Share

บทที่ 8

Auteur: ACHICHI
last update Dernière mise à jour: 2025-03-13 18:21:28

พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน

ตอนที่ 8

หลายชั่วโมงต่อมา

“หิว…”

“…”

“เมื่อไรจะเสร็จ คนอื่นก็กลับกันหมดแล้วเนี่ย”

“…”

ร่างสูงที่กำลังถกกางเกงยีนขึ้นเหลือบตามามองฉันแต่ไม่ตอบอะไร หันไปคว้าถังน้ำยาถูพื้นราดลงบนคราบน้ำมันสีดำ ๆ ก่อนจะคว้าเอาแปรงมานั่งขัดพื้นอย่างเอาจริงเอาจัง

ให้ตาย… นี่กะจะทำให้คุ้มค่าแรงแบบนี้ทุกวันเลยหรือยังไง…

ฉันทำได้แค่คิดในใจเท่านั้น ตั้งแต่รู้จักกันวันแรกจนถึงวันนี้พี่สิงห์เป็นคนปิดอู่ตลอด ซ้ำยังทำทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ไม่บ่นสักแอะ... แม้ว่าจะต้องเก็บกวาดอยู่คนเดียว ทั้ง ๆ ที่คนอื่นพากันกลับไปตั้งแต่ทุ่มนึงของทุกวันแล้วก็ตาม

แต่ตอนนี้ฉันหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย…

“ไปกินข้าวกันไหม?” ฉันเดินไปหาร่างสูงที่กำลังเดินไปเอาน้ำมาอีกถัง เจ้าตัวถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันมาจ้องหน้า

“ยังทำงานไม่เสร็จ”

“งั้นถ้าเสร็จจะพาไปกินใช่ไหม?”

“…”

เขาไม่ตอบแต่เดินเลี่ยงกลับไปทำงานต่อ ฉันตีหน้าบึ้งใส่แผ่นหลังกว้างที่บ้างานจนไม่มองดูสิ่งรอบตัวเลย ของสวย ๆ งาม ๆ ยืนอยู่แท้ ๆ มองเลยไปได้ยังไง ไอ้คราบน้ำมันพวกนั้นมันมีดีกว่าฉันตรงไหนกัน…

จนแล้วจนรอดถ้าจะคุยกับเขาก็คือต้องรอให้เจ้าตัวทำงานจนเสร็จอยู่ดี พี่สิงห์ยกแขนขึ้นปาดเหงื่อ พร้อมยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเมื่อเคลียร์ทุกอย่างสมดั่งใจแล้ว สายตากวาดมองไปรอบอู่เพื่อจะเช็กว่ามีอะไรที่เขาต้องทำอีกหรือเปล่า ฉันถอนหายใจเบา ๆ ยกมือขึ้นกุมท้องเพราะมันหิวมาก

ร่างสูงถอดเสื้อช็อปกับเสื้อด้านในออกต่อหน้าต่อตาฉัน โดยไร้ซึ่งความขวยเขินสมเป็นชายแท้ทั้งแท่ง ก่อนจะดึงเสื้อยืดอีกตัวออกมาจากล็อกเกอร์เก็บของแล้วสวมลงอย่างรวดเร็ว พี่สิงห์คว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์แล้วหันมามองหน้ากันเป็นครั้งแรก

“จะกินอะไร?”

“ลินอยากกินร้าน X ตรงปากซอยสิบ” ฉันรีบกระโดดลุกขึ้นอย่างดีใจ แล้วรีบคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพาย

“…” คนที่กำลังเดินออกจากร้านได้ยินเข้าก็หันมามองหน้ากันทันที “ไม่เอา แพง”

“ไม่แพงเท่าไรหรอก ลินเลี้ยงเอง” ฉันรีบบอก แต่พี่สิงห์กลับยืนนิ่งแล้วพ่นลมหายใจ

“กินธรรมดาก็พอ ไม่ต้องมาเลี้ยง”

“ก็ลินอยากกิน หิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย”

เมื่อเห็นฉันโวยวายคนตรงหน้าก็กลอกตาอย่างรำคาญใจ ก่อนจะมุดหัวเดินออกจากอู่ไปโดยไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม ฉันคิดว่าเขาต้องตามใจแน่ ๆ เลยกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ระหว่างที่รอร่างสูงกำลังล็อกกุญแจอู่ก็รีบต่อสายไปร้านที่ว่าทันที เพื่อที่จะได้สั่งอาหารเอาไว้ก่อน

“สวัสดีค่ะ ลินเองนะคะ สั่งอาหารหน่อยค่ะเดี๋ยวจะเข้า…”

พรึ่บ!

