LOGINอุตส่าห์หลุดพ้นจากความสัมพันธ์ห่วยๆ มาได้แล้ว กำลังจะมูฟออนเริ่มต้นใหม่ แต่แล้วโชคชะตาก็ดันส่งคนสารเลวกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันดันหนักกว่าตอนที่ยังเป็นเด็กหลายเท่าตัว
View MoreIntro
. . . ภายในสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ของประเทศเครื่องบินหลายลำกำลังทะยานลงสู่ท้องฟ้า หนึ่งในนั้นเป็นเที่ยวบินของว่าที่รองประธานผู้บริหารบริษัท Willington N Group หนุ่มหล่อนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่กำลังจะเข้ามาบริหารต่อกิจการของครอบครัว ร่างสูงโปร่งที่ทาบทับด้วยสูทสีดำตัวเก่งอย่าง GIORGIO ARMANI รุ่น breasted blazer in rep fabric แมตช์กับกางเกงและรองเท้าหนังจากแบรนด์ Louis Vuitton new collection เสริมความดูดีเพิ่มอีกด้วยแว่นกันแดด Gucci Lunettes de soleil rectangulaires Black ภาพโดยรวมของชายหนุ่มดูดีเทียบกับดาราฮอลลิวูดหรือดาราเกาหลีหลายคนที่ไม่ว่าจะลงสนามบินไหน เหล่าแฟนคลับก็เตรียมต้อนรับคับแน่นกรี๊ดกร๊าดกันให้สนามบินแตก ‘นาฟ ภัทรกาฬ’ เดินก้าวขายาวฉับด้วยท่าทีมาดมั่นอย่างกับนายแบบที่เพิ่งบินกลับมาจากแฟชั่นวีคก็ไม่ปาน แขนขวากำยำเห็นรอยเส้นเลือดบูดโปนออกมาชวนน่าหลงใหลใจสั่นกำลังลากกระเป๋าเดินไปตามเป้าหมายที่กำลังชูป้าย “Welcome to Thailand my bro” ชายหนุ่มขยับดันแว่นตาลงจากกรอบหน้าเพียงเล็กน้อย เพื่อให้ชัดเจนว่าใช่คนจากที่บ้านเขาจริงๆ หรือเปล่า แล้วก็ใช่จริงอย่างที่คิด เมื่อบุคคลที่ชูป้ายรอเขาอยู่ตรงนั้นคือน้องชายคนเดียวของเขาอย่าง ‘ณัฐกาน รุ่งเกียรติมั่งทรัพย์’ หรือ ไอ่ณัฐน้องชายสุดที่รักของเขาเอง ตั้งแต่เด็กจนโตแทบไม่เคยได้ห่างกันเล่นด้วยกันมาตลอดถึงจะเป็นพี่เป็นน้องกันก็เถอะ เพื่อนมันก็เพื่อนเขาเพื่อนเขาก็เพื่อนมัน มีอะไรคือปรึกษากันได้หมดสำหรับน้องชายคนนี้ “เฮีย ทางนี้! ทางนี้ๆๆๆ .......” ณัฐกานถือป้ายในมือโบกไปโบกมาเป็นสัญลักษณ์ให้พี่ชายของตัวเองเห็น “เป็นไงบ้างเฮียเหนื่อยไหม มาเดี๋ยวช่วยถือ” น้องชายสุดที่รักทำหน้าที่เอาอกเอาใจพี่ชายเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นทุกอย่างให้เขาเลยวันนี้ทั้งวัน “ทีหลังมึงไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้มั้งกูอายคนนะไอ่ณัฐ ดูมึงทำสิ” ภัทรกาฬยื่นกระเป๋าใบใหญ่ให้น้องชาย ทั้งยังบ่นกลับสิ่งที่น้องของเขายืนชูป้ายต้อนรับทำอย่างกับเค้าเป็นคนมีชื่อเสียงยังไงอย่างงั้นแหละ แต่มันจะมีเรื่องไหนที่คนอย่างณัฐกานจะไม่เล่นใหญ่เป็นไม่ได้หรอก ก็เป็นซะแบบนี้ตั้งแต่เด็กยันโตอ่ะนะ “โห่วว! อะไรเฮีย