หลังจากวันนั้นก็เป็นเวลากว่าสี่เดือนแล้ว ที่บัวบูชาทำงานที่บาร์แห่งนี้ ตอนนี้เรียกได้ว่าเธอรู้จักพนักงานในร้านทุกคนแล้ว โดยเฉพาะรุ่นน้องที่ชื่อใบตอง อายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปี
ใบตองคือคนที่คอยช่วยเหลือเธอตลอดทั้งเรื่องงานหรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเวลาเจอกับพวกลูกค้าผู้ชายที่มือไวใจเร็ว ชอบแตะนิดแตะหน่อย หรือพวกที่ชอบพูดจาสองแง่สองง่าม แทะโลมต่าง ๆ นานา
แรก ๆ บัวบูชาก็ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้ แต่พอปรับตัวได้หญิงสาวก็เริ่มเอาตัวรอดเป็น อยู่ต่อหน้าลูกค้าก็พูดจาคะขา เอาอกเอาใจเก่ง ทำให้ตอนนี้รายได้จากทิปคืนหนึ่งก็ปาไปเกือบสี่พันบาทแล้ว
แต่ก็นั่นแหละ ใช่ว่าทุกคนในร้านจะดีกับเธอทุกคน มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด โดยเฉพาะกับพวกสาว ๆ ที่ทำงานที่ร้านมาก่อน พอเธอเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ก็เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ทำให้คนพวกนั้นไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
บัวบูชาตัดความฟุ้งซ่านทิ้งไป ทุกวันนี้เธอพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแค่นั้นก็พอ ตอนนี้เธอต้องรีบกอบโกยเงินให้ได้มากที่สุด เพราะปลายเทอมหน้าก็เป็นเทอมสุดท้ายของภาคเรียนแล้ว
ซึ่งเป็นเวลาที่บัวบูชาจะต้องไปฝึกงาน หญิงสาวเลยอยากเก็บเงินให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นค่าอยู่ ค่ากิน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับแม่อีกมากมาย
คืนวันเสาร์ ภายในร้านเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตากำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศเป็นเหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่านมา บัวบูชาในชุดพนักงานเสิร์ฟ เสื้อเชิ้ตสีขาวผ้าลื่นเข้ารูปที่เน้นช่วงเอวคอดกิ่ว กับกระโปรงสีดำสั้นเลยเข่านิดหน่อยที่เน้นช่วงสะโพกผาย ส่งผลทำให้พวกเสือพวกตะเข้ทั้งหลายที่เห็นต่างก็น้ำลายหกกันเป็นแถว
ใบหน้าเรียวเล็กขาวนวล ดวงตาคู่สวยดูหยิ่งนิด ๆ รับกับริมฝีปากบอบบางสีกุหลาบ ที่มีไฝเสน่ห์ประดับอยู่ตรงปากล่างด้านซ้าย ทำให้บัวบูชาเป็นที่สะดุดของผู้คนที่พบเห็น ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงโซน VIP ด้านบนของร้าน
ศิรา กิจธนะวรกุล ชายหนุ่มอายุย่าง ๒๘ ปี เจ้าของรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลา จมูกโด่งเป็นสัน ส่วนสูงราว ๑๘๖ เซนติเมตร ทายาทเพียงคนเดียวของบริษัทศัจกรกิจไพศาล จำกัด
