Share

บทที่ 7

Author: หูเทียนเสี่ยว
จั๋วหรูซินตะโกนด้วยความโกรธ "จั๋วซือหราน เจ้า"

“พอแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วและตะโกน

จั๋วหรูซินยังอยากฟ้องต่อ "ผู้อาวุโสใหญ่ นาง..."

จั๋วซือหรานกลับโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ "ข้าจะไปรับการลงโทษที่ห้องโถงบรรพบุรุษเจ้าค่ะ"

ทิ้งจั๋วหรูซินอยู่นั่นผู้เดียว ปล่อยนางโกรธจนหน้าซีด

ระหว่างทางไปห้องโถงบรรพบุรุษ จั๋วซือหรานเจอฝูซูและฝูซาง

“หลิ่วเย่ล่ะ” จั๋วซือหรานถาม

ฝูซางตอบ “พวกเราหลบสายตาของผู้อื่น พานางเข้าเดินผ่านประตูหลังและเดินเข้าจวน มัดนางไปหาผู้อาวุโสใหญ่เพื่ออธิบายรายละเอียดต่าง ๆ จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็สั่งให้ขังนางไว้ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้างจนกว่าเขาจะสอบปากคำ”

ฝูซูถาม "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลิ่วกำจัดหลิ่วเย่หรือไม่เจ้าคะ มิเช่นนั้นข้าไปคอยคุ้มกันไว้ดีไหมเจ้าคะ"

จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม "หากนางฆ่าอีนังนั้นเสียจริง นั่นก็หมายความว่า หาเรื่องใส่ตัวแล้วน่ะสิ ในเมื่อผู้อาวุโสใหญ่สั่งขังหลิ่วเย่อยู่ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้าง แสดงว่าท่านต้องแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว"

หากจั๋วหรูซินจิตใจลุกลี้ลุกลน แล้วไปฆ่าหลิ่วเย่จริง ๆ เรื่องน่าจะสนุกน่าดูสินะ

ฝูซางกังวล"คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้คุณหนูรัยการลงโทษที่ต้องทำตามกฎเกณฑ์บ้านได้อย่างไรเจ้าคะ ไม่เช่นนั้น เราไปขอความเมตตาจากผู้อาวุโสใหญ่เสียดีกว่าไหมเจ้าคะ"

จั๋วซือหรานส่ายหัว "ยิ่งตอนนี้ข้าแย่มากเท่าไหร่ จั๋วหรูซินก็จะยิ่งแย่ลงมากเท่านั้นเมื่อความจริงได้ปรากฏขึ้น"

จั๋วซือหรานสั่ง"ฝูซาง เจ้าไปบอกแม่ข้าว่า ข้าเสร็จธุระเมื่อใด ข้าจะไปเยี่ยมท่าน ส่วนเรื่องกฎตระกูล เจ้าไม่ต้องบอกท่านหรอกนะ"

ฝูซางรับคำสั่ง "ข้ารับทราบเจ้าค่ะ"

ฝูซูถาม"คุณหนูเจ้าคะ แล้วข้าล่ะ"

จั๋วซือหรานกลอกตาแล้วพูดว่า "ฝูซู เจ้าต้องไปข้างนอก ช่วยข้าทำเรื่องหนึ่ง"

*

ในห้องโถงบรรพบุรุษ ถังหยวน ผู้รับใช้ของผู้อาวุโสใหญ่กำลังรออยู่แล้ว

“คุณหนูจิ่ว”

“รบกวนท่านลุงถังแล้ว” จั๋วซือหรานกล่าว

"ข้าขอโทษสำหรับการล่วงเกินตัวขอรับ" ถังหยวนมีนิสัยตรงไปตรงมา เขาไม่เคยจงใจทำลายผู้คน แต่เขาก็ไม่อ่อนให้ใคร

ตามกฎของตระกูลจั๋ว วิธีการลงโทษคือ นำแส้ที่มีหนามไปแช่ในสุราแรง หากใครมีสภาพร่างกายไม่ดีและถูกเฆมี่ยนไปหนึ่งที เขาจะอาเจียนเป็นเลือดทันที

"เพี้ยะ--"

