‘สวรรค์หรือโชคชะตาที่เล่นตลก คนอื่นทะลุมิติมามีแต่คนรุมรัก ทว่าตั้งแต่ข้าฟื้นมามีแต่คนอยากจะฆ่า ในเมื่อข้าอยากเป็นเพียงคุณหนูเสพสุขไปวัน ๆ แต่บารมีไม่ถึงวาสนาไม่อำนวย เช่นนั้นข้าจะทำตามลิขิตฟ้า กลายเป็นนางร้ายอย่างที่สวรรค์ต้องการ’
View Moreจันทรากลมโตบนนภาสาดแสงส่องลงมากระทบบุรุษที่ยืนอยู่ข้างริมหน้าต่าง บุรุษใบหน้าสง่างามรูปร่างสูงโปร่งท่วงท่าดูองอาจสุขุม ดวงตาของเขานุ่มลึกชวนให้คนยกย่อง แต่ทว่าผิวของเขากลับขาวดั่งหยกประหนึ่งคุณชายเจ้าสำราญ
บุรุษท่าทางองอาจรอคอยการมาของสตรีนางหนึ่งอยู่ในห้องที่ไม่ใหญ่นัก เขาทอดสายตามองออกมาทางหน้าต่างเพื่อมองทางเพียงเส้นทางเดียวที่จะมาถึงยังเรือนหลังนี้อย่างใจจดใจจ่อ
เวลาผ่านไปไม่ถึงสองเค่อ [1] ก็มีรถม้าวิ่งมาตามทางที่บุรุษสูงศักดิ์คอยมองอยู่ การรอคอยของเขาจบสิ้นเสียที เขาเดินไปนั่งพร้อมยกถ้วยชาที่มีไอร้อนลอยขึ้นมาจากถ้วยแล้วค่อย ๆ จิบอย่างช้า ๆ ยามนี้ในใจของเขาได้แต่คาดหวังว่านางจะมาพร้อมกับสิ่งที่เขาต้องการ
“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูสกุลเผยมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กระหม่อมให้นางรออยู่ที่โถงรับแขกแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เติ้งจื่ออวี๋องครักษ์คนสนิทของเว่ยหลิงเฮ่อรีบเข้ามารายงานผู้เป็นนาย
“นางได้ตราพยัคฆ์มาหรือไม่” เว่ยหลิงเฮ่อสุรเสียงราบเรียบ
“ได้มาพ่ะย่ะค่ะ พระองค์จะเสด็จไปหานางหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยหลิงเฮ่อเมื่อได้ยินคำตอบจากองครักษ์ข้างกายมุมปากของเขาก็ยกโค้งขึ้น “ใยข้าจะต้องไปหานางด้วย เจ้าเอาตราพยัคฆ์มาให้ข้าก็พอ”
“แล้วองค์รัชทายาทจะให้กระหม่อมทำเช่นไรกับนางพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนที่ชินอ๋องเหวินเซียนรักถึงนางจะทรยศชินอ๋องแต่ตราบใดที่ชินอ๋องไม่รู้ว่านางทรยศ เขาเชื่อว่าผู้กระหายเลือดอย่างชินอ๋องเหวินเซียนจะต้องตามล่าคนที่ทำร้ายเผยตั้นเยี่ยนอย่างแน่นอน และไม่เพียงเท่านั้นนางยังเป็นบุตรสาวของอาลักษณ์เผยที่สนิทสนมกับเสนาบดีกรมคลัง การจะจัดการนางจึงไม่ใช่เรื่องที่องครักษ์อย่างเขาจะตัดสินใจได้
ขณะที่เว่ยหลิงเฮ่อกำลังคิดไตร่ตรองว่าจะจัดการเผยตั้นเยี่ยนอย่างไรดี พวกเขากลับไม่รู้เลยว่าสตรีที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่นั้นได้มายืนอยู่ที่ด้านข้างห้องแล้ว
เผยตั้นเยี่ยนนั้นรู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะธรรมดาเว่ยหลิงเฮ่อจะเป็นฝ่ายมานั่งรอนางในโถงรับแขกแห่งนี้ นางจึงคิดจะไปดูว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น
