Chapter 1
[1/1] หลังจากที่ใช้เวลารวบรวมสติของตัวเองได้สักพักปิ่นหยกตัดสินใจเอื้อมมือไปปลดล็อกประตูอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ เปิดมันออก เผยให้เห็นร่างสูงโปร่งสัดส่วนราวๆ หนึ่งร้อยเก้าสิบกว่าเซนฯ กำลังยืนกอดอกยืนพิงอยู่ชิดผนังกำแพงของห้องตรงข้าม แกร่กก! “ฮึบ! เฮ้ย! ปล่อยนะ” เสียงแรกคือกำลังจะปิดประตูกลับเข้ามาอีกครั้ง ยังไม่ทันจะได้เอ่ยทักกัน จู่ๆ หญิงสาวเจ้าของห้องแห่งนี้กลับอยากจะเปลี่ยนใจกลับลำเอาซะตอนนี้ ยื้อยึดฉุดกระชากกันอยู่หน้าประตูอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ชนะเธอและก็ชนะมาตลอด ปังง! แกร่ก “ทีนี้จะคุยกันได้ยัง?” คนตัวโตกว่าที่ออกแรงกระชากประตูห้องจนเปิดออกและแทรกตัวเข้ามาได้ ก็รีบล็อกกลอนลงก่อนจะวางมือลงจากกระเปาใบใหญ่ที่ติดตัวมาด้วย และหันหน้ามามองเจ้าของห้องที่กำลังจะหนีหน้าเขาให้ได้ “ไม่คุย! ไม่พูด! กลับไปได้แล้ว อ๊ะ! ……..ปล่อยหนูนะ” ยังไม่ทันที่ปิ่นหยกจะพูดจบ คนตัวใหญ่เอาแต่ใจก็เอื้อมแขนทั้งสองข้างมาล็อกตัวหญิงสาวร่างบางเข้ากับผนังประตู ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปเอาจมูกซุกไซร้บริเวรลำคอระหง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของหญิงสาวทำให้เขานึกถึงกลิ่นนี้เมื่ออดีตที่เขาเคยซื้อยี่ห้อนี้ให้เธอใช้ Miss Dior Blooming Bouquet ไม่คิดว่าเธอจะยังใช้กลิ่นนี้มาจนถึงตอนนี้ ‘พรุ่งนี้ก็จะวันเกิดหนูแล้วนะ พี่จะมาหาหนูป้ะหรือมีเรียนไหม?’ แชทไลน์จากเด็กสาวรุ่นน้องปี 1 ที่เคยแลกไลน์กันไว้จากการที่โดนเธอ reply i* story อยู่บ่อยครั้งในช่วงที่เขาอกหักและกำลังใช้เวลามูฟออนอยู่นั้นก็มักจะโพสคำคมโน่นนั่นนี่ เพ้อถึงแฟนเก่าอยู่ในสตอรี่บ่อยครั้ง แต่อยู่ๆ ก็มีรุ่นน้องคนนึงส่งคำขอติดตามไอจีมาและเขาก็เข้าไปดูโปรไฟล์หล่อนจึงเห็นว่าเป็นรุ่นน้องที่คณะและเป็นน้องรหัสของเพื่อนเขาด้วยจึงกดยอมรับไป และจากนั้นชีวิตเขาก็มีเจ้าหล่อนคนนี้เข้ามาจุ้นจ้านตามตื้อไม่เลิกอยู่บ่อยครั้ง บางครั้งก็ตอบกลับสตอรี่ให้กำลังใจเขาอยู่บ่อยครั้ง ทักมาถามไถ่นู่นนี่ จนวันหนึ่งเธอตัดสินใจบอกชอบเขาไปในช่วงวันวาเลนไทน์ขณะที่เขาเองเอาแต่ดื่มฟังเพลง เพื่อลืมแฟนเก่าอยู่ก็เลยยอมตอบกลับหล่อนในแชทว่าจะลองคุยๆ ดูก็ได้ แต่ต้องเข้าใจกฎของเขาก่อน ซึ่งหล่อนก็เข้าใจและทำมันได้ดีมาตลอด ‘หึ ขี้เกียจอยากนอนอยู่ห้องเฉยๆ เกิดพรุ่งนี้หรอ?’ ที่เขาถามหล่อนไม่ได้ถามเพื่ออยากจะไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวันเกิดเธอด้วยหรอก แต่แค่ตกใจเล็กน้อยว่าคนอะไรจะมาเกิดวันเดียวกันกับเขาแต่แค่คนละปี พ.ศ. เท่านั้นเอง ตลกเป็นบ้า ‘อ้อค่ะ งั้นไม่เป็นไรค่ะ หนูคงกลับไปฉลองกับที่บ้าน’ เด็กสาวในตอนนั้นเธอเองก็ไม่ได้เสียใจอะไรกับคำตอบของรุ่มพี่ที่แอบชอบอยู่ เขาก็ไปแบบนี้ตลอดตั้งแต่ที่เธอเริ่มเข้ามาในชีวิตเขา ปฎิเสธไม่ได้ว่าก็แอบมีนิดนึงที่เฟลแต่ก็รู้สถานะของตัวเองดี ในเมื่อพี่เค้าบอกว่าลองๆ คุยกันดูก่อนก็ได้แต่ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเราคุยกัน ตอนแรกเธอก็งงๆ แหละว่าทำไมถึงจะบอกใครไม่ได้ แต่พอเขาให้เหตุผลว่าเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา อีกอย่างเขาก็เพิ่งเลิกกันกับแฟน มันก็ต้องใช้เวลาทำใจเหมือนกัน ลึกๆ คือรู้แหละว่าพี่มันก็ยังรักแฟนเก่าอยู่รักมากด้วย แต่ใครจะสนล่ะ ปิ่นหยกคนนี้แหละจะทำให้พี่เลิกหยุดคิดถึงแฟนเก่าให้ได้แล้วหันมาสนใจหยกแทน!! ‘แต่เดี๋ยวฝากของกับเพื่อนไปให้แล้วกัน นอนล่ะ’ จบบทสนทนาเขาก็เข้านอน เย็นวันถัดมาภัทรกาฬได้โทรบอกเพื่อนว่าฝากซื้อของให้หน่อย ซึ่งเขาก็ได้บอกเพื่อนไปซื้อถึง Shop dior จริงๆ แล้วเขาเองก็ไม่คิดหรอกว่าจะเลือกอะไรให้น้องมันดี แต่คิดว่าผู้หญิงก็คงจะชอบน้ำหอมแหละมั้งเห็นแฟนเก่าเขาก็ชอบและคลั่งไคล้น้ำหอมแบรนด์ดังหลายๆ แบรนด์ (นึกแล้วก็คิดถึงว่ะ) กลับมาที่ปัจจุบัน ภายใต้โล่กำบังขนาดใหญ่ของสองแขนแกร่งที่มีตุ๊กตาน้อยกำลังดิ้นดุ๊กดิ๊กเพื่อให้หลุดพ้นปราการนี้ออกไป แต่ก็ต้องเสียแรงเปล่าประโยชน์เมื่อร่างสูงโปร่งร้อยเก้าสิบเซนกว่าๆ กระชับเปลี่ยนเป็นอ้อมกอดหนาแน่นแทนบดเบียดร่างกำยำเข้าหาหญิงสาวจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ “ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ......นมใหญ่ขึ้นป้ะ?” แต่เปล่าหรอกหัวใจจะเต้นแรงขนาดไหนแล้วยังไง เขาไม่ได้สนใจเท่ากับสองเนื้อเต่งเต้าที่เบียดกันเข้ากับตัวเขานี่แหละ ผลั้วะ!! “ทะลึ่ง! ปล่อย โอ้ย! พี่นาฟ” ฝ่ามื้อบางนุ่มฟาดลงบนแขนแกร่งของเขา แต่มีหรือว่าเขาจะปล่อยหล่อนไป อุตส่าห์มาถึงทั้งทีต้อนรับดีๆ หน่อยก็ไม่ได้ นี่เขาอุตสาห์ไม่นัดอึ๊บสาวแอร์ที่ได้แลกไลน์กันอยู่บนเครื่องเพื่อรีบบึ่งมากิน .........ข้าว กับเธอที่นี่เลยนะ โคร่กกก~ นั่นไง ว่าแล้วก็ท้องร้องขึ้นมาทันทีทันตาเลย “ฮ่าๆๆ หิวหรอ ฮ่าๆๆ” เสียงท้องร้องของชายหนุ่มรุ่นพี่ ทำให้เธอถึงกับกลั้นขำไม่อยู่จริงๆ “ขำอะไรนักหนา นี่อุตส่าห์ไม่กินอะไรบนเครื่องเพื่อมากินฝีมือหนูเลยนะ” คนคลายอ้อมกอดออกเริ่มทำหน้างอนใส่เจ้าของห้องที่เอาแต่ยืมขำตัวเองอยู่ “แล้วไม่คิดจะกลับบ้านล่ะ มาทำอะไรที่นี่ไกลก็ไกล” เมื่อหลุดพ้นจากอ้อมกอดอันหนาแน่นของเขาแล้ว ปิ่นหยกก็เดินเข้าไปในครัวเธอลืมไปเลยว่ากำลังทำอาหารเที่ยงไว้อยู่ยังไม่เสร็จพอดี เพราะมัวแต่เอาเวลามาต้อนรับใครบางคนแถวนี้ จริงๆ ก็เล่นตัวไปอย่างนั้นแหละทำเป็นไม่อยากให้เขากอด แต่เอาเข้าจริงคือแพ้ตั้งแต่เห็นเขายืนอยู่หน้าห้องแล้วแบบนี้เธอจะไปไหนรอดล่ะ “บางแสนก็แค่หน้าปากซอย” ร่างสูงโปร่งไหวไหล่ก่อนจะเดินตามเข้าไปในครัวChapter 8[8/2]08.00 น.วันนี้ปิ่นหยกตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว ใบหน้าสวยในตอนนี้ดูโทรมขึ้นมากแถมยังมีขอบตาดำคล้ำบวมซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากเรื่องเมื่อคืนนี้ร่างบางคงยังเตรียมอาหารไว้รอชายหนุ่มที่ยังนอนขดตัวอยู่บนโซฟาด้านนอก จริงๆ เพ้นท์เฮาส์นี้ไม่ได้มีห้องนอนแค่ห้องเดียวแต่ทำไมชายหนุ่มถึงไปนอนอยู่แบบนั้นปิ่นหยกเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันแม้ว่าจะทะเลาะหรือจบความสัมพันธ์กันแล้วก็ตาม ปิ่นหยกยังคงอยากเห็นมิตรภาพของเราทั้งสองอยู่ อาจจะในฐานะคนรู้จัก หรือในฐานะพี่น้องก็ได้อาหารสำหรับเช้านี้ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นปิ่นหยกจึงเดินเข้าไปนำกระเป๋าเดินทางของตัวเองออกมาจากห้องนอน เผื่อว่ากินกันข้าวเสร็จและให้เวลาภัทรกาฬทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย ก็จะได้เดินทางกลับคอนโดของเธอเลยเมื่อนำของออกมาเสร็จเรียบร้อยจนแน่ใจว่าไม่น่าจะลืมอะไรแล้ว ร่างบางจึงเดินเข้าไปปลุกคนตัวสูงที่ยังคงหลับอยู่“พี่นาฟ ตื่นได้แล้ว นี่ .....ตื่นได้แล้วค่ะ” คนตัวเล็กยืนเขย่าแขนร่างสูงอยู่แบบนั้น แต่พอได้สัมผัสแขนของเขากลับรู้สึกว่าอุณหภูมิบนร่างกายของเขามีไออุ่นร้อนๆ แผ่ซ่านออกมา“อ้ะ! ทำไมตัวร้อนขนาดนี