จั๋วซือหรานเจ็บจนเกือบเป็นลม นางรู้สึมีรสหวานคาวพุ่งพล่านอยู่ในลำคอของนาง

นางเจ็บอย่างหนัก จนทรงตัวไม่อยู่ นางเซไปเซมา แต่นางยังคงกลั้นความเจ็บนั้นไว้โดยไม่ร้องสักคำ

ถังหยวนชื่นชมความอดทนของจั๋วซือหราน แต่แส้ในมือของเขายังคงหนักแน่น เขาแช่มันในสุราแรงอีกครั้งแล้วเหวี่ยงแส้ออกมาเป็นครั้งที่สอง

จั๋วซือหรานต้องถูกเฆี่ยนถึงเก้าครั้ง

นางยกมือเช็ดเลือดที่ไหลออกจากปากของนาง

หลังจากถูกเฆี่ยนไปอีกสองสามที ใกล้จะจบการลงโทษนั้น

ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงอันโศกเศร้าโหยหวนดังจากประตู

“อย่านะ อย่าตีลูกสาวข้านะ”

จั๋วซือหรานตกใจ "...ท่านแม่"

เสียงฝีเท้ารีบเร่งร้อนรนซ้อนกับเสียงลมที่เกิดจากการเคลื่อนแส้ครั้งสุดท้าย

มารดาของนางพยายามแบกรับการลงโ?ษแทนนาง เพื่อแบรกรับการโจมตีจากแส้นี้

ทันใดนั้นดวงตาของจั๋วซือหรานที่ปิดอยู่เพียงครึ่งหนึ่งก็เปิดขึ้น ดวงตาคู่นั้นแสนเย็นชา

ทันใดนั้นร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงกลับเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว นางเอาตัวปกป้องร่างที่บอบบางของมารดาไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่น จากนั้นนางก็หันหลังกลับเพื่อเอาแผ่นหลังไปรับการโจมตีครั้งสุดท้าย

“เอือก ” จั๋วซือหรานกระอักเลือดใส่หน้ามารดาของตนเอง

“หรานหราน ลูกแม่” ผู้เป็นมารดาร้องตะโกนออกมา

เสื้อผ้าอันสีขาวของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยรอยแส้ที่เปื้อนเลือด ซึ่งทำให้คนสะเทือนใจอย่างมาก และกระตุ้นให้คนเกิดความน่าสงสารอย่างเต็มที่

ทว่านี่ก็ทำให้มารดาที่น่าสงสารผู้นี้หวาดกลัวเช่นกัน

ถังหยวนกล่าวว่า "คุณหนูจิ่ว ข้าขอโทษที่ล่วงเกินตัว วันหลังฝ่ากฎตระกูลอีกครั้ง แส้หนามของกฎตระกูลเป็นของที่พิเศษ แม้สติปัญญาของท่านจะดีแค่ไหนก็ตาม หากถูกเฆี่ยนตีเช่นนี้หลายครั้ง ร่างกายของท่านก็จะถูกทำลายได้ถึงแก่นแท้เช่นกัน”

“ขอบคุณท่านลุงถังที่ตักเตือนเจ้าค่ะ”

มารดาของจั๋วซือหรานพยุงนางเดินกลับอย่างระมัดระวัง น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก

“ท่านแม่ หนูไม่เป็นไรเจ้าค่ะ หนูไม่เจ็บเลย”

“หนูโกหก รอยแผลเต็มตัวเช่นนี้แล้ว”

“ไม่เจ็บจริง ๆ ท่านแม่ไม่โกรธหนูหรอกนะ”

เนื่องจากนางถูกเสน่ห์หนอนพิษกู่คุมสนิต นางยืนกรานที่จะแต่งงานกับฉินตวนหยาง นางไม่ยอมฟังคำพูดของผู้เป็นมารดาแม้แต่คำเดียว

“พวกเขาบอกแม่ว่า ลูกไม่มีสติเพราะลูกถูกควบคุม พวกเขายังบอกอีกว่า หนูถูกยนอนพิษกู่ควบคุมสติ และหนูต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้ายอย่างหนัก”

ผู้เป็นมารดาหลั่งน้ำตาและพูดว่า "คนอื่นอิจฉาข้าที่ให้กำเนิดลูกพร้อมพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา พวกเขายังอิจฉาด้วยว่า เพราะมีลูกที่เก่ง ข้าจึงมีโอกาสใช้ชีวิตอย่างดี แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่า ข้าอยากให้ลูกมีความสามารถแบบธรรมดา ๆ มากกว่า พวกเราใช้ชีวิตแบบลำบากหน่อยก็ไม่เป็นไร อย่างน้อย ลูกก็จะได้ไม่ถูกคนอื่นอิจฉาและเล่นงาน ลูกจะต้องไม่ต้องทนทุกข์ทนมากเช่นนี้”