เผยตั้นเยี่ยนบอกกับเหล่าองครักษ์ที่ยืนเฝ้าหน้าโถงรับแขกว่านางนั้นปวดท้อง อยากไปทำธุระส่วนตัว เหล่าองครักษ์มีแต่บุรุษอีกทั้งนางยังเป็นคุณหนูผู้มีเกียรติไหนเลยเหล่าองครักษ์จะกล้าตามมา
การจะหาว่าเว่ยหลิงเฮ่ออยู่ส่วนใดของเรือนนั้นไม่ยากเกินความสามารถของเผยตั้นเยี่ยนอยู่แล้ว เพราะเรือนหลังนี้ไม่ใหญ่นัก มีอยู่เพียงสามห้องเท่านั้น และเนื่องจากคืนนี้เว่ยหลิงเฮ่อแอบออกมานอกวังอย่างลับ ๆ ย่อมมิได้พาองครักษ์มามากมายนัก แค่นางมองว่าจุดใดมีองครักษ์เฝ้าอยู่มากกว่าที่อื่น เผยตั้นเยี่ยนก็รู้แล้วว่าบุรุษที่นางอยากเจอตัวอยู่ที่ใดกันแน่
“ในเมื่อนางกล้าใช้จริตมารยาหญิงให้เสด็จอาของข้าหลงรัก แต่กลับทรยศความรักที่เสด็จอาของข้ามีให้ เพียงเพราะใฝ่สูงอยากเป็นพระชายาเอกของข้า เช่นนั้นก็ให้นางตายโดยโดนโจรฆ่าข่มขืนแล้วกัน ดูซิว่าอาลักษณ์เผยหากรู้ว่าบุตรสาวถูกโจรข่มขืน จะสืบสาวหาความจนถึงที่สุด หรือจะยุติเรื่องทุกอย่างเพราะไม่อยากให้ตระกูลเผยกลายเป็นที่ครหาของชาวบ้านให้อัปยศกันแน่”
“ท่านอาลักษณ์เผยอาจไม่ตามสืบเพราะห่วงชื่อเสียงของบุตรสาวคนเล็กที่ยังไม่ออกเรือน แต่ชินอ๋องเหวินเซียนคงไม่มีทางหยุดสืบสาวเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์คนสนิทเอ่ยด้วยความเป็นห่วงผู้เป็นนาย
เว่ยหลิงเฮ่อนั้นมิได้ต้องการจัดการเว่ยเหวินเซียนให้ถึงตาย เพราะอย่างไรเขาก็เป็นเสด็จอาที่เติบโตมาด้วยกัน เพราะเขานั้นอายุน้อยกว่าเสด็จอาเพียง4หนาวเท่านั้น
แต่เพราะเวลานี้เสด็จอาของเขานั้นมีกำลังทหาร และขุนนางที่พร้อมจะสนับสนุนเป็นจำนวนมาก ถึงเสด็จอาของเขาจะจงรักภักดีต่อเสด็จพ่อของเขาเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าหากเขาขึ้นครองบัลลังก์ เสด็จอาของเขาจะจงรักภักดีต่อเขาอย่างที่ทำกับเสด็จพ่อของเขาหรือไม่
ในเมื่อเป็นเช่นนี้เว่ยหลิงเฮ่อจึงต้องตัดกำลังทหารและความไว้เนื้อเชื่อใจที่เหวินหลิงฮ่องเต้มีต่อพระอนุชาคนนี้ลงเสียก่อน เพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้ ทั้งเหวินหลิงฮ่องเต้ทั้งเหล่าขุนนางในท้องพระโรง รวมถึงเหล่าแม่ทัพทั้งหลาย คงต้องกลายเป็นคนของเว่ยเหวินเซียนไปจนหมด
“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าส่งคนของข้าเข้าไปในจวนของเสด็จอาแล้ว คนผู้นั้นจะเป็นคนบอกเสด็จอาเองว่าเห็นนางเอาตราพยัคฆ์ไป เสด็จอาของข้าเกลียดที่สุดคือการที่ถูกคนรักหรือคนข้างกายทรยศ เจ้าก็รู้ดีว่าหากเสด็จอาของข้ารู้มีหรือจะสืบหาโจรผู้ร้าย ข้าว่าคงเอาศพของนางมาสับเป็นหมื่น ๆ ชิ้นเสียมากกว่า”