Chapter 8[8/1]ร่างสูงบดจูบเข้ากับริมฝีปากบางจนคนตัวเล็กแทบจะไม่มีจังหวะหายใจได้สะดวก มือหนาข้างหนึ่งค่อยๆ เลื่อนลงไปด้านล่าง พร้อมกับค่อยๆ ล้วงมือเข้าไปใต้กระโปรงเดรสไหมพรมสีดำรัดรูปนั้น นิ่วแกร่งเกี่ยวเอาเพนตี้ตัวจิ๋วด้านในที่จากสัมผัสแล้วพอเดาได้ว่าคงจะเป็นลายลูกไม้จริงแท้แน่นอนเมื่อปราการด้านในถูกดึงลงจนสุดเรียวขาเล็ก ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะส่งนิ่วแกร่งเข้าไปสำรวจด้านในร่องสวยจากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว จนคนที่เคลิ้มไปกับสัมผัสจูบรสเร่าร้อนนั้นเผลอครางออกมาด้วยความตกใจ“อื้ม! ยะ หยุดนะ! อื้อออ!” ร่างบางพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของภัทรกาฬ ทว่ากลับไม่เป็นผล จนกระทั่งสักพักร่างสูงยอมปล่อยออกมาเอง เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ขัดขืนแล้วเพี๊ยะ!! “เราจบกันแค่นี้ หนูไม่เอาแล้ว ......พอแล้วว่ะ พอแล้วจริงๆ ฮึก!”“ทำไม? แล้วที่ผ่านมาล่ะ ไหนว่าอยู่ได้ ทนได้ รอได้ แล้วนี่กะจะหนีกันไปงั้นหรอ? เหอะ!”“พี่เคยโทษตัวเองบ้างไหม? ที่ผ่านมาหนูยอมมาตลอด เป็นหนูที่ทนมาคนเดียวอ่ะ หนูก็ได้แต่ถามตัวเองว่ากูแมร่งจะทนอยู่ไปเพื่ออะไรวะ ทนแมร่งอยู่แบบเนี้ยได้ตั้งหลายปีอ่ะทั้งที่เขาก็ไม่ยอมชัดเจนไม่ยอมพาไปไหนมาไหนให้คน
Chapter 7[7/2]21.00 น.ตี๊ด!! แกร่ก!!“ไปไหนมา! ทำไมโทรไปแล้วไม่รับ?”ทันทีที่ร่างบางของปิ่นหยกเดินเปิดประตูเดินเข้ามาเพ้นท์เฮาส์สุดหรูขนาดใหญ่นี้ ก็พบกับร่างสูงที่ยืนกอดอกจ้องหน้าทำตาเขียวใส่อยู่หน้าประตูแล้ว คงจะหงุดหงิดโมโหหิวหรืออะไร แต่คงไม่ใช่เพราะเป็นห่วงแน่นอนเธอรู้สึกแบบนั้น“ก็ลงไปซื้อของมาทำอาหารไง ดุจัง”คำสุดท้ายคนตัวเล็กได้แต่พูดเบาๆ คนเดียว ก่อนจะเดินถือของเข้าไปในครัว โดยที่มีภัทรกาฬเดินตามเข้าไปด้วย“ดึกขนาดนี้ทีหลังไม่ต้องออกไปแบบนี้คนเดียวอีก