ใบหน้าของจั๋วซือหรานซีดขาว ทว่ากลับยิ้มออก "ท่านพ่อจากไปแล้ว หนูเป็นลูกสาวคนโต หนูต้องดูแลครอบครัวของเราให้ได้ หนูต้องให้ท่านแม่และเสี่ยวหวายใช้ชีวิตอย่างมีความสุข"

“จริงสิ เสี่ยวหวายล่ะ ยังโกรธหนูอยู่หรือเปล่า” จั๋วซือหรานถาม

ในชะตากรรมของเจ้าของเดิม น้องชาย จั๋วหวายมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่า นางยืนกรานที่จะแต่งงานกับฉินตวนหยางนั้น การตัดสินใจนั้นน่าแปลก น้องชายผู้นี้พยายามหาทุกวิถีทางเพื่อให้นางมีสติกลับมา และเขาไม่เคยยอมแพ้ด้วย

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถูกฉินตวนหยางเกลียดชัง และต่อมาก็เสียชีวิตระหว่างถูกเนรเทศ

“เขาจะโกรธลูกทำไม เขาแค่รู้สึกสงสารเจ้า” ผู้เป็นมารดาถอนหายใจเบา ๆ “พอได้ยินว่า ลูกจะถูกลงโทษที่บ้าน ก็รีบวิ่งออกไปหาคนมาช่วยทันที เดี๋ยวเขากลับมา หากเห็นหนูบาดเจ็บเช่นนี้ เขาต้องร้องไห้แน่นอน”

เมื่อกลับมาที่สวนจี๋หย่าย่วน จั๋วซือหรานเห็นไม่เพียงแต่ไม่มีคนทำความสะอาดสนามหญ้าเป็นเวลานานแล้ว

ชาในถ้วยยังมีกลิ่นฝาดจากก้านชาอีกด้วย

จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว "ตอนที่หนูไม่อยู่ พวกเขาปฏิบัติต่อท่านแม่และน้องอย่างโหดร้ายเลยหรือ"

“ไม่เป็นไรน่ะ แม่และเสี่ยวหวายไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก ลูกรอก่อนนะ แม่จะไปหาคนไปเอายามาให้”

หลังจากที่มารดาของจั๋วซือหรานพูดจบ นางก็รีบเดินออกไป แต่เวลาผ่านไปครู่หนึ่งแล้ว จั๋วซือหรานเห็นท่านแม่ยังไม่กลับมาเสียที นางรู้สึกว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ นางจึงสวมเสื้อคลุมแล้วออกไปตามหาท่านแม่

“พวกเจ้าก็คิดเสียว่าทำบุญได้ไหมเจ้าคะ ลูกสาวของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส นางต้องการยามาก ข้าจ่ายเงินก็ได้…”

ผู้เป็นแม่ร้องขออย่างเจ็บช้ำ แต่คนรับใช้หลายคนที่ดูแลคลังของเรือนจั๋วกลับทำท่าเมินเฉย

ยิ่งไปกว่านั้น คนรับใช้บางคนหัวเราะแล้วพูดว่า "อ้าว จิ่วฮูหยิน ไม่ใช่ว่าพวกข้าไม่อยากให้ท่านหรอก แต่เป็นเพราะคุณหนูจิ่วเป็นคนบาปของครอบครัวและไม่มีคุณสมบัติอะไรที่จะใช้ยาในจวนอีกแล้ว ท่านจะพูดอย่างไรก็ไม่มีผลหรอก"

ผู้เป็นมารดาอดไม่ได้ที่ต้องเอื้อมมือคว้าแขนเสื้อของหนึ่งในนั้นไว้

“น่ารำคาญจริง ๆ ก็บอกไปแล้วว่า ให้ไม่ได้ คุณท่านลิ่วสั่งเป็นการส่วนตัว ทำไมท่านต้องทำให้พวกข้าลำบากใจด้วย” น้ำเสียงของคนรับใช้เต็มไปด้วยความน่ารำคาญ เขาสะบัดมือของผู้เป็นมารดาอย่างแรง