มือถือฉันถูกดึงไปหน้าตาเฉย พี่สิงห์กดตัดสายเรียบร้อยก่อนจะส่งคืนมาให้ ฉันได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบ ๆ มองไอ้พี่บ้าที่กำลังเดินไปถอยไอ้แก่ออกจากซองจอด เจ้าตัวหันมาเรียกด้วยสายตาโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฉันเหลือบตาไปมองรถคันหรูของตัวเองอย่างอิดออด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำได้แค่กระทืบเท้าเดินไปหาไอ้เศษเหล็กซังกะบ๊วยคันเดิม

ให้ตายสิ… มีรถสบาย ๆ ไม่นั่ง ให้มานั่งไอ้แก่นี่อยู่ได้!

แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็เดินไปซ้อนท้ายเขาอยู่ดี แต่รอบนี้ฉันแอดวานซ์ขึ้นเยอะแล้ว ไม่เหมือนครั้งแรก ๆ เลยไม่ได้กลัวเท่าไร พี่สิงห์ไม่พูดอะไรสักคำแต่ขับลึกเข้าไปในซอยไม่ได้ออกถนนใหญ่ แล้วในที่สุดเขาก็จอดลงตรงหน้าตลาดของกินขนาดใหญ่ที่อยู่ปากทางเข้าอีกฝั่งหนึ่งของซอย

ฉันลงจากมอเตอร์ไซค์พร้อมกวาดตามองบรรดาร้านรวงที่ยังคงเปิดกันคึกคักแม้ว่าจะเป็นเวลาดึกแล้วก็ตาม เจ้าของไอ้แก่ดับเครื่องจอดมันทิ้งไว้ตรงนั้น แล้วหันกลับมายักคิ้วให้

“กินนี่แหละ ถูกและอร่อย”

“แต่…” ฉันทำท่าทีอิดออด เพราะคนมันเยอะมาก

“หรือจะกลับบ้าน?”

“โอเค ๆ ที่นี่ก็ที่นี่”

“หึ…”

ไอ้พี่บ้ายกยิ้มขำขึ้นมาเมื่อเอาชนะฉันได้ ร่างสูงเดินนำเข้าไปในตลาดทันทีไม่รอช้า เพราะคนค่อนข้างเยอะ และพื้นเป็นหินกรวดฉันเลยเดินไม่ค่อยถนัด ก็แหงล่ะสิ… ฉันใส่ส้นสูงไง…

คนที่มาด้วยกันเดินนำลิ่วโดยไม่รอกันสักนิด และเหมือนเขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าสภาพฉันมันทุลักทุเลแค่ไหน เจ้าตัวเดินย้อนกลับมาหาพร้อมยกยิ้มขบขัน สายตามองมาที่รองเท้าส้นเข็มสูงสี่นิ้วก่อนจะเม้มปากกวาดตามองไปด้านข้าง

“กินร้านนี้ก็ได้ จะได้ไม่ต้องเดินเข้าไปไกล”

“อือ”

ว่าแล้วก็เลือกร้านที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุดโดยที่ไม่ต้องฝืนเดินเข้าไปอีก ฉันมองคนอื่นกินกันอย่างเอร็ดอร่อยจนท้องร้องโครกคราก ได้ยินพี่สิงห์เดินไปสั่งอาหารเรียบร้อยเสร็จสรรพโดยไม่ต้องหันมาถามความเห็นก่อน มันก็แค่ร้านข้าวมันไก่ธรรมดา จะมีสักกี่เมนู