เมื่อสตรีทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านข้างห้องได้ยินคำสนทนาของนายบ่าวใบหน้าที่เคยมีสีสันพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาวราวกับกระดาษ ความหนาวยะเยือกคืบคลานเข้ามาในใจ เพราะหากนางหนีเว่ยหลิงเฮ่อไปได้ ก็ต้องตายด้วยน้ำมือเว่ยเหวินเซียนอยู่ดี
“คุณหนู..คุณหนู” ฉุยฉุยสาวใช้ข้างกายของเผยตั้นเยี่ยนเอ่ยเรียกคุณหนูของนางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พร้อมกับกระตุกชายแขนเสื้อของเผยตั้นเยี่ยนเพื่อดึงสติ
เผยตั้นเยี่ยนได้สติก็หันมามองสาวใช้ข้างกาย ก่อนจะพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อให้หัวใจที่เต้นรัวอยู่นั้นได้สงบลง ถึงยามนี้นางจะยังคิดอันใดไม่ออก แต่นางรู้ดีว่าการยืนอยู่ตรงนี้อย่างไรก็ไม่อาจจะหนีความตายไปได้ เช่นนั้นมิสู้หนีออกไปเผื่อว่าจะยังมีทางรอด
พวกนางพยายามก้าวเท้าถี่ไปยังทางหลังเรือนที่รถม้าของนางจอดอยู่ เมื่อบุรุษสองคนที่ยืนรอเจ้านายอยู่ที่รถม้าเห็นสีหน้าและท่าทางตื่นตระหนกของสตรีทั้งสองก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นแน่ ๆ
สารถีเข้าประจำที่ ส่วนบุรุษอีกคนก็รีบเข้าไปพยุงคุณหนูของเขาขึ้นรถม้า เพียงเผยตั้นเยี่ยนกับฉุยฉุยนั่งบนรถม้าอย่างมั่นคงแล้ว สารถีก็ไม่รอช้ารีบบังคับม้าออกจากเรือนไปในทันที
เสียงของรถม้าที่เคลื่อนตัวออกไปทำให้คนในเรือนต่างได้ยิน เพราะเรือนหลังนี้อยู่ไกลจากบ้านเรือนของผู้อื่น อีกทั้งเวลานี้เป็นยามวิกาลที่เงียบสงบ เมื่อมีเสียงอันใดก็ไม่แปลกนักที่จะได้ยินชัดเจน
องครักษ์บางส่วนรีบตามรถม้าของเผยตั้นเยี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเติ้งจื่ออวี๋รีบไปรายงานผู้เป็นนายทันที
‘เพล้ง’ เพียงได้ยินรายงานจากองครักษ์คนสนิทเว่ยหลิงเฮ่อก็เขวี้ยงถ้วยชาที่อยู่ในมือลงพื้นทันที
“พวกเจ้าทำงานประสาอะไร สตรีเพียงคนเดียวยังปล่อยให้หลุดมือไปได้ เดี๋ยวก่อน..” เพียงแค่พริบตาเดียวเว่ยหลิงเฮ่อก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยต่อ
“ในเมื่อนางอยากหนีเช่นนั้นก็ให้หนีไป ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปจัดฉาก เจ้าให้องครักษ์ปลอมตัวเป็นโจรแล้วปล้นตราพยัคฆ์มาให้ข้า แล้วจัดการนางตามแผนเดิม”
[1] เค่อ = 15นาที
“แล้วฝ่าบาทต้องการให้เหวินเซียนทำอันใดอีกเล่าเพคะ หรือท่านอยากเล่นเป็นบทคนดีแล้วให้เขาเป็นคนเลวอย่างนั้นหรือ ฝ่าบาทบอกว่าเขาติดอิสตรีจนไม่เอาการเอางาน เช่นนั้นใยฝ่าบาทไม่ย้อนคิดหน่อยหรือเพคะ ว่าตอนที่ฝ่าบาทหลงใหลสนมอวี๋มีสภาพเช่นไร” สตรีเจ้าของวังหลังที่เพิ่งเดินเข้ามาตรัสด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดันเจือโทสะเสิ่นฮองเฮาวางถ้วยโอสถลงบนโต๊ะเล็กที่วางอยู่บนตั่ง ถ้วยยากระทบกับโต๊ะจนเกิดเสียงดัง แรงกระแทกทำให้ยากระฉอกออกมาจากถ้วย