หนุ่มนักเรียนนอกจบปริญญาโท ด้านการบริหารจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในอเมริกา ที่เพิ่งบินกลับมาอยู่บ้านหมาด ๆ ตามคำสั่งเด็ดขาดของผู้เป็นพ่อที่ต้องการให้ลูกชายคนเดียวกลับมารับตำแหน่งรองประธานบริษัท หลังจากที่ศิราเรียนจบ และใช้ชีวิตเป็นพ่อหนุ่มเพลย์บอยไร้แก่นสารอยู่เมืองนอกมานานนับปี
หากผู้เป็นพ่อไม่ยื่นคำขาดว่า ถ้าเขาไม่กลับมารับตำแหน่งรองประธานจะตัดเขาออกจากกองมรดก ชายหนุ่มก็คงไม่กลับประเทศไทย เขาเบื่อบ้าน เบื่อที่จะต้องทำตามคำสั่ง
ชีวิตเขาตั้งแต่เด็กก็ถูกตีกรอบให้เรียน ให้ทำนั่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา ไม่มีเลยสักครั้งที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แน่นอนว่าวัยเด็กเขาก็ต่อต้าน แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขาเอาชนะผู้เป็นพ่อได้เลยสักครั้ง
พ่อมักจะหาเหตุผลร้อยแปดอย่างมาอ้างว่าสิ่งที่เลือกให้มันดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว
แต่สิ่งที่พ่อไม่เคยรู้ คือเขาไม่เคยต้องการ แม้แต่แม่ก็ไม่มีปากมีเสียง พ่อเป็นคนกุมอำนาจทั้งหมดไว้ในมือ ทั้งเรื่องในที่ทำงาน และเรื่องที่บ้าน เพราะถือว่าตัวเองเป็นผู้นำ เป็นประมุขของบ้าน ทุกคนในบ้านมีหน้าที่แค่ทำตามเท่านั้น
ดวงตาคมกริบนั่งจ้องเจ้าของร่างบางที่เดินเสิร์ฟเครื่องดื่มไปมาอยู่ด้านล่าง พร้อมทั้งจิบไวน์แดงชั้นเลิศไปพลาง ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นอย่างลืมตัว เวลาที่เห็นคนตัวเล็กยิ้มแย้มพูดคุยกับลูกค้า รอยยิ้มบริสุทธิ์ของคนตัวเล็กช่างสวยงามซะจริง ๆ
เวลากว่าสองชั่วโมงที่ศิรามานั่งรอเพื่อนในบาร์แห่งนี้ หญิงสาวหลายคนต่างชม้ายชายตามองมาทางร่างสูงไม่ขาด ด้วยใบหน้าคมคายหล่อเหลา เส้นผมสีดำขลับที่เซตเป็นทรงเข้ากับใบหน้า รับกับผิวสีเข้มอย่างหนุ่มไทยแท้ บวกกับหน้าอกผึ่งผายที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเป็นมัด ๆ เพราะศิราเป็นคนรักสุขภาพ ชอบออกกำลังกาย
ไหนจะการแต่งกายที่ใส่แบรนด์เนมทั้งตัวนั่นอีก ไม่แปลกใจนักที่สาวน้อยสาวใหญ่จะพากันส่งสายตายั่วยวนมาให้
“ไง! ไอ้เสือ ถึงไทยปุ๊บ ออกล่าปั๊บเลยนะมึง” คฑาวุธ หรือ คินน์ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผิวขาวสูงเพราะมีเชื้อสายคนจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้จัดการหนุ่มบริษัทนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ เอ่ยทักทายเพื่อนสนิทหลังจากที่อีกฝ่ายโทรหาเมื่อตอนเย็นว่ากลับถึงไทยแล้ว และได้นัดกันมาสังสรรค์ที่บาร์ของมาวิน
“เออ เบื่อ ๆ”
“แล้วเริ่มงานทำงานเมื่อไหร่?”