เมื่อเห็นว่าจิ่วฮูหยินกำลังจะล้มบนพื้น แต่มีร่างหนึ่งรีบปรากฏขึ้นข้างหลังนางอย่างกะทันหัน เจ้าของร่างนั้นแบกรับนางไว้

คนรับใช้ประหลาดใจ “จิ่ว คุณหนูจิ่ว”

เขาไม่แน่ใจอยู่เล็กน้อย เพราะร่างกายของนางเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด ยิ่งไปกว่านั้น ความโหดเหี้ยมรอบตัวนั้นรุนแรงกว่ากลิ่นเลือด

คนรับใช้รีบแก้ตัวว่า “ข้า เพราะข้ากำลังมีธุระด่วน เลย...”

จั๋วซือหรานกลับไม่อยากฟัง และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: "ข้าคิดว่า เจ้าไม่ต้องใช้มือนี้อีกต่อไปแล้วแหละ"

“อะไรนะ…” คนรับใช้จ้องตาให้โต เขายังไม่ทันเข้าใจนางหมายถึงอะไร

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เขากรีดร้อง “มือ มือของข้า!”

มือของเขาถูกบิดในรูปแบบที่มีมุมแปลกประหลาด และเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คุณหนูจิ่วปรากฏตัวข้าง ๆ เขาเมื่อใด

เขาเหงื่อออกและตัวสั่นอย่างมาก

จั๋วซือหรานพูดอย่างเย็นชา "เก็บยาเหล่านั้นไว้ใช้เองเถิด"

จั๋วซือหรานกอดแม่ของนางและพาท่านแม่กลับไปยังสวนจี๋หย่าย่วน นางคิดในใจว่า หากแหวนเสวียนเหยียนข้ามเวลามาด้วยก็จะดีนะ ในนั้นมีของทั้งหมดของนาง และแน่นอนว่าต้องมียารักษาบาดแผลด้วย หากมีแหวนเสวียนเหยียน มารดาของนางต้องทนทุกข์ขนาดนี้หรือ

เมื่อลุกแม่สองคนกลับไปถึงสวนจี๋หย่าย่วน เห็นฝูซูที่ออกไปทำธุระกลับมาพอดี บัดนี้ นางกำลังยืนอยู่หน้าประตูห้อง

จั๋วซือหรานปลอบโยนมารดาของตนเองและพูดว่า "ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ฝูซูออกไปเพื่อตามคุณหมอมา"

“ลูกแม่... มีความคิดของตนเองอยู่เสมอ ลูกยังคาดเดาถึงการเฆี่ยนล่วงหน้า และยังตามคุณหมอมาด้วย”

มารดาเช็ดน้ำตา "หากมิใช่เป็นเพราะถูกเล่นงาน เมื่อก่อนลูกใมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมได้อย่างไร คุณหนูลิ่วทำเกินไปแล้วจริง ๆ นางยังต้องการแต่งงานกับท่านอ๋องเฟิงหรือ นางฝันไปเถิด การหมั้นหมายระหว่างลูกกับท่านอ๋องเฟิง ไม่เพียงแต่เพราะพวกเจ้ามีคุณสมบัติที่เหมาะสมกัน ยิ่งไปกว่านั้น เป็นเพราะท่านพ่อของลูกเป็นผู้มีพระคุณต่อพวกเขา ดังนั้น หากไม่ใช่ลูกของแม่ที่ทำการหมั้นหมายกับท่านอ๋องเฟิง ก็ไม่มีทางที่จะเป็นคุณหนูลิ่วอย่างแน่แท้”

นี่เป็นครั้งแรกที่จั๋วซือหรานได้ยินเรื่องนี้

หลังจากปลอบใจมารดาของนางแล้ว จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปในห้อง เพราะนางยังคงคิดถึงสิ่งที่มารดของนางพูดในก่อนหน้านี้ นางจึงไม่สังเกตสีหน้าอันลังเลบนใบหน้าของฝูซูดวยซ้ำ

เมื่อนางเดินเข้าไปในห้อง นางตกตะลึง

"ทำไมถึงเป็นเจ้า"
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Yui Yui Yui
ในยุคโบราณแนะนำเป็นจากหนู เป็นข้าหรือเจ้า จะได้อ่านลื่นหน่อย ใช้คำว่าหนูอ่านยังไงก็สะดุดค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1401