สั่งเอาก็ได้ ถ้าเกิดอันตรายขึ้นมาจะทำไง? หนูไม่รู้จักแถวนี้นะ ไปไหนมาไหนก็ต้องโทรบอกพี่ด้วย”“หนูก็ไปแปบเดียวพี่จะอะไรนักหนา ขี้บ่น”แต่คราวนี่คำสุดท้ายคนตัวจงใจให้คนตัวสูงได้ยิน ใบหน้าสวยย่นจมูกเข้าหากันเหมือนประชดคนที่ยืนบ่นทำตัวราวกับเป็นพ่อคนที่สองหลังจากนั้นไม่นานอาหารก็พร้อมเสิร์ฟบนโต๊ะ โดยเจ้าของห้องเป็นช่วยถือออกมาวางไว้แถมยังช่วยจัดจานจัดโต๊ะ ทำหน้าที่ลูกมือได้เป็นอย่างดีแม้ว่าเมื่อครู่จะมีเหตุให้เกิดการทะเลาะกันบ้างแต่ก็สามารถดึงสถานการณ์กลับมาให้เป็นปกติได้เหมือนเดิมหากคนหนึ่งเงียบไม่เดือดตามด้วยเรื่องมันก็จบ ซึ
Chapter 7[7/1]กว่าที่ทั้งสองจะภารกิจกันจนตอนนี้ก็เป็นเวลา 2 ทุ่มกว่าแล้ว ทั้งสองร่างเปลือยเปล่านอนกอดกันแน่นหนาบทเตียงขนาดคิงไซส์ โดยมีลำแขนแกร่งวางทาบบนเอวคอดส่วนมืออีกข้างนั้นวางไว้ทับหน้าอกนุ่มของหญิงสาว ขนาดหลับแล้วยังไม่วายนัวเนียกับร่างกายของร่างเล็กทว่าคนตัวเล็กรู้สึกอึดอัดจากสัมผัสจากคนตัวใหญ่บ้างแล้ว ก่อนจะขยับพลิกตัวจะหันหน้าไปทางอื่นแต่แรงจากปราการที่กอดรัดกลับทำให้ปิ่นหยกขยับตัวได้อย่างยากลำบาก จนต้องลืมตาตื่นขึ้นมา“อืม ขยับออกไปหน่อย” ร่างบางเขย่าแขนแกร่งหวังให้คนตัวสูงขยับตัวให้บ้าง จนภัทรกาฬต้องตื่นขึ้นมาอีกคน“นอนนิ่งๆ หน่า” คนพี่ยังเอาแต่ใจพร้อมกระชับอ้อนแขนหนาขึ้น“ค่ำแล้วหนูจะไปทำอาหาร”“พี่เหนื่อย นอนอีกสักพักเถอะนะ” ภัทรกานเริ่มทำหน้างอแงเป็นเด็กไปแล้วหนึ่ง“นี่! ลุกเลย งั้นก็นอนอยู่แหละหนูจะไปทำอะไรให้กินก่อน” คนปิ่นหยกขอทนไม่ไหวบ้าง จะมางอแงนอนกกกันต่อไปแบบนี้อีกเมื่อไหร่จะได้ทำอย่างอื่นบ้าง“อืมมม ก็ได้ เร็วนะๆ หิว” คนงอแงเมื่อสักครู่นี้ถึงกับต้องยอม เมื่อเห็นแววตาดุจากปิ่นหยก เดี๋ยวถ้าอารมณ์ไม่ดีมีหวังเขาอดต่ออีกรอบดึกแน่ๆ ไม่รู้ว่าทำไมกับคนๆ นี้ถึงมีให้กิ
Chapter 6[6/2]@ The Willington N Penthouse Thonglorหลังจากที่กลับมาจากคลับของณัฐกานเมื่อคืนนี้กว่าคนตัวโตจะอุ้มร่างเล็กขึ้นมาบนห้องได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากเจ้าตัวนั้นเกิดอยากจะงอแงอะไรขึ้นมาอีกก็ไม่รู้ นอนนิ่งจมกองอ้วกตัวเองอยู่เบาะด้านหลังไม่ยอมให้เขาถูกเนื้อต้องตัว