“ไม่รู้ แล้วแต่อารมณ์”
“มึงนี่ก็นะ จะต่อต้านพ่อมึงไปอีกนานแค่ไหน แค่มึงทำตัวเที่ยวเล่นผลาญเงินไปวัน ๆ เกือบปี พ่อมึงก็เครียดจะตายล่ะ”
“กูไม่สน กูทำตามใจเขามาตั้งแต่กูเกิดล่ะ กูแค่อยากทำตามใจตัวเองบ้าง” ศิรายักไหล่
“เห้อ! ดื้อเหมือนกันไม่มีผิด ทั้งพ่อทั้งลูก แบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้คุยกันดี ๆ วะ เจอกันครึ่งทางไม่ดีกว่าเหรอ”
“กูไม่อยากจะคุย คุยไปก็เท่านั้น ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม” ถ้าจะถามว่าศิราดื้อเหมือนใคร ก็คงตอบได้อย่างไม่ต้องคิดว่าเหมือนพ่อ
“เหนื่อยใจว่ะ เปลี่ยนเรื่องๆ เอ่อ แล้วไอ้วินล่ะ ทำไมยังไม่มาอีก”
“มันบอกว่ามีงานเยอะ ขอเคลียร์ก่อน เดี๋ยวตามมา”
“อืม”
“น้องคนนั้นชื่ออะไร มึงรู้จักไหม?” คินน์มองตามสายตาของเพื่อน ก็พบเข้ากับเจ้าของร่างบางที่กำลังทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ
“รู้จักดิ ชื่อน้องบัวบูชา ชื่อเล่นน้องบัว แต่คนนี้ไม่ได้นะเว้ย ไอ้วินหวง”
“ทำไม เด็กมันเหรอ?” ศิราขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่ใช่ เด็กคนนี้ลูกพี่ลูกน้องของมันฝากมาอีกที มันบอกว่าน้องเป็นเด็กนิสัยดี บ้านยากจน อยู่กับแม่สองคน”
“หึ ถ้าไม่ใช่เด็กไอ้วินก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”
“น้องเดินมาทางนี้แล้วมึง” คินน์ สะกิด
สิ้นประโยคคำพูดจากเพื่อนสนิท ศิราก็หันหน้าไปมองทันที สายตาคมสบเข้ากับสายตาเรียวคู่สวยแว็บหนึ่ง ก่อนที่บัวบูชาจะเป็นฝ่ายละสายตาไป
ทางด้านของศิรา ชายหนุ่มจ้องมองตามร่างบางไปจนลับตา ไม่รู้ว่าเขาใช้สายตามองคนตัวเล็กแบบไหน เพื่อนตัวดีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับต้องเอ่ยปากแซว
“เช็ดน้ำลายบ้างครับ คุณศิรา จ้องน้องเขาจนผิวจะถลอกอยู่แล้ว ไอ้สัด”
“จ้องใคร?” เป็นเสียงของมาวินที่เดินเข้ามาสมทบเอ่ยถามขึ้นมาเสียก่อน
“อ้าว! ไอ้วิน เสร็จงานแล้วเหรอ” คินน์ เอ่ยทัก
“อืม เสร็จแล้ว สรุปว่าไอ้ศิรามันจ้องใคร?”
“จะใครซะอีกล่ะครับ ก็น้องเด็กเสิร์ฟคนน่ารัก ตัวขาว ๆ ที่กูเคยถามมึงไง”
“อ๋อ! คนที่มึงเคยจะเคลม อะเหรอ”
“อ้าว มึงก็เคยเหรอ แหม ทำมาเป็นขัดกู ที่แท้ก็เคยมาก่อน มิน่ารู้เรื่องเขาเยอะเชียว” ศิราหันไปพูดกับคินน์
“แฮ่ ก็นิดหน่อย” คินน์ ยิ้มอาย ๆ พร้อมเกาหัวแก้เขิน
“ไอ้วิน คืนนี้ติดต่อน้องให้กูหน่อยดิ” ศิรา หันไปพูดกับมาวิน
“เห้ย คนนี้ไม่ได้ว่ะ ไอ้ศิรา น้องมันเป็นเด็กดี อย่าไปยุ่งกับน้องมันเลย แล้วอีกอย่างน้องไม่รับงานแบบนี้ น้องแค่เสิร์ฟอย่างเดียว”
“แล้วถ้าน้องเขาตกลงไปกับกูคืนนี้ล่ะ?”