    ชิ่งหมิงได้ยินคำนี้ สายตาก็ชะงักไปตอนที่เงยหน้าขึ้นมองปันอวิ๋น ก็ไม่ได้รู้สึกตกตะลึงอะไร ดูสงบนิ่งมาก "ฝีมือก็ดีขึ้นมากจริงๆ เพียงแต่ว่า...ข้ากับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันมากมายนัก"ปันอวิ๋นไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ เขาโบกไม้โบกมือ "ไม่เป็นไร ถึงยังไงพวกเราก็ไม่ได้มีพ่อที่ดีกันนักหรอก"จั๋วซือหรานขมวดคิ้วมองเขา "เจ้ามองออกตั้งแต่เมื่อไรกัน?""ข้าไม่ได้ตาบอดนะ เหล่าจวงเองก็แอบมองจวงชิ่งหมิงอยู่ตลอด ทั้งสองคนสกุลจวงเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นในแววตาของเหล่าจวงกับจวงชิ่งหมิงก็คล้ายคลึงกันด้วย แค่มองเฉยๆ อาจไม่รู้สึก แต่ถ้าสองคนอยู่ในภาพเดียวกัน ก็จะสัมผัสได้เลย"ปันอวิ๋นบางครั้งดูแล้วก้เหมือนเป็นคนขี้เกียจที่เหมือนไม่ใส่ใจกับอะไรเลยแต่อันที่จริง เขาเป็นคนละเอียดอ่อนและเฉียบแหลมมากมีหลายเรื่อง ที่แม้เขาจะไม่พูด แต่อันที่จริงในใจก็รู้แจ้งเห็นจริงทุกอย่างปันอวิ๋นเอ่ยต่อ "ไม่เป็นไร ถ้าไม่ชอบฟังคราวหลังจะไม่พูดอีก"แต่เขาคิดๆ จากนั้นก็เสริมมาอีกคำหนึ่ง "น่าจะเพราะว่า ข้ากับเฟิงเหยียนแต่ก่อนรู้ว่าตนเองต้องแบกภาระโชคชะตาแบบไหนไว้ ดังนั้นจึงค่อยๆ ปรับความเข้าใจกับตนเอง จะพูดถึงยังไงก็ได้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1400

    ถึงยังไงการทำงานในโรงคณิกา บ่อยครั้งที่จะตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกแม่เล้ากลอกตาไปมา "ทั้งสามท่านมาที่นี่เพื่อหาความสำราญแบบใดหรือ? เคาะประตูดีดีก็พอนี่นา ไม่เห็นต้องพังประตูใหญ่แบบนี้..."นางจ้องปันอวิ๋นไม่วางตา "แขกท่านนี้ต้องการจะฟังดนตรี หรือจะค้างคืนกันล่ะ? ต้องการแม่นาง...หรือว่าต้องการชายหนุ่ม?"ปันอวิ๋นฟังครึ่งประโยคแรก ก็ขมวดคิ้วแล้ว พอได้ยินครึ่งประโยคหลังก็หนักเลย "อะไรนะ?"แม่เล้าเห็นความเย็นชาในสายตาเขา ก็รู้สึกสันหลังวาบ สั่นเทาไปทั้งตัวจั๋วซือหรานที่อยู่ข้างๆ ฟังแล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ปันอวิ๋นหน้าตาดี ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นความงามเฉพาะตัวด้วย บุคลิกเย้ายวนชวนหลงใหลแต่กำเนิดนั่น ก็ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจะอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะต้องการแม่นาง...หรือว่าต้องการชายหนุ่มกันแน่...จั๋วซือหรานกระแอมแล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เอ่ยขึ้นว่า "...แค่ก พวกเรามากินข้าวน่ะ พวกเจ้าที่นี่มีกับข้าวและสุราอะไรที่อร่อยก็ยกมาให้หมดเลย"หลังจากที่แม่เล้าได้ยิน เดิมทียังคิดจะถามอยู่ว่าพวกเขาต้องการแม่นางหรือชายหนุ่มไหม แต่ก็รู้สึกว่าถ้าทำแบบนั้นมันจะเหมือนว่าตนเองเบื่อชีวิตแล้วก็เลยอ้าปากพะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1399

