Share

บทที่ 8

Author: ดอกถังร่วงหล่น
สาวใช้นางนั้นตอบรับหนึ่งเสียง ก่อนจะถือมีดทำครัวเดินจากไปด้วยท่าทางเหม่อลอย มุ่งหน้าตรงไปยังห้องของฮว๋าซื่อ

เนื่องจากเวลานี้ดึกมากแล้ว บรรยากาศรอบตัวจึงมืดสนิท แม้จะมีข้ารับใช้ในจวนมองเห็นสาวใช้คนนั้น แต่ก็ไม่มีใครสนใจ อีกทั้งพวกเขายังเดินห่างกันมาก จึงมองไม่เห็นบาดแผลบนศีรษะของนาง

เนื่องจากหลินชูเจิ้งยกห้องพักที่ติดกับเรือนของหลินหว่านถิงให้เฟิ่งชูอิ่ง จึงถูกฮว๋าซื่อบ่นเสียยกใหญ่ คืนนี้เขาจึงไม่ไปนอนค้างที่เรือนของ และขลุกอยู่ในเรือนของอนุภรรยาแทน

เวลานี้หลินหว่านถิงก็อยู่ในห้องของฮว๋าซื่อด้วย สองแม่ลูกกำลังช่วยกันคิดว่าจะจัดการเฟิ่งชูอิ่งอย่างไรดี

วันนี้หลินหว่านถิงถูกเฟิ่งชูอิ่งเอารัดเอาเปรียบทำร้ายสารพัด แค่นี้นางก็แทบจะข่มความโกรธไว้ไม่ไหวแล้ว

ต่อมานางยังได้ยินอีกว่าเฟิ่งชูอิ่งจะย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ นางจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป

เฟิ่งชูอิ่งมันมีอะไรดีกัน มีสิทธิ์อะไรย้ายเข้าไปพักอาศัยในห้องที่ดีขนาดนั้น แล้วยังอยู่ติดกับเรือนของนางอีก?

นางพูดกับฮว๋าซื่อด้วยตาแดงก่ำ “ท่านแม่ ท่านหาข้ออ้างย้ายนังเฟิ่งชูอิ่งไปไกลๆ ได้หรือไม่”

“อีกเดี๋ยวนางก็จะตายแล้ว ให้นางมาอยู่ติดกับข้าขนาดนั้น ช่างน่าสะอิดสะเอียนเกินทน”

คอของนางมีผ้าพันแผล ซึ่งบนผ้าพันแผลสีขาวก็ปรากฏคราบเลือดประปราย บาดแผลเหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของเฟิ่งชูอิ่งทั้งสิ้น

เรื่องในวันนี้นางอุตส่าห์วางแผนมาตั้งเนิ่นนาน เดิมทีคิดว่าครั้งนี้จะสามารถกำจัดเฟิ่งชูอิ่งได้แบบสะอาดหมดจด ไม่คิดเลยว่านอกจากแผนการจะล้มเหลวแล้ว นางยังได้แผลมาอีก

ฮว๋าซื่อกดเสียงต่ำ “นังสารเลวนั่นกลับมาคราวนี้ทำตัวผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด แต่ในเมื่อนางถูกกำหนดให้แต่งงานกับอ๋องฉู่ ก็สมควรตายได้แล้ว”

นางไม่คิดจะเก็บเฟิ่งชูอิ่งไว้ตั้งแต่แรกแล้ว วันนี้นอกจากจะถูกเฟิ่งชูอิ่งกดข่ม นางยังถูกหลินชูเจิ้งตบหน้าอีกต่างหาก แค่คิดนางก็โกรธจนแทบบ้าแล้ว

หลินหว่านถิงเอ่ยถาม “ท่านแม่ พวกเราควรจะฆ่านางอย่างไรดี?”

นัยน์ตาของฮว๋าซื่อสาดประกายอำมหิต นางกดเสียงตอบว่า “ตอนนี้นางเป็นว่าที่พระชายาของอ๋องฉู่ พวกเราฆ่านางอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้”

“หากนางจะตาย ก็ต้องไปตายข้างนอกจวน อีกสองวันข้าจะพานางไปจุดธูปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็จ้างคนมาข่มขืนนางแล้วฆ่าทิ้งซะ!”

ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้นางทำแต่เรื่องแย่ๆ กับเฟิ่งชูอิ่งตลอด เพราะอยากจะฆ่านางให้ตายตั้งนานแล้ว

แต่หลินชูเจิ้งกลับห้ามปรามและบอกกับนางว่า เฟิ่งชูอิ่งอายุสิบกว่าปีแล้ว สามารถจับนางแต่งงานแลกสินสอดจำนวนมหาศาลได้

ด้วยสาเหตุนี้ แม้ฮว๋าซื่อจะทำร้ายเฟิ่งชูอิ่งสารพัด แต่ก็ไม่เคยเล่นงานนางให้ถึงตาย

เพราะนางมองว่าครอบครัวฝั่งบิดาของเฟิ่งชูอิ่งล้มหายตายจากไปหมดสิ้นแล้ว ครอบครัวฝั่งมารดาก็เหลือแค่หลินชูเจิ้งที่เป็นลุงแค่คนเดียว ถือเป็นเด็กกำพร้าอย่างแท้จริง

