Share

ตอนที่9 นางร้ายกาจขึ้นมากทีเดียว

last update Last Updated: 2025-04-10 22:39:54

“ก็ได้ หากแม่นางมีน้ำใจเพียงนี้ข้าก็ไม่ขัด”

“วีระบุรุษช่วยสาวงามอันนี้เข้าใจได้ (ใครไม่สวยก็เหนื่อยหน่อยนะ เคลมว่าตัวเองสวยเถอะ) ท่านช่วยข้าก็ควรตอบแทน” 

เสี่ยวหนี่เดินนำตงเจี้ยนไปที่ประตูทางเข้าสกุลโจว ไม่รู้ว่าฮูหยินโจวจี้เหยานางหูตาไวหรือว่านางว่างกันแน่จึงมาคอยจ้องตามหาเสี่ยวหนี่พอรู้ว่าออกไปข้างนอกก็มารอต้อนรับกลับรอบ่นรอแซะ รอบนี้เห็นเสี่ยวหนี่มีตงเจี้ยนเดินตามมาด้วยก็ปากยื่นปากยาวเสียงแหลมมาทันที

“อีกแล้วหรือ หญิงเช่นเจ้าที่ชอบนำพาบุรุษ เข้าบ้านต้องเป็นหญิงเช่นไรกันนะ”

“วาจาลื่นไหลไร้แก่นสารจริงๆ ท่านแม่ใหญ่ ท่านไม่พูดเสียบ้างคนที่เขามาใหม่ก็ไม่คิดว่าท่านเป็นใบ้หรอกนะ”

“นี่เจ้า เสี่ยวหนี่!”

“ข้ารู้แล้วว่าข้าชื่อเสี่ยวหนี่ ถึงก่อนหน้านั้นจะชื่อข้าวนึ่งก็เถอะท่านก็ไม่ต้องเรียกบ่อยๆ ราวกับกลัวว่าข้าจะลืมชื่อตัวเองก็ได้” จี้เหยาเชิดหน้า

“ท่านป้า” ตงเจี้ยนประสานมือ

“ท่านป้าหรือ ข้าเคยเป็นญาติเจ้าหรือไร”

คนผู้นี้มองคนภายนอกให้การแต่งกายด้วยอาภรณ์สีทึมไม่มีป้ายหยกเนื้อดีห้อยที่ข้างกายก็ไม่อยากจะเสวนาด้วย ฮูหยินโจวจี้เหยาเชิดหน้าขึ้นสูงไม่แม้แต่จะมองให้นานกว่านี้ 

“อย่างไร ไม่ให้เรียกท่านป้าจะให้ให้เรียกท่านยายหรือเจ้าค่ะท่านแม่ใหญ่ หรือจะให้เรียกท่านพี่เรียกพี่ได้ไหมมมมม”

“นี่เจ้า” ยกมือขึ้นมาชี้หน้าเสี่ยวหนี่

“ไปกันเถอะบ้านนี้ข้าคุมได้อยู่หมัดแล้ว ข้าให้เสี่ยวอี้ทำแผลให้ท่านส่วนข้าตอนนี้ได้เวลาอาหารเย็นของท่านพ่อข้าแล้ว อือ ท่านอยู่ทานข้าวเย็นกับข้าก่อนก็ได้นะวันนี้ข้าได้ปลามาเยอะเชียว นี่ขนาดแบ่งให้คนจรไปแล้วตัวหนึ่งนะเนี๊ยะ” 

“บ้านโจวนี่ครึกครื้นจริงเชียว ตั้งแต่เจ้าฟื้นขึ้นมา คนแบบไหนเจ้าก็คบหาแม้กระทั่งคนจร”

“ท่านแม่ใหญ่เจ้าขาาา แต่เขาเป็นคนจรที่แต่งตัวดูดีมากนะเจ้าค่ะ เสื้อผ้าที่ใส่นี่เนื้อดีกว่าของท่านแม่ใหญ่เสียอีกถึงจะดูผอมไปหน่อยก็เถอะ”

เสี้ยวหนี่ดึงมือตงเจี้ยนวิ่งเข้าไปในเรือนคหบดีเสี้ยวอี้ตามไปติดๆ จี้เหวินที่ออกมาที่หลังมองตามร่างสูงของตงเจี้ยน

