หนุ่มชวนกินข้าว
กิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ของคณะนิเทศศาสตร์ เป็นอะไรที่เน้นความสนุกสนาน ร้องรำทำเพลง เต้นรำ ไม่มีอะไรที่น่ากลัวหรือเลยเถิด ที่เน้นสุดๆ ก็คือการซ้อมเชียร์ อัณชญาถูกรุ่นพี่ให้สมัครเป็นเชียร์ลีดเดอร์คณะ แต่เธอปฏิเสธ เพราะไม่ถนัดเต้น แต่ขอช่วยดูแลทีมเชียร์หรืออื่นๆ ที่พี่ๆ ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งอัณชญาก็ได้อยู่ฝ่ายจัดหาอาหารและเครื่องดื่ม
เหนื่อยแต่ก็สนุก เธอก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่ และรุ่นพี่ที่น่ารักมากมาย
“อัณ คืนนี้พวกพี่จะไปฉลองวันเกิดพี่พีท ที่ผับใกลๆ มอนี่แหละ ไปด้วยกันไหม”
‘พี่มิ้นท์’ หรือมินตรา รุ่นพี่ที่อัณชญาชื่นชอบนิสัยใจคอมากคนหนึ่งเอ่ยชวน
“หนูคงไปไม่ได้ค่ะ ผู้ปกครองหนูห้ามเที่ยวกลางคืน อีกอย่างอายุก็ไม่ถึงด้วย”
“โห เด็กดีใช่ได้เลย ดีแล้วๆ” มินตราพูดแล้วลูบหัวเธออย่างเอ็นดู
“น้องแก้วล่ะ ไปหรือเปล่า” มินตราถามกรแก้ว รุ่นน้องอีกคนที่อัณชญาสนิทด้วย
“หนูอยากไปค่ะ แต่อายุหนูไม่ถึง จะเข้าได้เหรอคะ”
“ผับนั่น พี่พีทเป็นหุ้นส่วนอยู่ เข้าได้แหละ” มินตราเอ่ยถึงรุ่นพี่ที่แสนฮอต เพราะทั้งหล่อและรวย ขับรถหรู ทำเอาเฟรซซี่หลายคนกรี๊ด และอยากสนิทกับเขาหลายคน รวมทั้งกรแก้ว
“งั้นหนูไปค่ะ”
เพราะมีฉลองวันเกิดรุ่นพี่แสนฮอต กิจกรรมเชียร์วันนี้จึงเลิกเร็วเป็นพิเศษ ลุงปานก็มารับเธอเช่นปกติ ทั้งที่บอกลุงปานว่าเธออยากลองกลับเอง นั่งแท็กซี่หรือขึ้นรถไฟฟ้ากลับ แต่ลุงปานบอกว่านายยังไม่อนุญาต
กลับมาถึงห้องพัก เปิดประตูห้องเข้ามากลิ่นอาหารหอมฉุย เพราะนุ่มกำลังตั้งโต๊ะเรียบร้อย ทั้งสองโทร. พูดคุยกันขณะอัณชญาอยู่ในรถแล้ว
“อร่อยมากเลยพี่นุ่ม” อัณชญาตักไส้อั่วที่ป้าหมายส่งมาให้เข้าปาก พลางชมไม่ขาดปาก
“กินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าของที่บ้าน” จากนั้นก็ตามด้วยแกงฮังเล น้ำพริกหนุ่มกับแคปหมู
ชีวิตแม้จะอยู่ห่างไกลบ้านและครอบครัว ถ้าไม่มีนุ่มมาอยู่ด้วยกัน คงจะเหงาและเคว้างน่าดู แต่ก็ยังคิดถึงบ้านเกิด เป็นห่วงพ่อที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะหลุดจากการถูกปีศาจการพนันเข้าสิง แต่พลก็รับปากเธอแล้วว่าจะดูแลให้เท่าที่จะสามารถทำได้ และบางอย่างที่โหยหามากที่สุด คืออยากเห็นหน้านาย อยากเจออีกสักครั้ง ก่อนหน้านั้นก็ยังไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเอง ทว่าตอนนี้รู้แน่ชัด