เด็กกำพร้าแบบนี้นางคิดจะต้มยำทำแกงอย่างไรก็ย่อมได้ ต่อให้นางเกิดตายขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่มีใครโผล่มาเรียกร้องเอาผิดหรอก

หลินหว่านถิงเตือนฮว๋าซื่อ “ท่านแม่ คราวนี้พวกเราจะต้องทำทุกอย่างให้รอบคอบ จะได้ไม่ผิดพลาดอีก

“ท่านอ๋องเฉินบอกแล้ว หากข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้สำเร็จ เขาก็จะรีบทูลขอสมรสพระราชทาน แต่งตั้งข้าเป็นพระชายาเอกของเขา”

ฮว๋าซื่อหัวเราะคิกคัก “ข้าลงมือเองทั้งที เจ้าวางใจได้เลย!”

เสียงกุกกักดังมาจากหน้าประตู นางจึงหันกลับไปมอง พบว่าเป็นอดีตสาวใช้ของเฟิ่งชูอิ่งเดินเข้ามาในสภาพเลือดอาบศีรษะ

นางกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าเป็นบ้าหรืออย่างไร? ดึกดื่นขนาดนี้มาที่ห้องของข้าทำไมกัน?”

สาวใช้คนนั้นตอบเสียงยานคาง “พวกเจ้ารังแกเด็กสาวกำพร้า ทำตัวไร้มโนธรรม ข้าในนามตัวแทนแห่งดวงจันทร์ จะลงทัณฑ์แกเอง[footnoteRef:1]!” [1: เป็นคำพูดประจำตัวของตัวละครเซเลอร์มูน

]

นางกล่าวจบก็เงื้อมมีดทำครัวขึ้นกลางอากาศ จ้วงแทงใส่ฮว๋าซื่อ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เหนือความคาดหมายของฮว๋าซื่อ นางจึงไม่ทันได้ตั้งตัว ถูกมีดทำครัวฟันโดนไหล่ไปเต็มๆ

มีเสียง “กรี๊ด” โหยหวนเหมือนหมูถูกเชือดดังก้องไปทั่วทั้งจวนสกุลหลิน

เฟิ่งชูอิ่งได้ยินเสียงดังกล่าวก็คลี่ยิ้มบางๆ พลางเลิกคิ้วเล็กน้อย

ความทุกข์ที่ร่างเดิมเคยได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ก็มาจากฮว๋าซื่อทั้งนั้น

หลังจากนางทะลุมิติมา ฮว๋าซื่อก็คิดแต่จะฆ่านางให้ตาย นางย่อมต้องเอาคืนฮว๋าซื่อให้รู้สำนึกเสียบ้าง

สิ่งที่นางใช้กับสาวใช้คนนั้นเป็นคาถาอาคมทางลัทธิเต๋าอย่างหนึ่ง สามารถควบคุมสติสัมปชัญญาของคนได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ และสั่งให้นางทำตามคำสั่งได้ทุกอย่าง

คาถาอาคมบทนี้ค่อนข้างจะชั่วร้าย เฟิ่งชูอิ่งจึงไม่ค่อยนำออกมาใช้

แต่สาวใช้คนนั้นเป็นพวกใจดำอำมหิต นางจึงแทบไม่รู้สึกผิดเลยที่นำคาถาดังกล่าวออกมาใช้

นางอ้าปากหาวหวอด นั่งไขว้ขวาเอนตัวพิงเก้าอี้เพื่อพักผ่อน รอดูว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม แม่นมข้างกายฮว๋าซื่อก็เดินมาเคาะประตูห้องของเฟิ่งชูอิ่ง บอกว่าฮว๋าซื่อเรียกตัวนางไปพบ

เนื่องจากวันนี้นางใช้มีดทำร้ายคนให้เห็น แม่นมที่มาเชิญตัวนางจึงสุภาพกว่ายามปกติอย่างเห็นได้ชัด

เฟิ่งชูอิ่งรับคำแล้วเปิดประตูออก ก่อนจะเดินตามแม่นมไปที่ห้องของฮว๋าซื่อ

แค่นางก้าวขาเข้าไป ก็มองเห็นห้องที่พังเละเทะ ข้าวของกระจัดกระจาย และมีคราบเลือดกระเซ็นไปทั่ว

ฮว๋าซื่อกับหลินหว่านถิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล แม้จะถูกพันด้วยผ้าสะอาดเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีเลือดไหลซึมออกมาอยู่

สภาพของพวกนางสองคนตอนนี้ เหมือนกับไก่ที่ถูกจับถอนขน ไม่หลงเหลือความงดงามสูงส่งในยามปกติสักนิดเดียว

สาวใช้คนนั้นถูกจับมัดคุกเข่าอยู่บนพื้น คาถาที่ใช้กับนางยังไม่ถูกคลายออกอย่างสมบูรณ์ นางจึงนั่งอยู่บนพื้นด้วยท่าทางเหม่อลอยเหมือนคนสติหลุด