“ท่านแม่เจ้าขานางพาใครมาบ้านเรา ท่านแม่ไม่ดุด่านางหรือ ท่านแม่ชักจะดีกับนางมากไปแล้ว พักหลังๆ มานี้นางเหิมเกริมคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าบ้านหรือไร “จี้เหวินพูดขึ้นด้วยสีหน้าแสดงความขัดใจอย่างที่สุด

"ปล่อยนางไปก่อน"

"ท่านแม่นี่ท่านยอมแพ้นางหรือ เราสองคนเคยข่มเหงนางมาตลอดทำไมตอนนี้ท่านแม่ถึงยอมง่ายดาย"

” ข้าไม่กล้ากับนางแล้ว เจ้ารู้ไหมท่านพ่ออาการดีขึ้นตั้งแต่นางทำอาหารและดูแลใส่ใจกว่าเมื่อก่อนหนี่ฮวาที่เอาแต่เย็บปักถักร้อยและเก็บตัวเงียบ ทำอาหารแล้วก็หลบเข้าห้องของนาง ผีเข้านางหรือไรนางจึงเปลี่ยนไปเพียงนี้ ขืนไปกล้ากับนางไม่ใช่แค่นางฟ้องพ่อนาง นางอาจจะจัดการกับเราสองคนแม่ลูกครั้งนี้จะต้องวางเแผนมิใช่คิดจะทำอะไรก็ทำ"ทนกล้ำกลืนสักพีก ยอมรับว่าเสี่ยวหนี่ที่กลับมาจากความตายในครั้งนี้นางร้ายกาจไม่น้อย

“มาๆ นั่งก่อน นั่งก่อน เสี้ยวอี้เจ้ามาทำแผลให้จอมยุทธ์หนุ่มผู้นี้”

“คุณหนูเจ้าขาไม่มีแล้วค่ะจอมยุทธ์”

“อ้าวเหรอน่าเสียดายนะเนี้ย ของดีๆ แบบนี้ปล่อยให้หายไปได้ยังไงทำไมไม่สืบสานไว้ ช่างเถอะช่างเถอะ ในสายตาข้าบุรุษผู้นั้นเป็นคนจร ท่านก็คงเป็นคนเร่ร่อน แต่ก็เป็นคนเร่ร่อนที่หน้าตาดีนะ เพียงแค่ไม่มีป้ายหยกเนื้อดีห้อยข้างกายเหมือนเขาเท่านั้น”

เสี่ยวอี้ยกหลวมยามาทำแผลให้กับตงเจี้ยนพลิกข้อมือดูแล้วหันไปหยิบยาสมานแผลมาโรย 

” คุณหนูเจ้าขาวันนี้เราจะทำอะไรให้นายท่านกินดีเจ้าค่ะ “

“สองเมนูจากปลาตัวโตของเราไง เจ้าไปต้นน้ำร้อนหน่อย “

“ซุปปลาน้ำนม กับปลาสามรสแบบโบราณ” เสี่ยวอี้ทำเสียงอู้หู้

“แค่ฟังชื่อน้ำลายก็ไหลแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวหนี่ยิ้มสดใส

“ท่านคนเร่ร่อนหิวหรือยัง รอข้าสักประเดี๋ยวข้ารับรองว่าจะต้องแซ่บแน่นอน”

ตงเจี้ยนยิ้มอ่อนโยน

หัวปลาเป็นส่วนที่ดีสำหรับใช้ทำซุป เสี่ยวหนี่จึงใช้มีดคมแล่ส่วนหัวออก ขอดเกล็ดออกและล้างให้สะอาด สองถึงสามน้ำ ก่อนจะนำลงไปลวกในน้ำร้อนที่กำลังเดือด เพื่อกำจัดเมือกและกลิ่นคาว เมื่อตักขึ้นจากน้ำเดือด ผิวปลาดูสะอาดขึ้นเป็นอย่างมาก ตงเจี้ยนนั่งมองหนี่ฮวาที่กำลังขอดเกล็ดปลาด้วยความชำนาญ เขาไม่เคยเห็นว่าใครจะปรุงอาหารได้เป็นธรรมชาติราวกับเป็นเรื่องสนุก

"จากนี้ไป ข้าจะทำน้ำซุปที่ขาวข้นเหมือนน้ำนม" 