แต่เขาใจดำจัง มาให้เห็นหน้าหน่อยก็ไม่ได้
กินข้าวอิ่มอัณชญารับอาสาล้างจาน และอุปกรณ์ในครัวทุกอย่าง จากนั้นก็อาบน้ำ นั่งดูละครหลังข่าวเป็นเพื่อนนุ่ม ฟังเรื่องการไปเรียนเสริมสวยของอีกฝ่ายที่เรียนได้ถึงสองเดือนแล้ว
“ว่างๆ ก็ตัดผมให้หนูหน่อยนะคะ”
“ตัดทำไม ผมยาวสวยดีแล้ว ดูเป็นสาวขึ้นด้วย”
“ก็อยากตัดผมม้า และเล็มๆ ปลายผมบ้าง”
“ได้เลย วันหยุดพี่จะตัดให้”
ทั้งสองหยุดพูดคุยแค่นั้น เมื่อโทรศัพท์อัณชญาดังขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหน มินตรา รุ่นพี่ที่เธอสนิทด้วยนั่นเอง
[น้องอัณ ไอ้พีทอยากคุยกับน้องน่ะ]
“คุยกับหนูเหรอคะ”
[ใช่]
“อ๋อ ได้ค่ะ” ตอบกลับอย่างงงๆ ปกติเธอก็แทบไม่เคยคุยกับรุ่นพี่สุดฮอตคนนี้เลย เจอหน้าก็ยกมือไหว้ทักทายตามมารยาท ถึงจะเพิ่งรู้จัก แต่พีทดูเป็นผู้ชายนิ่งๆ หยิ่งๆ ตามสไตล์ผู้ชายที่มีครบในแบบผู้หญิงชอบ ทั้งหล่อ รวย รูปร่างดี เรียนเก่ง กีฬาเลิศ
ยิ่งทำให้เธอไม่คิดจะเข้าไปใกล้ชิด หรืออยากสนิทสนมกับเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ
อาจเป็นเพราะใจเธอ ไม่เคยมองเห็นผู้ชายคนไหนน่าใกล้ชิดสนิทสนมเท่ากับชินภพอีกแล้ว
[ฮัลโหลครับ น้องอัณ]
แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะคะพี่พีท”
[ขอบคุณครับ ได้ข่าวว่าผู้ปกครองไม่อนุญาตให้เที่ยวกลางคืนเหรอครับ]
“อ๋อ ใช่ค่ะ” มินตราคงจะบอกในเรื่องที่เธอไปงานวันเกิดเขาไม่ได้
[งั้น ผู้ปกครองคงไม่ห้ามกินข้าวด้วยกันเฉยๆ นะครับ พรุ่งนี้พี่จะไปรับกินมื้อเย็นด้วยกันนะครับ]
“เออ คือ อัณไม่สะดวกค่ะ”
[ทำไมไม่สะดวก หรือผู้ปกครองห้ามไปกินข้าวกับคนอื่น]
“คือไม่ใช่ค่ะ แต่ว่าอัณมีนัดกับพี่ที่พักอยู่ด้วยกันแล้วค่ะ” แน่นอนว่านายไม่ได้ห้ามเรื่องนี้ แต่เธอคิดว่าไม่ควรไปมีสัมพันธไมตรีกับชายอื่น ในเมื่อเธอก็ยังมีสถานะนางบำเรอของชินภพอยู่ ถึงจะที่ไม่เคยได้ทำหน้าที่ของตัวเองเลยสักครั้งก็เถอะ
[อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง งั้นวันมะรืนนี้แล้วกันนะครับ ถ้าหากไม่สะดวกอีก ก็แปลว่ารังเกียจพี่]
“เอ่อ คือไม่ได้รังเกียจพี่พีทนะคะ”
[งั้นก็วันมะรืนเจอกัน สักห้าโมงพี่ไปรับนะ ส่งโลฯ ให้พี่ทางไลน์ได้เลย เดี๋ยวพี่ขออนุญาตทักไลน์นะครับ]
“อ่อ ค่ะ ได้” อัณชญาไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร นอกจากตอบรับจาก