อุตส่าห์มาถึงทั้งทีนะขอบคุณผมสักคำก่อนไหมล่ะ นี่ผมอุตส่าห์ยืนรอนานเลยนะ” ณัฐกานกำลังจะร่ายยาวใส่พี่ชาย อุตส่าห์ยืนรอตั้งนานเลยนะ “พ่อกับแม่เข้าบริษัทหรอ รีบกลับกันเถอะหิวข้าวจะแย่แล้ว” ประโยคแรกไม่ใช่คำถามแต่แค่พูดไปงั้น รู้อยู่แล้วว่าเวลาของพ่อเขาเป็นเงินเป็นทองไปหมด ส่วนแม่ก็คงเข้าสปาเสริมสวย ช้อปปิ้งกับคุณหญิงคุณนายหลายๆ ท่านอยู่ล่ะสิ ไม่มีเวลามารอรับเขาเหมือนอย่างน้องชายเขาตอนนี้หรอก “หิวแล้วทำไมไม่กินมาตั้งแต่นั่งเครื่องวะ เฮ้อ อ้าว! เดินหนีกูเฉย นี่!เฮีย” กำลังยืนบ่นคนเดียวสักพัก ก่อนจะหันหน้ากลับมาพี่ชายตัวดีของเขาก็เดินนำหน้าเตรียมขึ้นรถก่อนแล้ว ระหว่างที่นั่งรถอยู่คนน้องที่รับบทเป็นสารถีในวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าความต้องการของพี่ชายเขาอยากจะกลับไปพักที่ไหนเขาจะได้ขับไปถูกทางสู่จุดหมาย “เออ แล้วนี่เฮียจะกลับเพ้นเฮ้าส์หรือจะนอนบ้านเราอ่ะ?” “บางแสน” คนนั่งเบาะข้างตอบด้วยท่าทีนิ่งขรึม แต่แฝงแววตามีเลศนัยภายใต้กรอบแว่นดำ “ห้ะ!?" "บางแสนไง" "อะไรนะ เฮียจะไปทำไม? เล่นน้ำหรอ?” ณัฐกานแอบตกใจที่ได้ฟังคำตอบของพี่ชาย อะไรวะเพิ่งลงจากเครื่องเมื่อไม่นาน แล้วไม่ยอมกลับบ้านจัดข้าวจัดของก่อน นี่บอกจะไปบางแสน เพื่อ? โอ้ยย! ไอ่ณัฐปวดหัว @คอนโดแห่งหนึ่งย่านบางแสน . . . กรี๊งง! กรี๊งงงง เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น ขณะภายในห้องขนาด 33 ตารางเมตร จัดแต่งสไตล์มินิมอลสำหรับอยู่คนเดียว รอบๆ ห้องตรงระเบียงเห็นวิวทะเลอย่างชัดเจน ทำให้บรรยายโดยรวมในห้องดูผ่อนคลาย หญิงสาวร่างบางเจ้าของห้องที่กำลังขลุกตัวอยู่ในครัวขนาดเล็กของตน รีบวางมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่สักครู่ ก่อนจะเดินไปถอดผ้ากันเปื้อนออกจากตัววางไว้แถวบาร์ แล้วมุ่งหน้าไปที่ประตูห้อง เพราะเริ่มจะรำคาญเสียงกดกริ่งหน้าห้องแล้ว ไม่รู้ว่าจะกดอะไรกันนักหนา ว่างนักรึไง! หึ! “มาแล้วค่า มาแล้ววว ใจเย็นๆ ก่อนค่า” หญิงสาวร่างบางสวมกางเกงยีนส์ขาสั้นพร้อมด้วยเสื้อยืดสีขาวดูสบายตา ในวันหยุดแบบนี้ใครกันนะที่มาหาเธอ กดกริ่งกวนแบบนี้ต้องน้องชายของเธอแล้วล่ะมั้ง แกร่กก!! “ไหนบอกว่าวันนี้ไม่มาไงย้ง” คนเปิดประตูยังไม่ทันเงยหน้ามองแขกก็พูดพรางเอาแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อตัวเองด้วยความร้อนจากห้องครัว เผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบขาว โผล่ออกจากขอบเสื้อ ก่อนจะเงยหน้ามองผู้มาเยือน 0_0 ปังงง!!! 5 นาทีต่อมา หลังจากที่ปิดประตูไปร่วมหลายนาที ก่อนที่หัวสมองจะประมวลกับสถานการณ์ตรงหน้าเมื่อกี้ที่เธอเปิดประตูให้แขกที่มานั้น เขาคนนั้นคนที่เธอรู้จักดี คนที่เธอรอคอยเขามาตลอด เขากลับมาแล้วหรอ? เขามาที่นี่ทำไม? โว้ยยย!! ตั้งสติสิ ตั้งสติก่อนไอ่หยก จะเอายังไง จะเอายังไงดีวะChapter 8[8/2]08.00 น.