“ไม่มีทาง กูพนันเลย” มาวินเอ่ยออกมาด้วยท่าทางมั่นใจ เพราะระยะเวลาสี่เดือนที่ผ่านมา ชายหนุ่มสังเกตบัวบูชามาโดยตลอด บัวบูชาไม่มีทางรับงานอย่างว่าแน่นอน
“ได้ยากแบบนี้ ชักน่าสนใจซะแล้วสิ มาดูซิว่าจะเป็นอย่างที่มึงพูดไหม?” สายตาคมโตจ้องมองร่างบางอย่างไม่วางตาราวกับเสือที่กำลังจ้องมองลูกแกะตัวน้อยก็ไม่ปาน คนอย่างศิรา กิจธนะวรกุล อยากได้อะไรก็ต้องได้
“ก็ลองดู ถ้าโดนเด็กมันหักหน้าขึ้นมา ก็อย่ามาโทษกูนะเว้ย”
“เอาไวน์มาอีกขวดดิ เรียกน้องบัวมาเสิร์ฟด้วย กูอยากทำความรู้จักกับน้องสักหน่อย” ศิราเอ่ยบอกมาวินเสียงเรียบ สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่ร่างบางตลอดเวลา
มาวินส่ายหน้า ก่อนจะโทรไปสั่งการลูกน้อง สักพักจึงเห็นว่ามีพนักงานเสิร์ฟด้วยกันเดินไปกระซิบบอกอะไรบางอย่างแก่คนตัวเล็ก ก่อนที่จะชี้มาทางโต๊ะที่พวกเขาสามคนนั่งอยู่ คนตัวเล็กพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังร้าน
ไม่ถึงสิบนาที บัวบูชาก็เดินมาพร้อมกับไวน์แดงจากฝรั่งเศส เกรดระดับพรีเมี่ยม ร่างบางเดินไปยังโต๊ะที่มีชายหนุ่มทั้งสามคนนั่งอยู่ ก่อนจะวางขวดไวน์ไว้ข้างโต๊ะ มือเรียวบางใช้อุปกรณ์เปิดจุกขวดไวน์อย่างชำนาญ
ก่อนจะค่อย ๆ รินไวน์ใส่แก้วที่ศิราเป็นคนยื่นให้ ศิราจ้องมองทุกการกระทำตรงหน้าไม่วางตา บัวบูชาถึงแม้จะไม่ได้เหลือบมองหน้าผู้ชายที่นั่งข้างคุณมาวิน แต่ก็รับรู้ได้ว่ามีสายตาคมจ้องมองมาอยู่ตลอด ตั้งแต่ที่เธอเดินเข้ามาแล้ว
บัวบูชาใจเต้นโครมคราม พานทำให้มือน้อย ๆ สั่นด้วยความประหม่า มือสั่นเทาวางแก้วไวน์ใบสวยไว้ข้าง ๆ คนตรงหน้า ศิรายกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยล้อคนตัวเล็ก
“พี่ไม่กัดหรอกค่ะ คนสวย”
“…”
“หนูชื่ออะไรคะ?” ศิรามองใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มนั้นก่อนจะเอ่ยถาม
“เอ่อ” บัวบูชาหันหน้าไปมองนาวิน ราวกับขอความช่วยเหลือ เพราะว่าลูกค้านั่งโต๊ะเดียวกับเจ้านาย ไม่รู้ว่าร่างสูงเป็นใคร และเป็นอะไรกับเจ้าของร้าน
“คนนี้ เพื่อนพี่เอง” มาวินกล่าว
“สวัสดีค่ะ ชื่อบัวบูชาค่ะ” หลังได้รับการพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตจากมาวิน บัวบูชาจึงตอบคำถามของคนตัวโต
“พี่ชื่อศิรานะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ก่อนจะยื่นมือมารอตรงหน้า
“ค่ะ เช่นกันค่ะ” บัวบูชายื่นมาไปจับมือใหญ่เบา ๆ
“ให้พี่เรียกหนูว่าอะไรดีคะ?”