เหล่านางกำนัลขันทีก้มหน้าก้มตาเป็นพัลวัน ก่อนจะรีบออกไปจากห้องทรงอักษรเมื่อเห็นไป๋กงกงสะบัดมือไล่ท่าทางและน้ำเสียงของเสิ่นฮองเฮาทำให้บุตรชายถึงกับตกตะลึง เพราะปกติมารดาของเขาจะไม่ยุ่งเรื่องของวังหน้าอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ และมิว่าจะโกรธเพียงใดก็จะเก็บอารมณ์เอาไว้เสมอ แต่ครานี้กลับต่างจากที่เขาเคยเห็นอย่างลิบลับ ทำให้เจ้าของตำหนักบูรพานึกขยาดกลัว จึงได้แต่นิ่งเงียบไม่เอ่ยอันใด ไม่เพียงเท่านั้นเว่ยหลิงเฮ่อยังก้มหน้าเพื่อหลบสายตาเจ้าของบัลลังก์ เพราะกลัวว่าเสด็จพ่อจะส่งสายตามาขอความช่วยเหลือไม่เพียงแต่บุตรชายที่แปลกใจ แม้แต่เจ้าของบัลลั
หลังจากเว่ยเหวินเซียนกับเผยตั้นเยี่ยนทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ให้ฉุยฉุยไปตามคุณหนูอีกสองคนมาพบ พร้อมกับให้เรียกองครักษ์สาวใช้ทั้งสองคนมาด้วย เพื่อบอกองครักษ์หญิงทั้งสองให้รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องคุ้มกันคุณหนูสามเผิงกับคุณหนูรองเผยกลับเมืองหลวง และหากใครถามถึงเผยตั้นเยี่ยนก็ให้บอกไปว่านางยังไม่หายป่วยครั้นบอกรายละเอียดทุกอย่างแล้วเว่ยชินอ๋องก็ไล่ให้พวกนางออกจากห้องไป แต่ทว่าก่อนที่สตรีทั้งห้าจะออกไป เว่ยเหวินเซียนก็ไม่ลืมเอ่ยคาดโทษพวกนางทั้งห้าที่ลงไปแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อน ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงขึงขัง“เรื่องที่พวกเจ้าลงไปในบ่อน้ำพุของข้า ข้าจะยังมิลงโทษ แต่มิใช่ว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าหรอกนะ เพียงแต่เมื่อวานนี้ข้าลงทัณฑ์คนมามากแล้ว เหนื่อยแล้ว เอาไว้ข้าจะลงโทษพวกเจ้าทีหลังแล้วกัน” เขามิได้จะลงโทษพวกนางจริง ๆ เพียงแค่อยากให้พวกนางทั้งห้าติดค้างเขาเอาไว้เท่านั้น“ขอบพระทัยเพคะ” สตรีทั้งห้ารีบตอบพร้อมกัน ก่อนจะรีบยอบกายแล้วถอยหลังออกจากห้องไปเช้าวันต่อมาเผยตั้นเยี่ยนได้เดินมาส่งสตรีทั้งสี่ที่หน้าจวนด้วยใบหน้าเบิกบาน ต่างจากเว่ยเหวินเซียนที่ใบหน้าหม
เว่ยชินอ๋องพยายามลุกออกจากเตียงด้วยความระมัดระวัง เพราะไม่อยากให้สตรีที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมา แต่ดูท่าจะไม่ทันเสียแล้วเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ครั้นบุรุษสายเลือดมังกรเห็นภรรยาตัวน้อยตื่นก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาทันที“ปล่อยนางเข้ามา” น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากจนหญิงสาวที่เพิ่งตื่นนอนสะดุ้งกลัวกระแสเสียงของอ๋องหนุ่มทำเอาหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นเต็มตา หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่งพร้อมจัดแจงอาภรณ์ของตน เพียงครู่เดียวสตรีที่ทำให้เจ้าของเรือนอารมณ์เสียก็เดินเข้ามา เผยตั้นเยี่ยนเบิกตาโตเมื่อรู้ว่าคนของตนเองทำให้บุรุษตรงหน้ามีโทสะ“หม่อมฉันขออภัยเพคะที่เข้ามารบกวน เพียงแต่ใกล้ถึงเวลาที่คุณหนูต้องดื่มยาแล้ว หม่อมฉันจึงได้ทำอาหารมาให้คุณหนูรับประทานก่อนดื่มยาเพคะ อาการของคุณหนูเกี่ยวกับภายในของสตรีมีผลถึงการสืบสายเลือดของท่านอ๋อง หม่อมฉันจึงมิอาจปล่อยผ่านไปได้เพคะ หวังว่าท่านอ๋องจะให้อภัยหม่อมฉันนะเพคะ” ฉุยฉุยพยายามควบคุมความกลัวของตนเองเอาไว้ เพราะรู้ว่าตนเองเป็นสาเหตุให้เว่ยชินอ๋องหงุดหงิดความโกรธก่อนหน้าหายไปในช่ว
ตั้งแต่ก้าวเท้าเดินเข้ามาในเรือนเขาก็รู้แล้วว่าสตรีทั้งหกอยู่ที่บ่อน้ำพุ ถึงยามแรกจะไม่คิดว่าสตรีทั้งหมดจะลงไปแช่ตัว แต่เมื่อเห็นองครักษ์ตะโกนเสียงดัง อีกทั้งเผยตั้นเยี่ยนเดินมาหาเขาเพียงลำพัง จึงทำให้มั่นใจว่าสตรีที่เหลือลงแช่บ่อน้ำพุร้อน ไม่เช่นนั้นคนใช้ทั้งสามจะปล่อยให้เผยตั้นเยี่ยนไปไหนมาไหนโดยไม่เดินตามได้เช่นไรเผยตั้นเยี่ยนรู้ดีว่าไม่อาจขัดขืนบุรุษตัวสูงได้จึงไม่เอ่ยอันใด เพราะนี่คงเป็นวิธีการทรมานนางอย่างหนึ่งที่เขาใช้ ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่กล้าที่จะขัดขืนเพราะกลัวว่าจะเป็นเหมือนครั้งก่อนที่ถูกเขากระทำอย่างรุนแรง“ถอยออกไป หากข้าไม่ได้เรียกอย่าคิดเข้ามาใกล้ และอย่าให้ผู้ใดมารบกวนข้ากับพระชายาเข้าใจหรือไม่” เว่ยชินอ๋องหันมาเอ่ยกับองครักษ์ที่เดินตามมาก่อนจะเดินต่อไปยังห้องนอนของตนเองเมื่อมาถึงห้องบุรุษหนุ่มวัยกำหนัดก็มิรอช้าวางหญิงสาวในอ้อมแขนลงบนเตียงอย่างนิ่มนวล ทว่าภาพอุ่นเตียงคราก่อนยังฝังลึกอยู่ในหัวของสตรีร่างบาง ร่างกายจึงสั่นระริกขึ้นมาอย่างไม่อาจหักห้ามได้“กลัวข้าสินะ ต่อไปข้าจะไม่รุนแรงกับเจ้าเช่นนั้นอีก ดีหรือไม่”
หลังจากทรมานบุรุษตระกูลหยางเสร็จอ๋องหนุ่มก็ไม่รอช้าควบม้ากลับไปยังจวนข้างค่ายทหารของตนทันที แล้วปล่อยให้ลูกน้องที่ตนเองไว้ใจสองคนตรวจสอบจวนขุนนางร่วมกับแม่ทัพใหญ่เหยียน เพราะอย่างไรขุนนางจวนต่อไปก็เขียนหนังสือสำนึกผิดแล้วในเมื่อแค่ต้องเข้าไปในจวนเพื่อตรวจสอบขุนนางว่าเขียนสารภาพผิดตามความจริงหรือไม่ ไยจะต้องให้อ๋องหนุ่มเช่นเขาลงมือทำด้วย เพราะอย่างไรเรื่องลงทัณฑ์เสด็จพี่ของเขาก็เป็นผู้ตัดสินอยู่แล้ว เว่ยชินอ๋องจึงไม่อยากเสียเวลาที่จะได้อยู่กับสตรีที่ตนรักไปกับเหล่าขุนนางพวกนี้จวนนอกเมืองของชินอ๋องขณะที่เมืองหลวงกำลังวุ่นวาย คุณหนูทั้งสามคนที่อยู่ในจวนข้างค่ายทหารของเว่ยชินอ๋องกลับกำลังพักผ่อนอย่างสบายใจ เพราะจวนของอ๋องหนุ่มแห่งนี้มีบ่อน้ำพุร้อนจากธรรมชาติอยู่ในจวน ถึงการตกแต่งจวนจะไม่หรูหราแต่มองแล้วสบายตายิ่งนักจวนแห่งนี้มีรั้วกั้นสูงมองไม่เห็นภายใน คราแรกที่คุณหนูทั้งสามเห็นก็รู้สึกหวั่นวิตกอยู่มาก แต่เพียงเดินเข้ามายังด้านในกลับเสมือนมีคนนำเรือนหลังหนึ่งมาวางเอาไว้ท่ามกลางน้ำตก ที่โดยรอบมีดอกไม้และต้นไม้สูงต่ำสลับกันไป