หลินชูเจิ้งก็นั่งหน้ามืดครึ้มอยู่ในห้องด้วยเหมือนกัน ตอนที่ฮว๋าซื่อถูกสาวใช้ทำร้ายจนบาดเจ็บ เขากำลังเล่นพลิกผ้าห่มกับอนุภรรยาอย่างเข้าด้ายเข้าเข็ม

ทว่าเสียงร้องโหยหวนของฮว๋าซื่อทำเขาหมดอารมณ์ ไม่ว่าใครหากต้องเจอเรื่องแบบนี้ก็ต้องหงุดหงิดด้วยกันทั้งนั้น เขาเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

เพียงแต่เรื่องแบบนี้มันสมควรเก็บเอาไว้ในที่ลับ จึงไม่ได้พูดให้ใครฟัง

เฟิ่งชูอิ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ลอบยิ้มในใจ ทว่าเอ่ยถามด้วยใบหน้าห่วงใย “ท่านป้า พี่สาว เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ? ทำไมพวกท่านถึงอยู่สภาพนี้ล่ะ?”

ฮว๋าซื่อเห็นหน้าเฟิ่งชูอิ่งก็เลือดขึ้นหน้าทันที “เฟิ่งชูอิ่ง เจ้าเป็นคนสั่งให้สาวใช้คนนี้มาทำร้ายข้างั้นหรือ?”

เฟิ่งชูอิ่งหันไปมองสาวใช้คนนั้นแล้วตอบว่า “ใยท่านป้าจึงกล่าวเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ?

“แม้ว่าสาวใช้คนนี้จะเป็นของคนในนามของข้า แต่เดือนๆ หนึ่งข้าพบหน้านางไม่ถึงสองครั้งด้วยซ้ำไป

“ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เมื่องครึ่งปีก่อน ท่านป้าโยกย้ายนางไปทำงานที่ห้องเย็บปัก ตั้งแต่นั้นมานางก็ไม่เคยอยู่รับใช้ข้าอีกเลย

“แต่ก่อนหน้านี้นางเคยมาเปรยๆ ให้ข้าฟังอยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ นางบอกว่าไม่พอใจท่านป้า เพราะท่านป้าไม่ยอมมอบตำลึงเงินให้นางอย่างที่เคยตกปากรับคำเอาไว้

“อาจจะเป็นเพราะสาเหตุนั้นกระมัง นางถึงได้คิดจะลงมือสังหารท่านป้า”

ฮว๋าซื่อเอ่ยอย่างโมโห “นางเป็นสาวใช้ของเจ้า แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา เจ้ากลับปัดความรับผิดชอบออกจากตัวอย่างนั้นหรือ?”

เฟิ่งชูอิ่งกล่าวด้วยสีหน้าใส่ซื่อ “เบี้ยหวัดของนางล้วนได้รับมาจากท่านป้า หากเป็นเช่นนั้นแล้วยังนับว่านางเป็นคนของข้าอีก ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเจ้าค่ะ

“อย่างไรเสียสาวใช้คนนี้ก็ไม่เคยเชื่อฟังคำสั่งของข้าอยู่แล้ว ในเมื่อวันนี้นางทำเรื่องเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัยได้ ท่านป้าก็สั่งโบยนางให้ตายเถอะเจ้าค่ะ!”

ฮว๋าซื่อ “......”

ตอนแรกนางตั้งใจจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง สร้างความลำบากให้เฟิ่งชูอิ่งสักหน่อย

เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่นางสั่งให้สาวใช้คนนี้จงใจก่อเรื่อง เฟิ่งชูอิ่งที่เห็นแก่ความผูกพันในอดีตก็เอ่ยปากขอร้องแทนประจำ ดังนั้นนางจึงหลอกเอาทรัพย์สินของเฟิ่งชูอิ่งมาได้ไม่น้อย

ทว่าตอนนี้ เฟิ่งชูอิ่งกลับบอกให้นางโบยสาวใช้คนนี้จนตายไปเลย?

เรื่องราวพลิกกลับตาลปัตรไปหมด คำพูดที่นางตระเตรียมเอาไว้ตั้งมากมาย กลับต้องติดอยู่ในลำคอ นำออกมาใช้จริงไม่ได้สักอย่าง

นางชี้หน้าเฟิ่งชูอิ่ง “นางเป็นสาวใช้ที่เจ้าพามาจากจวนสกุลเฟิ่ง ทำไมเจ้าใจจืดใจดำได้ถึงเพียงนี้?”

เฟิ่งชูอิ่งตอบกลับ “ท่านป้าเป็นคนสั่งสอนข้าเองนะเจ้าคะ ว่าต้องทำทุกอย่างด้วยความยุติธรรม อย่าได้เห็นแก่เรื่องส่วนตัวจนหลงลืมคุณธรรม

“วันนี้ข้ายึดตามหลักที่ท่านป้าสั่งสอน จัดการคนใกล้ชิดเพื่อผดุงคุณธรรม ทำไมถึงกลายเป็นคนใจจืดใจดำไปได้ล่ะเจ้าคะ?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
jjomjaij
มีคำผิดแก้ไขด้วย
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status