คนหลายคนกำลังแอบมองเขาแล้วพากันหันไปส่งยิ้มสื่อความนัยกัน ขนาดฉันนั่งมองเขามาครบสามสี่ชั่วโมงทุกวัน พอมองอีกทีก็ยังหลงเลย คนอะไร… หล่อชะมัด…

ก็ขนาดว่าไม่ได้แต่งอะไรมาก ยังหล่อวัวตายควายตะลึงเบอร์นี้ คิดไม่ออกว่าถ้าใส่สูทผูกไทจะหล่อขึ้นแค่ไหน…

“นั่งกินไปก่อน เดี๋ยวมา” เจ้าตัวเดินกลับมาบอกว่างั้น พร้อมทั้งมองมายังส้นสูงของฉันอีกรอบ

“เร็ว ๆ นะ กระโปรงลินสั้นนั่งไม่สะดวกเลย”

“แป๊บเดียว”

พูดได้แค่นั้นร่างสูงก็เดินหายเข้าไปท่ามกลางฝูงชน ฉันได้แค่นั่งรอข้าวมันไก่อย่างหิวโหย คราวนี้พอไม่มีคนหล่อให้มองสายตาทั้งหลายก็เปลี่ยนมาจับอยู่ที่ฉันแทน มันยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่เพราะฉันต้องใช้กระเป๋ามาปิดกระโปรงเอาไว้

พอเจ้าของร้านยกข้าวมาให้ฉันก็ถึงกับตาโต… เพราะมันหน้าตาดูดีกว่าที่ฉันเคยกินเสียอีก คราวนี้ไม่ต้องรงไม่ต้องรอพี่สิงห์แล้ว ฉันจัดการกินอาหารตรงหน้าแทบจะในทันที และรสชาติของมันก็ว้าวมาก!

มิน่าล่ะ… คนถึงได้แน่นร้านขนาดนี้!

ระหว่างที่ฉันกำลังดื่มด่ำกับข้าวมันไก่ และโค้กขวด กับบรรยากาศตลาดตอนกลางคืนอย่างตื่นเต้นนั้น พี่สิงห์ก็เดินกลับมา ดวงหน้าหล่อมีเม็ดเหงื่อผุดซึมจนเจ้าตัวต้องยกแขนขึ้นปาดมันออก ยังไม่ทันได้ถามอะไร ถุงพลาสติกสองใบก็ถูกยื่นมาตรงหน้า

“อะไรอะ?” ฉันรับมาอย่างงุนงง ในขณะที่คนเพิ่งมาถึงทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม และกลับมาเรียกสายตาสาว ๆ ได้อีกครั้ง

“รองเท้า” สายตาขัดเขินเบนมองไปทางอื่น ก่อนจะกระแอมออกมาอย่างรักษาอาการ “เปลี่ยนรองเท้าดิ เดี๋ยวก็ล้มหน้าแหกหรอก”

“แหม… ซื้อของให้ลินด้วยเหรอ?” ฉันทำเป็นบิดตัวเขินอาย แต่คนตรงหน้าเหมือนจะอายกว่าเขาสำลักจนน้ำแทบพุ่ง ใบหูกับข้างแก้มแดงเถือกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“แค่กลัวว่าต้องแบกกลับต่างหาก”

“แล้วนี่คือ?” ฉันดึงของในถุงใบที่สองออกมาพบว่ามันคือผ้าผืนหนึ่งที่มีสีชมพูหวาน ๆ ดูเหมือนจะเป็นผ้าคลุม

“คลุมขาไว้” คราวนี้พี่สิงห์ช้อนสายตาขึ้นมองหน้ากัน แต่ครั้งนี้เป็นฉันที่ต้องหลบสายตาเขาแทน

“โอเค… ครบเลยนะเนี่ย”

ว่าแล้วฉันก็รีบเปลี่ยนจากรองเท้าส้นสูงราคาสี่หมื่นมาใส่รองเท้าแตะหัวเป็ดสีเหลืองสด ก่อนจะเอาผ้าสีชมพูผืนนั้นมาคลุมหน้าขาตัวเองเอาไว้ พูดก็พูดเถอะรองเท้านี่สบายกว่าเยอะเลย… นุ่มมาก!