เสี่ยวหนี่กล่าว พลางหยิบกระทะใบใหญ่ขึ้นมาตั้งไฟให้ร้อนจัด ใส่น้ำมันเพียงเล็กน้อย แล้วนำหัวปลาลงทอดให้หนังข้างนอกพอเหลืองหอม

เสียง "ฉ่า" ดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นหอมที่ลอยฟุ้งไปทั่วครัว เสี่ยวหนี่รีบเติมน้ำเดือดลงไปในกระทะ เสียงน้ำกระทบความร้อนพวยพุ่งขึ้นเป็นไอขาว

“คุณหนูเจ้าขาทำอย่างไรน้ำซุปจึงจะเป็นสีขาวหรือเจ้าคะ”

"ไม่อยากๆ ดูนี่เจ้าต้องใช้ไฟแรง เคี่ยวไปเรื่อย ๆ น้ำซุปจะขาวข้นขึ้นมาเอง" เสี่ยวหนี่อธิบายกับเสี่ยวอี้ที่ยืนดูอยู่ เสี่ยวอี้ที่พยักหน้าหงึกหงักพยายามจดจำสิ่งที่เสี่ยวหนี่สั่งสอน

เสี่ยวหนี่ใส่ขิงฝานลงไป ตามด้วยต้นหอมที่มัดรวมกันไว้ ปล่อยให้เดือดพล่านสักพัก ก่อนลดไฟลงใช้ไฟอ่อนในการเคี่ยวต่อไป เสี่ยวหนี่หันมาที่ตัวปลาที่แยกไว้ส่วนลำตัวของปลาที่เหลือถูกนำมาขอดเกล็ด ควักไส้ออก แล้วบั้งเนื้อเป็นแนวเฉียง เพื่อให้ซอสซึมเข้าไปได้ดี 

“เสี้ยวอี้เจ้าจำสุราหมักร้อยปีของท่านพ่อที่ข้าแอบชิมวันนั้นได้ไหม”

“เจ้าค่ะคุณหนู”

“หากเรานำมันมาหมักปลา เจ้าคิดดูสิว่ามันจะรสดีแค่ไหน”

“แต่คุณหนูเจ้าคะ สุรานั้นนายท่านเก็บไว้อย่างดีจะเอาออกมาได้หรือเจ้าคะ”

“นี่ กุญแจ ข้าบอกท่านพ่อว่าข้าจะทำความสะอาดห้องเก็บสุราด้วยตัวเองเจ้าไปหยิบมาหนึ่งไห ยังเหลืออีกเยอะไม่มีใครรู้หรอก”

เสี่ยวอี้ยิ้มแห้งๆ รับกุญแจมาโดยดี 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฝ่าบาทอย่าเพึ่งรักข้าแค่กินข้าวให้หมดก่อน!   ตอนที่114บ้านโจวในตำนาน

    เสี่ยวหนี่ ที่นั่งกลางภูเขาเอกสารและปึกบัญชี เสี่ยวหนี่นั่งอยู่ที่ศาลาเล็กกลางสวน มือยังคงจัดเอกสารบัญชีและจดหมายร่างไว้มากมาย เสียงของเสี่ยวอี้ที่วิ่งกลับมาแว่วเข้ามาอย่างตื่นเต้น“คุณหนูเจ้าขาาา ข้าไปตามใต้เท้าอินเฉามาแล้วเจ้าค่ะ เขายินดีมากทีเดียวที่คุณหนูกลับมา”เสียงก้าวเท้าที่หนักแน่นและสงบก็ดังใกล้เข้ามา พ่อบ้านในชุดผ้าสีเข้มมองดูสะอาดเรียบร้อยก้าวเข้ามาหยุดยืนหน้าศาลา ร่างสูงใหญ่ของเขาท่าทางสุขุม ดวงตาคมสงบ สีหน้านิ่งแต่ไม่เย็นชา เขาเคยเป็นเงาของท่านโจวหลิวเยว่ อินเฉาผู้ไม่เคยห่างกายเจ้าบ้านแม้ครึ่งก้าวยามที่ค้าขายที่ทางสายไหม “คารวะคุณหนูรอง” อินเฉาโค้งตัวอย่างสุภาพ เสียงนุ่มทุ้มหนักแน่น เสี่ยวหนี่ลุกขึ้นเล็กน้อยแล้วยิ้มจางๆ “ท่านอาอินเฉา…ข้าดีใจที่ท่านยินดีกลับมาที่นี่”อินเฉาเงยหน้ามองเสี่ยวหนี่ ดวงตาหนักแน่นแฝงแววอ่อนโยน “ตราบใดที่บ้านโจวยังตั้งอยู่ ข้าย่อมไม่ไปไหน ในครานั้นนายท่านไม่อาจเดินทางค้าขายข้าเลยคิดว่าชีวิตข้าเงียบเหงาเหลือเกินคิดถึงช่วงเวลาที่ได้เดินทางรอนแรมเพื่อส่งสินค้า วันนี้ข้าจะไม่ยินดีได้อย่างไรในเมื่อคุณหนูอยากจะสานต่องานของนายท่านโจวข้า อินเฉา ยินด