อีกฝ่าย“มีอะไรทำหน้าเครียดๆ” นุ่มถามขึ้นหลังจากเธอจบการสนทนากับปลายสายแล้ว
“ก็มีคนชวนกินข้าว”
“เพื่อนเหรอ”
“ก็ไม่เชิง”
“หนุ่มๆ สินะ”
“รุ่นพี่ที่คณะค่ะ”
“เขามาจีบเหรอ”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“งั้นก็เล่ามา”
อัณชญาจึงเล่าเรื่องพีท และบทสนทนาที่เธอเพิ่งคุยกับเขาไปเมื่อครู่ให้นุ่มฟังทั้งหมด
“สงสัยเขาจะชอบอัณ”
“แต่หนูไม่ได้ชอบเขานะ”
“จะรู้ได้ไงว่าไม่ได้ชอบ ยังไม่ได้คุยอะไรจริงจังกับเขาไม่ใช่เหรอ”
“ก็ไม่ชอบหรอก หนูชอบนายคนเดียว”
“อุ๊ย อยากให้นายมาได้ยินจริงๆ” นุ่มล้อเลียน แล้วหัวเราะร่วน
“พี่นุ่ม อย่าเพิ่งล้อได้ไหม แล้วนี่หนูจะทำยังไงดี ไม่กล้าปฏิเสธพี่พีท เดี๋ยวเขาคิดว่าหนูรังเกียจ ทั้งๆ ที่จริงหนูไม่เคยรังเกียจเขา แค่ไม่อยากสนิทกับพี่เขาเท่านั้น”
“กลัวนายหึงเหรอ”
“เปล่าค่ะ กลัวผู้หญิงที่ชอบเขา ซึ่งน่าจะมีอยู่เป็นร้อยๆ มารุมทึ้งเอาค่ะ” นายจะมาหึงมาหวงเธอได้อย่างไร ในเมื่อเขาก็ไม่ได้พิศวาสเธอเลย
“ถ้าอัณไม่กล้าปฏิเสธ เพราะเป็นรุ่นพี่ งั้นให้พี่ไปด้วย ดีไหม”
“ดีค่ะ หนูไม่อยากไปไหนกับพี่เขาสองคนเหมือนกัน”
“เขาจะจีบอัณเหรอ”
“หนูไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่จู่ๆ มาชวนกินข้าว หนูก็งงๆ เหมือนกันนะ”
“โอ๊ย แบบนี้ไม่ต้องงงแล้ว ผู้ชายเข้าหาขนาดนี้”
“เจอที่มอ เขาก็ไม่เคยจะเข้าหานะคะ เงียบๆ ใส่”
“คนเยอะ คงเขินมั้ง แล้วถ้าเขาจีบ อัณจะรับเขาไหมล่ะ”
“ไม่รับค่ะ หนูชอบนายคนเดียว” พูดแล้วเจ้าตัวก็ทำทีเขินอาย จนนุ่มหัวเราะก๊าก
“ไว้ทำเขินตอนนายอยู่เหอะ ป่านนี้ไม่รู้สนุกสุดเหวี่ยงกับบรรดานางบำเรอทั้งเจ็ดอยู่หรือเปล่า”
“พี่พริ้มไปแล้ว ก็เหลือหกไม่ใช่เหรอคะ”
“ได้ยินพี่พลบอกว่าเพิ่งรับเพิ่มมาอีกคน คนนี้ได้ยินมาว่าแซ่บไม่แพ้ยัยพริ้ม แต่เด็ดกว่านั้นเพราะว่าเป็นดาราด้วย”
“ดาราด้วยเหรอ ชื่อไรอะ” น้ำเสียงอัณชญาตื่นเต้นจนนุ่มนึกขำ ก็หวังว่าเจ้าตัวจะไม่ใช่แฟนคลับของนางบำเรอคนใหม่ของนาย
“พี่ปลา ปาลิน” นุ่มเฉลย
“เฮ้ย เขาออกจะดัง มาเป็นนางบำเรอนายได้ยังไง แล้วเขาอยู่ที่ตึกส้มด้วยเหรอ”
ปาลินเป็นนางเอกชื่อดังของวงการ ที่ทั้งสวย เปรี้ยว เซ็กซี่ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีภาพลักษณ์ที่ดี มีแฟนคลับชื่นชมมากมาย ไม่อยากเชื่อว่าจะมาเป็นนางบำเรอของนาย หรือนุ่มเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
“ไม่ได้อยู่ เพราะเขาต้องทำงานที่กรุงเทพฯ แต่นายอาจต้องมาที่กรุงเทพฯ บ่อยๆ”