วันนี้ปิ่นหยกตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว ใบหน้าสวยในตอนนี้ดูโทรมขึ้นมากแถมยังมีขอบตาดำคล้ำบวมซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากเรื่องเมื่อคืนนี้ร่างบางคงยังเตรียมอาหารไว้รอชายหนุ่มที่ยังนอนขดตัวอยู่บนโซฟาด้านนอก จริงๆ เพ้นท์เฮาส์นี้ไม่ได้มีห้องนอนแค่ห้องเดียวแต่ทำไมชายหนุ่มถึงไปนอนอยู่แบบนั้นปิ่นหยกเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันแม้ว่าจะทะเลาะหรือจบความสัมพันธ์กันแล้วก็ตาม ปิ่นหยกยังคงอยากเห็นมิตรภาพของเราทั้งสองอยู่ อาจจะในฐานะคนรู้จัก หรือในฐานะพี่น้องก็ได้อาหารสำหรับเช้านี้ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นปิ่นหยกจึงเดินเข้าไปนำกระเป๋าเดินทางของตัวเองออกมาจากห้องนอน เผื่อว่ากินกันข้าวเสร็จและให้เวลาภัทรกาฬทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย ก็จะได้เดินทางกลับคอนโดของเธอเลยเมื่อนำของออกมาเสร็จเรียบร้อยจนแน่ใจว่าไม่น่าจะลืมอะไรแล้ว ร่างบางจึงเดินเข้าไปปลุกคนตัวสูงที่ยังคงหลับอยู่“พี่นาฟ ตื่นได้แล้ว นี่ .....ตื่นได้แล้วค่ะ” คนตัวเล็กยืนเขย่าแขนร่างสูงอยู่แบบนั้น แต่พอได้สัมผัสแขนของเขากลับรู้สึกว่าอุณหภูมิบนร่างกายของเขามีไออุ่นร้อนๆ แผ่ซ่านออกมา“อ้ะ! ทำไมตัวร้อนขนาดนี
Chapter 8[8/1]ร่างสูงบดจูบเข้ากับริมฝีปากบางจนคนตัวเล็กแทบจะไม่มีจังหวะหายใจได้สะดวก มือหนาข้างหนึ่งค่อยๆ เลื่อนลงไปด้านล่าง พร้อมกับค่อยๆ ล้วงมือเข้าไปใต้กระโปรงเดรสไหมพรมสีดำรัดรูปนั้น นิ่วแกร่งเกี่ยวเอาเพนตี้ตัวจิ๋วด้านในที่จากสัมผัสแล้วพอเดาได้ว่าคงจะเป็นลายลูกไม้จริงแท้แน่นอนเมื่อปราการด้านในถูกดึงลงจนสุดเรียวขาเล็ก ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะส่งนิ่วแกร่งเข้าไปสำรวจด้านในร่องสวยจากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว จนคนที่เคลิ้มไปกับสัมผัสจูบรสเร่าร้อนนั้นเผลอครางออกมาด้วยความตกใจ“อื้ม! ยะ หยุดนะ! อื้อออ!” ร่างบางพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของภัทรกาฬ ทว่ากลับไม่เป็นผล จนกระทั่งสักพักร่างสูงยอมปล่อยออกมาเอง เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ขัดขืนแล้วเพี๊ยะ!! “เราจบกันแค่นี้ หนูไม่เอาแล้ว ......พอแล้วว่ะ พอแล้วจริงๆ ฮึก!”“ทำไม? แล้วที่ผ่านมาล่ะ ไหนว่าอยู่ได้ ทนได้ รอได้ แล้วนี่กะจะหนีกันไปงั้นหรอ? เหอะ!”“พี่เคยโทษตัวเองบ้างไหม? ที่ผ่านมาหนูยอมมาตลอด เป็นหนูที่ทนมาคนเดียวอ่ะ หนูก็ได้แต่ถามตัวเองว่ากูแมร่งจะทนอยู่ไปเพื่ออะไรวะ ทนแมร่งอยู่แบบเนี้ยได้ตั้งหลายปีอ่ะทั้งที่เขาก็ไม่ยอมชัดเจนไม่ยอมพาไปไหนมาไหนให้คน
