บังเอิญเกินไป
“นี่คือไม่แซ่บแล้วเหรอคะพี่นุ่ม” อัณชญาถามเมื่อมองชุดที่อยู่บนร่างตัวเอง เป็นชุดแซกสั้นสีดำยาว สั้นเหนือเข่าไม่พอ ยังเข้ารูป อวดรูปร่างกลมกลึง เอวที่คอดกิ่ว แต่หน้าอกหน้าใจก็โดดเด้งกระแทกตา แถมหน้าก็แต่งโฉบเฉี่ยวแทบจะจำตัวเองไม่ได้ ส่วนนุ่มเองก็ใช่ย่อย แต่งจัดเต็มเหมือนจะไปเดตซะเอง เพราะไหนจะชุดที่มีความแซ่บไม่ต่างจากเธอ แต่งหน้าก็ราวกับเป็นฝาแฝด แต่ยอมรับว่าฝีมือการแต่งหน้าของนุ่มนั้นพัฒนาจากแต่ก่อนมาก ทั้งที่เพิ่งเรียนเสริมสวยได้แค่สองเดือนกว่าๆ เท่านั้น
“ก็แต่งทั้งทีต้องจัดเต็มหน่อยสิ พี่เองก็ไม่คิดว่าจะแต่งหน้าอัณได้สวยขนาดนี้ อย่างว่าแหละรูปหน้าอัณสวยอยู่แล้ว ผิวก็ดี แต่งยังไงก็สวย”
“ถ้านายเห็นว่าหนูแต่งตัวแบบนี้ เขาจะโกรธเหมือนวันนั้นไหมนะ”
“โอ๊ย นายไม่ได้อยู่ที่นี่เสียหน่อย ไม่มีวันมาเห็นหรอก นี่ก็ใกล้เวลานัดแล้ว ลงไปรอพี่พีทข้างล่างเถอะ” นุ่มถือโอกาสเรียกรุ่นพี่ของอัณชญาว่า ‘พี่พีท’ ไปด้วยเลย
การกินข้าวเย็นกับรุ่นพี่ครั้งนี้ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่อัณชญาเลี่ยงไม่ได้จริงๆ แต่อย่างไรก็ไม่ถือว่าเป็นการเดต แค่รับไมตรีจากรุ่นพี่ในคณะเท่านั้น
ทั้งสองลงจากลิฟต์มาชั้นล่าง ก็เห็นรุ่นพี่คนดังของอัณชญานั่งรออยู่ก่อนแล้ว อัณชญาบอกไว้ก่อนแล้วว่าจะพานุ่มมาด้วย ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบรับด้วยดี
“พี่พีทคะ พี่นุ่มค่ะ” อัณชญาแนะนำ
“สวัสดีครับพี่นุ่ม ขอบคุณนะครับที่อนุญาตให้อัณไปกินข้าวกับผม”
พีทเข้าใจว่านุ่มคือผู้ปกครองของอัณชญา ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ปฏิเสธ จริงๆ นุ่มก็มีหน้าที่คล้ายๆ แบบนั้น เพราะได้รับมอบหมายจากชินภพให้เป็น
พี่เลี้ยงดูแลเธอ“ค่ะ ก็ต้องอนุญาตอยู่แล้ว เพราะเป็นรุ่นพี่ที่มอ แต่คุณพีทไม่ว่าอะไรนะคะที่พี่ไปด้วย” นุ่มยอมรับว่ารุ่นพี่ของอัณชญา หน้าตาหล่อ รูปร่างดี สไตล์เด็กรุ่นใหม่ ที่แต่งตัวตามแฟชั่น เป็นความหล่อที่ต่างจากนายของเธออย่างสิ้นเชิง เพราะชินภพมีความคมคาย และดูสง่างาม บางเวลาก็น่ากริ่งเกรงปนน่ากลัว โดยเฉพาะตอนโมโห
“โอ๊ย ไม่ว่าหรอกครับ ดีเสียอีก ทานกันหลายคนก็สนุกดี”
“งั้นไม่เกรงใจล่ะ”
“ตามสบายเลยครับ งั้นเราไปกันดีกว่า ผมสั่งทางร้านให้จัดเตรียมอาหารไว้รอแล้ว”
“ค่ะ ไปกัน” นุ่มตอบรับ ก่อนจูงมืออัณชญาเดินตามหลังพีทไปที่รถ พอเห็นรถนุ่มก็ทำตาโต เพราะเป็นรถยนต์ยี่ห้อหรูไม่ต่างจากรถของเจ้านายของเธอ