  • ฝ่าบาทอย่าเพึ่งรักข้าแค่กินข้าวให้หมดก่อน!   ตอนที่113เพื่อบ้านโจว

    กลิ่นหอมจากสมุนไพรต้มยาจางๆ ลอยล่องปะทะจมูก เสี่ยวหนี่ยืนเท้าเอวกลางลานหน้าบ้านใหญ่ของตระกูลโจว ดวงตาวับวาวเปล่งประกายเอาจริงเอาจังเหมือนนายช่างเอกผู้คุมงาน ทว่าใบหน้านั้นยังคงหวานละมุนในแบบของคุณหนูผู้เรียบร้อย“เจ้าไปช่วยช่างตีไม้ย้ายเสาโน่นให้ข้าหน่อย ส่วนตรงระเบียงห้ามใครเหยียบเด็ดขาด ข้าติดป้ายไว้แล้ว” เสียงใสของเสี่ยวหนี่ตวัดสั่งงานด้วยความคล่องแคล่ว ขณะมือหนึ่งกุมกระดาษแบบร่างของโรงเตี๊ยมที่วาดด้วยตนเองบ่าวไพร่ที่เคยชินกับความเงียบสงบของบ้านโจว บัดนี้กลับขะมักเขม้น เร่งมือตามคำสั่งของคุณหนูรองราวกับคนละคน ใบหน้าทุกคนแม้จะเหนื่อย แต่ก็มีรอยยิ้มจางๆ เพราะต่างเห็นความพยายามของคุณหนูรองที่ตั้งใจจะชุบชีวิตบ้านหลังนี้ใหม่อีกครั้ง“คุณหนูเหนื่อยหน่อยนะเจ้าคะ แต่พวกเราจะทำให้ดีที่สุดเลย” สาวใช้คนหนึ่งถือค้อนไว้ในมือ หันมายิ้มให้เสี่ยวหนี่ด้วยความชื่นชมเสี่ยวหนี่พยักหน้ารับพลางยิ้มให้ “ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ข้าจะทำเกี๊ยวน้ำใส่พุทราแดงกับซี่โครงตุ๋นแจกทุกคนเลย”เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นทั่วลาน เสี่ยวอี้ที่ยืนถือน้ำชาสมุนไพรอยู่ข้างๆ กระซิบเบาๆ“คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้ท่านโจวกำลังหลับอยู่นะ