“เขาเป็นถึงนางเอกชื่อดังนะ จะมาเป็นนางบำเรอนายได้ยังไง นายคบเขาจริงจังหรือเปล่า” อัณชญาสงสัย
“นายไม่เคยคบใครจริงจังหรอก แต่พี่ปลาอาจไม่คิดแค่นางบำเรอ เพราะระดับนั้นคงอยากจะเป็นตัวจริงมากกว่า”
“ถ้านายเป็นแฟนกับพี่ปลาจริงจัง นายคงโละนางบำเรอทิ้งหมดน่ะสิ”
“ทำไม กลัวนายปลดจากตำแหน่งนางบำเรอกำมะลอหรือไง” นุ่มแหย่ แต่อัณชญาทำหน้าเครียด
“หนูไม่อยากได้ตำแหน่งอะไรหรอก แค่อยากอยู่กับนายไปนานๆ เป็นอะไรก็ได้”
“ทำเหมือนทุกวันนี้อัณได้อยู่กับนายจริงๆ งั้นแหละ”
“แต่อย่างน้อยก็ได้ขึ้นชื่อว่าอยู่กับนายไง”
“จ้า แม่หนูน้อยใจเดียวรักเดียว ว่าแต่พี่พีทของอัณหล่อไหม”
“เขาไม่ใช่ของหนูเสียหน่อย แต่พี่พีทก็หล่อแหละ”
“หล่อแหละ อือ ทำเสียงแบบนี้ แปลว่าหล่อสู้นายไม่ได้น่ะสิ”
“ไม่มีใครหล่อสู้นายได้หรอก”
“โอ๊ย ทั้งรักทั้งหลงนายเลยนะ”
“นายดีที่สุดสำหรับหนู” สิ่งที่พูดไม่ได้เกินจริงในความรู้สึกของอัณชญา
“ถ้านายให้เป็นนางบำเรอกำมะลอตลอดชีวิต จะเป็นหรือไง”
“เป็นอะไรก็ได้ ขอให้อยู่กับนายตลอดไป”
“อัณยังเด็ก เดี๋ยวโตอีกหน่อย เจอคนที่หนุ่ม หล่อ และดีกว่านายอาจเปลี่ยนใจจากนายก็ได้”
“ไม่มีทางหรอก” เจอคนหล่อๆ ที่มหาวิทยาลัยหลายคน ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เหมือนที่รู้สึกกับนาย
“จะรอดู เพราะอีกหน่อย นายก็แก่ และไม่หล่อ ไม่เท่เหมือนเดิมแล้ว”
“ก็รอดูไปสิ” อัณชญาพูดอย่างมั่นใจ ว่าวันเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เธอก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจจากนาย
“หยุดพูดถึงนาย และเราไปเลือกชุดสำหรับไปดินเนอร์กับพี่พีทของอัณดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะแต่งหน้าทำผมให้อัณสุดฝีมือเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก แต่งตัวธรรมดานี่แหละ และหนูไม่แต่งหน้าด้วย”
“ไม่ได้ อุตส่าห์ไปกินข้าวกับหนุ่มฮอตทั้งที ต้องจัดเต็ม ที่สำคัญพี่อยากลองวิชาที่เรียนมา”
“งั้นก็ได้ แต่ไม่เอาแบบแซ่บนะ”
“ไม่แซ่บหรอก เอาแค่สวยน่ารัก ใสๆ ก็พอ” นุ่มบอกเป็นมั่นเป็นเหมาะ อัณชญาจึงพยักหน้ารับด้วยความเชื่อใจเช่นกัน
:::::::::::::::::::::::
