวยสุขอย่างที่ผ่านมาตัดทิ้งไปได้เลย งั้นก็เหลือเพียงแค่.. ต้องให้เธอได้ชดใช้ในสิ่งที่เธอเคยทำไว้สินะ "หรือที่สวรรค์ส่งเจ้ากลับมาเพื่อชดใช้สินะ.. การตายคงง่ายไปสำหรับเจ้าสินะ" “อือ.. หมอนข้างหนิงเกอข้างข้า..” ซูอวี่ที่กำลังจะหันหลังเดินออกจากห้อง เป็นต้องหันกลับไปมองหญิงสาวที่นอนละเมอ ก่อนที่ร่างบางบนเตียงจะปรือตาขึ้นเล็กน้อย มือเล็กของเธอก็คว้าหมับที่ชายเสื้อของเขาแล้วกระชากเต็มแรง “เฮ้ย” ซูอวี่โอนเอนไปข้างหน้าไม่ทันตั้งตัว ในจังหวะเดียวกับที่มือเรียวของเฉาซีก็กอดเอวเขาเอาไว้แน่น แล้วเขาก็ล้มลงไปนอนแนบข้างเธออย่างช่วยไม่ได้ “ฮึ่ม..” เสียงในลำคอของเขาดูไม่แน่ใจว่าควรจะคำรามหรือถอนหายใจดี แขนสองข้างของหญิงสาวรัดรอบเอวเขาแน่นราวกับเขาคือหมอนข้างลายที่เธอฝันถึง เธอพึมพำเบา ๆ ฟังแทบไม่เป็นภาษา ก่อนจะซุกหน้าเข้ากับแผงอกของเขาอย่างหวงแหน ไม่เพียงแค่นั้นนางยังขยับเรียวขาขึ้นมาก่ายเขาไว้เต็มเหนี่ยวจนซูอวี่แข็งค้างไปทั้งตัว “เฉาซี! เจ้ากำลังทำอะไร” เขาพึมพำออกมาอย่างคนที่ตกใจ ใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะทั้งกลิ่นหอมของกายเธอ และท่าทางที่เธอกระทำนั้นดูเหมือนว่าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด “อือออ หนิงเกอจ๋าอย่าหนีนะ มานี่เร็ว..” เธอพึมพำต่อพร้อมรอยยิ้มโดยที่ไม่แม้แต่จะลืมตา ริมฝีปากเย็น ๆ แนบเข้ากับปลายคางของเขาโดยไม่รู้ตัวทำให้ชายหนุ่มนั้นขนลุกซู่ตั้งแต่ท้ายทอยจรดสันหลัง ชายหนุ่มนอนนิ่งแทบไม่กล้าหายใจ มือทั้งสองวางแปะอยู่ข้างตัวไม่กล้าแตะต้องอะไรทั้งสิ้น ดวงตาจ้องเพดานอย่างพยายามไม่คิดอะไร แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด เขาแพ้กลิ่นกายของเธอที่ยังเหมือนเดิม แพ้สัมผัสนุ่มนิ่มของร่างในอ้อมแขน แม้ว่าจะเกลียดเธอมาก.. แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขานั้นยังคงแพ้ทุกอย่างที่เป็นเธอ “เจ้า.. เจ้ากำลังจะทำให้ข้าขาดอากาศตายหรือไง เฉาซี.. ขยับไป อุ๊บ!!”