“เอ่อ... เรียกว่าบัวก็ได้ค่ะ”
“ค่ะ น้องบัว นั่งกับพี่นะครับ คืนนี้” ศิราเอ่ย พร้อมกับส่งสายตาร้อนแรงสื่อความหมายบางอย่างชัดเจน ขนาดคนที่ไม่ประสีประสาอย่างบัวบูชายังเข้าใจได้ แถมยังไม่ยอมปล่อยมือจากเธออีก
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเกิดอาการประหม่าขึ้นมาทันทีที่ได้สบตากับเจ้าของร่างสูง คนนี้สินะ ที่เธอได้ยินพวกสาว ๆ แอบกรี๊ดกร๊าดกันตอนที่เดินเข้ามาภายในร้าน
“ขอประทานโทษคุณลูกค้าด้วยนะคะ พอดีบัวเสิร์ฟอย่างเดียวค่ะ ไม่ได้นั่งดริ้ง ยังไงเดี๋ยวบัวเรียกน้อง ๆ ให้ดีกว่านะคะ รบกวนคุณลูกค้ารอสักครู่”
บัวบูชาพยายามดึงมือออกมาอย่างสุภาพ ก่อนจะก้มโค้งให้เล็กน้อย และรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันทีด้วยความเร็วแสง ทิ้งให้ศิรานั่งมองตาค้างเพราะคิดคำพูดไม่ทัน
“ฮ่า ๆ กูบอกแล้ว น้องเขาไม่หลงคารมมึงหรอก” มาวินแซว
“คืนนี้ก็ออกกับน้องชุดแดงคนนั้นก่อนไหม กูเห็นมองมึงมาตั้งแต่กูเข้ามาล่ะ” คินน์พยักพเยิดไปที่โต๊ะซ้ายมือ
ศิรามองตามก่อนจะเห็นว่าเป็นผู้หญิงสาวสวย แต่งตัวด้วยชุดเดรสรัดรูปสีแดงเลือดนก เจ้าหล่อนยกแก้วขึ้นทักทาย พร้อมด้วยรอยยิ้มหวาน ศิรายกแก้วขึ้นทักทายตอบกลับเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องน้ำ
“เอายังไงต่อ?” คินน์ถามขึ้นระหว่างที่พวกเขาสองคนกำลังขับรถกลับโรงแรม หลังจากที่ขับตามดูบัวบูชาไปจนถึงบ้านแล้ว“กูขอตามดูลูกกูอีกสักวัน พรุ่งนี้ค่อยกลับเที่ยวบินสุดท้ายตอนสี่ทุ่ม ตอนนี้กูรู้บ้าน รู้ที่ทำงาน รู้โรงเรียนลูกแล้ว กูขอกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพก่อน แล้วค่อยหาทางให้บัวมาเจอกูที่กรุงเทพ”“จะเอาเรื่องงานมาอ้างเหรอ?” คินน์เลิกคิ้วถามอย่างสงสัย“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ตอนนี้กูกับบัว มีเรื่องให้เกี่ยวข้องกันก็แค่เรื่องงานเท่านั้น”“อืม”บ้านกิจธนะวรกุลหลังทานข้าวเช้าเสร็จ ศิราก็เข้าไปพบผู้เป็นพ่อในห้องทำงานทันที ร่างสูงเดินมาจนถึงหน้าห้องทำงานขนาดใหญ่ซึ่งผู้เป็นพ่อใช้ทำงานหลังจากมอบตำแหน่งประธานให้เขา และรับตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสให้กับบริษัทศิรายืนอยู่ตรงประตูไม้สักรูปมังกรบานใหญ่ สูดลมหายใจเข้าลึก เขารู้สึกหนักใจเล็กน้อย เพราะการเข้าไปหาผู้เป็นพ่อครั้งนี้ก็คงต้องทะเลาะกันเหมือนอย่างทุกที มือหนายกขึ้นเคาะประตูสองครั้งเบา ๆก๊อก ก๊อก“เข้ามา” เสียงแหบของชายชราวัย ๖๕ ที่ทรงอำนาจดังขึ้น ก่อนที่ศิราจะผลักประตูเข้าไป“คุณพ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมครับ” ศิราเอ่ยถามหลังจากที่นั่งลงเรียบร้