เพราะกินเสร็จก่อนแล้วตอนนี้ก็เลยว่าง… เลยนั่งจ้องหน้าเขาซะเลย คนถูกจ้องเอาแต่จ้วงข้าวเข้าปากพร้อมเคี้ยวอย่างหิวจัด คนรอบตัวก็ยังคงมองเขาอยู่ แต่เจ้าตัวไม่ยักสนใจ หรือรู้สึกอะไรกับสายตาพวกนั้น

เขาอาจจะโดนจ้องจนชินแล้วล่ะสิ… ก็เล่นหล่อขนาดนี้… คิ้วเอย… ตาเอย… จมูก…ปาก… หล่อไปหมดเลย…

“จะมองให้ท้องเลยไหม?” พี่สิงห์ผู้เฉย ๆ กับสายตาคนอื่นได้ แต่กลับเงยหน้าขึ้นมาดุฉันเฉย

“ก็พี่หล่อนี่… คนอื่นยังมองเลยดูสิ” ฉันพยายามให้เขาหันไปมองรอบข้าง แต่เจ้าตัวกลับยักไหล่ไม่สนใจ

“สรุปว่ากินได้?” ว่าแล้วก็เหลือบตามองจานเปล่าตรงหน้าฉัน มันหมดเกลี้ยงไม่เหลือข้าวสักเม็ด

“อือ ก็อร่อยนี่” ถึงแม้จะเขินที่กินข้าวจนเกลี้ยงจานขนาดนี้ต่อหน้าผู้ชาย แต่ว่าพี่สิงห์กลับยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เรารู้จักกัน

“ไม่เห็นต้องไปจ่ายแพงขนาดนั้น ร้านธรรมดาอร่อย ๆ มีเยอะแยะ” เจ้าตัวพึมพำเบา ๆ ฉันพยักหน้าเห็นด้วย

“นั่นสิ… ลินไม่เคยมากินข้าวในตลาดมาก่อนเลย” ฉันเอ่ยปากบอก คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกครั้งก่อนจะพยักหน้า

“เชื่อ”

“นี่ครั้งแรกเลยนะ” ฉันทำตาโตบอก “ขึ้นมอเตอร์ไซค์ก็ขึ้นครั้งแรกตอนรู้จักกับพี่”

“หึ” ดวงหน้าหล่อหลุดขำออกมา นัยน์ตาสีอ่อนสบตาฉันนิ่ง “แล้วแบบนี้ยังบอกชอบ?”

“ชอบสิ… ลินชอบคนหล่อ”

ฉันนั่งเท้าคางส่งยิ้มให้เขา เจ้าตัวพ่นลมหายใจเบา ๆ แล้วส่ายหน้ากับความคิดฉัน ก็พี่สิงห์หล่อสุดในบรรดาผู้ชายที่เข้ามาจีบ รวมถึงคนที่ฉันเป็นฝ่ายจีบเองก็ด้วย หล่อแบบตะโกน!ถึงจะทำเป็นรำคาญหรือชอบไล่ แต่สุดท้ายก็คือใจดีตลอดเลย จะไม่ให้หลงได้ยังไง…

“ป้า! คิดตัง”

พอกินเสร็จอะไรเสร็จพี่สิงห์ก็เรียกเจ้าของร้านมาเก็บเงิน เจ๊แกใช้สายตาคำนวณอย่างรวดเร็วก่อนจะบอกจำนวนเงินออกมา ฉันไม่ตกใจเท่าไรเพราะป้ายก็แปะหราอยู่แล้วว่าจานละเท่าไร แต่ที่มันน่าตกใจก็คือนี่คงเป็นอาหารมื้อที่ถูกที่สุดที่ฉันเคยกินมา ซ้ำยังอร่อยเหาะยิ่งกว่าจ้างเชฟส่วนตัวมาทำให้กินเสียอีก

ร่างสูงลุกขึ้นยืนพร้อมยัดเงินลงบนมือป้า แล้วพยักหน้าเรียกกัน และโดยที่ฉันไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำคนตรงหน้าก็ก้มตัวลงไปฉวยไอ้ถุงพลาสติกที่ตอนนี้ใส่รองเท้าราคาแพงแต่ไร้ประโยชน์ไปถือไว้ให้