เช้าวันต่อมา ณ ท้องพระโรงเหวินหลิงฮ่องเต้สาดสายตามองเหล่าขุนนางที่ยืนอยู่ตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขาขึ้นครองราชย์ที่ได้เห็นสีหน้าท่าทางของเหล่าขุนนางที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันมากถึงเพียงนี้เก้าในสิบส่วนของขุนนางในท้องพระโรงมีสีหน้าหม่นหมองดุจเมฆฝน ใบหน้าเคร่งเครียดส่อความรู้สึกราวกับกำลังแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ หัวคิ้วของแต่ละคนย่นชนกันอย่างไม่รู้ตัว ทำเอาเจ้าของบัลลังก์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นขุนนางของตนเป็นเช่นนี้“ข้าคิดว่าเมื่อคืนพวกท่านจะนอนหลับอย่างสบายใจเสียอีก ที่มีทหารรักษาเมืองหลวงคอยคุ้มกันจวนไม่ให้มือสังหารเข้าไปในจวนของพวกเจ้า ทว่าดูจากขอบตาของพวกเจ้าแล้วข้าคงคาดเดาผิดไปสินะ หากเรื่องของชาวบ้านพวกเจ้าวิตกกังวลกันจนเป็นสภาพเช่นนี้ ต้าเว่ยของข้าคงจะดีมากขึ้นไม่น้อย” ถึงสุรเสียงของฮ่องเต้แห่งต้าเว่ยจะเรียบเฉย ทว่ากลับกดดันให้สีหน้าของเหล่าขุนนางหม่นหมองลงไปอีก“ฝ่าบาททรงเข้าใจพวกกระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เมืองหลวงวุ่นวายไปทั่วเช่นนี้ จะให้พวกกระหม่อมข่มตาหลับลงได้เช่นใดกันพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เสนาบ
“ว่าแต่เจ้าไม่เป็นอันใดจริง ๆ ใช่หรือไม่”“พ่ะย่ะค่ะ ลูกไม่เป็นอันใดจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“เสด็จอาของเจ้าเล่นใหญ่ไปแล้วกระมัง ใยถึงได้สั่งให้คนยิงธนูใส่เจ้าเฉียดฉิวถึงเพียงนี้ หากโดนเนื้อตัวของเจ้าขึ้นมาเสด็จแม่ของเจ้าคงไม่พบหน้าข้านานนับเดือนเป็นแน่” ช่วงประโยคหลังเหวินหลิงฮ่องเต้เอ่ยเสียงเบาลงเรื่องที่ห่วงบุตรของตนก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่เป็นกังวลไม่ต่างกันคือเรื่องที่สตรีคู่บัลลังก์จะโกรธ เพราะเรื่องตระกูลอวี๋คราก่อน กว่าจะเอาใจให้เสิ่นฮองเฮาพูดดีกับเขาได้ก็ใช้เวลาอยู่นานบุรุษอายุน้อยกว่าถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เมื่อได้ยินบิดาเอ่ยพึมพำถึงมารดา ทว่าเมื่อเห็นสายตาของบิดามองมาจึงกลั้นหัวเราะเอาไว้“เสด็จพ่อวางใจเถอะพ่ะย่ะค่ะ คนที่เสด็จอาส่งมาล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งนั้น มิเพียงลูกธนูจะไม่โดนลูกแต่ยังไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บอีกด้วย” เว่ยหลิงเฮ่อมิอยากให้เสด็จพ่อตำหนิเสด็จอาจึงช่วยเอ่ย ถึงเขาเองก็คิดว่าเสด็จอาเล่นใหญ่มากจริง ๆ ที่ยิงธนูจวนโดนตัวเขาคราแรกที่ได้ยินแผนของเว่ยเหวินเซียน เจ้าของตำหนักบูรพาก็เตรียม