อดีต“ไงวะ ช่วงนี้มาบ่อยนะมึง” มาวินเอ่ยทักทายเจ้าของร่างสูงเพื่อนสนิทที่ช่วงนี้เห็นหน้าเห็นตาบ่อยกว่าปกติ“อืม” ตอบรับด้วยเสียงเย็นชา“ช่วงนี้เป็นอะไรของมึง เครียดเรื่องขึ้นเป็นประธานหรือไง”“อืม ช่วงนี้เบื่อ ๆ เรียกเด็กให้กูสักคนซิ”“เฮ้ย! เอาจริงดิ”“เอามาเถอะน่า ไม่ต้องพูดมาก”“ตามใจมึงแล้วกัน เมียงอนมากูไม่เกี่ยวนะเว้ย ได้กลายเป็นหมาไม่รู้ตัวนะบอกก่อน”ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลานั่งทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ภายในบาร์ สายตาคมกริบทอดมองออกไปข้างหน้าอย่างเรื่อยเปื่อยคล้ายรอเวลาให้หมดลงไปก็เท่านั้น มือหนายกไวน์ขึ้นจิบเป็นระยะ ๆ ส่วนสาวน้อยนางหนึ่งที่ถูกเรียกมาบริการก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้าง ๆ เพราะชวนคุยก็แล้ว รินไวน์ให้ก็แล้ว อ่อยจนไม่รู้จะอ่อยยังไง ชายหนุ่มก็ไม่มีทีท่าว่าจะอยากมีปฏิสัมพันธ์ด้วย เพราะอีกฝ่ายนั่งเงียบไม่พูดไม่จามาร่วมสองชั่วโมงแล้ว“เดินตามมานี่หน่อย” อยู่ ๆ ชายหนุ่มก็พูดขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้
ศิราที่ได้ให้เลขาจัดการสมัคร IG และสอนวิธีการเล่นไปบ้างแล้วในเบื้องต้น กำลังค้นหาชื่อแอคเค้าท์ที่ต้องการ ก่อนที่สายตาคมจะสะดุดตรงรูปโปรไฟล์ ชื่อก็ตรงไม่มีผิดสักตัวอักษร แต่ทำไมรูปโปรไฟล์เป็นรูปเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาว หน้าตาน่ารัก“ลูกใคร หน้าตาน่ารักน่าชัง” ศิราพึมพำ ในนั้นมีทั้งรูปทั้งคลิปอยู่ทั้งหมดร้อยกว่ารายการ มือหนากดเข้าไปดูรูปล่าสุดที่เจ้าของพึ่งโพสต์ไปเมื่อสี่เดือนที่แล้ว ในรูปเป็นงานวันเกิดของเด็กหญิงตัวน้อยเจ้าของรูปหน้าโปรไฟล์ เจ้าตัวกำลังยิ้มอย่างมีความสุขถ่ายรูปคู่กับเค้กวันเกิดก้อนใหญ่ พร้อมข้อความใต้โพสต์“สุขสันต์วันเกิดน้องบัวงาม อายุครบ ๔ ขวบ หม่าม้าขอให้หนูมีความสุข เป็นที่รักของทุกคน และปีนี้ขอให้พี่นางฟ้าใจดีทำความฝันของหนูให้เป็นจริงนะคะ”ดวงตาสีดำสนิทฉายแววประหลาดใจ มือหนารีบกดย้อนไปดูโพสต์ ก่อนหน้า ทีละโพสต์ ทีละโพสต์ ส่วนมากที่เห็นจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของหนูน้อยที่ชื่อบัวงาม เช่น กินข้าวเช้ากับอะไร ไปเที่ยวที่ไหน หรือช่วงเวลาที่หนูน้อยงอแงเพราะไม่สบายศิราเลื่อนลงไปดูจนสุด ชาย
“ภาพหาดูยาก อดีตประธานใหญ่ศัจกรกิจไพศาล ออกงานพร้อมภรรยา และลูกชายเปิดตัวว่าที่สะใภ้หมื่นล้าน ในงานประมูลเครื่องเพชร อ่านต่อ…”“กิ่งทองใบหยก ทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ควงแขนทายาทห้างดัง ออกงานครั้งแรก หลังมีภาพหลุดดินเนอร์บนเรือหรู อ่านต่อ...”“เรือล่มในหนองทองจะไปไหน สองทายาทดังออกงานพร้อมครอบครัวฝ่ายชาย ควงแขนชื่นมื่น คาดอีกไม่นานคงมีข่าวดี อ่านต่อ...”ศิราอ่านหัวข้อข่าวพลางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย หลังจากที่พี่จาเลขาคู่บุญของเขาเอาข่าวเหล่านี้มาให้ดู นักข่าวพวกนี้เขียนข่าวได้มั่วจริง ๆ ชายหนุ่มมีสีหน้าเคร่งเครียด ตั้งแต่เด็กเขาก็ถูกจับคู่ให้กับลูกสาวของเพื่อนพ่อแล้ว จากการพูดคุยกันทีเล่นทีจริงของผู้ใหญ่ในวันนั้น ว่าถ้ามีลูกสาวลูกชายจะให้แต่งงานกันตั้งแต่นั้นมาพ่อก็บอกกับเขามาโดยตลอดว่าน้ำเพชรคือคนที่จะต้องแต่งงานด้วย แต่เขาไม่เคยมีใจให้น้ำเพชรเลย และมักจะบ่ายเบี่ยงทุกครั้งเวลาที่สองครอบครัวนัดทานข้าวกันคงจะดีไม่น