ฉันลอบยิ้มเพราะว่าพี่สิงห์ดูใจดีมากกว่าปกติ พอได้ทีฉันก็เลยเดินเข้าไปเกาะแขนแกร่งไว้ เจ้าตัวหันมาทำหน้าตกใจ พยายามจะดึงแขนออกเพราะฉันกอดมันไว้แน่นเหมือนเราเป็นคู่รักกันยังไงยังงั้น

“อายคน” เสียงแหบพร่าพยายามกระซิบบอก

“อายอะไร ลินสวยขนาดนี้มีอะไรต้องอาย” ฉันบอกอย่างเอาแต่ใจ ทั้งยังล็อกข้อแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามไว้แน่น

“…” คนถูกบังคับถอนหายใจเบา ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่พยายามดึงแขนกลับไปอีก ปล่อยให้ฉันได้กอดอยู่อย่างนั้น

“ลินอยากซื้อของกินไปฝากป๊ากับม้าด้วย” ฉันตั้งท่ายื้อเวลาเอาไว้ คนข้าง ๆ เหล่ตามองอย่างรู้ทัน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกมา

ยี่สิบนาทีผ่านไป

ฉันเดินตัวปลิวออกจากตลาดด้วยรองเท้าฟองน้ำมีหัวเป็นเป็ด ข้างกายคือผู้ชายคนเดิมเพิ่มเติมคือมือสองข้างเต็มไปด้วยถุงอาหารเกือบจะสิบถุงเห็นจะได้ พี่สิงห์ทำหน้าเบื่อสุด ๆ ตอนที่ฉันเอาแต่ซื้อนั่นนู่นนี่ไม่หยุดแต่เขาก็ไม่ยักบ่น จนเราเดินมาถึงไอ้แก่คันเดิม เจ้าตัวก็ส่งถุงมากมายมาให้ฉันถือเอง

ไม่ถึงสิบนาทีเราก็กลับมาอยู่หน้าอู่เฮียเล้งที่ปิดไฟเงียบ มีรถของฉันจอดนิ่งสนิทอยู่ที่เดิม ฉันเปิดรถก่อนจะเอาทุกอย่างใส่เข้าไป แล้วรีบหันมามองหน้าคนที่กำลังพักขาตั้งลง แล้วจุดบุหรี่สูบอยู่ สายตาเขามองมาที่ไอ้รองเท้าเป็ดที่ฉันกำลังใส่เดินอย่างสะดวกสบายก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมาสบตากัน

“จะทิ้งเลยรึเปล่า?” เสียงไม่แน่ใจนักเอ่ยถามขึ้นมา ฉันทำตาโตใส่ทันที

“เห็นลินเป็นคนยังไงไม่ทราบ?”

“ก็แล้วจะใส่เดินไปไหนมาไหนรึไง? ปกติก็เห็นใส่แต่ไอ้คู่สูง ๆ”

“ใส่สิ ลินจะใส่ทุกวันเลยตอนมาหาพี่” ฉันรีบเดินเข้าไปเกาะแกะเขาอีกรอบ

“ไม่ต้องมาทุกวันก็ได้ต้องทำงาน” เสียงเนือย ๆ บอกพร้อมมองมาด้วยสายตาเหนื่อยใจ “รอวันละสี่ชั่วโมงนี่ไม่เบื่อรึไง?”

“ไม่เบื่อ”

“มานั่งเฉย ๆ กับผู้ชายเต็มร้านนี่ไม่น่าเบื่อ?”

“ก็หรือจะให้ลินไปรอที่บ้านแทน?”