ชีวิตนุ่มถึงจะเป็นเด็กรับใช้มาทั้งชีวิต แต่ก็อยู่บ้านที่มีเจ้านายร่ำรวย จึงรู้จักรถว่ายี่ห้อไหนแพงมาก และไม่แพงมาก
พีทคุยเก่งจึงชวนนุ่มกับอัณชญาคุยได้ตลอดทาง แต่ส่วนใหญ่นุ่มเป็นคนคุยมากกว่า ส่วนอัณชญาเอาแต่นั่งเงียบ กระทั่งถึงร้านอาหาร
“โห ร้านหรูจัง” นุ่มอุทานเบาๆ เมื่อลงจากรถแล้วมองไปในตัวร้าน ที่เป็นเรือนกระจกใสชั้นเดียว และมีโต๊ะในส่วนเอ๊าท์ดอร์อยู่รอบๆ ร้าน ซึ่งมีต้นไม้ร่มครึ้ม
“ตามสบายนะครับ ที่นี่เป็นร้านของที่บ้านพีทเอง” พีทหันมายิ้มให้นุ่ม รวมทั้งอัณชญาที่กวาดตามองรอบๆ บริเวณร้าน
พีทนำหน้าเดินเข้าไปในร้าน มีคนออกมาต้อนรับและยกมือไหว้ พร้อมเชื้อเชิญไปยังโต๊ะด้านใน ที่เป็นโซนค่อนข้างส่วนตัว เพราะมีฉากกั้นจากโต๊ะอื่นๆ
บนโต๊ะนั้นมีอาหารจัดวางไว้เต็มโต๊ะ เหมือนคนมากินเป็นสิบ ไม่ใช่แค่สามคนเท่านั้น
“ทำไมสั่งมาเยอะจังเลย” นุ่มเอ่ยขึ้น แต่แววตายินดี เพราะในชีวิตแทบไม่เคยกินอาหารร้านหรูแบบนี้มาก่อน แถมยังหลากหลายเมนูขนาดนี้
“อยากให้ลองกินหลายๆ เมนูครับ กินไม่หมดไม่เป็นไร ห่อกลับบ้านได้ครับ”
“งั้นพี่ไม่เกรงใจนะ” นุ่มว่า
“ตามสบายเลยครับ” แล้วเขาก็เริ่มต้นด้วยการตักอาหารให้นุ่มกับอัณชญา
“น้องอัณก็กินเยอะๆ ผอมไปแล้วนะ”
“ขอบคุณค่ะ” อัณชญาเอ่ยขอบคุณ แล้วตักอาหารเข้าปาก ยอมรับว่ารสชาติอร่อยมาก
“น้องอัณแต่งตัวแบบนี้สวยมากนะครับ” พีทเอ่ยชม
“พี่ช่วยเลือกชุด และแต่งหน้าให้น่ะ แต่อัณดูไม่ค่อยมั่นใจ เพราะไม่เคยแต่งตัวแนวนี้”
“สวยดีครับ พี่นุ่มเลือกชุดเก่งมากครับ แต่งหน้าก็สวยเฉี่ยว เซ็กซี่มาก”
“อู้ย คุณพีทก็ชมจนตัวพี่จะลอยอยู่แล้วนะ” นุ่มตอบด้วยท่าทีเขินๆ แต่สีหน้าก็บ่งบอกว่าชื่นชอบคำชมนั้นมาก
อัณชญาขำท่าทีของนุ่มจนเผลอยิ้ม พร้อมกับจังหวะเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น เสียงที่คุ้นหูเหลือเกิน
“ได้ข่าวว่าพาสาวมากินข้าวเหรอ เจ้าแสบ” เสียงนำมาก่อนร่างสูงสง่านั้นจะปรากฎตัวต่อหน้า
“น้าภพ” พีทเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจที่เห็นคนที่เพิ่งโผล่ผ่านที่กั้นเข้ามาทักทายด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่
“นาย!” สองสาวอุทานออกมาแทบจะพร้อมกัน
""""""""""""""""""""