    ทั้งซื่อหนานล้วนเป็นขอบเขตขั้วอำนาจของเนี่ยคุน ดังนั้นข่าวของบ่อนพนัน ไม่นานนักก็ส่งไปถึงหูของเนี่ยคุนแล้วเขาโมโหจนแทบกระอักเลือด!ใครจะคิดว่าหญิงสาวคนนี้ เอาจวนของเขาไปแล้วก็ยังไม่พอตอนนี้ยังคิดจะทำลายกิจการของเขาอีก!เนี่ยคุนทำได้แค่รีบกำชับออกไป "หญิงสาวคนนี้น่าจะจงใจเล่นงานข้า เร็ว กำชับออกไป ให้โรงคณิกาทางนั้นวันนี้ปิดประตูไม่รับแขก จะได้ไม่ให้นังมารร้ายนั่นพอเบื่อบ่อนพนันแล้วหันไปเล่นทางโรงคณิกาต่อ"คนใช้รู้สึกว่าเนี่ยคุนจะคิดมากเกินไป "ท่านเจ้าเมือง คงไม่หรอกกระมัง? นางเป็นหญิงสาวนะ จะไปโรงคณิกาทำไมกัน..."นั่นมันที่ที่ชายหนุ่มไปเล่นกับหญิงสาวนะ!เนี่ยคุนหัวเราะเย็นชา "นางเป็นโหว ขนาดบ่อนพนันยังไปได้ ยังมีเรื่องอะไรที่นางไม่กล้าทำอีกกัน...?"ตอนนี้ต่อให้มีคนมาบอกเขาว่า หญิงสาวคนนี้บินได้!เนี่ยคุนก็อาจจะรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรด้วยซ้ำ!ส่วนอีกด้านหนึ่ง จั๋วซือหรานก็พาปันอวิ๋นกับชิ่งหมิงมาอยู่หน้าประตูโรงคณิกาอย่างสบายอารมณ์"เจ้ามาจริงๆ ด้วยแฮะ" ปันอวิ๋นขมวดคิ้ว จมูกก็ย่นลง เหมือนได้กลิ่นเครื่องประทินเข้มข้นลอยออกมาจากในโรงคณิกา"เจ้าเด็กนี่ยังเด็กอยู่เลยนะ" ป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1398

    "ได้"จั๋วซือหรานมองเขา ถามขึ้นว่า "ถ้างั้น ใครจะมาเขย่าล่ะ?"ผู้ดูแลเอ่ยขึ้น "ข้า ข้าเอง ข้าเขย่าเอง...ข้าเขย่าเสร็จจะปล่อยมือทันที ไม่มีโอกาสทำอะไรแน่นอน!"จั๋วซือหรานพยักหน้ายิ้มๆ "ได้ได้ งั้นเจ้าเขย่าเลย"ผู้ดูแลให้คนเอากระบอกเขย่าลูกเต๋ามาด้านในมีลูกเต๋าไม้สามลูกวิธีการก็เหมือนกับกติกาในชาติที่แล้วของจั๋วซือหราน เป็นวิธีเล่นที่ง่ายที่สุดจริงๆจั๋วซือหรานไม่ได้ติดใจที่จะเล่นกับเขาสักตา ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเขามือสะอาดจริง ชนะก็ชนะแพ้ก็แพ้ นางก็ไม่ใช่จะเล่นไม่ได้แต่ใครจะรู้ ว่าก็ยังมีวิะีการโกงอยู่จริงๆคนผู้นี้น่าจะรู้สึกว่าตัวเขามั่นในใจในแรงควบคุมลูกเต๋าเป็นพิเศษ ดังนั้นพริบตาที่นางตอบตกลงให้เขามาเขย่าลูกเต๋า บนหน้าเขาก็มีสีหน้าถอนใจโล่งออกมาอย่างชัดเจนมันชัดเสียจนทำให้จั๋วซือหรานมองข้ามไปไม่ได้เลยจั๋วซือหรานดูท่าทางเขย่าลูกเต๋าของเขา น่าจะเป็นท่าทางบวกกับการสร้างขึ้นเป็นพิเศษของลูกเต๋า ดังั้นพอรวมกับการเคลื่อนไหวที่พิเศษของเขา สามารถหมุนไปตามที่เขาคิดได้และสามารถทำให้เขาได้แต้มที่เขาต้องการแม้จั๋วจะไม่ได้ดูล้ำสมัยเหมือนพวกอุปกรณ์การพนันที่จั๋วซือหรานรู้ในชาติ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1397