พอลูกสาวหลับไปแล้ว ภูวิณก็เก็บหนังสือนิทานไว้บนโต๊ะ ห่มผ้านวมให้ หอมแก้มเบาๆ ไม่ลืมที่จะปิดโคมไฟหัวเตียง เหลือเพียงโคมไฟหน้าห้องน้ำ จากนั้นก็กลับห้องนอนของเขากับภรรยาที่อยู่ห้องถัดไป คั่นกลางด้วยห้องแต่งตัวที่ประตูทั้งสองห้องเชื่อมต่อกันได้ภูวิณยิ้มกริ่มเมื่อเปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามาก็เห็นภรรยากำลังสวมชุดนอนสีดำสายเดี่ยว ยิ่งขับผิวขาวนวลลออตา ชุดสั้นเหนือเข่ามาเกือบคืบ โชว์เรียวขาสวยที่เขามองไม่เคยเบื่อ ผมยาวดำขลับทิ้งสยายเต็มกลางหลังใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มกลับเห็นผิวขาวใสไร้รอยด่างดำ แม้จะออกไปช่วยงานในไร่บ่อยครั้ง สลับกลับไปทำงานในรีสอร์ต แต่อรองค์ก็ดูแลตัวเองอย่างดีอรองค์ในวัยสามสิบต้นๆ เหมือนเจ้าตัวเพิ่งเป็นสาวเต็มตัว มีเสน่ห์มากยิ่งกว่าเด็กสาวในวันวานทั้งรูปร่างที่ผอมเพรียว แต่ก็เฟิร์มไปทั้งเนื้อตัว ช่วงอกอวบอิ่มขึ้น ดวงตากว้างเป็นประกายรู้ทันเมื่อเห็นสายตาโลมเลียของเขา“เซ็กซี่จัง” ภูวิณเดินมาโอบกอดภรรยาจากด้านหลัง ซุกจมูกที่ลำคอระหง ก่อนย้ายไปยังซอกหู มือใหญ่นั้นเริ่มไล้เบาๆ ตั้งแต่โค้งสะโพก ผ่านชุดนอนเนื้อบางเบา ทำให้อรองค์วูบไหวจนร่างสะท้าน พร้อมครางเสียงแผ่วริมฝีปากอุ่น
ตอนพิเศษ “คุณแม่ขาหนูอยากปั่นจักรยานเล่นที่ไร่ค่ะ” เด็กหญิงอิงจันทร์ วัยสี่ขวบเอ่ยขึ้นในเวลาบ่ายวันหยุด กำลังกินของว่างกับแม่ในสวนข้างบ้านเด็กหญิงอิงจันทร์มีหน้าตาคล้ายแม่ค่อนข้างมาก ทั้งใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตาโตกว้างเป็นประกายสดใส ริมฝีปากจิ้มลิ้มได้รูป ผมสั้นเคลียหูและมีหน้าม้า ยิ่งทำให้ใบหน้านั้นเหมือนตุ๊กตาเดินได้“งั้นกินนมให้หมดก่อนค่ะ เดี๋ยวแม่พาไป” เมื่อได้ยินแบบนั้นเด็กหญิงก็ยกแก้วนมที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วดื่มจนหมด“หมดแล้วค่ะ”“งั้นเราไปเปลี่ยนรองเท้าและใส่หมวกกันค่ะ” อรองค์ที่ตอนนี้อยู่ในวัยสามสิบต้นๆ บอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลูกสาวตัวน้อยก็รีบลงจากเก้าอี้ แล้วเดินลิ่วเข้าไปในบ้านทันทีไม่กี่นาทีต่อมาสองแม่ลูกก็อยู่ในชุดเตรียมพร้อมสำหรับการปั่นจักรยาน รองเท้าผ้าใบและหมวกกันน็อค“น้องเอิงคะ ป้าศรีถาม ค่ำนี้กินอะไรดี”“อ๋อ เอิงลืมบอก ตอนค่ำเอิงจะพาน้องอิงไปกินข้าวที่ รีสอร์ตกับพ่อเขาน่ะ”อรองค์หันมาบอกคำแพง ที่ตอนนี้รับหน้าที่หลักเป็นพี่เลี้ยงเด็กหญิงอิงจันทร์ ช่วยงานบ้านอื่นๆ ยามว่างเว้นจากการดูแลเด็กหญิง เช่นวันหยุดที่อรองค์ไม่ได้ทำงาน เธอก็จะดูแลลูกสาวเอง