บาลีเดินออกมาจากในครัว หลังจากจัดเก็บจานชาม และเครื่องครัวเรียบร้อย ได้ยินเสียงเปียโนที่ผู้เป็นสามีกำลังสอนลูกสาวเล่นเพลง twinkle little starส่วนอิฐนั้นกำลังนั่งซ้อมกีตาร์อยู่อีกมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของบ้าน เป็นโถงกว้าง มีโซฟานั่งเล่นอยู่หลายมุม แบ่งโซนสำหรับการพักผ่อน และทำกิจกรรมที่ชอบ รวมทั้งมุมดูโทรทัศน์สำหรับบาลีกระทั่งใกล้เวลาเด็กๆ จะแยกย้ายเข้านอน ทุกคนก็มารวมตัวกันในมุมเปียโน ร้องเพลงที่เป็นเพลงโปรดของเด็กหญิงอัญมณีด้วยกัน เจ้าตัวเล็กของบ้านที่ทุกคนพร้อมจะเอาใจและดูแลประดุจเจ้าหญิง ทั้งพ่อและพี่ชายตามใจสุดๆ ส่วนแม่จะตามใจเฉพาะบางเรื่องเท่านั้น ไม่ใจดีสุดๆ เหมือนพ่อกับพี่ชายอยู่แล้ว เพราะบาลีกลัวลูกสาวโตขึ้นมาเป็นเด็กเอาแต่ใจ“วันนี้หนูจะให้แม่อ่านนิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดงให้ฟังค่ะ” เด็กหญิงอัญมณีที่อายุสามขวบกว่าๆ แต่พูดจาชัดถ้อยชัดคำเกินวัย บอกความประสงค์ซึ่งทุกคืนก่อนนอน เจ้าตัวจะรีเควสเองว่าจะให้พ่อหรือแม่อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน และคืนนี้บาลีก็ได้ทำหน้าที่ ซึ่งภายในสัปดาห์หนึ่ง เธอจะถูกเลือกอย่างมากสุดแค่สามวัน ที่เหลือเจ้าตัวน้อยของบ้านจะเลือ
“ฉันห่วงแกนั่นแหละ ทำงานเยอะไปแล้ว เป็นเจ้าของโรงแรมยังไง วันหยุดแทบไม่มี เวลาพักผ่อนน้อย เห็นพี่ดินบ่นนอนดึกทุกคืน”“เออ หลังแต่งงาน ฉันจะทำงานน้อยลง จะจ้างผู้ช่วยเพิ่ม และไอ้เอใกล้เรียนจบแล้ว ก็มาช่วยแบ่งเบางาน ฉันจะหยุดเสาร์อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ให้ดู” อัณญาเอ่ยถึงน้องชายต่างแม่ ที่ตอนนี้อธิปกำลังเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก“ดีแล้วแก ฉันจะได้มีเพื่อนคุย เพื่อนช้อป”“แหม เห็นไปช้อปกับยัยพิมและยัยรตีในเมืองบ่อยๆ” คนหลังนี่ ปรับปรุงนิสัยดีขึ้น บาลีเลยยอมคุยดีๆ ด้วย เพราะจะว่าไปรตีเป็นเพื่อนคนเดียวในละแวกนี้ที่ชอบดูซีรีส์เกาหลีเหมือนบาลี ทั้งสองเลยคุยกันได้มากขึ้น“บ่อยที่ไหน เดือนละครั้งสองครั้ง”“ตกลงยัยรตี มันคืนดีกับไอ้พี่วันหรือยัง”“ยังเลย มันบอกเจ็บแล้วจำ และมันรู้สึกว่าไอ้พี่วันอยากกลับมาคืนดี เพราะไม่มีที่ไปมากกว่าจะคิดได้ว่ารักมันกับลูก”“โอ๊ย จู่ๆ ยัยรตีก็ฉลาดขึ้นมางั้นเลย”“ก็แหงสิ ใครมันจะฉลาดมาตั้งแต่เกิดเหมือนเธอละยะ!” เสียงแว้ดขึ้นมาก่อนเจ้าตัวจะเดินเฉิดฉายมานั่งในศาลา จากนั้นก็ส่งค้อนให้อัญญา“แหะๆ ขอโทษนะแก ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เมื่อก่อนไอ้พี่วัน มันก็ไม่เห็นว่าจะรักใค