“…”

เมื่อถูกย้อนถามคนถูกย้อนถึงกับชะงักพี่สิงห์ส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา แต่ก็ทำท่าทางคิดหนักอยู่เหมือนกันกับข้อเสนอสุดพิเศษของฉัน

“ยังไงก็จะมาให้ได้?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ทำท่าชั่งใจ…

“ก็ไม่เห็นรึไง… ลินก็มาทุกวันนั่นแหละ มาจีบ…”

“...” คนถูกจีบเบนสายตาหนีอีกครั้งแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ไม่ว่างคบด้วยหรอก ก็เห็นว่าทำงาน”

“ทำเหมือนจะยอมคบงั้นแหละ” ฉันได้ทีก็เลยรีบหยอด เผื่อเหยื่อจะติดเบ็ด แต่พี่สิงห์ก็ยังส่ายหัวเหมือนเดิม

“ไม่คบ… ก็บอกแล้วว่าไม่ว่าง และไม่มีปัญญาเลี้ยงด้วย”

“เลิกคิดว่าต้องเลี้ยงลินสักที ลินไม่ได้อยากได้เสี่ยเลี้ยงสักหน่อย” ฉันกอดอกมองเขาอย่างฉุน ๆ

“มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น”

“จะยากแค่ไหนกันเชียว? ชอบก็คบ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร?”

“ก็บอกไม่คบไง เลิกตามได้แล้ว”

“ไม่!”

“…”

ทุกครั้งที่ฉันเถียงด้วยคำว่า ‘ไม่’ พี่สิงห์ก็จะทำหน้าซังกะตายแทบจะตลอด เหมือนคุยไปก็เสียเวลา เจ้าตัวเลยรีบโบกมือไล่ให้กลับบ้านเพื่อเป็นการยุติบทสนทนา ฉันยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเพราะอยากคุยต่อ

“กลับบ้าน”

“ก็ถ้าพี่สิงห์ไม่อยากให้มาวุ่นวายที่อู่ ให้ลินไปรอที่บ้านได้ไหมล่ะ?”

“…”

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงได้ใจกล้าหน้าด้านอะไรเบอร์นี้ รู้แค่ว่าคู่สนทนาใบ้กินไปแล้ว ดวงหน้าหล่อมองกันเงียบอยู่หลายอึดใจ แต่ท้ายที่สุดก็ส่ายหัวเหมือนเดิม

“เด็กบ้า… เอาแต่จะไปบ้านผู้ชาย” คนแก่บ่นพึมพำเป็นหมีกินผึ้ง ฉันได้ยินแบบนั้นก็เลยเบ้ปากใส่

“ก็หรือจะให้มานั่งให้ผู้ชายมองอยู่ที่อู่ทุกวัน?”

“จะมารอทำไมเล่า? ก็บอกแล้วว่าทำงาน”

“ก็แล้วพี่ว่างเมื่อไรบ้างล่ะ เห็นทำงานตลอด ถ้าไม่รอหลังเลิกงานลินก็ไม่ได้เจอน่ะสิ”

“ไม่ว่าง…”

“ก็นั่นไง… ขอกุญแจบ้านด้วยตั้งแต่พรุ่งนี้ลินจะไปรอจีบพี่ที่บ้านแทน”

“…”

พี่สิงห์ถอนหายใจเสียงดังเมื่อได้ฟังความเอาแต่ใจของฉัน เจ้าตัวลงมาจากไอ้แก่ แล้วดึงแขนฉันให้เดินไปขึ้นรถโดยไม่ได้ตอบรับคำขอ ร่างฉันถูกยัดเข้ามาในรถโดยมีคนตัวสูงยืนค้ำอยู่ที่ประตู

“กลับบ้านเดี๋ยวนี้”

“รู้แล้วน่า”

“…”

ร่างสูงผละออกไปพร้อมปิดประตูให้ ฉันลดกระจกลงโบกมือบ๊ายบายให้ เจ้าตัวทำเพียงขยับตัวถอยห่างออกไป และรอจนฉันเคลื่อนรถออกเท่านั้น มองผ่านกระจกมองหลังพบว่าพี่สิงห์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมมองมาจนสุดสายตา

ไม่รู้ทำไมว่าฉันถึงเอาแต่ยิ้มกับตัวเองไม่หยุดแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะไอ้รองเท้าเป็ดนุ่มนิ่มที่กำลังใส่อยู่นี่ก็ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะได้กินข้าวกับพี่สิงห์เป็นครั้งแรก หรืออาจเป็นเพราะวันนี้ฉันทำให้คนขี้หงุดหงิดยิ้มออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

โอ๊ย…. แบบนี้ใช่รึเปล่าที่เขาเรียกกันว่า หลงรักหัวปักหัวปำ…
Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 113