“พี่จา รู้ก่อนหน้าแล้วใช่ไหมครับว่าเป็นน้องบัว”“ตอนแรกที่อ่านประวัติในแฟ้ม พี่ก็ไม่แน่ใจหรอกค่ะ พี่ว่าจะถามแล้วแต่ก็ไม่กล้า พึ่งมารู้ตอนที่เจอกันนี่แหละคะ ตอนแรกพี่จำไม่ได้ด้วยซ้ำ ก็น้องบัวสวยขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ เลยนี่คะ”“พี่จาครับ ผมรบกวนช่วยหาข้อมูลของน้องบัวให้ผมหน่อยครับ เอาทุกอย่างเท่าที่จะหาได้เลยครับ”“ค่ะ” พอรับคำเสร็จก็รีบไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมายทันทีศิราหยิบเอาแฟ้มสีดำที่เขาวางส่ง ๆ ไว้บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน สายตาไล่ทุกตัวอักษรอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ข้อมูลที่มีอยู่เป็นข้อมูลคร่าว ๆ อย่างเช่น ชื่อสกุล อายุ สถานภาพ ที่อยู่ที่ติดต่อได้ เบอร์โทรติดต่อ และช่องทางติดต่ออื่นก่อนสายตาจะสะดุดกับที่อยู่ที่ติดต่อได้ จังหวัดเชียงใหม่เหรอ คิ้วหนาขมวดเป็นปมด้วยความสงสัย แล้วทำไมตอนนั้นนักสืบที่เขาจ้างให้ไปตามหาน้องบอกว่าน้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศพร้อมกับแฟนใหม่แล้ว หรือว่าน้องจะกลับมาหลังจากที่เขาเลิกจ้างนักสืบให้ตามหากันนะ ศิราได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจครั้นสายตาคมเลื่อนอ่านบรรทั
ก่อนที่จะทันได้สนทนากันต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หญิงสาวคนเดิมเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถาดของว่างในมือ แก้วน้ำเปล่า แก้วน้ำส้ม และคุกกี้ช็อกโกแลตชิพ ถูกยกมาวางตรงหน้า แขกทั้งสองคนจึงกล่าวขอบคุณพร้อมกัน“เชิญตามสบายนะคะ เดี๋ยวใกล้ถึงเวลานัดแล้ว คุณเลขาจะเข้ามาเรียกนะคะ”“ค่ะ ไม่ทราบว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหนคะ”“เดินออกไปตรงทางเดิน เลี้ยวซ้าย แล้วตรงไป ห้องน้ำอยู่ทางขวามือค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”“แกไปห้องน้ำไหม?” คล้อยหลังหญิงสาวออกไปได้สักพัก ณฤดีก็หันมาถามเพื่อนสนิท“ไม่ไป แกไปเถอะ เดี๋ยวเผื่อคุณเลขามา เดี๋ยวไม่เจอใคร”“งั้นเดี๋ยวมานะ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?”“ได้ อย่างกับฉันเป็นเด็กสี่ขวบ” ส่งค้อนให้เพื่อนสาวไปหนึ่งวง ณฤดีหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะเดินออกห้องไปศิราที่นั่งดูเอกสารโครงการสร้างรีสอร์ตที่เชียงใหม่ตลอดในช่วงเช้า เงยหน้าขึ้นจากแฟ้ม ก่อนที่จะวางมันไว้ในชั้นใส่เอกสารที่ต้องแก้ไข เพื่อให้เลขานำไปจัดการต่อ ตลอดช่วงเช้าเขาแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย เนื่องจากเอกสารโครงการดังกล่าวมีข้อผิดพลาดเยอะมาก ต้องคอมเมนต์หลายจุดสายตาคมเหลื