บทส่งท้าย หกปีต่อมาที่ไร่ภูวิณในเวลาเช้าตรู่ อรอรงค์กำลังแต่งหน้าทำผมเสร็จ สวมใส่ชุดไทยประยุกต์สีครีม ส่งผลให้รูปร่างสูงเพรียวนั้นยิ่งหน้ามองเครื่องประดับน้อยชิ้น แต่ใบหน้าสวยที่แต่งแบบเรียบๆ กลับยิ่งโดดเด่นนัยน์ตาเรียวกว้างและคมหวานเป็นประกายมีชีวิตชีวา ริมฝีปากยิ้มแย้มอิ่มเต็มและเย้ายวนอยู่ในที“แกสวยมาก” มะเหมี่ยวเอ่ยปากชม“เหมือนนางฟ้าเลยแก” มัทนาชมบ้าง“ฉันเห็นเอิงใส่ชุดแต่งงานครั้งที่สองแล้วนะ ครั้งแรกแต่งแทนคนอื่น ตอนนั้นเอิงยังเด็กอยู่ก็สวยน่ารัก ตอนนี้ดูเป็นสาวเต็มตัว เฉิดฉายมากเลย ออร่าแบบพุ่งสุดๆ” อารียาเอ่ยชมด้วยสีหน้าสุดปลื้มปริ่มกับเพื่อนรัก ที่ตอนนี้เพิ่มสถานะอาสะใภ้เข้าไปด้วย“ครั้งนี้ต้องพิเศษสิ เพราะงานแต่งของฉันจริงๆ ไม่ได้แต่งแทนคนอื่น” อรองค์เอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มกว้าง ปลื้มกับคำชมของเพื่อนๆ จนจะลอยได้อยู่แล้ว“สรุป แกเป็นเจ้าสาวสองครั้งในชีวิตของอาวิณ”“ฉันถือครั้งนี้ คืองานแต่งของฉันจริงๆ”“เด็กๆ ไปข้างล่างกันเถอะ ได้กฤกษ์ทำพิธีแล้ว” อินทุอรโผล่หน้ามาบอกทุกคนในห้องแต่งตัวเมื่อลงมาถึงชั้นล่างที่สวนข้างบ้าน ก็เห็นเจ้าบ่าวยืนอยู่กับมัชกร และกลุ่มเพื่อนๆ เพื่อรอเ
“เราชอบอิ้งตั้งแต่ตอนมอต้น แต่เราไม่กล้าแม้จะคุยกับอิ้ง กลัวยัยน้อยหน่าแกล้งอิ้ง”“เราก็คิดว่าไม้ชอบเอิงเสียอีก”“ใครจะกล้าชอบ อิ้งบอกย้ำเราตลอดว่าเอิงจะเป็นเจ้าสาวของอาวิณของอิ้ง”“แฮะๆ ขอโทษนะ ตอนนั้นเรากลัวไม้ชอบเอิงน่ะ เลยบอกย้ำ” เธอสารภาพน้ำเสียงเขินๆ“ก็ตอนนั้นเราชอบอิ้งแล้ว จะชอบใครได้อีก”“แล้วทำไมไม่บอก ถ้าบอกตั้งแต่ตอนนั้นเราคงคบกันได้หลายปีแล้ว แล้วตอนนั้นไม้เหมือนสนใจเอิงด้วยนะ”“ก็สนใจ เพราะเอิงดูสู้คนไง”“เลยให้เอิงไปสู้กับยัยน้อยหน่าว่างั้นเถอะ”“อือ คิดว่าเอิงจัดการได้”“แต่เสียดาย น่าจะบอกกันบ้าง”“ถึงเราจะชอบอิ้ง แต่ก็ยังเด็ก และไม่แน่ใจว่าจะชอบต่อไปได้นานแค่ไหน”“งั้นตอนนี้ก็ยังชอบนะ”“ก็ชอบอยู่”“งั้นเรามาเป็นแฟนกันไหม” เพราะอย่างไรก็คบในฐานะเพื่อนมานานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำความรู้จักกันอะไรกันเพิ่มเติม“ได้ แต่อย่าเพิ่งบอกคนอื่นๆ ได้ไหม”“ทำไม อายเหรอที่จะเป็นแฟนกับเรา” น้ำเสียงมีแววน้อยเนื้อต่ำใจ“ถ้าอิ้งไม่กลัวพวกเขาแซวก็ตามใจอิ้งนะ”“งั้นปิดไว้ก่อนเหอะ แอบๆ คบกันก็น่าสนุกดีนะ” น้ำเสียงเธอร่าเริงขึ้นมาทันที“แต่อิ้งควรบอกผู้ใหญ่ของอิ้งก่อนนะ”“หมายถึงคุณแม่กับอาวิ