  • ฝ่าบาทอย่าเพึ่งรักข้าแค่กินข้าวให้หมดก่อน!   ตอนที่112 น้อมบัญชาไทเฮา

    แต่ยังไม่ทันจะสิ้นประโยค น้ำเสียงของไทเฮาก็ตัดบทขึ้นกลางลำอย่างสงบแต่เฉียบขาด“ตอนนี้ ข้าไม่สนใจเรื่องนั้น”ประโยคนั้น...เหมือนดาบฟันลงกลางเวทีสนทนา ทุกเสียงในห้องเงียบลงทันที ดวงตาของกุ้ยเฟยที่เคยมั่นคงสั่นไหววูบหนึ่ง จี้เหวินเองก็ชะงักนิ่งไปเช่นกันไทเฮาทรงทอดพระเนตรรอบห้องอีกครั้ง ดวงเนตรคมเฉียบของพระนางกวาดผ่านทุกคนราวจะเจาะทะลุเสื้อผ้าและเกราะป้องกันในจิตใจ แล้วตรัสช้าๆ ชัดทุกถ้อยคำ“เรื่องความรักของผู้ใดกับผู้ใด…ข้ามิใช่คนใส่ใจ” พระนางทอดพระเนตรไปทางกุ้ยเฟยชวีหยาอีกครั้ง“สิ่งที่ข้าต้องการรู้…คือเหตุใดเจ้าจึงกล้าใช้สิทธิ์ที่เจ้ามิได้ครอบครอง กล้าทำเกินอำนาจโดยไม่สนว่าอยู่ภายใต้คำสั่งใคร ข้าเตือนเจ้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่ให้ล้ำเส้น...แต่เจ้ากลับทำซ้ำอีก ทั้งยังพยายามโยงความหึงหวงมาเป็นข้ออ้าง เห็นตนเป็นหญิงสูงศักดิ์แล้วจะจับใครเล่นงานตามอำเภอใจได้กระนั้นหรือ”น้ำเสียงไทเฮาเยือกเย็นแต่เฉือนลึกยิ่งกว่ามีด“เจ้าเป็นถึงธิดาขุนนางใหญ่เก่าแก่ เจ้าน่าจะรู้ดีที่สุดว่าธรรมเนียมคืออะไร สิทธิ์อันใดคือของใคร หรือว่าเจ้าคิดว่า...หากเจ้าขึ้นเป็นฮองเฮาเมื่อไร เจ้าก็จะมีสิทธิ์เหยียบหัวทุกคนในวัง”

  • ฝ่าบาทอย่าเพึ่งรักข้าแค่กินข้าวให้หมดก่อน!   ตอนที่111คิดบัญชี

    ไทเฮามีพระบัญชาให้จัดการสอบสวนอย่างเร่งด่วน โดยเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าสอบถามต่อหน้าพระพักตร์ ทั้งหมดถูกเชิญเข้ามาในห้องสอบสวนอย่างเงียบเชียบ ไม่มีบุคคลภายนอก ไม่มีองครักษ์เฝ้าประตู มีเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่เป็นแกนกลางของเรื่อง“เรื่องในนี้ห้ามแพร่งพรายปิดประตูทุกบานไล่คนไม่เกี่ยวข้องออกไป”บัญชาจากไทเฮาถึงจะพยายามไม่ให้ชื่อเสียงของซวีหยามัวหมอง หากแต่การกระทำแบบนี้นั้นก็ไม่ต่างจากการตบหน้ากุ้ยเฟยซวีหยาในห้องใหญ่แห่งพระตำหนักกลาง บรรยากาศเยือกเย็น ไทเฮานั่งบนบัลลังก์สูงสุด ดวงตาคมกริบจับจ้องมายังกุ้ยเฟยชวีหยาที่ยืนนิ่งด้วยสายตาเคร่งเครียด ท่าทางเกร็งจนแทบขยับไม่ได้ ด้านข้างยังมีฮ่องเต้หยางลี่ใบหน้าผ่อนคลายแต่แฝงความเด็ดขาด ส่วนองค์ชายรองอวี่หรงยืนอยู่ใกล้ๆ รับฟังอย่างเงียบเชียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆไทเฮาผลักพัดอย่างเบาๆ เริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ“ข้าต้องการฟังจากปากของพวกเจ้าโดยตรง… ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ได้ยินมาว่าสองสามวันนี้พวกเจ้าที่เอาแต่เล่นสนุกไม่เคยเห็นหัวข้า”สายพระเนตรมองตรงไปยังเซียหยาเป็นคนแรก“นางในฝึกหัดนางนั้นเจ้าพูดมา”เซียหยาซึ่งคุกเข่าอยู่ขยับก