“อ้อ! ยังมีอีกเรื่อง เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าข้าไว้วางใจเจ้ามากเพียงใดจึงให้เจ้าอยู่ในตำแหน่งนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้”“กระหม่อมไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ และกระหม่อมจะไม่มีทางทำให้ฝ่าบาทผิดหวังในตัวกระหม่อม กระหม่อมขอใช้ชีวิตของคนตระกูลเหยียนเป็นเดิมพันพ่ะย่ะค่ะ”“ดี เช่นนั้นเจ้าก็ไปทำตามที่เราสั่งเถอะ”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปทำตามรับสั่งเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพผู้บัญชาการใหญ่รักษาเมืองหลวงตอบรับทันที ก่อนจะลุกขึ้นโค้งคำนับแล้วถอยหลังออกไป“เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ให้เสด็จอาเป็นผู้จัดการเรื่องนี้ดีหรือไม่ เพราะมือสังหารที่ถูกทหารองครักษ์ของเสด็จอาฆ่าตาย น่าจะทิ้งหลักฐานเอาไว้ไม่มากก็น้อย และป่านี้เสด็จอาคงสืบได้เบาะแสแล้วเป็นแน่”“ได้ ทำตามเจ้าว่า” เหวินหลิงฮ่องเต้ผินพระพักตร์ไปหาขันทีข้างกาย“ไป๋กงกง ส่งคนไปตามเหวินเซียน บอกให้เขากลับเมืองหลวงมาสืบคดี”“พ่ะย่ะค่ะ” ไป๋กงกงรีบต
“ทูลเสด็จพ่อ โปรดออกคำสั่งให้แม่ทัพใหญ่เหยียนส่งทหารไปล้อมจวนขุนนางน้อยใหญ่ไว้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขุนนางที่อยู่ในห้องโถงต่างตกตะลึงปนไม่พอใจที่อยู่ ๆ องค์รัชทายาทหลิงเฮ่อจะให้ทหารไปล้อมจวนของพวกเขา เหล่าขุนนางหันหน้ามองกันพลางส่งสายตาเพื่อจะหาคนเอ่ยคัดค้าน ทว่ายังมิทันที่จะหาคนกราบทูลได้เหวินหลิงฮ่องเต้ก็ทรงตรัสออกมาเสียก่อน“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเอ่ยวาจาไร้สาระอันใดออกมา”“เสด็จพ่อ ท่านรู้หรือไม่ว่าวันนี้ขณะที่คุณหนูทั้งสองตระกูลกำลังจะกลับเมืองหลวงพวกนางถูกนักฆ่าดักทำร้าย เดิมที่ข้าคิดว่ามีคนอยากแก้แค้นคุณหนูใหญ่ตระกูลเผย หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเรื่องตำแหน่งพระชายาของเสด็จอา” บุรุษหนุ่มสายเลือดมังกรจงใจหยุดคำพูดของตน ก่อนใช้สายตาเหลือบมองเหล่าขุนนางเพียงได้ยินประโยคท้ายของโอรสสายเลือดมังกร ขุนนางตระกูลอวี๋กับตระกูลหยางก็หน้าซีดเผือดขึ้นมาอวี๋หลี่เฉียงรีบแก้ตัวเป็นพัลวันด้วยเกรงว่าบุรุษสายเลือดมังกรจะเข้าใจเขาผิด เนื่องจากคราก่อนที่เว่ยชินอ๋องมายังจวนของเขาได้เอ่ยว่าจะปล่อยบุตรสาวของเขาให้อยู่ท
Comments