บาลีเองก็ยังดูแลเรื่องบัญชีทั้งหมด ดูเหมือนคนที่ค่อนข้างจะมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในชีวิตก็คืออัทธ์ เพราะเขาแทบจะหันหลังให้วงการบันเทิงหลังจากละครเรื่อง ไร่แสนเสน่หา คุณพ่อลูกสองยังไม่ได้รับงานแสดงอีก แต่กำลังเลือกบทงานภาพยนตร์ ที่มีบทแตกต่างจากที่เคยเล่น ส่วนงานโฆษณาต่างๆ ก็ยังรับเหมือนเดิมแต่งานที่ยังทำต่อเนื่อง ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังแต่งงาน ก็คืองานเพลง อัทธ์ออกเพลงใหม่ทุกปี ยังคงร้องเพลงในสวนอาหารของไร่ในทุกคืนวันศุกร์และเสาร์ ทำให้คืนวันหยุดมีคนเข้าร้านมากที่สุด เป็นธุรกิจที่มีผลกำไรมากที่สุดในตอนนี้“จะห้าโมงเย็นแล้ว ไปเปลี่ยนชุดเตะบอลดีกว่า เดี๋ยวน้องอิฐกับเพื่อนๆ คงใกล้มาถึงแล้ว” ธรินท์บอก ก่อนลุกจากศาลา แล้วเดินกลับบ้านของตนเอง“น้องอิฐ นี่ยิ่งโตยิ่งหล่อเหมือนพ่อจริงๆ แถมชอบเล่นกีฬา โตกว่านี้ หุ่นว้าวแน่ๆ แก” เพราะเด็กชายอิฐ ตอนนี้อายุสิบเอ็ดขวบแล้วนอกจากเรียนดี กีฬาเด่น ยังเล่นกีตาร์ร้องเพลงได้ดี ไม่แตกต่างจากพ่อ อัทธ์อนุญาตให้ลูกชายรับงานแสดงได้ปีละเรื่อง ส่วนงานโฆษณาที่ใช้เวลาถ่ายทำน้อยกว่าละครนั้น รับได้ตลอดเรียนเสร็จเด็กชายอิฐก็ยังว่ายน้ำ กลับบ้านมาเล่นฟุตบอล กินข้าว
ตอนพิเศษ “น้องอิงคะ วิ่งช้าๆ เดี๋ยวล้มนะลูก” น้ำเสียงทุ้ม ที่ร้องห้ามลูกสาววัยสามขวบนั้นอ่อนโยน จนคนได้ยินถึงกับเอ่ยชม“พี่อัทธ์ เป็นพ่อที่แสนดีอบอุ่นเหมือนเตาไมโครเวฟเลย” อัณญาว่า ขณะมองตามพระเอกหนุ่มที่แทบจะหันหลังให้วงการบันเทิงมาเป็นพ่อบ้านเต็มตัว เพื่อดูแลลูกทั้งสอง “เตาไมโครเวฟกี่องศาดีล่ะ” คนที่พูดคือธรินท์ ที่นั่งอยู่ข้างๆ แฟนสาว ซึ่งเดือนหน้าก็จะเข้าพิธีวิวาห์กันแล้ว “แหม ก็ต้องไฟกำลังพอดี อุ่นๆ สิ” “แล้วพี่นี่ต้องกี่องศา หือ” คนถามทำตามกรุ้มกริ่มใส่ว่าที่เจ้าสาวด้วย“จะบ้าเหรอ มาถามอะไรแบบนี้” อัณญาปาเม็ดอัลมอนด์ที่กำลังกินเป็นของว่างยามบ่ายใส่ว่าที่เจ้าบ่าว “งั้นคืนนี้...”“ฮะ แฮ่ม นี่คิดว่าอยู่กันสองคนหรือไง!” คนที่แว้ดออกมานั้นคือบาลี ซึ่งกำลังเคี้ยวมะม่วงเปรี้ยวจิ้มพริกเกลืออย่างเอร็ดอร่อย พอได้ฟังว่าที่บ่าวสาวคุยกันท่าทางจะออกนอกลู่นอกทาง เลยต้องเบรกไว้ก่อน “แกเหอะ กินของเปรี้ยวแบบนี้ แพ้ท้องหรือเปล่า”“ไม่ได้แพ้ แค่อยากินไรเปรี้ยวๆ แก้เลี่ยนความหวานของแกกับพี่ดินนี่แหละ” ทั้งสามนั่งคุยกัน พร้อมกินของว่างยามบ่ายจัด ที่แดดอ่อนแสงไปแล้ว อยู่ใต้ซุ้มไม้ใหญ่ข้างบ้าน ท