Chapter 7[7/2]21.00 น.ตี๊ด!! แกร่ก!!“ไปไหนมา! ทำไมโทรไปแล้วไม่รับ?”ทันทีที่ร่างบางของปิ่นหยกเดินเปิดประตูเดินเข้ามาเพ้นท์เฮาส์สุดหรูขนาดใหญ่นี้ ก็พบกับร่างสูงที่ยืนกอดอกจ้องหน้าทำตาเขียวใส่อยู่หน้าประตูแล้ว คงจะหงุดหงิดโมโหหิวหรืออะไร แต่คงไม่ใช่เพราะเป็นห่วงแน่นอนเธอรู้สึกแบบนั้น“ก็ลงไปซื้อของมาทำอาหารไง ดุจัง”คำสุดท้ายคนตัวเล็กได้แต่พูดเบาๆ คนเดียว ก่อนจะเดินถือของเข้าไปในครัว โดยที่มีภัทรกาฬเดินตามเข้าไปด้วย“ดึกขนาดนี้ทีหลังไม่ต้องออกไปแบบนี้คนเดียวอีก สั่งเอาก็ได้ ถ้าเกิดอันตรายขึ้นมาจะทำไง? หนูไม่รู้จักแถวนี้นะ ไปไหนมาไหนก็ต้องโทรบอกพี่ด้วย”“หนูก็ไปแปบเดียวพี่จะอะไรนักหนา ขี้บ่น”แต่คราวนี่คำสุดท้ายคนตัวจงใจให้คนตัวสูงได้ยิน ใบหน้าสวยย่นจมูกเข้าหากันเหมือนประชดคนที่ยืนบ่นทำตัวราวกับเป็นพ่อคนที่สองหลังจากนั้นไม่นานอาหารก็พร้อมเสิร์ฟบนโต๊ะ โดยเจ้าของห้องเป็นช่วยถือออกมาวางไว้แถมยังช่วยจัดจานจัดโต๊ะ ทำหน้าที่ลูกมือได้เป็นอย่างดีแม้ว่าเมื่อครู่จะมีเหตุให้เกิดการทะเลาะกันบ้างแต่ก็สามารถดึงสถานการณ์กลับมาให้เป็นปกติได้เหมือนเดิมหากคนหนึ่งเงียบไม่เดือดตามด้วยเรื่องมันก็จบ ซึ
Chapter 7[7/1]กว่าที่ทั้งสองจะภารกิจกันจนตอนนี้ก็เป็นเวลา 2 ทุ่มกว่าแล้ว ทั้งสองร่างเปลือยเปล่านอนกอดกันแน่นหนาบทเตียงขนาดคิงไซส์ โดยมีลำแขนแกร่งวางทาบบนเอวคอดส่วนมืออีกข้างนั้นวางไว้ทับหน้าอกนุ่มของหญิงสาว ขนาดหลับแล้วยังไม่วายนัวเนียกับร่างกายของร่างเล็กทว่าคนตัวเล็กรู้สึกอึดอัดจากสัมผัสจากคนตัวใหญ่บ้างแล้ว ก่อนจะขยับพลิกตัวจะหันหน้าไปทางอื่นแต่แรงจากปราการที่กอดรัดกลับทำให้ปิ่นหยกขยับตัวได้อย่างยากลำบาก จนต้องลืมตาตื่นขึ้นมา“อืม ขยับออกไปหน่อย” ร่างบางเขย่าแขนแกร่งหวังให้คนตัวสูงขยับตัวให้บ้าง จนภัทรกาฬต้องตื่นขึ้นมาอีกคน“นอนนิ่งๆ หน่า” คนพี่ยังเอาแต่ใจพร้อมกระชับอ้อนแขนหนาขึ้น“ค่ำแล้วหนูจะไปทำอาหาร”“พี่เหนื่อย นอนอีกสักพักเถอะนะ” ภัทรกานเริ่มทำหน้างอแงเป็นเด็กไปแล้วหนึ่ง“นี่! ลุกเลย งั้นก็นอนอยู่แหละหนูจะไปทำอะไรให้กินก่อน” คนปิ่นหยกขอทนไม่ไหวบ้าง จะมางอแงนอนกกกันต่อไปแบบนี้อีกเมื่อไหร่จะได้ทำอย่างอื่นบ้าง“อืมมม ก็ได้ เร็วนะๆ หิว” คนงอแงเมื่อสักครู่นี้ถึงกับต้องยอม เมื่อเห็นแววตาดุจากปิ่นหยก เดี๋ยวถ้าอารมณ์ไม่ดีมีหวังเขาอดต่ออีกรอบดึกแน่ๆ ไม่รู้ว่าทำไมกับคนๆ นี้ถึงมีให้กิ