    “พี่ก็ต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวอีกแล้ว” พี่เตถอนหายใจเบา ๆ ฉันกับพี่สิงห์มองหน้ากันอย่างรู้ทันคนที่แกล้งทำเป็นซึมเหมือนอาภัพรักเสียเต็มประดา“มึงก็หาเมียสิ เลิกเล่นไปเรื่อยได้แล้ว…”“กูไม่ได้เล่น แต่คนอื่นเขามองว่ากูเล่น!” พี่เตเถียงเสียงดัง สีหน้าเซ็งจัด“พี่ก็หัดทำตัวจริงจังหน่อย…” ฉันยกมือตบบ่าพี่เต

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 112

    ฉันพยายามจะไม่สนใจร่างสูงที่เอาแต่พูดเรื่องพี่เลี้ยงเด็กอะไรนั่นแล้วเดินเข้าครัวเพื่อไปทำอาหารให้เขากินใช่… ฉันมันแม่บ้านสุดเก๋ายังไงล่ะ… ฝีมือฉันพัฒนาไปถึงขั้นนั้นแล้ว!“พี่สิงห์!”แต่แล้วก็ต้องร้องเสียงดังเมื่อตัวเองถูกอุ้มจนลอยขึ้นจากพื้น พี่สิงห์ส่ายหน้าไปมาเพื่อจะบอกว่ายังไงก็ไม่ยอมให้ฉันทำอะไ

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 111

    พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 48หกปีผ่านไป...ไม่อยากจะเชื่อว่าชีวิตของฉันจะวุ่นวายได้ขนาดนี้!ตอนนี้ฉันกำลังห่อข้าวใส่กล่องข้าวสามกล่อง จัดการเอากระเป๋านักเรียนของเด็ก ๆ มาวางต่อ ๆ กันแล้วยัดไอ้กล่องข้าวที่ใช้เวลาทำตลอดทั้งเช้าลงไป เสียงเด็ก ๆ กำลังผลัดกันตะโกนผลัดกันร้องไห้โยเยอยู่ตรงห้อ

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 110

    แต่มันก็เป็นมันหน้าหนายิ่งกว่าปูนโบกตึก… จะไปอายอะไร…ตรงนี้คงมีแค่ยิมที่นอนอยู่เก้าอี้ตัวถัดไปจากผมกับลินเท่านั้นที่ดูเหมือนจะหลับไปง่าย ๆ ร่างบางในชุดว่ายน้ำถูกคลุมด้วยผ้าเช็ดตัวที่ผมจำได้ว่าเป็นของไอ้ยีนซึ่งผมเห็นอยู่บ่อย ๆ เวลามันไปนอนค้างกับไอ้เตที่บ้านก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมาอยู่กับเด็กน

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 109

    พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 47ก็คิดผิดจริง ๆตอนนี้เรามาถึงทะเลแล้ว ผมสามคนกำลังนั่งคุยเล่นกันอยู่ที่เก้าอี้ชายหาด ทุกคนหันหน้าเข้าหาทะเล แสงแดดตอนบ่ายมันจ้าเสียจนต้องเอาแว่นกันแดดมาใส่ เพราะอากาศค่อนข้างร้อนจัดพวกผมเลยนอนถอดเสื้อนอนกันเรียงคนสาว ๆ กำลังยืนอยู่ห่างออกไปยังหน้าชายหาดที่แ

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 108

    วันนั้นผมอยู่อู่จนดึก… ดึกชนิดที่ว่าไม่เคยมีวันไหนอยู่ดึกขนาดนั้นมาก่อนเพราะงานมันล้นมือมาก ๆ และวันนั้นเองผมก็ได้เจอกับร่างเล็กที่ยืนแกร่วอยู่คนเดียวตรงฟุตพาทฝั่งตรงกันข้าม ถึงเรื่องมันจะทุเรศไปสักหน่อยที่ผมปากหมาไปเอ่ยทักลินแบบนั้นแต่ก็นั่นแหละ… ตอนนั้นตัวผมเองไม่ได้เสี้ยนบุหรี่ขนาดนั้น ง่วงนอนจะ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status