“จะไปไหน แต่งตัวซะสวยเชียว” อรองค์ถามขึ้นเมื่อนั่งอ่านหนังสืออยู่ในโถงชั้นล่างพร้อมกินของว่างไปด้วย ก็เห็น อารียาใส่เดรสสีครีมดูอ่อนหวานนุ่มนวล แถมยังแต่งหน้าอ่อนๆ ให้ดูหวานละมุนเข้ากับชุดที่สวมใส่“ไปดูหนังกับไม้”“แกไปล่อลวงไม้ให้ไปดูหนังได้ด้วยเหรอ”“บ้า ล่อลวงอะไร ปกติไม้ก็ไปดูหนังกับฉันกับยัยเหมี่ยวบ่อยๆ” ส่วนอรองค์กับมัทนาไม่ชอบเข้าโรงหนัง รวมทั้งมัชกรด้วย แต่ทุกครั้งที่ชวนเขาก็ไม่เคยปฏิเสธ“ก็ไม้ไปเป็นเพื่อนแกกับยัยเหมี่ยวไง แต่ครั้งนี้เหมี่ยวไปด้วยหรือเปล่า”“ก็ชวนแล้ว แต่มันไม่ว่าง และฉันก็อยากดูหนังเรื่องนี้มาก” เจ้าตัวก็บอกชื่อภาพยนตร์ที่จะไปดู“มีแผนไรหรือเปล่าเนี่ย ชวนไม้ไปดูหนังผี แล้วตัวเองแต่งตัวเป็นนางฟ้า”“อุ๊ย ฉันสวยมากใช่ไหมแก” น้ำเสียงของอารียาร่าเริงขึ้นมาทันที“ไปถามป้าอินที่ร้านดูก่อนไหม”“บ้าสิ ขืนไปถาม แม่ก็ซักไซ้ว่าฉันแอบกิ๊กผู้ชายไม่บอกเขาน่ะสิ”“คิดว่าป้าอินจะไม่รู้เหรอ แกมองไม้ที โหหวานซึ้งตรึงใจไปถึงสามโลก”“เว่อร์น่า”“ไม่เชื่อก็ไปถามไอ้ไม้ดู”“แกว่าฉันควรถามตรงๆ เหรอ”“เออ จะอมพะนำไปทำไม ค้างๆ คาๆ”“งั้นฉันจะลองทำใจกล้าถามเขาดู”“แต่ก็ต้องเผื่อใจด้วยน
ชอบมาตั้งนาน อรองค์กับแก๊งเพื่อนสนิทนั่งอ่านข่าวเด่นข่าวดังด้วยความชื่นมื่นในร้านชาบู ซึ่งจองห้องวีไอพีเฉพาะพวกเขาเท่านั้นข่าวลูกชายนักการเมืองจัดปาร์ตี้ยาได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมค่อนข้างมาก ในคืนนั้นใครตรวจเจอฉี่ม่วงก็โดนกันไป เรียกว่าไม่มีใครรอดสักคน แต่คนที่หนักสุดคือดรีม เพราะเป็นถึงลูกชายนักการเมืองที่เป็นถึงระดับผู้ช่วยรัฐมนตรี แถมตำรวจเจอคลิปลับในโทรศัพท์ของอีกฝ่ายอีกหลายสิบคลิปในโซเซียลฯ ก็ถูกประจานสันดานเลวๆ ของดรีม ส่วนใหญ่ผู้หญิงออกมาพูดว่าดรีมชอบเอาคลิปลับมาขู่ให้ยอมมีเซ็กซ์ในครั้งต่อๆ ไป บางคนก็ถูกล่อลวง แอบถ่ายต่างๆ นานา เรียกว่างานนี้เรียกโจทย์ทั้งเก่าและใหม่มาทัวร์ลงเท่านั้นยังไม่พอทำพ่อเสียชื่อไปด้วย ได้ยินข่าวมาว่า ประกันตัวออกมาแล้ว ดรีมถูกพ่อส่งไปเมืองนอก เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตามประสาคนรวย พอมีเรื่องก็อยู่เมืองไทยไม่ได้ เพราะกระแสจากสังคมตอนนี้แรงมากทางมหาวิทยาลัยก็สั่งพักการเรียนทุกคนในงานที่ตรวจเจอฉี่ม่วง รวมทั้งน้ำผึ้งด้วย ที่คืนนั้นแม้จะออกมาก่อนตำรวจจะมาถึง แต่อีกฝ่ายก็เป็นเจ้าของงานวันเกิด ถึงแม้คนที่เป็นเจ้าของปาร์ตี้ตัวจริงจะคือดร