    น่าจะเพราะกลุ่มของหญิงสาวคนนี้ พอเข้ามาถึงก็มีแรงคุกคามมหาศาลกระทั่งท่าทีของผู้ดูแลที่มีต่อพวกเขาก็ยังหวาดหวั่นมากเขาเป็นแค่คนแจกไพ่ แน่นอนว่าไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแต่ก็ไม่กล้ามองสายตาของผู้ดูแลด้วย จึงทำได้แค่เปิดไพ่อย่างว่าง่ายไปจั๋วซือหรานจึงชนะสองตาของผู้ดูแลดำเมี่ยมไปแล้ว ถ้าปล่อยให้นางชนะต่อไป...แล้วยังมีสหายที่เก่งกาจเรื่องพนันของนางกวาดเรียบที่โต๊ะอื่นด้วยแบบนี้ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้พวกนางไม่เอาชีวิตเขา หลัจากนี้เนี่ยคุนก็เล่นเขาตายอยู่ดีดังนั้นสีหน้าผู้ดูแลจึงบิดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังกลัดกลุ้มกับเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากมากมองออกว่าค่อนข้างลำบากใจแล้วจั๋วซือหรานยืนขึ้นมา เดินไปทางโต๊ะของปันอวิ๋น บอกกับเขาว่า "เอาล่ะ พอจบตาของเจ้าแล้ว พวกเราก็พอเถอะ"ปันอวิ๋นมองตั๋วทองบนมือจั๋วซือหราน ตาก็เป็นประกาย "ถ้างั้นข้าก็ชนะแล้วสิ?"จั๋วซือหรานยิ้มๆ "ได้ได้ ข้ายอมแพ้แล้ว"เดิมทีนางก็ไม่คิดจะเอาชนะปันอวิ๋นอยู่แล้ว ก็แค่ให้เขาได้เป็นพ่อทูนหัวอย่างสมใจอยากก็เท่านั้นเห็นท่าทางนี้ของเขา จั๋วซือหรานรู้สึกว่าเขาน่าจะไม่คิดมีลูกหลานสืบทอดอะไรแล้วเห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1396

    "เอาล่ะไม่พูดแล้ว ข้าต้องรีบหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวปันอวิ๋นได้ชนะพอดี เขาดูแล้วก็ไม่ใช่พวกเคี้ยวง่ายด้วยนี่สิ"ไม่นานนักบรรยากาศในบ่อนพนันก็ผิดปกติไปแล้วโต๊ะที่ปันอวิ๋นอยู่ อารมณ์ของทุกคนก็เหมือนจะไม่ไหวแล้ว...ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มหน้าตางดงามคนนี้ทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงราวกับมีเนตรสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น ไม่แพ้เลยสักตาเดียว?ส่วนหญิงสาวที่อยู่อีกโต๊ะคนนั้นเองก็สุดยอดมาก...ไม่แพ้เลยสักครั้งเดียวเหมือนกันแต่พวกเขาก็ดูเป็นแค่นักพนันเท่านั้น...มาขลุกอยู่แต่ในบ่อนพนันคับแคบแบบนี้ ไม่ได้เข้าใจและไม่คิดจะไปทำความเข้าใจโลกภายนอกเลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง...ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ตัวตนฐานะของจั๋วซือหรานกับปันอวิ๋นและคนอีกหลายคนก็ไม่ค่อยจะรู้ ว่าพวกเขาเป็นคนแบบไหน สังหารคนที่ประตูเมืองไปแล้วเท่าไร...และผู้ดูแลบ่อนพนันที่ถูกตั๋วทองทำให้เคลิ้มก่อนหน้าคนนั้น ตอนนี้ก็คลายลงมาจากสภาพนั้นแล้วเสียใจ ตอนนี้คือความสำนึกเสียใจขีดสุดเขารีบตรงไปข้างโต๊ะของจั๋วซือหราน เอ่ยอย่างอ้อนวอนว่า "แม่นาง เอ่อไม่ใช่สิ ใต้เท้า...ใต้เท้า! กิจการของเราเล็กๆ มีทุนน้อย ไม่ทราบว่าท่าน..."เขาชูตั๋วทองขึ้นมาสองใบ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status