เอาแต่บ่นพึมพำว่าจะกลับบ้านตัวเองอย่างเดียว จนเขาต้องออกแรงฉุดกระชากลากถูขึ้นมาบนห้องได้ร่างบอบบางในชุดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีขาวที่ต่างจากชุดเมื่อคืนกำลังนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนาบนเตียงขนาดคิงไซส์ แต่กลับไร้เงาของคนที่อุ้มขึ้นมาเมื่อคืนครึ่งตัวด้านซ้ายอยู่ในผ้าห่มแต่ครึ่งตัวด้านขวากลับพาดขาเข้ากับหมอนข้าง อิริยาบถรวมๆ แล้วตอนนี้คงจะนอนหลับลึกมากถึงขั้นไม่รู้เลยว่าเสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูดังขึ้นไม่รู้ว่ากี่รอบได้แล้วบนหน้าปัดนาฬิกาข้างหัวเตียงยังคงเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแสงส่องสว่างจากพระอาทิตย์เลยมาเกินครึ่งค่อนวันแล้วยังไม่สามารถทำให้ร่างบางตื่นอาจเป็นผลจากม่านหนาทึบสีเข้มบวกกับรอบๆ บริเวณห้องนอนไม่มีการเปิดไฟเลยสักดวง จึงทำให้หญิงสาวที่กำลังนอนอยู่ไม่รู้สึกตัวง่ายแกร่ก!! ครืดดด(เสียงเลื่อนประตู
Chapter 6[6/1](NARF TALK)ค่ำคืนราตรีภายใต้แสงไฟหลากสีลอยระยิบระยับประดับทั่วทุกมุมร้านทำให้ผู้คนที่ท่องเที่ยวต่างสนุกหลงใหลไปกับกับน้ำเมาหลายยี่ห้อหลายสูตรชงผสมกัน หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวใบหน้าหมวยอย่างปิ่นหยก ที่ไม่สามารถปฏิเสธแก้วเหล้าเพื่อนของผมได้“ถ้าไม่ไหวก็พอได้แล้ว” ผมก้มหน้าหันมากระซิบบอกคนตัวเล็กที่ตอนนี้มองดูหน้าแล้วเหมือนคนแพ้กุ้งมาอย่างนั้นเลย“อื้มม ไม่อาวสิ!! ไหนใครมาาว ไม่มีใครเมาซะหน่อย” มือของผมกำลังจะยื่นมือมาจับแขนร่างบางให้ลุกขึ้นจากที่นั่งเตรียมออกจากร้าน ทว่าคนที่กำลังจะถูกดึงให้ลุกขึ้นนั้นกลับสะบัดแขนออกก่อน(1 ชม. ก่อนหน้า)‘เออ แล้วเรื่องที่มึงจะหมั้นกลับน้องดารันปีนี้ พ่อมึงว่าไงบ้างวะ’‘ก็ยังพูดคำเดิม’‘อย่างงั้นหรอวะ แล้วมึงไม่คิดจะยอมหมั้นให้แม่งจบๆ ไปวะ กูว่าก็ไม่ได้เสียหายอะไรป่าววะ? น้องเค้าก็ทั้งน่ารัก เรียนก็เก่ง เป็นถึงลูกสาวตระกูลผู้ลากมากดี นิสัย ......ก็คงดีแหละมั้ง เออนั่นแหละ มึงก็ลองพิจารณาใหม่ดูดิ่ ไหนๆ มึงก็ไม่ได้มีใครอยู่ไม่ใช่หรอวะ’‘กุว่าเราหยุดพูดเรื่องนี้เถอะ ปวดหัวว่ะ’นั่นคือบทสนทนาระหว่างผมกับเพื่อนสนิทก็คือไอ้บอม ถามว่าทำไมผมไม่ห้า