“เหนื่อยไหมครับลูก” อัทธ์ถามลูกชาย ขณะเอนตัวลงนอนเคียงข้างลูกชาย อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยกันทั้งสามคน ส่วนบาลีนั้นนอนอยู่อีกฝั่ง ข้างลูกชายเช่นกัน และเธอกำลังไล่ดูภาพของเพื่อนๆ อัทธ์ ที่ทยอยโพสต์ภาพงานในอินสตาแกรม ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นรูปของตัวเองที่สวยเกือบทุกภาพ ส่วนอัทธ์กับน้องอิฐนั้น ไม่ต้องกังวล คือหล่อทั้งสองคน ก็เพราะคนพ่อเป็นดาราระดับซุป’ ตาร์ ส่วนลูกชายนั้น นักแสดงเด็กอนาคต ซุป’ ตาร์ ตามรอยพ่อเลยนะ “ลี เลิกเล่นโทรศัพท์ และปิดไฟได้แล้ว เลยเวลานอนมาสองชั่วโมงแล้วนะ” อัทธ์บอกบาลีเสียงจริงจัง“ได้ค่ะ คุณพ่อตัวอย่าง” แล้วเธอก็ปิดโคมไฟ แล้วขยับตัวไปกอดลูกชายหลวมๆ“พ่อครับ ร้องเพลงให้ผมฟังหน่อย”“ได้สิ เพลงอะไรดี” “ทวิงเคิลลิทเทิลสตาร์ครับ” “ได้ครับ” บาลีแอบยิ้มอยู่ในความสลัวภายในห้อง เพราะเพลงนี้เป็นเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของลูก แต่เธอร้องเพลงไม่เพราะ จึงเปิดคลิปเสียงให้ลูกฟังทุกวันตั้งแต่เด็กแบเบาะ โตแล้วก็ยังชอบฟังก่อนนอน คงเห็นว่าพ่อเป็นนักร้องเสียงเพราะที่สุดในโลก เจ้าตัวก็คงอยากฟังเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของตนเอง ทวิงเคอ ทวิงเคอ ลิทเดิท สตาร์ ฮาว ไอ วันเดอร์ วอท ยูว์ อาร์ อัพ
บทส่งท้าย ‘ฉันกำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า’ บาลีครุ่นคิดในใจ ขณะมองเงาที่สะท้อนในกระจก หญิงสาวที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวเกาะอก ผมยาวคลุมเข่า เกล้าผมสูง โชว์ใบหน้าเรียว แต่งหน้าอย่างประณีต ด้วยฝีมือ เมกอัพอาร์ตติสชื่อดังของวงการ ที่เจ้าบ่าวเป็นคนจ้างมา รวมทั้งชุดที่เธอสวมใส่ก็จากแบรนด์หรู เครื่องประดับ ทั้งสร้อย ต่างหูและกำไลข้อมือก็เช่นกัน ยกเว้นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งเป็นแหวนหมั้นจากตระกูลอัครพิสุทธ์ ที่มารดาของอัทธ์เป็นคนส่งมอบให้อัทธ์มาเพื่อหมั้นเธอ “ว้าว เมื่อเช้าชุดไทยก็ว่าสวยแล้ว ตอนนี้ก็สวยยิ่งกว่า” คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าบ่าวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเจ้าสาวนั่นเอง อัทธ์อยู่ในชุดสูทสีเทาของแบรนด์ดัง ผมยาวระต้นคอถูกเซ็ทอย่างดี ปกติก็หล่ออยู่แล้ว พอเป็นเจ้าบ่าว ราศีสามีของบาลีก็พุ่งทะลุทุกแสงบนโลกนี้ทั้งสองแยกห้องแต่งตัวเพราะมีเพื่อนๆ ครอบครัวและญาติของทั้งสองฝั่งมานั่งพักรองาน หรือมาพูดคุยทักทายก่อนงานเริ่มตอนนี้ถึงเวลาต้องลงที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม ซึ่งเป็นโรงแรมขุนเขาของครอบครัวอัณญานั่นเองหลังจากพิธีช่วงเช้า ซึ่งมีแต่คนในครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น