  • ฝ่าบาทอย่าเพึ่งรักข้าแค่กินข้าวให้หมดก่อน!   ตอนที่110งานหนักรออยู่สินะ

    เสี่ยวหนี่แทบลืมหายใจ หัวใจเต้นแรงจนเจ็บหน้าอก ขาแทบไร้แรง แต่สุดท้ายก็ฝืนก้าวออกวิ่งไปยังเรือนในด้วยฝีเท้าสะเปะสะปะ บานประตูถูกผลักออกอย่างแรง ร่างของโจวหลิวเยว่เอนพิงหมอนข้างเรียบง่าย ใบหน้าซีดเผือด เหงื่อซึมทั่วหน้าผาก สายตาพร่ามัว แต่ทันทีที่เห็นร่างเล็กในชุดคลุมฝุ่นก้าวเข้ามา ใบหน้าอ่อนแรงนั้นกลับแย้มยิ้ม“...หนี่เอ๋อร์...ลูกพ่อกลับมาแล้ว...” เสียงแหบพร่าเปล่งออกเบาๆ ทว่าทุกถ้อยคำชัดเจน“ท่านพ่อ...” เสี่ยวหนี่ทรุดเข่าลงข้างเตียง ดวงตาแดงก่ำก่อนจะพรั่งพรูด้วยหยาดน้ำตา นางจับมือของพ่อเอาไว้ มือที่เคยอบอุ่นมั่นคง ตอนนี้กลับเย็นชืดและเบาจนแทบไม่มีแรงบีบตอบ โจวหลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ ยิ้มให้เสี่ยวหนี่ทั้งที่แทบลืมตาไม่ขึ้น “ดีแล้ว...กลับมาทันเห็นหน้ากันอีกครั้ง...ไม่ต้องห่วงอะไร พ่อ...ไว้ใจเจ้า หนี่เอ๋อร์คือความภูมิใจที่สุดของพ่อ...”“ไม่ต้องพูดแล้วเจ้าค่ะ พักก่อน… ลูกจะหาท่านหมอที่ดีที่สุดสำหรับท่านพ่อ” เสี่ยวหนี่สะอื้นพึมพำ เอาผ้าชุบน้ำซับเหงื่อให้พลางกุมมือนั้นแน่น สะเทือนใจจนเสียงสั่นไม่เป็นคำ แต่โจวหลิวเยว่กลับยิ้มจางๆ ดวงตาพร่าที่เคยอ่อนโยนยิ่งนักมองบุตรสาวด้วยความรักยิ่ง “บ้า

  • ฝ่าบาทอย่าเพึ่งรักข้าแค่กินข้าวให้หมดก่อน!   ตอนที่109คนละวิถี

    บานประตูเปิดออกอย่างเงียบงัน ร่างสูงของโจวชัวก้าวเข้ามาอย่างองอาจ ด้านข้างคือองค์หญิงสิบสี่อันหรูในอาภรณ์สีชมพูอ่อนงามละมุน ทั้งคู่ต่างคารวะพร้อมเพรียง“กระหม่อมขอถวายพระพรฝ่าบาท”โจวชัวประสานมือนอบน้อม “หม่อมฉันอันหรู ขอถวายพระพรเพคะ” อันหรูเหลือบตามองตงเจี้ยนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักหยางลี่พยักหน้ารับ“มาเถิด มีเรื่องอันใดหรือถึงได้พร้อมใจกันมาเข้าเฝ้าเช่นนี้”น้ำเสียงอ่อนโยนถึงแม้จะกำลังเศร้าสร้อยอยู่ก็ตามโจวชัวขยับกายก้าวออกมานิดหนึ่ง สายตาแน่วแน่ ริมฝีปากขยับเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น “กระหม่อมมาในฐานะว่าที่ไท่จื่อแห่งแคว้นซีเป่ย ขอพระบรมราชานุญาตและพระเมตตาจากฝ่าบาท ขอทัพสนับสนุนจากเมืองหลวงหนึ่งกอง เพื่อประกันความสงบในพิธีแต่งตั้งตำแหน่งไท่จือของข้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”หยางลี่เลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วยิ้มบางๆ“เหตุใดจึงต้องขอกองทัพพิทักษ์งานแต่งตั้งของท่านเล่าไท่จือ ท่านคงไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำเรื่องอุกอาจในวันพิธี แล้วขอทัพของเราไปเพื่ออะไรกัน”อันหรูก้าวออกมาครึ่งก้าว เสียงของนางดังขึ้นอย่างมั่นใจแต่เปี่ยมด้วยกิริยางาม“พี่ใหญ่เพคะ..ไท่จือไม่กล้าพูดเรื่องนี้ในงานรื่นเริงของเรา น้องถามไ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status